ร่างกายเบาหวิวของเดมี่ถูกหย่อนลงบนเตียงนอนสีขาว กลิ่นในห้องก็หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นของลาเวนเดอร์ พอสูดดมเข้าลึก ๆ ก็ช่วยให้สมองที่อ่อนล้ามาทั้งวันผ่อนคลายลงทันที ขณะที่เจ้าของห้องเดินเข้ามาในห้องพร้อมถังน้ำแข็งและกล่องยา
"ทำไมคุณไม่พาฉันกลับบ้าน" เอ่ยถามขึ้นขณะที่เอานิ้วมือจิ้มลงบนหน้าผากที่ปูดโปน
"ผมคงเหงามั้ง" ตอบลอย ๆ พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูที่ห่อน้ำแข็งไว้ด้านในประคบลงมาที่หน้าผากบวม
"แล้วพ่อคุณล่ะคะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ"
ฝ่ามือของเขาชะงักกลางอากาศ ทำไมเธอต้องถามถึงคนพรรค์นั้น พ่อที่เอาแต่ทำงานไม่สนใจครอบครัว ไปที่ไหนก็มีเมียที่นั่น หนึ่งในนั้นก็มีน้าสาวของดารินธิราอยู่ด้วย นั่นแหละที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจที่สุด
"อย่าพูดถึงพ่อผมอีก คนอย่างเขาเห็นแก่เงินงาน อำนาจและผู้หญิงเท่านั้น"
"แต่เขาก็ให้กำเนิดคุณมานะแม็กนัส ต่อให้เขาร้ายกาจแค่ไหน พ่อก็คือพ่ออยู่ดี"
และแล้วโทสะของเขาก็ปะทุออกมาจนได้ ฝ่ามือที่กำผ้าขนหนูประคบหน้าผากให้เธออยู่นั้นเขวี้ยงมันลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
ดวงตาของเขาแดงก่ำ กัดฟันกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ความโกรธ
"น้าคุณคือหนึ่งในสมาชิกฮาเร็มของพ่อผม คุณจำไม่ได้แล้วหรือไง ทำไมคุณต้องขุดคุ้ยเรื่องพ่อผมขึ้นมาอีก ผมเกลียดเรื่องที่น้าคุณทำกับแม่ผมและครอบครัวผม เมื่อห้าปีก่อนที่ผมฉีกรูปวาดประกวดของคุณทิ้ง ยังทำให้คุณเจ็บปวดไม่พอใช่ไหม"
"ใช่! ฉันยังเจ็บปวดไม่พอ คนอย่างฉันต่อให้เจ็บปวดมากกว่านี้ก็ไม่เป็นไร"
คำตอบที่เธอให้เขา มันทำให้จิตวิญญาณแห่งซาตานถูกกระชากออกมาทันที ร่างสูงพุ่งเข้าไปคร่อมตัวของดารินธิรา มือใหญ่หนายึดข้อมือของเธอแน่น ดุจดั่งคีมหนีบอันใหญ่ที่แทบจะบดกระดูกของเธอให้แตก
ดวงหน้าขาวก้มต่ำลงมา ประทับตรามารอันแสนลึกล้ำลงไปที่อุ้งปากเนียนนุ่ม สอดแทรกความร้อนชื้นของชิวหาดุดันเกี่ยวพันไม่ให้เธอเอ่ยปากห้ามความใด
หัวใจของดารินธิรากระตุกวูบหล่นหาย รู้สึกหายใจติดขัด ความหนักหน่วงและรุนแรงดั่งพายุคลั่งทำให้เธอคล้ายกับจะหมดสติ น้ำตาไหลรินอาบชุ่มใบหน้าไร้เสียงสะอึกสะอื้น มีเพียงลมหายใจที่เริ่มกระหืดกระหอบ
พลันนั้นปฏิกิริยาที่ต่อต้านเขาเริ่มนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ความเฉยชาของเธอทำให้ความเป็นซาตานในร่างของแม็กนัสอันตธานหายไปในบัดดล
ปากร้อนยอมผละออกจากการบดจูบที่กำลังสั่นเทาและเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสที่เปียกชุ่มใบหน้าและนัยน์ตาคู่สวย
ทว่าร่างที่สั่นเทานี้ ไร้เสียงร่ำไห้ฟูมฟาย แต่เมื่อมองดูก็ยิ่งทำให้เขาแทบใจสลาย นี่! เขาทำอะไรลงไป
ท้ายที่สุดเขาเองก็ไม่ต่างจากพ่อบังเกิดเกล้าเลยสักนิด เท่าที่เขารู้มาจากปากของแม่ ความจริงที่ว่าพ่อบังคับขืนใจแม่ของเขาให้แต่งงานด้วย เพื่อแลกกับหนี้ที่พ่อจะชดใช้ให้ทั้งหมด ยิ่งทำให้เขารังเกียจชาติกำเนิดของตนเองมากขึ้น
แม็กนัสหลับตาและทรุดนั่งลงกับพื้นขยี้ผมสีเงินของตนเองจนยุ่งเหยิง สะอืนร่ำไห้เสียงดังยิ่งกว่าคู่กรณีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเสียอีก เพราะเสียงร้องเหมือนกับเด็กหนุ่มขี้แยทำให้ร่างกายของดารินธิราขยับลุก มองดูชายหนุ่มที่นั่งซุกใบหน้ากับหัวเข่าของตนอยู่ปลายเตียง
พระเจ้า! เขากำลังร้องไห้ สรุปแล้วเขากำลังเจ็บปวดเรื่องอะไรอยู่กันแน่
วินาทีนี้เธอรู้สึกสงสารเขาจับขั้วหัวใจเหลือเกิน และเป็นเหตุให้ตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นมา
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให