Share

บทที่ 10

Author: กวนเหอว่านหลี่
หลานอวี้ยังไม่ทันยกทัพกลับเมืองหลวง จูหยวนจางก็แต่งตั้งหลานอวี้เป็นเหลียงกั๋วกงแล้ว!

ฉางเซิงและเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊คุกเข่าลงอีกครั้ง เสียงโห่ร้องสรรเสริญดังกึกก้อง กล่าวขอบพระทัยแทนหลานอวี้

สำหรับเหตุผลของจูหยวนจาง พวกเขาก็ไม่สามารถโต้แย้งได้เช่นกัน!

ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาท สิ่งที่ทรงคิดถึงคือแผ่นดินทั้งหมด

พระองค์ไม่ได้ทรงคิดถึงการได้เสียเพียงเมืองเดียวหรือชัยชนะเพียงครั้งคราว แต่ทรงวางแผนกลยุทธ์โดยคำนึงถึงภาพรวมทั้งหมด!

จูอวิ่นเหวินคุกเข่าและลุกขึ้นอย่างเหม่อลอย ในใจรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง

อุตส่าห์มีโอกาสเข้าประชุมราชสำนัก อุตส่าห์ได้พูดเป็นคนแรก!

อุตส่าห์ได้รับการชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋น!

อุตส่าห์ทำให้เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ถึงกับพูดไม่ออก!

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มารดาและฉีไท่สอนเขามา

ในตอนนั้น เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีแผนการใดที่จะโหดเหี้ยมและยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว!

ฉีไท่เป็นเสนาบดีกรมกลาโหม ทำให้เขาได้รับข่าวนี้ล่วงหน้า

ฉีไท่ยังช่วยให้เขาได้มีโอกาสเข้าประชุมราชสำนักอีกด้วย

ก็เพื่อรอที่จะแสดงความสามารถในวินาทีนี้

ใครจะไปรู้ว่า สิ่งที่รออยู่กลับเป็นความเดือดดาลของเสด็จปู่!

แต่ก็ยังโชคดีที่เจ้าสามปัญญาอ่อนคนนี้ ก็ไม่ได้แสดงความสามารถอะไรออกมา

ครั้งนี้ล้มหลานอวี้ไม่ได้ ก็ยังมีครั้งหน้า

นิสัยของหลานอวี้ตัดสินแล้วว่าเขาจะต้องทำผิดพลาดอีกอย่างแน่นอน!

จูอวิ่นเหวินกัดฟัน ตั้งปณิธานในใจอย่างเงียบๆ

ฉีไท่เสนาบดีกรมกลาโหมแอบเช็ดเหงื่อ

เกือบไปแล้ว!

โชคดีที่เป็นจูอวิ่นเหวินที่เสนอให้ลงโทษหลานอวี้

หากเป็นตนเองที่ผลีผลามเสนอขึ้นมา วันนี้คงต้องโชคร้ายครั้งใหญ่เป็นแน่

จูหยวนจางมองเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ที่ยืนตกตะลึงอยู่เบื้องล่าง ในใจกลับรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

พอเหลือบไปเห็นความตกตะลึงของจูอวิ่นเทิงอีกครั้ง ก็รู้สึกภาคภูมิใจ

หลานของข้าเอ๋ย อย่าเห็นว่าเจ้ามีพรสวรรค์เป็นเลิศ แต่ข้าสามารถได้ยินเสียงในใจของเจ้าได้!

จูหยวนจางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรายังมีข่าวดีอีกเรื่องหนึ่ง!”

ฉีไท่คิดในใจ ยังมีข่าวดีอีกหรือ?

จูหยวนจางยื่นมือออกไป ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรเจี่ยงหวนก็รีบยื่นกระบอกกระดาษมาให้ทันที

จูหยวนจางทรงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระบอก แล้วอ่านออกเสียง

ที่แท้คือ มู่อิงผู้รักษาการณ์อยู่ที่อวิ๋นหนานได้ขับไล่กองทัพสามแสนนายของซือหลุนฟาแห่งลู่ชวนไปแล้ว!

มิใช่ว่าในกองทัพสามแสนนายมีทัพช้างห้าพันตัวเป็นทัพหน้าหรอกหรือ?

มู่อิงก็ยังเอาชนะได้อีก?

