Share

บทที่ 12

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
เฉินฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือของฉินเย่ว์เจียวมีอาการสั่นเล็กน้อย

เมื่อหันกลับก็พบว่ามีเหงื่อเต็มหน้าผากฉินเย่ว์เจียว

ฉินเย่ว์เจียวแสดงสีหน้าท่าทางเป็นความกล้าหาญทันทีที่เห็นเฉินฝานหันกลับมา

ท่าทางดื้อรั้นของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานหัวเราะ

“นั่นมันเสือ จะกลัวขายหน้าทำไม ข้าก็กลัวเหมือนกัน”

เฉินฝานกุมมือฉินเย่ว์เจียวแน่น “อยู่ใกล้ข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องฝืน พวกเราไม่ต้องเข้าไปลึกมาก แค่มองรอบ ๆ ว่ามีพวกกระต่ายป่าหรือนกป่าหรือไม่ก็พอ จับสักตัวสองตัวพวกเราก็กลับ ห้ามโลภเด็ดขาด”

ภูเขาหัวเสือเพราะว่ามีเสือ คนจึงขึ้นมาน้อย พวกเฉินฝานจับไก่ป่าได้สามตัวกับกระต่ายหนึ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว

“สวบ!”

ฝีมือการยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวไม่เลวจริง ๆ นางยิงกระต่ายได้อีกหนึ่งตัว

“ยิงโดนแล้ว ข้ายิงโดนอีกแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียววิ่งไปเก็บกระต่ายอย่างดีใจ

“เย่ว์เจียว กลับมา……”

“โฮก!”

เสียงของเฉินฝานถูกเสียงโฮกของเสือกลบ

ตรงหน้ามีเสือกระโจนออกมากะทะหันตัวหนึ่ง มันจ้องเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวไม่ขยับ

ฉินเย่ว์เจียวชูคันธนูขึ้นตามสัญชาตญาณ

“อย่าขยับ!” เฉินฝานตะโกนห้ามฉินเย่ว์เจียว

พุ่มหญ้าด้านหลังเสือมีความเคลื่อนไหว

นอกจากตัวที่พวกเขาเห็นตอนนี้แล้ว ยังมีเสืออย่างน้อยสองตัวอยู่ข้างหน้าพวกเขา

“ไม่ต้องกลัวและไม่ต้องขยับ” เฉินฝานพูดปลอบใจฉินเย่ว์เจียวพร้อมสังเกตท่าทางของเสืออย่างตั้งใจ

เขากับฉินเย่ว์เจียวขึ้นมาบนภูเขาหัวเสือครั้งแรกทั้งคู่ ไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แถวนี้ จากที่เห็นเวลานี้ พวกเขาน่าจะบุกรุกพื้นที่ล่าอาหารของเสือ

โชคดีที่โชคของพวกเขาไม่ได้แย่ถึงที่สุด เพระท้องของเสือตัวนี้มีความป่องเล็กน้อย ไม่ใช่เสือหิวอาหารแต่น่าจะเป็นเสือที่เพิ่งกินอาหารเข้าไป

ที่มันแสดงตัวตอนนี้เพียงแค่แสดงสัญชาตญาณของสัตว์ในการป้องกันเท่านั้น

“เย่ว์เจียว ทำตามที่ข้าพูดนะ” เฉินฝานพยายามกดเสียงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้มันเคือง “เจ้าวางมือลง อย่าสบตากับมันแล้วถอยมาหาข้าช้า ๆ”

เมื่อรอดพ้นจากปากเสือแล้ว เฉินฝานจึงพาฉินเย่ว์เจียวออกจากภูเขาหัวเสือด้วยความรวดเร็วทันที

แม้ว่าบนภูเขาแห่งนี้มีสัตว์จำนวนมาก อาหารก็มีมาก แต่ชีวิตก็สำคัญกว่า

“ไม่มีสัตว์ล่าก็แลกข้าวสารในเมืองไม่ได้ ถึงเวลานั้นท่านก็จะ……”

ฉินเย่ว์เจียวพูดถึงตรงนี้แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวต่อ “หรือไม่ ข้าน้อยไปที่ภูเขาหัวเสือคนเดียว ข้าน้อยไปคนเดียวฝีเท้าเบากว่า เสือพวกนั้นไม่น่าสังเกตเห็นข้าน้อย”

“กลับมา!” เฉินฝานดึงฉินเย่ว์เจียว “ข้าไม่ต้องการให้ภรรยาตายไปคนหนึ่งโดยที่ข้าเพิ่งจะทะลุมิติมาที่นี่หรอกนะ”

“ทะลุมิติ? ภรรยาตาย? ภรรยาคือใคร?” ฉินเย่ว์เจียวมองเฉินฝานด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“ภรรยาก็คือเจ้าไงล่ะ ทะลุมิติก็คือ……หน่า! อธิบายไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ เรื่องอาหารให้ข้าเป็นคนจัดการนะ”

เฉินฝานกับฉินเย่ว์โหรเดินไปยังภูเขาลูกอื่นพักหนึ่ง ยังไม่พูดถึงสัตว์ แม้แต่พรรณพืชก็แทบจะไม่มี

