Share

ประหารคนตระกูลพาน

Penulis: zuey
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-05 12:06:47

“ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจางเป่าขอเข้าเฝ้า”

ขันทีหนุ่มคุกเข่าต่อหน้าผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลวงทั้งสาม ดวงตาของเขากลอกกลิ้งด้วยท่าทีประหม่า เพราะไม่รู้ว่าตนเองได้ทำสิ่งใดหรือไปล่วงเกินใครเข้าหรือไม่ ถึงได้ถูกเรียกตัวมาเช่นนี้

“จางเป่า ไหนเจ้าบอกเรามาซิว่าเจ้าเคยพบนางหรือไม่”

ขันทีจางเป่าเงยหน้าขึ้นมองสตรีชุดขาวใบหน้างดงามที่ยืนอยู่ข้างกายฮองเฮา

“กราบทูลฝ่าบาท เคยพบพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้พบนางครั้งแรกเมื่องานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของพระองค์ นางคือสตรีที่ขึ้นร่ายรำเพื่ออวยพรในวันนั้น อีกครั้งหนึ่งคือวันที่กระหม่อมนำพระราชโองการไปประกาศยังจวนแม่ทัพพาน”

“แค่นั้นจริงๆ หรือ”

จางเป่าไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของผู้เป็นนายเหนือหัวที่เรียกตนมาถามเรื่องหญิงสาวผู้นั้น เขาคิดตรึกตรองในใจว่าตนเองได้ลืมสิ่งใดไปหรือไม่ แล้วภาพของสตรีร่างบอบบางนั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางแดดจ้าก็วาบเข้ามาในหัว

“ยังมีอีกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเคยได้เห็นนางคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักกวานจี....”

จางเป่าเหลือบมองเฉิงหรงกุ้ยเฟยด้วยท่าทีประหม่า

“หกครั้งพ่ะย่ะค่ะ เดือนนี้นางเข้าวังมาคุกเข่า...หกครั้ง”

จ่างเป่าลดเสียงลงเพราะรู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงที่ส่งมายังตน เขาถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเมื่อคิดได้ว่าตนเองได้เอ่ยสิ่งใดออกไป เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเฉิงหรงกุ้ยเฟยแน่ แค่คิดว่าตนเองต้องถูกนางกระทำสิ่งใดหลังจากนี้ เขาก็รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทันที

“ยังมีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”

“หม่อมฉัน...หม่อมฉันแค่ไม่พอใจที่นางดูถูกตระกูลโจว ทั้งยังปล่อยให้อดีตคนรักเข้าไปอาละวาดในงานแต่งงานของน้องชาย ฝ่าบาทไม่รู้ว่าครั้งนั้นผู้คนในเมืองหลวงเอ่ยถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง มารดาของหม่อมฉันทุกข์ใจจนกระทั่งล้มป่วย”

ท่าทางเสแสร้งของเฉิงหรงกุ้ยเฟยทำเอาซ่างกวนฮองเฮาบิดปากอย่างนึกรังเกียจ ท่าทางเช่นนั้นทำให้ใครดูกัน

“เจ้าพูดจริงหรือ”

เซี่ยฮ่องเต้เอ่ยถามเสียงทุ้มด้วยสีหน้าคลางแคลง นางเคยมีอดีตคู่รักอย่างนั้นหรือ เมื่อได้ฟังเฉิงหรงกุ้ยเฟยเอ่ยถึงชายอื่นภายในใจของเซี่ยฮ่องเต้ก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ฝ่าบาทควรถามนางด้วยตนเองนะเพคะ”

เจ้าของตำหนักกวานจียกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดบังรอยยิ้มสะใจของตน ทว่านางไม่รู้ว่าผู้ที่ออกหน้ากลับเป็นฮองเฮา