“สิ่งที่ทำให้เราดีใจที่สุดก็คือมู่อิงขับไล่ทัพช้างห้าพันตัวไปได้! มู่อิงใช้วิธีอันยอดเยี่ยม ทำให้ทัพช้างเกิดความโกลาหล จนพวกมันสับสนอลหม่านกันเอง”

วิธีอันยอดเยี่ยม? วิธีอะไรกัน?

หรือว่าฝ่าบาททรงส่งกองทัพค่ายศาสตราอัคคีไป?

หากนับตามเวลาแล้ว ไม่น่าจะใช่!

อารมณ์ของจูหยวนจางดูเหมือนจะดีมาก ไม่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของจูอวิ่นเหวินและเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ต้องการจะลงโทษหลานอวี้เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

ถึงกับให้ทุกคนทายว่า มู่อิงใช้วิธีอันยอดเยี่ยมอะไรกันแน่

ทุกคนต่างเดากันไปต่างๆ นานา แต่จูหยวนจางก็เอาแต่ส่ายหน้า

[ตาเฒ่าจูคนนี้ ก็มีความน่ารักแบบนี้ด้วย! ไม่นึกเลยจริงๆ!]

[มู่อิงก็ต้องใช้ปืนเพลิง ยิงแบบสลับแถวสามชุดอยู่แล้ว]

[อาวุธเพลิงของกองทัพค่ายศาสตราอัคคีรวบรวมไว้ก็จริง แต่การบรรจุกระสุนยังช้าเกินไป]

[ต่อมาจูตี้ได้เสริมกำลังกองทัพค่ายศาสตราอัคคี เปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพเสินจี ก็ใช้วิธีของมู่อิงนี่แหละ]

จูหยวนจางถึงกับชะงักไป ปืนเพลิง ยิงแบบสลับแถวสามชุด?

นี่มันหมายความว่าอะไร?

จูตี้ บุตรชายคนที่สี่ของตน ใช้วิธีของมู่อิง?

ดูท่าแล้ว พระราชนัดดาคนนี้ของตน หยั่งรู้อนาคตได้จริงๆ !

อันที่จริงครั้งนี้ จากรายงานลับขององครักษ์เสื้อแพรที่มาจากอวิ๋นหนาน มู่อิงไม่ได้ใช้วิธีนี้

หลังจากยั่วให้ทุกคนอยากรู้จนทนไม่ไหวแล้ว จูหยวนจางก็เอ่ยขึ้น “อาวุธที่มู่อิงใช้คือ สื่อ!”

ที่แท้วันนั้นมู่อิงได้จับสื่อมากว่าร้อยตัว พอทัพช้างบุกเข้ามา ก็เริ่มฆ่าหมูทันที!

เหล่าขุนนางตกตะลึง สื่อก็คือหมู หมูถึงกับทำให้ช้างตกใจจนหนีไปได้?

ช่างยากที่จะจินตนาการได้จริงๆ !

ต้นทุนในการทำศึกครั้งนี้ ช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินเสียนี่กระไร!

“วันนั้นมู่อิงฉวยโอกาสบุกเข้าโจมตี ทัพช้างวิ่งหนีกลับไป เหยียบกันเองจนตายและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน เพียงศึกครั้งนี้ครั้งเดียว ก็สามารถปราบปรามทิศหรดีได้สำเร็จ!”

“สิ่งที่ทำให้เราพอใจยิ่งกว่าคือ ทหารของมู่อิงตายไปเพียงสิบคน แถมบางคนยังเป็นเพราะพลัดตกลงไปในแม่น้ำจนถูกพัดไป”

“หลังจากได้รับชัยชนะกลับมา สื่อกว่าร้อยตัวนั้นก็ถูกฆ่าพอดี ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ!”

เหล่าขุนนางยิ่งนับถืออย่างสุดซึ้ง!