สัตว์ถูกฆ่าไปเกือบหมด ต้นไม้ขนาดใหญ่หน่อยก็ถูกคนตัดทำฟืนไปขายตามหมู่บ้านหรือในเมือง

เมื่อวานกินข้าวน้อย เช้านี้ก็เดินทางเป็นเวลานาน เวลานี้ไม่เพียงแค่รู้สึกหิวแต่ยังกระหายน้ำด้วย

“ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ!” ฉินเย่ว์เจียวยื่นน้ำให้เฉินฝาน

“ขอบใจนะ!” เฉินฝานรับน้ำแล้วค้างไว้กลางอากาศ

“ข้าน้อยยังไม่เคยดื่มน้ำนี้เจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์เจียวนึกว่าเฉินฝานรังเกียจน้ำลายของนาง

เฉินฝานไม่ตอบฉินเย่ว์เจียวแต่กล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ “เห้ย! น้ำ มีน้ำก็ต้องมีปลาสิ พวกเราจับปลากินได้ ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ! เย่ว์เจียว ที่ใดมีแม่น้ำหรือธารน้ำเล็ก ๆ หรือไม่!”

เจ้าของร่างเดิมไม่เคยทำงานใช้แรงงานตั้งแต่เด็กจนโต ที่ไหนมีธารน้ำหรือแม่น้ำหรือไม่เขาไม่เคยรู้

“มีแอ่งน้ำอยู่ใกล้ ๆ เจ้าค่ะ เพียงแต่ว่า ข้างในนั้นหนาวเหน็บ แอ่งน้ำคงก่อตัวเป็นน้ำแข็งแล้วเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์เจียวกล่าว

“เป็นน้ำแข็ง เป็นน้ำแข็งสิดี!” ไม่ใช่น้ำแข็ง จับปลายากกว่าอีก

“อยู่ตรงไหน พาข้าไปเร็วเข้า!”

“อยู่……” ฉินเย่ว์เจียวชะงัก “ท่าน กินปลาด้วย?”

ยังไม่พูดถึงเจ้าของร่างเดิมไม่กินปลา แม้แต่ฉินเย่ว์เจียวพวกนางก็ไม่ชอบกิน ทั้งราชสำนักต้าชิ่ง นอกจากพ่อค้าร่ำรวยกับผู้มีอำนาจเหล่านั้นชอบกิน ชาวบ้านทั่วไปไม่มีใครชอบกิน

ยุคสมัยนี้ ขาดแคลนน้ำมันและเกลือ ไม่สามารถทอดด้วยน้ำมันได้ ส่วนใหญ่จึงใช้น้ำเปล่าต้มแต่รสชาติทั้งขมและคาวและยังมีกระดูกเยอะ ทุกคนจึงยอมกินผักป่ามากกว่ากินปลา

“กินสิ ปลาอร่อยขนาดนั้น ทำไมถึงจะไม่กิน!”

มีวิธีทำปลาสิบกว่าอย่างในความคิดของเขา

“…….” ฉินเย่ว์เจียวสงสัยอย่างรุนแรงว่าสองวันนี้หูของนางจะต้องมีปัญหาแน่ ไม่เช่นนั้น เหตุใดนางถึงได้ยินคำพูดแปลกประหลาดจากปากของเฉินฝานบ่อยขนาดนี้

เฉินฝานเดินตามฉินเย่ว์เจียวมาถึงแอ่งน้ำ

คนที่นี่ไม่ชอบกินปลา ในน้ำมีปลาอยู่ไม่น้อย เฉินฝานทุบผิวน้ำแข็งจนเป็นช่องโหว่ เขาไม่ใช้อุปกรณ์ใด ๆ เพียงยื่นมือเข้าไปก็จับได้ทันที

เฉินฝานจับขึ้นมาสิบกว่าตัว หากไม่ใช่เพราะถือไม่ไหว เขายังอยากจับมากกว่านี้

เมื่อจับปลาเสร็จแล้ว เฉินฝานหาหญ้าชิงเฮาที่อยู่ใกล้ ๆ มาหนึ่งกำมือ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่น้ำมันกับเกลือมีน้อยและยังไม่มีขิง หญ้าชิงเฮาก็คือวัตถุดิบปรุงปลาที่ดีที่สุด

ตอนที่หาหญ้าชิงเฮา เฉินฝานยังพบมันสำปะหลังป่า หรือมันสำปะหลังแกนเหลืองที่สามารถกินได้ ไม่มีพิษ

ที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นสำปะหลังแกนขาว มีพิษ คนที่นี่ถึงไม่กินมัน

มันสำปะหลังที่กินได้มีแป้งปริมาณมาก และยังมีโปรตีน กรดอะมิโน วิตามิน และน้ำตาล ถือเป็นวัตถุดิบใช้ทำอาหารหลักได้

……

เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวอยู่ห่างจากเรือนค่อนข้างไกล แต่ฉินเย่ว์โหรวก็เดินกะเผลกพุ่งเข้ามา