“เช่นนั้นให้หม่อมฉันตอบแทนพานเยว่หลานเองเพคะ เป็นความจริงที่นางเคยมีคู่รักวัยเยาว์ บุรุษผู้นั้นคือคุณชายสามของตระกูลเย่ ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันจนกระทั่งสัญญาว่าจะแต่งงานหลังจากที่นางพ้นวัยปักปิ่น ทว่าตระกูลโจวกลับแย่งชิงวาสนาของทั้งสองไป คุณชายสามเย่ตรอมใจอย่างหนัก จึงได้ไปอาละวาดที่งานแต่งของตระกูลโจวในวันนั้น ทว่าบัดนี้เพราะมิอาจทนแบกรับความข่มขื่นได้อีกต่อไป จึงหันหน้าเข้าหาพุทธศาสนา ชายหนุ่มผู้มีอนาคตไกลได้ปลงผมบวชเป็นหลวงจีนไปแล้วเพคะ”

สิ้นเสียงซ่างกวนฮองเฮาภายในห้องทรงงานก็เงียบกริบราวกับว่ามิมีผู้ใดอยู่ในนั้นเลย แม้แต่จางเป่าและจางเข่อสองขันทียังแทบกลั้นหายใจเมื่อได้รับรู้เรื่องราวของหญิงสาวตรงหน้า

“เป็นความจริงหรือ ที่คุณชายสามเย่ตอนนี้ปลงผมบวชเป็นหลวงจีน”

“เพคะ เมื่อวานหม่อมฉันได้ไปไหว้พระที่วัดหลิงซานนอกเมืองหลวง เพื่อขอพรให้บิดาที่อยู่ชายแดนแคล้วคลาดต่อคมหอกของศัตรู ทว่ากลับได้พบหลวงจีนหนุ่มนามว่าอันคงไต้ซือที่กำลังกวาดใบไม้ในลานวัดโดยบังเอิญ”

เฉิงหรงกุ้ยเฟยมีท่าทีอึกอัก เพราะนางไม่รู้ว่าบุตรชายคนที่สามของโสวฝู่ตระกูลเย่จะทำเช่นนั้น ก็แค่สตรีนางหนึ่งเท่านั้นเหตุใดถึงได้ปักใจเพียงนี้ เมื่อคิดว่าตระกูลโจวต้องเป็นศัตรูกับตระกูลเย่นางก็รู้สึกว่าตนเองกำลังเดินหมากพลาดไป

“เรื่องนี้มิใช่เพียงเรื่องของตระกูลโจวและสะใภ้แล้วนะเพคะ คุณชายสามเย่ถึงขึ้นบวชเป็นหลวงจีน หม่อมฉันว่าเรื่องนี้มันผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น”

ซ่างกวนฮองเฮาเอ่ยขยี้ปมที่เฉิงหรงกุ้ยเฟยผูก

“แม้ท่านโสวฝู่มิได้เอ่ยสิ่งใด ทว่าย่อมต้องรู้สึกไม่พอใจต่อเรื่องนี้ ถึงท่านเสนาบดีโจวจะมีผลงานที่ช่วยแก้ไขเรื่องภัยแล้ง แต่ท่านโสวฝู่เองก็มีผลงานตั้งแต่รัชสมัยของไท่ซ่างหวงเช่นกัน ตระกูลโจวทำเช่นนี้มิเป็นการดูหมิ่นตระกูลเย่หรือ”

“อีกอย่างเฉิงหรงกุ้ยเฟยยังใช้อำนาจส่วนตัวรังแกบุตรีของแม่ทัพพานผู้ใช้เลือดเนื้อปกป้องแผ่นดินต้าเหลียง ถ้าหากไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่นางได้แล้วยังจะมีใครยอมสละชีวิตตนเองปกป้องแผ่นดินอีกเล่า ในเมื่อครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังกลับถูกผู้มีอำนาจข่มเหงเช่นนี้”

วาจาของซ่างกวนฮองเฮาช่างตรงใจเซี่ยฮ่องเต้นัก ทว่าคนก็แต่งงานไปแล้วตนเองจะทำเช่นไรได้อีก

“ฮองเฮาคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“หม่อมฉันคิดว่า...”