ฝ่าบาทไม่ได้ทรงแก่จนเลอะเลือนเลยแม้แต่น้อย พระองค์ยังคงวางแผนกลยุทธ์ในการรบ ตัดสินชัยชนะได้จากที่ไกลนับพันลี้

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นฝ่าบาทกล่าวว่าทรงเชื่อมั่นว่ามู่อิงมีวิธี

ไม่ต้องเคลื่อนพลแม้แต่คนเดียว ไม่ต้องจัดหาเสบียงแม้แต่เม็ดเดียว!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 100

    ฉางเซิงได้ฟังก็รู้ว่า ที่แท้เป็นขันทีน้อยที่ฝ่าบาทส่งมาให้จูอวิ่นเทิงเแก้ปัญหาให้เรื่องนี้ ควรบอกให้ฝ่าบาททราบดีหรือไม่?เมื่อตัดสินใจได้ ฉางเซิงก็กราบทูลให้จูหยวนจางทราบก่อนจูหยวนจางคิดดูแล้ว ปัญหาก็ถูกแก้ไขแล้ว และคนที่จัดการก็คือมู่เหยาต้องเป็นหลานสามที่บอกวิธีแก่มู่เหยาแน่ ๆแล้ววิธีนั้นคืออะไรกันแน่ จูหยวนจางสนใจเป็นอย่างมากเสียงในใจของจูอวิ่นเทิงที่สำนักโหราศาสตร์หลวงวันนั้น จูหยวนจางกลับไปแล้วก็คิดทบทวนอยู่นานหากวิชาคณิตศาสตร์แพร่หลาย งานฝีมือ อาวุธ และอื่น ๆ ของต้าหมิงก็จะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว!โดยเฉพาะอาวุธ ในฐานะฮ่องเต้ผู้มาจากสนามรบ ย่อมรู้ดีถึงความสำคัญของมันแต่ภายใต้การกดดันของพระองค์เอง ฐานะของขุนนางฝ่ายบู๊ก็ลดลง ในขณะที่ขุนนางฝ่ายบุ๋นมีฐานะสูงขึ้นก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เรียกว่า “ทุกสิ่งล้วนต่ำต้อย มีเพียงการศึกษาเท่านั้นที่สูงส่ง”ในฐานะฮ่องเต้ที่ไต่เต้ามาจากชนชั้นล่าง ไม่พอใจอย่างยิ่งต่อพวกฝ่ายบุ๋นที่ทำงานไม่เป็น ได้แต่อวดเก่งในชนบท แม้แต่การปรับปรุงเครื่องมือทางการเกษตรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ได้ในทันทีดังนั้น จูหยวนจาง

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 99

    “มู่เหยา ที่จริงข้ากำลังปิดบังความสามารถบางอย่างอยู่” จูอวิ่นเทิงย้ำอีกครั้งเพราะเขาไม่เห็นความตกใจในแววตาของมู่เหยาเลยมู่เหยาแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน “หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันรู้ว่าท่านมีความสามารถ”หืม มู่เหยารู้แล้วหรือ?“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”มู่เหยากล่าวว่า “เพราะหม่อมฉันเชื่อในความ...ความรู้สึกของหม่อมฉัน ท่านต้องมีความสามารถแน่นอน อาจมีเหตุผลเฉพาะบางอย่างที่ไม่บอกคนภายนอกเท่านั้นเอง”จูอวิ่นเทิงจิตใจเบิกบานในทันที ไม่คิดเลยว่ามู่เหยาจะเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ตน!อาศัยเพียงความรู้สึก ไม่มีเหตุผลใด ๆ ก็เชื่อว่าตนมีความสามารถแล้วลุงรองก็เป็นแบบนี้ มู่เหยาก็เช่นกันได้ผู้คลั่งไคล้ไม่ลืมหูลืมตาเพิ่มอีกคนแล้วการมีคนอื่นเลื่อมใสศรัทธาโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้จิตใจอันทระนงของตนได้รับความพึงพอใจอย่างมาก“ถึงแม้ข้าจะไม่ถนัดเรื่องบุ๋นและไม่เก่งเรื่องบู๊ แต่ข้าก็มีความรู้จิปาถะอยู่บ้าง อย่างเช่นคณิตศาสตร์และเรขาคณิตเป็นต้น”มู่เหยาแอบหัวเราะในใจ สามีในอนาคตของนางยังคงเสแสร้งอยู่ไม่ถนัดเรื่องบุ๋นหรือ? ท่านบดขยี้ฟางเสี้ยวหรูในทุกด้าน ท่านบอกว่าไม่ถนัดเรื่องบุ๋นหรือ?ไม่เก่งเรื่องบู๊? ข้าที่ฝึ