เขาพุ่งมาทางเฉินฝาน แต่เมื่อห่างจากเฉินฝานเพียงสองสามเมตร นางกลับเปลี่ยนทิศไปหาฉินเย่ว์เจียวแทน

นางอยากมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินฝานจริง ๆ แต่นางไม่กล้าและทำไม่ได้

การเปลี่ยนแปลงและความอ่อนโยนของเฉินฝานคือสิ่งที่นางวาดฝันเสมอมา แต่นางกลัวว่าจะสูญเปล่าในตอนท้าย

“พี่สาม พวกท่านไปที่ไหนมา ไปที่ไหนมา”

ฉินเย่ว์โหรวกอดฉินเย่ว์เจียวแน่น น้ำตาไหลลงมาพราก ๆ นางทั้งโกรธและโมโห

ฟ้ารู้ดีว่าตอนที่นางตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียว นางรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาแล้ว เฉินฝานไม่มีวันตื่นก่อนนาง นางกลัวมาก กลัวว่าฉินเย่ว์เจียวจะลงมือฆ่าเขาตั้งแต่เมื่อคืนและเวลานี้กำลังแอบนำศพไปฝัง

เฉินฝานย่อมไม่รู้ว่าฉินเย่ว์โหรวคิดอย่างไรในเวลานี้ เขานึกว่าฉินเย่ว์โหรวร้องไห้เพียงเพราะกลัวว่าเขาจะรังแกฉินเย่ว์เจียว

“เย่ว์โหรวอย่าร้องไห้ พี่สามเจ้ายังสบายดี นอกจากจับมือนางตอนไปภูเขาหัวเสือแล้ว ข้าไม่ได้ทำอะไรนางเลยนะ”

มุมมองการมองปัญหาของผู้หญิงไม่เคยเหมือนผู้ชาย ฉินเย่ว์โหรวได้ยินแค่เฉินฝานจับมือฉินเย่ว์เจียว

“พี่สาม! นายท่านจับมือพี่ตลอดทางหรือเจ้าคะ” ฉินเย่ว์เจียวถามอย่างประหลาดใจ

นิสัยดุร้าย แสดงตนเป็นผู้หญิงแกร่งต่อหน้าทุกคนเสมอมาอย่างฉินเย่ว์เจียวพลันหน้าแดงราวกับดอกกุหลาบ นางกล่าวพึมพำ

“ที่ภูเขาหัวเสืออันตรายมาก ข้าไม่วางใจก็เลยจับมือนางไว้ ใช่หรือไม่เย่ว์เจียว”

“ใคร ใครให้ท่านปกป้องข้ากัน” ฉินเย่ว์เจียวเอามือปิดหน้าแล้ววิ่งเข้าเรือนไปราวกับหนีตาย

เฉินฝานหัวเราะ “ดูสิ พี่สามเจ้าหน้าบางเหลือเกิน”

เมื่อกลับมาถึงเรือน เฉินฝานนำกระต่ายกับไก่ป่าไปขัง สองสิ่งนี้กินไม่ได้ เพราะจะเอาไปขายที่หมู่บ้านเพื่อเอาเงิน

เมื่อขังกระต่ายกับไก่ป่าเสร็จ เฉินฝานก็ยุ่งขึ้นมาทันที

เขาสั่งฉินเย่ว์โหรวให้ไปหยิบเขียง มีดในห้องครัว จากนั้นให้ยกอ่างน้ำมาอีกหนึ่งใบ

เมื่อรับน้ำจากฉินเย่ว์โหรวมาแล้ว เฉินฝานก็นั่งลงไปและจัดการทันที

เขาเปิดท้องปลา หยิบถุงน้ำดีออก ขูดเกล็ดปลา ล้างทำความสะอาด จากนั้นยัดหญ้าชิงเฮาเข้าไปที่ท้องปลาแล้วเผาฟืนที่เพิ่งเอากลับมา เพียงรวดเดียวก็ได้ปลาเผาแล้ว

สองพี่น้องตระกูลฉินมองอยู่ข้าง ๆ อ้าปากตาค้าง

คิดไม่ถึงว่าเฉินฝานจะฆ่าปลาเป็นและยังดูช่ำชองยิ่งนัก

นี่คือ……เฉินฝานคนที่ไม่เคยใช้งานมือเท้า ไม่เอาการเอางานคนนั้นจริง ๆ หรือ!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
sabading.dingda
ขอเตือนเรื่องเติมเงิน คนที่ยังไม่เติมเงินน่ะดีแล้วนะ มันอัพเดทวันละตอน นี่เลิกอ่านละ คุณเก็บเหรียญฟรีเอาดีกว่า เติมเงินไปก็ไม่ได้อ่าน ตัองรอมันอัพวันละตอน จะรำคาญหงุดหงิดเปล่าๆ เราเลิกอ่านละ รอเบื่อ จนลืมเรื่องราวเดิมละ ไม่ต่อเนื่อง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรเอามาขายนะ เสร็จซัก 80%ขึ้นไปค่อยเอามาข่ยดีกว่า
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
ดีจังได้อ่านนิยายดีๆชื่นชอบมากครับ
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนุกสนุกสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status