ยังไม่ทันที่ซ่างกวนฮองเฮาจะได้เอ่ยออกมา ด้านนอกก็มีเสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น

“กระหม่อมโจวอวี้หรานเสนาบดีกรมพระคลัง ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

คิ้วคมขมวดเข้าหากันมุ่น นัยน์ตาเหยี่ยวเหลือบมองเฉิงหรงกุ้ยเฟยด้วยท่าทีเคลือบแคลง

“ให้เข้ามา”

เมื่อเสียงทุ้มเอ่ยอนุญาต ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาภายในห้องทรงงานอย่างเร่งรีบ ในมือยังถือม้วนกระดาษและกล่องไม้สลักลวดลายมังกรที่เคลือบด้วยสีทองด้านบน

“กระหม่อมโจวอี้หราน ถวายบังคมฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงตรงหน้าพระที่นั่งของเซี่ยฮ่องเต้

“ใต้เท้าโจวต้องการมาพบเราเร่งด่วนเพียงนี้มีเรื่องใดหรือ”

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องต้องการกราบทูลพระองค์ให้ทราบ เกี่ยวกับการทรยศของตระกูลขุนนางในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าคมก็มีแววจริงจังขึ้นหลายส่วน ต้องบอกว่าตัวเขาที่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้นั้นมีขุนนางผู้สนับสนุนเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้น ถ้ามิใช่อดีตฮ่องเต้เป็นผู้ออกราชโองการแต่งตั้งเอาไว้ล่วงหน้า เหล่าพี่น้องอีกหลายคนคงได้ลงมือแย่งชิงตำแหน่งนี้ไปจากตนแน่

ฉะนั้น เซี่ยฮ่องเต้จึงอ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องการซ่องสุมกำลังคนและการวางแผนก่อกบฏยิ่งนัก

“ใต้เท้าโจวพูดจริงหรือ ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าเอ่ยสิ่งใดต้องมีหลักฐานมิใช่เพียงลมปากเท่านั้น”

ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ทุกวาจาที่กระหม่อมเอ่ยออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นความจริงหลายเดือนมานี้กระหม่อมได้ให้คนรวบรวมหลักฐานจนกระทั่งได้ทุกอย่างมาครบแล้ว ได้โปรดฝ่าบาททรงพิจารณา”

“ส่งมาให้เราดู”

โจวอี้หรานยกกล่องไม้และม้วนกระดาษชูขึ้น ขันทีจางเข่อรู้งานรีบเดินเข้าไปรับมาจากมือของชายวัยกลางคนทันที

“เรื่องนี้มีใครบ้างที่รู้ ท่านแน่ใจหรือว่าสิ่งเหล่านี่เป็นของจริง”

เมื่อได้อ่านข้อความที่อยู่ด้านใน ดวงตาคมจึงเผลอเหลือบมองหญิงสาวร่างบางในชุดขาวที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้าง

“นอกจากกระหม่อมแล้วยังมีขุนนางอีกหลายท่านที่พร้อมมาเป็นพยานว่าหลักฐานเหล่านี้เป็นของจริง”

“เช่นนั้นก็ให้ผู้ตรวจการเหลยจัดการก็แล้วกัน”

เซี่ยฮ่องเต้สะบัดมือส่งสัญญาณให้ใต้เท้าโจวออกไป ชายวัยกลางคนเหลือบตามองบุตรสาวเล็กน้อย ก่อนจะค้อมกายคารวะผู้เป็นใหญ่ในวังหลวงทั้งสองแล้วเดินออกจากห้องไป

“เช่นนั้น..”

“พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แต่มิใช่ว่าเราจะไม่ให้ความเป็นธรรมกับนาง แต่เรื่องของบ้านเมืองย่อมต้องมาก่อน วันนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปเถิด”

แม่จะมิได้รับคำตอบจากฮ่องเต้ แต่ภายในใจของพานเยว่หลานก็รู้สึกร้อนรุ่มกับการมาของพ่อสามี นางนั่งรถม้ากลับไปยังเรือนตระกูลโจวอย่างเงียบๆ เก็บตัวอยู่ภายในห้องรอคอยให้ฮองเฮาเรียกตัวเข้าวังอีกครั้ง

