เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!

เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!

By:  คุณชายหกถังถังUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
100Chapters
7views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

“กระไรนะ? เป็นทหารแล้วจะได้ภรรยาแบบไม่ต้องเสียเงินหรือ? เช่นนั้นข้าจะเป็นทหาร!” หลี่วั่นเหนียนกลับชาติมาเกิดเป็นลูกหลานตระกูลหลี่แห่งราชวงศ์ถังที่ตกอับ เขาต้องวางแผนอย่างรอบคอบทุกย่างก้าว เพื่อต่ออายุให้ราชวงศ์นี้อีกสามร้อยปี!

View More

Chapter 1

บทที่ 1

“เจ้าหลี่ เจ้าอยากได้ภรรยาหรือไม่?”

“กระไร เจ้าเลิกกับน้องสะใภ้แล้วหรือ?”

หลี่วั่นเหนียนนอนอยู่ในกระท่อมมุงจาก ท้องร้องโครกครากด้วยความหิว ถึงกระนั้นตัวเขาที่อายุล่วงเกินกว่าครึ่งร้อยก็ยังอยากมีภรรยา แต่น่าเสียดายที่ฐานะครอบครัวยากจน ไม่มีปัญญาแต่งภรรยา!

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดไม่ออก “คิดอะไรของเจ้า? ข้ากับน้องสะใภ้ของเจ้ารักกันดี!”

“ก็เพราะเช่นนั้นอย่างไรเล่า การที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมีสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น!”

“คิดอะไรของเจ้า? ข้าหมายถึงภรรยาที่ทางการมอบให้ต่างหาก ปกติจะมีสามปีครั้งหนึ่ง หากข้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนเจ้าเพิ่งอายุสี่สิบแปด แต่ไม่ได้ให้เจ้าไปลงชื่อ ส่วนตอนนี้ เจ้ากำลังจะอายุห้าสิบเอ็ดในอีกหนึ่งเดือนใช่หรือไม่?”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงมองหลี่วั่นเหนียนที่อยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ภายในใจรู้สึกหดหู่ ทั้งที่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วแต่กลับไม่เคยแม้แต่จะจับมือสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมีทายาทสืบสกุล?

โชคดีที่ทางการมีกฎว่าผู้ใดเป็นทหารจะได้รับภรรยา แต่อายุห้ามเกินห้าสิบ อายุห้าสิบเอ็ดเมื่อไรก็หมดสิทธิ์!

หากเขาพลาดโอกาสแจกภรรยาครั้งนี้ไป ตัวเขาที่ปัสสาวะก็ยังเลอะกางเกง เจ้าจ้อนเสื่อมสภาพจนลงหลุมไปก่อน ทั้งยังไม่มีเงินสักแดง ถึงเวลานั้นจะไปขอเกาะเพื่อนบ้านก็คงเกาะไม่ได้

“ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อหารือกับเจ้า หากพลาดครั้งนี้ไป ต่อไปจะไม่มีโอกาสอีก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ตระกูลเจ้าจะขาดทายาทสืบสกุลทันที ข้ากับเจ้าเป็นสหายที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ข้าคว้าโอกาสที่จะได้มีภรรยามาให้กับเจ้า เพียงแต่ต้องไปเป็นทหาร!”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดเช่นนี้

“เสี่ยวหมิง เจ้าทำเพื่อข้าขนาดนี้ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ข้ายังจำได้ราง ๆ ว่า เมื่อสี่สิบปีก่อน ข้าฉี่รดพื้นดิน ส่วนเจ้าก็เอาไปปั้น…”

“อย่า ๆ ๆ เรื่องในอดีตก็อย่าไปพูดถึงอีกเลย พรุ่งนี้ยามซื่อ[1] อย่าลืมไปรอรับภรรยาที่ทางเข้าหมู่บ้านฝั่งตะวันออก! ครั้งนี้ไม่ได้แจกแค่ภรรยา แต่ยังแจกเสบียงอาหารสำหรับหนึ่งเดือนด้วย!”

แม้ถึงปากหลี่จื้อหมิงจะด่าคน แต่แววตากลับเจือด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองคนเป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่หลี่วั่นเหนียนแก่กว่าเล็กน้อย ต่อมาพ่อแม่ของหลี่วั่นเหนียนตายด้วยโรคระบาด และเขาก็รู้ว่าตอนนี้หลี่วั่นเหนียนไม่เพียงแต่ไม่มีภรรยา แต่ยังไม่มีอาหารกินด้วย การแจกภรรยาจากทางการครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสรอดชีวิตของเขา!