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 98

    สามารถพูดได้ว่า ความปราดเปรื่องของจูอวิ่นเทิงนั้น ไร้ผู้เทียมทานในยุคนี้!หลายปีมานี้ จูอวิ่นเทิงได้ปกปิดพรสวรรค์ของเขามาโดยตลอด!บัดนี้นางเข้าใจในเจตนาของฝ่าบาทแล้วฝ่าบาทตรัสว่าวิธีเอาชนะกองทัพช้างศึกนั้นได้ยินมาจากคำละเมอของจูอวิ่นเทิงตอนนี้มาคิดดูแล้ว สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสนั้นเป็นความจริง ไม่ได้โป้ปดเลยแม้แต่น้อย!จะว่าไปแล้วฝ่าบาทก็ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกบิดาของตนจูอวิ่นเทิงมีความสามารถ แล้วเหตุใดถึงต้องปกปิดไว้ตลอด?หรือว่าจูอวิ่นเทิงจะมีความลำบากใจอะไรบางอย่าง?จะทูลให้ฝ่าบาททราบดีเรื่องนี้หรือไม่?ฝ่าบาททรงรับปากให้ตนแต่งงานกับจูอวิ่นเทิงจูอวิ่นเทิงคือสามีในอนาคตของนาง จะทำเช่นไรดี?จะให้จูอวิ่นเทิงรู้ไม่ได้ และยิ่งไม่อาจให้ฝ่าบาทรู้ด้วย ตนเองรู้ก็พอแล้วอันที่จริง ภารกิจที่ฝ่าบาทมอบหมายให้คือการฟังเสียงในใจของจูอวิ่นเทิง และสังเกตว่ามีสิ่งแปลกใหม่ใดภายในเรือนหรือไม่การไม่ทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททราบ ก็ไม่ถือว่าเป็นการขัดพระบัญชาเมื่อมู่เหยามองไปยังจูอวิ่นเทิงอีกครั้ง ภาพลักษณ์ก็พลันสูงส่งขึ้นมาทันทีเดิมทีคิดว่าสามีในอนาคตจะเป็นคนปัญญาอ่อนทำอะไรไม่เป็น แต่ใครจะไปร

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 97

    “ฟางฮั่นหลิน ท่านหมายความว่าจะยังคงสอนหนังสือข้าหรือ?”จูอวิ่นเทิงอยากจะลองตรวจดูว่าหนังหน้าของฟางเสี้ยวหรูทำมาจากวัสดุใด ถึงได้หนาเพียงนี้!ไม่ว่าจะเป็นภาษาโบราณหรือบทกวี ฟางเสี้ยวหรูก็ถูกลูกศิษย์บดขยี้ทุกด้าน เขายังมีหน้ามาเป็นอาจารย์ต่ออีกหรือ?ฟางเสี้ยวหรูพยายามควบคุมความอับอายที่แผ่ซ่านอย่างหนักไม่มีทางเลือก การเป็นอาจารย์ส่วนตัวของจูอวิ่นเทิงคือคำสั่งของฝ่าบาท!เดิมทีเขาไม่ได้อยากมาสอนหนังสือ เพียงอยากมาฟังคำละเมอของจูอวิ่นเทิงเท่านั้นหากไม่ได้เป็นอาจารย์ของจูอวิ่นเทิงแล้ว จะชี้แจงให้คนภายนอกฟังอย่างไรดี?หากออกไปบอกว่าความสามารถของจูอวิ่นเทิงเหนือกว่าตนเอง แล้วต่อไปจะอยู่ในแวดวงบัณฑิตและนักกวีได้อย่างไร?และยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ทุกคนอาจจะคิดว่าตนเองกำลังพูดจาเหลวไหลกระทั่งอาจมองว่าเขากำลังย่ำยีเกียรติตัวเอง เอาใจราชสำนัก!ดังนั้น ตอนนี้ยังไปไม่ได้!“อู๋อ๋อง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาสอนหนังสือ หากอู๋อ๋องไม่ให้กระหม่อมสอนแล้ว ก็ต้องได้รับความยินยอมจากฝ่าบาทเสียก่อน กระหม่อมจะกราบทูลสาเหตุให้ฝ่าบาททราบด้วยตนเอง”“หากฝ่าบาททรงยินยอม กระหม่อมก็จะไป”“แม