ทว่าวันต่อมาข่าวลือเรื่องที่ตระกูลพานเป็นกบฏแอบไปเข้ากับฝ่ายของศัตรูก็ถูกกล่าวถึงไปทั่วเมืองหลวง สาวใช้ฮวาเอ๋อที่ออกไปนอกจวนรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งแก่นายของตน

“ไม่จริง!! ข่าวลือพวกนั้นมิใช่เรื่องจริง ท่านพ่อของข้าไม่มีวันทรยศต่อประเทศชาติแน่นอน”

หญิงสาวตวาดแหวออกไปเมื่อได้ฟังเรื่องที่ฮวาเอ๋อเล่า

“ตอนนี้ภายในเมืองหลวงต่างก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างหนาหู บ่าวเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปได้ยินข่าวนี้มาจากที่ใด”

“ฮวาเอ๋อข้าต้องกลับบ้านตอนนี้ เจ้าให้คนเตรียมรถม้าให้ข้าที”

พานเยว่หลานเอ่ยกับฮวาเอ๋ออย่างร้อนรน ทว่ากลับมีเสียงของใครบางคนดังขึ้นที่หน้าประตู

“ไม่จำเป็นหรอก ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปในตระกูลพานได้”

หญิงสาวตวัดสายตาไปยังผู้ที่มาใหม่ทันที เมื่อเห็นว่าเป็นโจวหานอี้ สำนึกบางอย่างก็ทำให้นางนึกถึงการพบกันกับพ่อสามีในวังหลวงเมื่อวาน

“เป็นท่านใช่หรือไม่ที่ปล่อยข่าวลือพวกนี้ออกมา เป็นตระกูลโจวของท่านที่ใส่ร้ายท่านพ่อของข้า”

หญิงสาวพุ่งตัวเข้าไปกระชากสาบเสื้อของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น

“แล้วแต่เจ้าจะคิด แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนตระกูลโจวของข้า ถ้าไม่อยากถูกคุมตัวไปยังคุกหลวงอีกคน ก็จงอยู่เงียบๆ ไปซะ”

เมื่อเอ่ยจบร่างสูงก็เดินจากไปด้วยสีหน้าพอใจ

พานเยว่หลานอาละวาดอยู่ภายในห้องด้วยความโมโห ด้านนอกเรือนของนางมีบ่าวรับใช้ชายสี่คนเฝ้าเอาไว้ตามคำสั่งของโจวหานอี้

ครึ่งเดือนต่อมา

“ฮวาเอ๋อเจ้าช่วยออกไปสืบข่าวให้ข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าคนตระกูลพานเป็นอย่างไรบ้าง”

หลายวันมานี้นางฝันไม่ดีเอาเสียเลย จึงอยากรู้ว่าครอบครัวเป็นอย่างไร

“เจ้าไม่ต้องสั่งสาวใช้ให้ออกไปสืบหรอก วันนี้เจ้าจะได้เห็นด้วยตาตนเองว่าตระกูลพานเป็นอย่างไรบ้าง ตามข้ามาสิ”

ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้องโถงของเรือน โจวหานอี้ดึงร่างบางให้ตามตนเองออกจากเรือนตระกูลโจว รถม้าวิ่งตามถนนเส้นหลักไปเรื่อยๆ ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ม้าก็วิ่งมาหยุดอยู่ที่ลานกลางเมือง สถานที่สำหรับประหารผู้กระทำความผิดต่อหน้าสาธารณชน

“ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม”

หัวใจของหญิงสาวสั่นสะท้าน ตลอดครึ่งเดือนนางที่อยู่เพียงในเรือนไม่สามารถรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับครอบครัวของตนเลย นางหวาดกลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

“ก็เจ้าบอกว่าต้องการรู้ข่าวของคนตระกูลพานมิใช่หรือ ข้าก็พาเจ้ามาแล้วอย่างไร

“โจวหานอี้ ท่านหมายความว่าอย่างไร”

ดวงตางามจ้องเขม็งไปยังผู้พูด

“ก็หมายความว่า ที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้เจ้าได้พบกับครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย ดูเอาเองสิว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง”