“ได้ หากเจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับสตรีอื่น พวกเราอยู่กันสามคนก็คงดี…”

หลี่วั่นเหนียนยังพูดไม่จบ หลี่จื้อหมิงก็เดินจากไปไกลแล้ว เขายังต้องไปแจ้งข่าวกับแต่ละบ้านอีก หมู่บ้านตระกูลหลี่มีคนไม่เยอะ เพียงหกสิบครัวเรือนเท่านั้น ประชากรไม่ถึงสามร้อยคน แม้ในหมู่บ้านจะมีสตรีไม่น้อย แต่มีกฎว่าห้ามคนในหมู่บ้านที่มีแซ่เดียวกันแต่งงานกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีแต่ต้องสู่ขอจากภายนอกเท่านั้น

แต่สตรีดี ๆ จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะอยากมาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหลี่ได้อย่างไร ที่นี่มีที่ดินทำกินน้อย อีกทั้งครอบครัวของหลี่วั่นเหนียนก็ไม่มีอะไรเลย ซ้ำยังอายุมากแล้วด้วยยิ่งทำให้ไม่เป็นที่หมายตา

ดังนั้น หลี่วั่นเหนียนจึงทำได้เพียงรอรับภรรยาที่ทางการแจกให้ครั้งนี้ จะได้มีลูกชายลูกสาวสืบทอดตระกูลต่อไป

หลี่วั่นเหนียนมองเงาหลังของหลี่จื้อหมิงที่เดินห่างออกไป หันไปมองกระท่อมมุงจากที่ลมพัดเข้ามาจากทุกช่องทางแล้วพลันห่อเหี่ยวใจ กฎในการเกณฑ์ทหารกำหนดไว้ว่า ครอบครัวที่มีบุรุษสามคนจะถูกเกณฑ์ไปหนึ่งคน และครอบครัวที่มีบุรุษห้าคนจะถูกเกณฑ์ไปสองคน แต่ครอบครัวเขาเหลือเขาเพียงคนเดียว ตามหลักแล้วไม่ต้องไปเป็นทหาร แต่หากไม่เป็นทหารก็จะไม่มีภรรยาและไม่มีอาหาร ฉะนั้น เขาจึงตอบตกลงผู้ใหญ่บ้านโดยไม่ลังเล

ความจริงแล้วหลายปีที่ผ่านมา ทางหมู่บ้านต้องประสบกับความอดอยากและโรคระบาด จำนวนประชากรลดลงไปหนึ่งในสาม หลายครอบครัวไม่อาจดำรงต่อไปได้ ในหมู่บ้านมีชายโสดนับสิบราย เขาหวังเพียงว่าครั้งนี้จะได้ภรรยาที่สะโพกใหญ่ จะได้มีลูกชาย

“ใกล้ค่ำแล้ว! เฮ้อ!”

อาทิตย์กำลังจะตกดิน หลี่วั่นเหนียนเดินไปที่โถข้าวสารหน้าเตาไฟ ภายในโถว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เขาจึงหันไปหยิบกระบวยแล้วไปที่โอ่ง มองเงาสะท้อนของตัวเองที่ผมข้างขมับกลายเป็นสีขาว เขารู้สึกขมขื่นใจ ตักน้ำหนึ่งกระบวยขึ้นมาดื่มในอึกเดียว จากนั้นกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเสื่อฟางบนเตียง ฟังเสียงน้ำไหลวนไปมาในท้อง

ตอนนี้เป็นเดือนสาม อากาศยังคงหนาวเย็น เป็นช่วงที่ยังไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว จะกินก็กินไม่อิ่ม จะนอนก็นอนไม่อุ่น ได้แต่ผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงฝันอย่างงุนงงสับสน!

หรืออาจจะไม่ใช่ห้วงฝัน แต่เป็นโลกจิตวิญญาณของเขา

ตอนนี้ เบื้องหน้าเขาปรากฏตำราโบราณเล่มหนึ่ง บนหน้าปกออกเหลืองมีตัวอักษรเขียนเด่นชัดว่า ‘ทำเนียบวงศ์ตระกูล’

เขาไม่ใช่คนท้องที่ของโลกนี้ แต่เป็นคนจากโลกยุคใหม่ที่วิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหลี่วั่นเหนียน หลังจากมาถึงก็พบว่าที่นี่คล้ายคลึงกับยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรของประเทศจีน สรุปก็คือเป็นยุคที่วุ่นวายอย่างยิ่ง ราชสำนักหลายสิบแห่งหรือไม่ก็ขุนศึกต่างหันไปต่อสู้กันเอง โรคระบาดและความอดอยากแพร่ระบาด ประชาชนอยู่อย่างลำเค็ญ

เขาเปิดหน้าแรก ในนั้นมีชื่อของเขาเขียนอยู่

ผู้นำตระกูล : หลี่วั่นเหนียน

ค่ากำลังรบ : -

คู่ครอง : ไม่มี

พรสวรรค์ : ไม่มี

อายุขัยตามคาดการณ์ : ห้าสิบเอ็ด

ทายาท : ไม่มี

ในบรรทัดที่เขียนว่าอายุขัยตามคาดการณ์มีอายุได้ถึงห้าสิบเอ็ดปีเท่านั้น และอีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเกิดอายุครบห้าสิบเอ็ดปีของเขา หากสิ่งที่เขียนไว้เป็นความจริง เขากำลังจะตายในไม่ช้า

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดโลกจิตวิญญาณของตัวเองถึงมีอะไรแบบนี้ แต่เขารู้ว่า ทันทีที่เขามีภรรยาและลูก ทำเนียบตระกูลนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ นี่เองที่เป็นเหตุผลให้เขาต้องหาภรรยา เขาอยากรู้ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงกันแน่

แต่เอาเป็นว่า มันคงช่วยแก้ปัญหาด้านความต้องการพื้นฐาน หรือไม่ก็ทำให้เขากลับไปยังโลกเดิม ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

เนื่องจากในท้องไม่มีอาหารแม้แต่น้อย ค่ำคืนนี้จึงนอนหลับไม่สนิทมาก เขาตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่ตื่นนอนแล้วต้องนั่งข้างเตียงนานเป็นเวลานาน เพราะหากรีบลุกเกินไปจะทำให้วิงเวียนศีรษะ

หลังจากนั่งได้สักพักก็ออกไปถ่ายเบาด้านนอก เขาปลดกางเกงลง ก้มหน้ามองพลางพูดว่า “พรรคพวก ยังไหวหรือไม่?”

ปัสสาวะกระปริบกระปอยได้สิบนาที ลมหนาวของค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามาให้สั่นงันงก เขาจำใจต้องดึงกางเกงขึ้น แต่รู้สึกได้ว่าน้ำจากหัวก๊อกยังปิดไม่สนิท…

“มารดามันเถอะ นี่เป็นกางเกงตัวสุดท้ายแล้วนะ!”

ทั่วไปแล้ว ยามซื่อคือเวลาตั้งแต่เก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมง ตอนนี้เพิ่งจะยามเหม่า[2] แต่บรรดาชายโสดในหมู่บ้านกลับไปรวมตัวที่ทางเข้าหมู่บ้านฝั่งตะวันออกกันแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่วั่นเหนียนคือคนที่อายุมากที่สุด จัดอยู่ในประเภทของคนรุ่นปู่ เส้นผมหนวดเคราเป็นสีขาว หลังของเขาโก่งค่อม ผอมแห้งหนังติดกระดูก

ตามกฎการเกณฑ์ทหารของทางการ ผู้ที่มีอายุห้าสิบเอ็ดจะไม่สามารถเป็นทหารและได้รับสิทธิ์จัดสรรภรรยาอีก ดังนั้น เขาจึงถือได้ว่าทันขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่จะได้มีภรรยา

“ครั้งนี้มีหญิงสาวสิบกว่าคน เชิญพวกเจ้าเลือกได้ตามใจ!”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดบรรเทาบรรยากาศที่กระอักกระอ่วน

“แล้วหญิงสาวที่ไม่ได้รับเลือกจะทำอย่างไร?”

หลี่วั่นเหนียนถามด้วยความสงสัย

“พวกที่เหลือจะถูกขายให้หอคณิกาหรือไม่ก็เป็นนางบำเรอในกองทัพ การถูกเลือกโดยพวกเจ้าจึงเป็นโชคดีของพวกนาง มิเช่นนั้นจะน่าอนาถมาก!”

ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงตอบ

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละนาที ทุกคนตัวสั่นเทิ้มอยู่ท่ามกลางลมหนาว กระทั่งดวงอาทิตย์ปรากฏบนท้องนภา ทุกคนถึงค่อยรู้สึกอบอุ่นขึ้น ตอนนี้เริ่มใกล้ยามซื่อเข้าไปแล้วทุกที

“ได้ยินหรือไม่! ทางการกำลังตีฆ้อง! จัดแถวให้เรียบร้อย!”

หลี่จื้อหมิงเตือน!

หลี่วั่นเหนียนประหม่าเล็กน้อย เพราะวันนี้เขาจะเริ่มสืบทายาทให้กับวงศ์ตระกูลแล้ว!

____________________________

[1] ยามซื่อ หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่ 09.00-11.00 น.

[2] ยามเหม่า หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่ 05.00-07.00 น.
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
100 Chapters
บทที่ 1
“เจ้าหลี่ เจ้าอยากได้ภรรยาหรือไม่?”“กระไร เจ้าเลิกกับน้องสะใภ้แล้วหรือ?”หลี่วั่นเหนียนนอนอยู่ในกระท่อมมุงจาก ท้องร้องโครกครากด้วยความหิว ถึงกระนั้นตัวเขาที่อายุล่วงเกินกว่าครึ่งร้อยก็ยังอยากมีภรรยา แต่น่าเสียดายที่ฐานะครอบครัวยากจน ไม่มีปัญญาแต่งภรรยา!ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงพูดไม่ออก “คิดอะไรของเจ้า? ข้ากับน้องสะใภ้ของเจ้ารักกันดี!”“ก็เพราะเช่นนั้นอย่างไรเล่า การที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมีสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น!”“คิดอะไรของเจ้า? ข้าหมายถึงภรรยาที่ทางการมอบให้ต่างหาก ปกติจะมีสามปีครั้งหนึ่ง หากข้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนเจ้าเพิ่งอายุสี่สิบแปด แต่ไม่ได้ให้เจ้าไปลงชื่อ ส่วนตอนนี้ เจ้ากำลังจะอายุห้าสิบเอ็ดในอีกหนึ่งเดือนใช่หรือไม่?”ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื้อหมิงมองหลี่วั่นเหนียนที่อยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ภายในใจรู้สึกหดหู่ ทั้งที่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วแต่กลับไม่เคยแม้แต่จะจับมือสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมีทายาทสืบสกุล?โชคดีที่ทางการมีกฎว่าผู้ใดเป็นทหารจะได้รับภรรยา แต่อายุห้ามเกินห้าสิบ อายุห้าสิบเอ็ดเมื่อไรก็หมดสิทธิ์!หากเขาพลาดโอกาสแจกภรรยาครั้งนี้ไป ตัวเขาที่ปัสสาวะก็ยังเลอะกาง
Read more
บทที่ 2
“เข้าแถวให้เรียบร้อย ทำตัวกระฉับกระเฉงหน่อย เจ้าหน้าที่พาภรรยามาให้แล้ว!”หัวหน้าหมู่บ้านหลี่จื้อหมิงเร่งเร้าอีกครั้งทุกคนฟังแล้วรีบยืนตัวให้ตรง แต่หลังของหลี่วั่นเหนียนค่อม ยืนอย่างไรก็ไม่อาจตรงขบวนส่งตัวเจ้าสาวของทางการมีกันยี่สิบกว่าคน โดยครึ่งหนึ่งเป็นหญิงสาว ที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ทางการและทหารในกองทัพหญิงสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของข้าศึกหรือไม่ก็ขุนนางผู้กระทำความผิด กระนั้นก็มีหญิงสาวเกษตกรที่ยินยอมมาเป็นทาสด้วยเหตุผลนานาประการด้วยเช่นกันสำหรับชายโสดส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตระกูลหลี่แล้ว การเลือกหญิงสาวเกษตกรคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะพวกนางรู้จักทำไร่ทำนา ทำงานบ้าน แถมยังมีลูกได้ผิดกับหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ที่ผิวพรรณบอบบาง ชายโสดส่วนใหญ่ไม่อยากได้ภรรยาแบบนี้แต่หลี่วั่นเหนียนต่างออกไป เขาชอบคนหน้าตาสะสวยเมื่อขบวนเคลื่อนมาใกล้ หลี่วั่นเหนียนก็เริ่มตื่นเต้น ในขบวนรอบนี้มีหญิงสาวเกษตรกรเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ที่เหลือเป็นหญิงผิวพรรณละเอียดบอบบาง“เหตุใดจึงมีหญิงสาวจำพวกนี้เยอะเหลือเกิน หญิงสาวจำพวกนี้เลี้ยงยากจะตาย!”หลี่เฉิงหัวที่อยู่ด้านข้างบ่นออกมา หัวหน้าหมู่บ้านห
Read more
บทที่ 3
“น้องหญิงทั้งหลาย พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”หลี่วั่นเหนียนโค้งตัวคำนับตามธรรมเนียนของผู้มีการศึกษาในยุคนี้ใช่แล้ว บิดาของร่างเดิมเป็นผู้มีการศึกษา เป็นซิ่วไฉ[1] แม้จะถูกยกเว้นการเกณฑ์ทหาร แต่เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ จึงตายด้วยโรคระบาดแต่เขาอายุปูนนี้ เพิ่งจะโค้งตัวลงก็ทรุดตัวคุกเข่า ร่างกายอ่อนปวกเปียกไม่ต่างจากน้องชาย!“ท่านพี่ไม่ต้องทำความเคารพขนาดนี้ อย่างไรท่านก็ช่วยพวกข้าสามพี่น้องไว้!”พี่สาวคนโตของทั้งสามสาวทำความเคารพอย่างอ่อนช้อยตอบ แม้จะสวมชุดผ้าป่าน แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเป็นหญิงผู้ดี“จริงสิ ข้ายังไม่ทราบชื่อของน้องหญิงทั้งสามเลย?”หลี่วั่นเหนียนถาม“ข้ามีนามว่าหลินหว่านเซียน นี่คือน้องคนรองชื่อหลินหว่านเหยียน นี่คือน้องคนเล็กชื่อหลินหว่านชิง!”“ที่แท้ก็หว่านเซียน หว่านเหยียน และหว่านชิงสามน้องหญิง นี่ก็สายแล้ว พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ!”หลี่วั่นเหนียนหิวแล้ว หิวมากจริง ๆ เขากินรำข้าวทั้งหมดตั้งแต่เมื่อวานซืน เมื่อวานนี้ก็ไม่มีข้าวตกถึงท้อง แต่วันนี้ภรรยาทั้งสามนำเสบียงอาหารคนละเดือนกลับมาเป็นสินเดิม เขาจะได้กินอิ่มท้องเสียทีเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขา ตอนนี้เพิ่งจะ
Read more
บทที่ 4
“ท่านพี่ไม่ต้องตื่นเต้นนะเจ้าคะ!”เสียงของหลินหว่านเซียนดังอยู่ข้างหู เห็นชัดว่านางมีประสบการณ์มาก่อน ช่วยจับมือพาหลี่วั่นเหนียนผ่านช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต เพราะเขาอยู่ในวัยใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว มีหลายครั้งที่เรี่ยวแรงไม่เป็นดังที่ใจหวัง.......หลังจากเสร็จกิจ หลี่วั่นเหนียนสังเกตเห็นว่าทำเนียบวงศ์ตระกูลในหัวสว่างวาบขึ้นมา ในนั้นแสดงรายละเอียดคู่ครองคนที่หนึ่ง : หลินหว่านเซียนค่ากำลังรบผู้นำตระกูล : 1(เทียบเท่าพลังต่อสู้ของชายหนุ่มโตเต็มวัย!)