LOGINนิ้วเรียวของดารินธิราเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ชุ่มเลอะทั่วใบหน้าของตน วาดขายาวนั่งลงด้านข้างร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องไห้ ฝ่ามือวางลงบนแผ่นหลังกว้าง ปลอบประโลมด้วยการตบเบา ๆ ใบหน้าขาวผงกขึ้นหันมอง เผยให้เห็นสภาพของอัจฉริยะหน้าตายที่เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของลูกผู้ชาย
ปลายจมูกโด่งคมสันที่แดงอมชมพูนั่นดูไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย ชวนให้มือของเธอรั้งตัวเขาเข้ามา ร่างของเขาเสียหลักลงในอ้อมกอดอุ่นของเธอ
ช่วงเวลานี้เธอจะไม่ผลักไสเขา ขอให้เธอเป็นฝ่ายโอบกอดปลอบใจเขาสักครั้ง แม้ว่ามันอาจจะเป็นครั้งเดียวก็ตาม
ดวงตาแดงของแม็กนัสเบิกกว้าง ยามที่กระพริบน้ำใสก็ไหลรินหยดลงอย่างไม่ขาดสาย เขาตอบรับโดยการโอบกอดแผ่นหลังเล็กแล้วกระชับกอดแน่น
ดารินธิราลูบแผ่นหลังของเขาขึ้นลงไปมาดุจดั่งมารดาผู้ปลอบโยนบุตรชาย เพราะผู้ชายคนนี้ขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัว เขาจึงเป็นเช่นนี้ ปากร้ายใจดี แต่บางทีก็ตรงแรงแต่จริงใจ และบางครั้งก็เถรตรงจนคนฟังรับไม่ไหว
คงมีแต่เธอเพียงเท่านั้นที่รับทุกการกระทำและคำพูดของเขาได้เสมอ
ชายหนุ่มยอมผละออกจากอ้อมกอดของร่างบอบบาง จังหวะที่เขาเตรียมจะลุกขึ้นเธอก็รั้งข้อมือของเขาเข้ามา แล้วยื่นปากลงไปประทับที่หน้าผากมนสว่าง
ดวงตาบวมช้ำเบิกกว้างสับสนกับสิ่งที่เธอทำ แต่เพราะเขาทำร้ายเธอก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขาไม่สามารถตอบรับความหวังดีของเธอ
"ผมขอโทษ"
"แม็กนัส คุณโอเคใช่ไหม"
"ผมจะให้ฮัลค์ไปส่งคุณที่บ้าน"
การที่เขาบอกว่าจะส่งเธอกลับบ้านทำไมฟังแล้วมันช่างเจ็บแปลบถึงเพียงนี้ ทั้งที่เธออุตส่าห์ปลอยโยนเขา
คำว่าขอบคุณสักคำก็ไม่มีให้เธองั้นเหรอ "จูบเมื่อกี้พอจะลดค่าความเกลียดได้บ้างไหม ฉันอยากให้มันลดเหลือศูนย์ หรือถ้ามันลดไม่ได้ เราก็เกลียดกันต่อไปดีกว่า"
"ได้ตามนั้น ระหว่างเราเกลียดกันเหมือนเดิมนี่แหละ น่าจะเหมาะสมกันมากที่สุดแล้ว" น้ำเสียงของเขาเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน
"งั้นคุณก็ช่วยทำตัวให้มีกาลเทศะด้วยนะ หลินเย่ซี อย่าทำตัวเป็นผู้ว่าจ้างป่าเถื่อน ฉันจะคิดว่าจูบเมื่อกี้ก็คือหมาเลียปากล่ะกัน"
แผ่นหลังบางหมุนกายกลับออกไป แม็กนัสชายตามองอย่างปวดใจ เขาทั้งแค้น ทั้งเกลียด แต่ขณะเดียวกันก็บอกความจริงกับเดมี่ไม่ได้ว่า ในความรู้สึกว้าวุ่นเหล่านี้มีคำว่า 'รัก' รวมอยู่ด้วย
สามวันผ่านไป เป็นสามวันที่ยาวนานเหมือนสามเดือน
ตั้งแต่เธอจากคฤหาสน์อาเวนชี่มา ก็ขาดการติดต่อกับนายอัจฉริยะคนนั้น แต่ก็เป็นจังหวะดี เพราะเธอปั่นงานวาดภาพสีน้ำมันของงานนิทรรศการ 'มองสื่อผ่านศิลปะ' เสร็จเรียบร้อย และก็เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน ฟอร์ทเมสัน เซ็นเตอร์
"พี่เดมี่คะ ตรงนี้จัดสไตล์นี้โอเคมั้ยคะพี่" กุ๊กไก่ถามขณะที่กำลังช่วยทีมออกาไนซ์ของสถาบันจัดเตรียมงานนิทรรศการอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่พอสังเกตุไปที่ใบหน้าของเจ้านายสาวก็ทำให้เธอต้องรีบเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วตบที่หัวไหล่ของเธอ