ชายหนุ่มเปิดม่านหน้าต่างรถม้า กลิ่นคาวโลหิตก็พุ่งปะทะเข้ามาในจมูกทันที เมื่อดวงตากลมโตมองออกไป หญิงสาวก็ได้เห็นกลุ่มคนมากมายกำลังรวมตัวกันอยู่ไม่ไกล

ทว่าท่ามกลางคนเหล่านั้นพานเยว่หลานได้เห็นบิดามารดาและพี่ชายทั้งสอง พวกเขากำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางลานโล่ง รอบด้านล้วนเจิ่งนองไปด้วยโลหิตและศพของคนตระกูลพานนับร้อยชีวิต ทว่าบัดนี้เหลือเพียงคนทั้งสีที่คุกเข่าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเรียกของพานเยว่หลาน ดวงตาทั้งสี่คู่จึงเหลือบมองมา

“ไม่จริง!! ท่านพ่อ! ท่านแม่! พี่ใหญ่! พี่รอง!”

ร่างบางพยายามตะเกียกตะกายลงจากรถม้า ทว่ากลับถูก โจวหานอี้จับตัวเอาไว้ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดและหวาดกลัว ไหลทะลักออกมาเหมือนทำนบแตก

“ปล่อยข้าโจวหานอี้!! ข้าจะไปหาพวกเขา”

“ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าลงไปแน่ ถ้ามีคนเห็นหน้าเจ้าที่นี่ชื่อเสียงของตระกูลโจวคงด่างพร้อย ที่ข้ายอมพาเจ้ามาก็เพื่อให้เจ้าได้เห็นจุดจบของบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองของเจ้าเท่านั้น”

นางยกมือปิดหน้าครวญครางด้วยความเจ็บปวด นางไม่ต้องการได้ยินเสียงของเขาที่กำลังเอ่ยเชือดเฉือนหัวใจ เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวแต่ละครั้งประดุจดังลมหายใจของครอบครัวที่กำลังปิดปลิว

หญิงสาวยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างรถม้า หวังว่าจะสามารถคว้าจับพวกเขาเอาไว้ ดวงตาอ่อนโยนของบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองได้ถ่ายทอดความรักความห่วงใยทุกสิ่งมาที่นาง

เมื่อถึงเวลาเพชฌฆาตสี่คนได้ก้าวมาหยุดอยู่ด้านหลังของพวกเขา ทันทีที่เสียงสั่งลงมือประหารดังขึ้น พานเยว่หลานก็กรีดร้องออกมาจนสุดเสียง

“กรี๊ด!!! ไม่!! ฮื่อออ!! ท่านพ่อ ท่านแม่ พาข้าไปกับพวกท่านด้วย อย่าทิ้งข้าเอาไว้เพียงลำพังเช่นนี้”

ร่างบางสะอื้นไห้ราวกับจะขาดใจ เมื่อได้เห็นบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองถูกสังหารต่อหน้าต่อตา นางมิอาจฝืนทนแบกรับความเจ็บปวดนี้ได้ หญิงสาวหมดสติภายใต้อ้อมแขนของโจวหานอี้

“กลับ”

เมื่อเห็นว่าคนตระกูลพานทั้งหมดถูกสังหารด้วยตาตนเอง คุณชายใหญ่ตระกูลโจวจึงสั่งให้คนขับรถม้ากลับไปยังเรือนตามเดิม