พรสรรค์ผู้นำตระกูลที่ตื่นขึ้น : ตามหาสมบัติในระยะสิบจั้งอายุขัยโดยประมาณของผู้นำตระกูล : ห้าสิบห้าทายาท : ไม่มีหลี่วั่นเหนียนรู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีพลังต่อสู้เทียบเท่าชายหนุ่มโตเต็มวัย แต่ตอนนี้มีแล้ว!ที่สำคัญที่สุดคือ มีอายุขัยเพิ่มขึ้นสี่ปี ก่อนหน้านี้เขามีอายุขัยแค่ห้าสิบเอ็ดปีเท่านั้น!ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ว่าในร่างตัวเองเปี่ยมด้วยพลัง!“น้องหญิงใหญ่ ข้ายังต้องการอีก!”หลี่วั่นเหนียนได้ลิ้มลองรสชาติแล้วอยากได้อีก….......หนึ่งคืนผ่านไป หลี่วั่นเหนียนได้ยินเสียงเคร
Read more
บทที่ 5
“คืนนี้คงต้องรบกวนหว่านเหยียนแล้ว!”หลี่วั่นเหนียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ เขาต้องเร่งความเร็วแล้ว เพราะต้นเดือนหน้าต้องไปรวมพลฝึกซ้อมที่อำเภอตกค่ำ เขาจัดการทำความสะอาดร่างกายตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้ จากนั้นไปนอนรอใต้ผ้าห่ม แต่หูคอยฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกตลอดเวลาแม้สายตาจะเริ่มพร่ามัว ทว่าหูก็ยังคงไวอยู่“น้องรอง ถึงคราวเจ้าแล้ว!”หลินหว่านเซียนเร่งเร้าอยู่ที่โถงรับแขก“ท่านพี่ ไม่ต้องรีบเจ้าค่ะ! ข้าขอกวาดพื้นก่อน!”หลินหว่านเหยียนตอบเช่นนั้นเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลินหว่านเหยียนกำลังเขินอายมาก และแน่นอนว่าอาจจะมีความไม่เต็มใจเจืออยู่ด้วยเช่นกัน เพราะในฐานะบุตรสาวตระกูลขุนนาง นางควรจะได้แต่งงานกับลูกหลานขุนนาง มีลูกหลานสืบสกุล แต่แล้วตอนนี้กลับต้องมาอยู่กับชายแก่แบบเขา และอายุของเขาก็รุ่นราวคราวเดียวกับิดาของนาง“ช่วงกลางคืนไม่เหมาะแก่การกวาดพื้น ในเมื่อน้องหญิงไม่อยากทำ เช่นนั้นคืนนี้พี่จะทำเอง ส่วนวันนี้น้องเล็กก็กำลังมีรอบเดือน ไม่ค่อยสะดวก!”หลินหว่านเซียนว่าจบก็จะไปที่ห้องของหลี่วั่นเหนียน“ท่านพี่ ข้าทนให้ท่านทำแบบนั้นไม่ได้ ให้ข้าไปเองเถอ
Read more
บทที่ 6
“เจ้าเป็นผู้ใด! เหตุใดจึงรู้แซ่ของข้า?”หญิงสาวในชุดเกราะขาวใช้กริชจ่อคอของหลี่วั่นเหนียน ตอนนี้หัวใจของหลี่วั่นเหนียนเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก เขารู้ว่าหญิงสาวเบื้องหน้าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และหน้าอกหน้าใจของนางก็ใหญ่มาก!“ข้าแซ่หลี่ มีนามว่าหลี่วั่นเหนียน เป็นชาวนาในหมู่บ้านตระกูลหลี่ มาที่นี่เพื่อหาของป่า! พอดีว่าเมื่อสองวันก่อน ทางการได้จัดสรรภรรยาแซ่หลินสามคนให้กับข้า ด้วยเหตุนี้จึงถามเช่นนั้น!”หลี่วั่นเหนียนรีบอธิบาย หญิงสาวเบื้องหน้าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเช่นกัน!“แค่ก ๆ!”ใบหน้าของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงก่ำ จากนั้นล้มฟุบลงกับพื้น หมดสติไปหลี่วั่นเหนียนเห็นหญิงสาวเป็นเช่นนี้ก็ไม่อยากสนใจแล้ว ลุกขึ้นเดินจากไปแต่เดินออกมาได้ร้อยจั้ง อาจจะเพราะความรู้สึกผิด อาจจะเพราะรู้สึกว่ายังมีโอกาสอย่างอื่น เขาจึงเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง“เป็นโชคดีของเจ้านะที่มาเจอข้า!”หลี่วั่นเหนียนถอดชุดเกราะของนางออก แล้วนำไปใส่ในตะกร้าหามของตัวเองแม้ว่าเขาจะมีแรงเท่าผู้ใหญ่สองคน แต่ก็ขึ้นเขามาทั้งวัน รวมน้ำหนักของสัตว์ป่ากับชุดเกราะแล้วก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดีเมื่อเดินมาถึงปากทางเข้าหม