"จ้า....เธอว่าไงนะ"
"ฉันจะถามพี่ว่าสวยถูกใจพี่หรือยัง"
ดารินธิรากวาดจตามองหาจุดบกพร่องที่ทีมงานของเธอจัดวางชิ้นงานภาพศิลปะและประติมากรรมต่าง ๆ
ทว่าทุกอย่างก็ดูดีเกินความคาดหมาย
"เป๊ะปัง ไม่ดูรก แล้วก็ชูความโดดเด่นของภาพได้อย่างยอดเยี่ยม"
"เย้! งั้นพวกเราไปเดินหาอะไรกินที่ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟกันมั้ยคะพี่"
"ได้สิ"
ตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส แต่กระนั้นเมื่อขายาวพลิกหันหลัง ใบหน้าเริดเชิดหยิ่งยโสของฟีโอน่า พาร์สันก็เคลื่อนเข้ามา พร้อมกับเขา บุคคลที่เธอไม่ได้เจอเกือบสามวัน
"ก็ดู...เรียบหรูแล้วก็เข้ากันกับเงินที่ฉันเปย์ให้เธอไปจัดงานนี้ คุณว่าสวยมั้ยคะแม็ก"
ยิ้มหวานถามชายในชุดสูทสีดำสนิทด้านข้าง แต่เขาทำเพียงส่งยิ้มจาง ๆ ให้เป็นคำตอบ แล้วเดินตวัดปลายเท้าไปทางอื่น มองผ่านดวงตากลมโตของดารินธิราไปในทันที
"ทำไมนังปีศาจนั่นมากับคุณแม็กนัสได้ล่ะเนี่ย โอ๊ย..แล้วที่เขาปั่นเทรนด์ช่วยพี่นั่น มันคืออะไรกันแน่ หรือเขาทำเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อพี่"
"พอเถอะน่ากุ๊กไก่ เราไปกันเถอะ"
หญิงสาวเดินหาของกินอร่อยๆ กับทีมงานของบีเดอะไลท์ หลังจากนั้นพอฟ้าเริ่มมืดต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
"กุ๊กไก่เธอกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อนนะ พี่ว่าจะไปถ่ายรูปเก็บไอเดียสำหรับโปรเจค 4D อาร์ทของสถาบันสักหน่อย"
"ได้ค่ะ ยังไงพี่ก็อย่ากลับดึกนะคะ"
แม็กนัสวิ่งออกไปตามโถงทางเดินอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่ได้วิ่งหนี แต่กำลังวิ่งล่อเหยื่อ การหายใจของเขาหนักหน่วงและรุนแรงไม่ต่างจากเสียงฝีเท้าของคิทซ์ โอซัลลิแวนที่วิ่งตามมาติด ๆ ชายผู้บุกรุกฉายานักแฮ็กเกอร์ขององค์กรใต้ดินผู้มีพละกำลังที่มหาศาล และความแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวกว่าเดิม“แกจะหนีไปไหนไม่รอดหรอก แม็กนัส! ส่งเมียแกมา!” อีกฝ่ายตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยิงปืนพกกระบอกสำรองเข้าใส่ผนังใกล้ ๆ แม็กนัสเพื่อกดดันให้เขาจนมุมแม็กนัสไม่ตอบโต้ เขาทิ้งตัวลงสไลด์ไปตามพื้นโถงทางเดินที่ปูด้วยพรมขนสั้น แล้วใช้ช่วงเวลานั้นในการเตะขาโต๊ะไม้แกะสลักมูลค่ามหาศาลให้ล้มลงขวางทาง คิทซ์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับโต๊ะอย่างจัง ทำให้การไล่ล่าชะงักไปชั่วขณะติ๊ด... ติ๊ด...“แอ็กเซล รายงาน ทางเข้าปล่องระบายอากาศจะปลดล็อกในอีก 30 วินาที คุณแม็กต้องถึงจุดรวมพลชั้น B ภายใน 1 นาที”“ฉันกำลังไป! ดูแลเดมี่ให้ดี!” แม็กนัสตอบกลับทางไมค์ที่ซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่บันไดหนีไฟ แล้วเริ่มวิ่งลงบันไดไปทีละสองสามขั้น ถ้าตอนนี้ฮัลค์อยู่กับเขาด้วยก็คงจะดี เพราะเข