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   พบหน้าองค์ชายใหญ่

    “หม่อมฉันต้องขอบพระทัยในพระกรุณาขององค์หญิงใหญ่เพคะ”“ขอบคุณอันใดกัน ต้องเป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตบุตรสาวเพียงคนเดียวของข้าเอาไว้”สตรีทั้งสองพูดคุยอย่างสนิทสนม เหล่าผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างมองเห็นอยู่ในสายตา คนที่เคยดูแคลนพานเยียนหลิงบัดนี้ต่างเงียบกริบมิกล้าเอ่ยวิจารณ์ต่อชาติกำเนิดอันต่ำต้อยของนางเมื่อองค์หญิงใหญ่กล่าวเปิดงาน เหล่าคุณหนูคุณชายต่างแยกตัวออกไปเพื่อคิดสิ่งที่ตนจะนำมาประชันในวันนี้ บางคนแยกตัวออกไปเพื่อเขียนบทกลอน รอบด้านที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะและต้นดอกเหมย ความงามนี้ทำให้สามารถกลั่นอารมณ์ความรู้สึกออกมาเป็นบทกลอนได้แคว้นต้าเหลียงค่อนข้างเปิดกว้าง บุรุษและสตรีไม่จำเป็นต้องนั่งแยกโดยมีฉากกั้น พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้โดยที่ต้องอยู่ในสายตาของผู้อื่น“พานเยียนหลิง มากับพวกเราสิ”การแสดงออกของหลิ่วหรูเยียนทำให้หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ในวังหลวงนางได้ยินความคิดของคนเหล่านี้ พวกนางไม่ชอบตนเหตุใดวันนี้กลับแสดงท่าทีเป็นมิตรอย่างแปลกๆ“ท่านหญิงโหลวเย่”พานเยียนหลิงยอบกายพลางเอ่ยทักทาย“ไม่ต้องมีพิธีรีตองอันใดกับข้า ความจริงที่ข้าเรียกเจ้าก็เพราะต้องการขอบคุณ

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   งานเลี้ยงขอบคุณ

    “ปล่อยให้นางอยู่ในโลกของตนไปเถอะ ใครทำหน้าที่ดูแลตำหนักหลังนี้ให้เข้ามาทำความสะอาดภายในห้อง อากาศข้างในหนาวเย็นนัก นำผ้านวมและเตาถ่านไปวางไว้ด้านใน ดูแลนางให้ดีอย่าให้นางต้องลำบาก ขาดเหลือสิ่งใดให้แจ้งแก่ฟางมามา”ก่อนจากไป ซ่างกวนฮองเฮาได้หันกลับไปมองเฉิงหรงกุ้ยเฟยอีกครั้ง ทว่าพระนางกลับมองเห็นหญิงสาวผู้งดงามซ้อนทับอยู่เบื้องหลัง“พานเยว่หลานหรือ”ชื่อนี้นางมิได้เอ่ยถึงนานมากแล้ว เพียงพริบตาเงาร่างนั้นก็หายไป หลังจากมองสำรวจภายในห้องอีกครั้งกลับไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ ซ่างกวนฮองเฮาจึงคิดว่าตนเพียงตาฝาดไปเท่านั้นณ จวนตระกูลพานภายหลังเมื่อเรื่องทุกอย่างสงบลง พานเยียนหลิงผู้อยู่ในทุกช่วงเหตุการณ์ก็ได้กลับไปยังเรือนของตน ทว่าข่าวลือเรื่องที่พระชายาองค์ชายหกได้สูญเสียบุตรในครรภ์กลับแพร่กระจายออกไป เย่เหยาหว่านผู้ซ่อนตัวอยู่ภายในตำหนักคุนหนิงมาตลอด บัดนี้ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเพื่อสยบข่าวลือที่ไม่เป็นจริงผ่านไปหลายวันพานเยียนหลิงเอาแต่ขลุกอยู่ภายในเรือน การเข้าวังหลวงหนึ่งครั้งทำให้นางสูญเสียพลังกายไปทั้งหมด สถานที่น่ากลัวเช่นนั้นนางไม่อยากต้องกลับเข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าจะเป็นเร