Read more
บทที่ 7
หญิงสาวจ้องไปที่หลี่วั่นเหนียน ส่วนหลี่วั่นเหนียนก็ผงะไปชั่วขณะเช่นกันแผ่นหลังของหลี่วั่นเหนียนเย็นวาบขึ้นมาโดยพลัน!“หากข้าบอกว่า เป็นเรื่องบังเอิญที่ข้ามือมาอยู่ตรงนี้ เจ้าจะโกรธหรือไม่?”หลี่วั่นเหนียนพูดออกไปทั้งอย่างนี้ ไม่ว่าผู้ใดฟังก็คงไม่เชื่อทั้งนั้น แต่เขาแค่จะตรวจอาการของนางจริง ๆ“ข้าจะฆ่าเจ้า!”น้ำเสียงของหญิงสาวเย็นยะเยียบถึงขีดสุด แต่นางขยับเขยื้อนไม่ได้ เมื่อไม่นานมานี้ เส้นลมปราณ กระดูก และอวัยวะภายในของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้ตอนนี้ไม่มีกำลังที่จะปกป้องตัวเองได้เลยดังนั้น ต่อให้ตอนนี้นางจะเขินอายและโกรธแค้นเพียงใด นางก็ทำอะไรไม่ได้หลี่วั่นเหนียนดึงมือกลับ “ที่จริงเจ้าไม่ต้องใส่ใจขนาดนั้น ชีวิตคนเรามีเรื่องที่ไม่เป็นดั่งใจมากกว่าที่คิด…”“ไปให้พ้น!”“ได้!”หลี่วั่นเหนียนลุกเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร เขาออกจากห้องในสภาพเหงื่อท่วมศีรษะ ความกลัวนี้มาจากก้นบึ้งของจิตใจ“ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงเหงื่อออกมากเช่นนี้?”หลินหว่านเหยียนเป็นคนความรู้สึกไว เห็นหลี่วั่นเหนียนเข้าไปในห้องที่หญิงสาวคนนั้นอยู่ก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ครั้นเห็นเขากลับออกมาด้วยท่าทีตื่นตระหน
Read more
บทที่ 8
ตอนนี้พละกำลังของหลี่วั่นเหนียนดีขึ้นจากเมื่อก่อนมาก ประกอบกับครั้งนี้ดื่มน้ำแกงโสมไป ทำให้มีพลังงานเหลือล้นแม่ทัพหญิงที่นอนอยู่ในห้องด้านข้างฟังแล้วกระสับกระส่าย รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย“คนลามก ไร้ยางอาย!”แม่ทัพหญิงสบถเสียงเบาจากห้องข้าง ๆ แต่ต้องยอมรับว่าเสียงที่ได้ยินทำให้กล้ามเนื้อและเส้นลมปราณของนางกลับมามีความรู้สึก บางที หากฟังเสียงนี้ตลอดทั้งคืน นางอาจจะลุกขึ้นยืนได้แต่เสียงนี้ดำเนินไปถึงช่วงกลางดึกก็หยุดลง แม่ทัพหญิงรู้สึกว่างเปล่าในใจ แต่รออยู่นานก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ อีกหลี่วั่นเหนียนยังไม่หลับ เขาพบว่าทำเนียบวงศ์ตระกูลเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มีชื่อของคู่ครองคนใหม่ปรากฏขึ้นมาผู้นำตระกูล : หลี่วั่นเหนียนค่ากำลังรบ : 4(เทียบเท่าพลังของผู้ใหญ่สี่คน)คู่ครอง : หลินหว่านเซียน หลินหว่านเหยียน หลินหว่านชิงพรสวรรค์ : ค้นหาสมบัติในระยะยี่สิบจั้งอายุขัยที่คาดการณ์ : หกสิบทายาท : ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เด่นชัดเท่าสองครั้งแรก อายุขัยเพิ่มมาเพียงหนึ่งปี ดูจากแนวโน้มตอนนี้ อายุขัยที่คู่สมรสคนถัดไปจะเพิ่มให้เขาได้อาจจะไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ นอกจากนี้ พรส