แม็กนัสคลายอ้อมกอดจากภรรยา แล้วใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเธอไว้แน่นขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของสมาชิกทีมที่ปรากฏบนจออย่างจริงจังอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าคำสั่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล่น และนี่เป็นเรื่องที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก“แอ็กเซล มานี้หน่อย" แม็กนัสหันไปกวักมือเรียกให้หัวหน้าบอดี้การ์ดเข้ามาข้างใน"ว่าไงครับบอส""ฉันอยากให้นายดูแลเรื่องเส้นทางหลบหนี ส่วนเคน จัดการเรื่องการสื่อสารและซุ่มโจมตีที่คาดไม่ถึง ผมต้องการชุดอำพรางที่ดีที่สุดสำหรับเดมี่” แม็กนัสออกคำสั่งรัวเร็ว ราวกับเครื่องจักรที่ทำงานด้วยความแม่นยำสูงบอดี้การ์ดหนุ่มคู่หูทั้งสองคนที่ปกติจะประจำอยู่ที่ซิลิคอลวัลเล่ย์ ถูกเรียกมากระทันหันเพราะพวกเขาฝีมือดีสุดในทีมบอดี้การ์ฺดที่เขาเคยจ้างมา หลังจากฟังคำสั่งเจ้านายเสร็จ ทั้งคู่จึงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “เข้าใจแล้วครับคุณแม็ก แต่การเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงนั้นบีบมาก และปีกตะวันตกกำลังมีปัญหา เราสงสัยว่าคนที่มาใหม่คือกลุ่มสอดแนมจากองค์กรคู่แข่ง พวกมันกำลังพยายามเข้าถึงฐานข้อมูลหลัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเรา” เคนเอ่ยดารินธิราที่กำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างสามีรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่
แม็กนัสค่อย ๆ ประคองดารินธิราให้ลงจากตักแล้วจัดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนให้เธออย่างเบามือ ราวกับว่าการสัมผัสแรงไปกว่านี้จะทำให้เธอแตกสลายเขาวางเธอไว้บนโซฟาตัวยาวที่แสนสบาย และเลื่อนไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวผมขอคุยกับเดอะแก๊งไม่นานนะครับ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะกดปุ่มเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ทันทีที่ใบหน้าของสมาชิกทีมปรากฏขึ้นเต็มจอ บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่ก็สลายหายไป กลายเป็นความเคร่งเครียดที่แผ่ออกมาทางหน้าจอ แม้แต่ฟิลิกซ์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่ปกติจะดูผ่อนคลายที่สุด ก็ยังมีคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน“สถานการณ์ล่าสุด...?” แม็กนัสไม่รอช้า เริ่มการประชุมด้วยน้ำเสียงที่กลับสู่ความจริงจังและเด็ดขาดทันทีทุกคนเริ่มรายงานสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชญากรที่พวกเขาแทรกซึมเข้ามา แม็กนัสพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อ แต่สายตาของเขาก็ลอบมองไปยังดารินธิราที่นั่งเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้ง“...สรุปคือ เป้าหมายหลักยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่มีสัญญาณแปลก ๆ ที่ปีกตะวันตก ดูเหมือนพวกเขาจะได้รับแขกที่ไม่คาดคิดมาเพิ่ม” เสียงของฟิลิกซ์ดังขึ้นจากลำโพง ก่อนที่เขาจะ
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ