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   เปิดโปงแผนการอันโสมม

    ขันทีจางกระทืบเท้าอย่างขัดใจทว่าสุดท้ายก็รีบวิ่งตามชายหนุ่มไปอย่างรีบร้อน ภายหลังเมื่อคนทั้งสองเข้าเฝ้าเพื่อขอพระราชทานอนุญาตเข้าไปยังตำหนักเย็นเซี่ยฮ่องเต้ก็เอ่ยเอยปฏิเสธทันที แต่พระองค์กลับถูกผู้เฒ่าเย่และขุนนางบางส่วนกดดันทำให้จำต้องยอมอนุญาตแม้กฎของวังหลังจะเข้มงวดทว่าเรื่องความบริสุทธิ์ของฮองเฮาก็สำคัญ สุดท้ายก็มิอาจต่อสู้กับฝีปากชายชราได้จึงจำยอมต้องมอบป้ายอนุญาตผ่านทางแกคนทั้งสองหลังจากได้รับป้ายอนุญาตเข้าไปยังตำหนักเย็นพานเยียนหลิงก็ใช้ความสามารถของตนฟังความคิดของผู้คนที่อยู่ด้านใน ความสับสนวุ่นวายที่ได้ยินทำให้นางรู้สึกปวดหัวแทบระเบิด ไม่รู้ว่าใช้ชีวิตกันอย่างไร ทว่าเกือบทั้งหมดเป็นคนที่แทบจะเสียสติ“ทางนั้น!! เขาอยู่ในตำหนักหลังนั้น”หญิงสาวชี้ไปยังตำหนักด้านในสุด เย่เสวียนจื่อถีบประตูให้เปิดออก พลันพบร่างโชกเลือดหายใจรวยรินนอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวของขันทีที่กำลังตามหา หญิงสาวจึงรีบพุ่งเข้าหาเขาทันที ดูจากบาดแผลที่เริ่มแห้งจับตัวเป็นก้อนคนผู้นี้คงได้รับบาดเจ็บมาหลายชั่วยามแล้ว“แข็งใจเอาไว้ก่อน ข้าจะให้คนไปตาหมอหลวงมารักษาเจ้า”ขันทีผู้นั้นจำนางได้ หญิงสาวที่ช่วยไม่ให้เขาต้อง

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   ตามหาพยานและหลักฐาน

    เพราะพูดคุยไม่รู้เรื่องทำให้ชายหนุ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่นางกำลังจะสื่อ เย่เสวียนจื่อดันร่างเล็กของพานซืออวิ๋นออกห่าง ก่อนชายหนุ่มจะพุ่งตัวลงไปในน้ำฟู่อี้ก็เข้ามาขวางเอาไว้“หลีกทางให้ข้าฟู่อี้!!”ชายหนุ่มดิ้นรนออกจากการเกาะกุมขององครักษ์คนสนิทด้วยสีหน้าเดือดดาล อากาศข้างบนหนาวเย็นเพียงนี้ไม่รู้ว่าในน้ำจะเย็นเยียบเพียงใด แล้วคิดว่าสตรีผอมบางอย่างนางจะทนได้หรือ เหตุใดต้องทำอะไรสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ในระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสองยื้อยุด เย่อิ่งเจินก็ชี้ลงไปในน้ำ“พี่รองนางกลับขึ้นมาแล้ว”ทุกสายตาต่างมองตรงไปยังสตรีร่างบางที่กำลังพยายามลากร่างของสตรีอีกนางกลับขึ้นฝั่ง ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็รีบคว้าชุดคลุมในมือของพานซืออวิ๋นรวมถึงของตนพุ่งเข้าหานางทันที“เจ้าเด็กโง่ เจ้าต้องการให้ข้าขาดใจตายหรืออย่างไร”หญิงสาวสั่นเทาไปทั้งกายเพราะความหนาวเย็น นางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ“ขะ...ข้า...ไม่...เป็น...ไร ทะ...ท่านเรียกหมอหลวงมาดูนางก่อน”ฟันของนางกระทบกันดังกึกกึกจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ ทว่าเมื่อหญิงสาวเอ่ยจบนางก็หมดสติไปเพราะใช้พลังกายไปจนหมดแล้วเย่เสวียนจื่อไม่สนใจสตรีอีกนางที่นอนอยู่ตรงนั้น เขาใช้ชุดคลุมของต

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   ช่วยชีวิตบุตรองค์หญิงใหญ่