Read more
บทที่ 9
“ท่านพี่!”“ท่านพ่อ!”หญิงชาวนากับเด็ก ๆ ที่สูญเสียครอบครัวพากันไปวิ่งเข้าไปกอดศพร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เพราะนี่คือเสาหลักของครอบครัว บัดนี้ตายไปแล้ว นี่ก็เท่ากับครอบครัวพังทลายไปด้วยแต่บรรดาทหารไม่สนใจว่าแม่ม่ายกับเด็กหมู่บ้านตระกูลหลี่เหล่านี้ว่าร้องไห้เจ็บปวดเพียงไร “พวกข้าเอาศพกลับมาให้แล้ว นี่เป็นค่าปลอบขวัญของพวกเจ้า หนึ่งคนได้ธัญยหารห้าโต่ว!”ว่าจบ ทหารเหล่านี้ก็เตรียมหันตัวจากไป เพราะด้านหลังยังมีเกวียนลาอีกหลายคัน บนเกวียนเต็มไปด้วยศพคนตาย เห็นได้ชัดว่าเกิดการต่อสู้อันดุเดือดที่ชายแดน ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เมื่อนำภาพเหตุการณ์นี้ไปรวมเข้ากับแม่ทัพหญิงชุดเกราะขาวที่บ้านแล้ว หลี่วั่นเหนียนก็รู้สึกว่าสถานการณ์อาจจะซับซ้อนกว่าที่คิดแต่ว่า ตอนนี้เขายังไม่ต้องเป็นกังวล ในช่วงสองสามเดือนแรกจะเป็นการฝึกทหาร กว่าจะฝึกจบ สงครามก็คงจะจบไปแล้ว“ท่านทหารไม่ใช่ว่าต้องได้รับข้าวสิบโต่วกับเงินจำนวนหนึ่งหรอกหรือขอรับ?”หลี่จื้อหมิงเห็นสภาพอันน่าเวทนาของครอบครัวหลังจากลูกหลานในตระกูลเสียชีวิตในสงครามก็อยากให้ได้อะไรมากกว่านี้ ทว่าคำพูดของเขากลับจุดชนวนเพลิงโทสะของทหาร“เพี้ยะ
Read more
บทที่ 10
“นายท่าน เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ เชิญด้านในเลย!”ขณะที่กำลังครุ่นคิด แม่เล้านางหนึ่งก็เดินบิดสะโพกเข้ามาหาหลี่วั่นเหนียนหลี่วั่นเหนียนยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว ตัวเขาก็เข้ามาอยู่ในหอคณิกาแล้วที่นี่เป็นอาคารไม้สองชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถงสำหรับดื่มสุรา ส่วนชั้นที่สองแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ และไม่ค่อยเก็บเสียงนัก“ไม่ทราบว่าคิดราคาอย่างไร?”หลี่วั่นเหนียนเพิ่งนึกได้ว่าต้องถามราคาก่อน“ขึ้นอยู่กับความต้องการของท่าน หากแค่ลูบคลำก็หนึ่งร้อยอีแปะ แต่หากจะหากจะหลับนอนก็สามร้อยอีแปะขึ้นไป! ส่วนสุราต้องคิดแยกต่างหาก!”แม่เล้าตอบเช่นนี้“เช่นนั้นข้าเอาแบบหลับนอน!”หลี่วั่นเหนียนหยิบเงินออกมาสามร้อยอีแปะ เงินจำนวนนี้สามารถใช้ซื้อข้าวได้หนึ่งโต่วหรือก็คือประมาณสิบสองชั่งครึ่ง ในชาติก่อน ข้าวสิบกว่าชั่งไม่ได้ถือว่ามีค่าอะไร กระนั้น จะนำผลผลิตทางเกษตรของโลกยุคนี้ไปเทียบยุคสมัยใหม่ไม่ได้ สำหรับโลกยุคนี้แล้ว ข้าวหนึ่งโต่วสามารถใช้ดำรงชีพได้หนึ่งเดือน สามโต่วจะเพียงพอให้อยู่รอดในช่วงที่เสบียงขาดแคลน“เช่นนั้นลองมองหญิงสาวเหล่านี้ เลือกที่ถูกใจได้เลย!”แม่เล้าชี้หญิงสาวแต่งหน้าหนาเตอะที่ยืนอยู่สองข้า
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status