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 96

    “อาจารย์ฟาง การคำนวณ เป็นหนึ่งในหกศิลป์ของสุภาพชน แต่ท่านกลับบอกว่ามันเป็นทักษะพิสดารไร้ประโยชน์! ไร้สาระ เหลวไหลสิ้นดี!”“เหมือนพวกพิธีการ ดนตรี หรืออักษร มันเข้าใจง่าย พวกท่านจึงขวนขวายกันนัก! ส่วนวิชาที่ลึกซึ้งอย่างคำนวณ ท่านไม่เข้าใจ ก็เลยหลบเลี่ยง”“หากท่านไม่อยากเรียนวิชาคำนวณก็แล้วไป แต่ท่านไม่ควรดูถูกมัน!”เวลานี้ใบหน้าของฟางเสี้ยวหรูแดงก่ำ ไม่นึกเลยว่าจูอวิ่นเทิงจะปากคอเราะรายถึงเพียงนี้อีกฝ่ายมีเหตุมีผล หากจะโต้แย้ง ก็ไม่รู้จะเริ่มแย้งจากตรงไหน!“ข้าจะถามท่านอีกครั้ง เหตุใดน้ำถึงไหลลงสู่ที่ต่ำ? เหตุใดผิงกั่วถึงตกลงสู่ด้านล่าง?”ฟางเสี้ยวหรูตอบว่า “นี่คือหลักการธรรมชาติ เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”“รู้ว่าเป็นเช่นนั้น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น! พวกท่านไม่ได้ชอบพูดถึงการไขสิ่งของเพื่อรู้แจ้งอยู่ตลอดหรือ? แล้วท่านไขสิ่งใดได้บ้าง? คนอย่างพวกท่านยิ่งศึกษามากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของราชวงศ์ต้าหมิงมากเท่านั้น!”“รู้ว่าท่านไม่ยอมจำนน สิ่งที่ข้าทำได้ท่านทำไม่ได้ สิ่งที่ท่านทำได้ข้าทำได้ทั้งหมด ถึงตาของท่านแล้ว!”น้ำเสียงช่างโอหังนัก!ฟางเสี้ยวหรูก

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 95

    ฟางเสี้ยวหรูไม่คาดคิดเลยว่าจูอวิ่นเทิงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันถึงเพียงนี้!ถึงกับพูดว่าจะตั้งใจเรียน ก้าวหน้าขึ้นในทุกวัน!เจิ้งเหอและมู่เหยาจึงถอยออกไปอย่างรู้กาลเทศะไม่นานนัก มู่เหยาก็แอบย่องกลับมา ยืนอยู่ริมหน้าต่างเงียบ ๆภายในห้องหนังสือ จูอวิ่นเทิงกล่าวว่า “อาจารย์ฟาง ความจริงแล้วข้ารู้สึกว่า สิ่งที่ท่านสอนเหล่านั้น ช่างน่าเบื่อจริง ๆ”ฟางเสี้ยวหรูเกิดความขุ่นเคืองเมื่อก่อน จูอวิ่นเทิงเคยหลับในห้องเรียนของเขา ก็ยังพอทนได้!บัดนี้ ฝ่าบาทให้เขามาเป็นอาจารย์ส่วนตัวที่นี่ ก็ยังพอทนได้!ทว่า ตอนนี้จูอวิ่นเทิงกลับกล้าพูดต่อหน้าว่า สิ่งที่เขาสอนนั้นน่าเบื่อ!นี่มันคือการตบหน้ากันซึ่งหน้า ดูหมิ่นกันตรงนั้น!“อู๋อ๋อง ท่านจะดูหมิ่นกระหม่อมก็ไม่เป็นไร แต่จะมาดูหมิ่นปราชญ์ในอดีตไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถดูหมิ่นคำสอนของปราชญ์ได้”จูอวิ่นเทิงยิ้ม “คำสอนของปราชญ์ ไหนลองยกตัวอย่างหน่อยสิ?”ฟางเสี้ยวหรูกล่าวว่า “ขงจื๊อกล่าว ในการปกครองประเทศใหญ่ ต้องเคารพหน้าที่และรักษาความสัตย์ มัธยัสถ์และรักผู้คน ให้ประชาชนได้ทำงานตามฤดูกาล”“ขงจื๊อกล่าว คนสามคนเดินด้วยกัน ย่อมมีอาจารย์ของเราสักคน”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status