    “หว่านเอ๋อข้ามาแล้ว เจ้าเป็นยังไงบ้าง”องค์ชายหกเมื่อได้ทราบข่าวเกี่ยวกับพระชายาของตน เขาก็พุ่งออกจากงานเลี้ยงมายังตำหนักคุนหนิงทันที เมื่อชายหนุ่มเข้ามาภายในห้องรับรองเห็นภรรยานั่งดื่มชาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก็อดแสดงท่าทางงุนงงมิได้“ข้าได้ยินนางกำนัลบอกว่าเจ้าล้ม”“เพคะ แต่หม่อมฉันไม่เป็นอันใด เป็นหลิงเอ๋อที่ช่วยเอาไว้ได้ทัน”“จริงหรือ คุณหนูเย่ต้องขอบคุณที่เจ้าช่วยพระชายาและลูกของข้า”ความหนักอึ้งที่อยู่ภายในอกได้ถูกวางลง เมื่อเห็นนางยังสบายดี“ไม่เป็นไรเพคะ สำหรับหม่อมฉันแล้วพี่หญิงเย่ไม่ต่างจากพี่สาวแท้ๆ ไม่ว่ามีใครคิดปองร้ายนางหม่อมฉันไม่ยอมปล่อยผ่านแน่”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”เมื่อได้ยินปริศนาที่หญิงสาวเอ่ยก็รู้สึกสงสัยในใจ พานเยียนหลิงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่นางกำนัลทำก่อนหน้า ทั้งยังเอ่ยถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง“เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยผ่านได้ การปองร้ายเชื้อพระวงศ์มีโทษสถานหนัก อีกอย่างข้าจะต้องทำให้นางเจ็บปวดยิ่งกว่าที่หว่านเอ๋อของข้าได้รับ”พานเยียนหลิงพอใจที่องค์ชายหกแสดงท่าทีปกป้องเย่เหยาหว่าน“ใจเย็นๆ ก่อนเพคะ ต้องให้ฮองเฮามาที่นี่ข้าจะบอกแผนการเอาคืนคนที่กล้าคิดทำร้าย

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   แผนร้าย

    หลังจากที่เข้าไปภายในงานเลี้ยง เหล่าครอบครัวของขุนนางที่สนิทสนมกันต่างเข้ามาทักทาย บางคนมองพานเยียนหลิงที่ถึงวัยแต่งงานแล้วราวกับมองขนมหวาน แม้นางจะไม่มีครอบครัวเบื้องหลังที่แข็งแกร่งทว่านางมีผู้เฒ่าเย่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วหญิงสาวที่ได้ยินความคิดของฮูหยินขุนนางเหล่านั้นก็รู้สึกทำหน้าไม่ถูก นี่มันงานเลี้ยงถวายพระพรฮองเฮาหรืองานจัดหาลูกสะใภ้กันแน่ เหตุใดพวกนางถึงได้มองตนเช่นนั้นหลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอตระกูลพานก็กลับไปนั่งยังตำแหน่งที่ทางวังหลวงจัดไว้ให้ คือตำแหน่งที่ใกล้ฮ่องเต้และฮองเฮาที่สุดถัดจากเหล่าเชื้อพระวงศ์ พานเยียนหลิงและน้องๆ จึงได้นั่งถัดจากตระกูลเย่ลงไป“ฮ่องเต้เสด็จแล้ว ไทเฮาเสด็จแล้ว ฮองเฮาเสด็จแล้ว”ขันทีที่อยู่ด้านนอกขานชื่อผู้เป็นใหญ่ทั้งสามแห่งต้าเหลียง เหล่าขุนนางและครอบครัวต่างลุกขึ้นยืนถวายบังคมพร้อมเพรียงกัน จากนั้นการถวายพระพรและมอบของขวัญแด่ฮองเฮาจึงเริ่มต้นขึ้นวันเกิดปีนี้ฮองเฮาดูมีความสุขยิ่งกว่าปีไหนๆ เพราะบุตรชายของพระนางที่พึ่งจะแต่งงานได้เพียงไม่กี่เดือนพระชายาก็ตั้งครรภ์เสียแล้วแตกต่างจากเหล่าองค์ชายคนอื่นที่มีพระชายาในตำหนักมากมาย ทว่ากลับไ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status