"สุนัขพวกนี้..." เขาพึมพำเสียงกร้าว "ฝึกมากับมือ ยังจะมา... หัวเราะคิกคักกันอีก"“จริงด้วยขอรับไม่ได้เรื่องเลยบังอาจไปสวามิภักดิ์คนที่ท่านอ๋องเกลียดชังได้เช่นไรเจ้าหมาโง่” เสี่ยวหม่านายว่าขี้ข้าพลอย อวิ๋นเอ่อร์ที่บยืนตัวสั่นยิ้มแห้งๆไม่รอให้เจ้าหมาขนฟูแสดงความรักต่อไป หลี่เจินหรงพุ่งเข้าไปแล้ว กระชากร่างเล็กของจ้าวอินหลัวขึ้นจากพื้นแบบไม่ให้ตั้งตัว เสื้อคลุมของนางปลิวสะบัดตามแรงดึง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อสบกับสายตาคมดุของอ๋องคลั่ง"อ๊ากกก ท่านจะทำอะไรเล่า" อินหลัวร้องเสียงหลง"ทำอะไรน่ะรึ ถามเจ้าหมาโง่ของข้าก่อนดีไหม ว่าทำไมมันไม่กัดเจ้า" เสียงของเขาเค้นลอดไรฟันอย่างคนโกรธที่สุดถึงที่สุดเจ้าหมาทั้งหมดที่ล้อมอยู่รอบๆ ยังคงนั่งมองทั้งสองอยู่เงียบๆ กระดิกหางสะบัดไปมาเหมือนดีใจที่เจ้านายใหญ่ก็มาร่วมวงเล่นสนุกด้วย"ข้าฝึกพวกมันเพื่อป้องกันโจรลอบเร้น ไม่ใช่ให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับคนนอกแบบนี้" หลี่เจินหรงตะโกนใส่พวกมันด้วยความโมโห เจ้าตัวใหญ่ตัวหนึ่งเห่าตอบกลับเบาๆ แล้วเดินวนไปนั่งข้างอินหลัว ราวกับประกาศความจงรักภักดีแบบไม่ลืมตัว หลี่เจินหรงมองภาพนั้นแล้วสูดหายใจแรง กัดฟันกรอด“ใช่ใช่ใช่
ใต้เงาแดดยามสาย อินหลัวนั่งพับเพียบอยู่กลางห้องเงียบสงบ สายตาเหม่อมองกลุ่มข้ารับใช้ของจวนอ๋องที่กำลังขะมักเขม้นตอกไม้กระดานหนาแน่นบานใหญ่ลงบนประตูเรือนอย่างแข็งขัน ตอกแล้วตอกเล่า ตอกแน่นเสียยิ่งกว่าตราประทับราชโองการเสียอีกเสียงเคาะค้อนสุดท้ายดังปึงแล้วเงียบงันลง เหล่าคนรับใช้ต่างถอยออกไปเหลือไว้เพียงอวิ๋นเอ่อร์ที่นั่งพับเพียบคอยพัดให้เจ้านายอยู่มุมห้องอินหลัวลุกขึ้นเดินทอดน่องตรงไปยังหน้าต่างบานเล็กมุมห้องก่อนจะเอื้อมมือเปิดกลอน แกร๊ก แล้วผลักบานหน้าต่างออก ครืดดดด... ความว่างเปล่าและอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกไหลพรั่งพรูเข้ามาอย่างน่าตกใจ ไม่มีไม้กระดาน ไม่มีตะปูสักดอก"นายหญิงขา ได้อย่างไรกันเจ้าคะ" อวิ๋นเอ่อร์เบิกตาโพลง ปากอ้ากว้างอย่างลืมตัวอินหลัวหันกลับมายิ้มตาหยี มุมปากยกยิ้มเลศนัยแสนร้าย"ก็ได้ยินคำสั่งเต็มสองหูนี่นา...ท่านอ๋องสั่งให้ตอก ประตูมิใช่หรือ ไม่เห็นพูดถึง หน้าต่างสักคำ ข้าก็เลยวางตัวราวกับนายหญิง ไปสั่งพวกเขาใหม่ว่าควรตอกแต่ประตูเพราะท่านอ๋องของพวกเขาสั่งไว้แบบนั้น และที่สำคัญปกติต้องสั่งว่าแม้แต่แมลงวันก็ไม่ให้บินเข้าออกนี่ไม่เห็นจะสั่งอะไรบอกแค่ตอกปิดประตูเท่านั้
"อย่าฆ่าเขานะได้โปรด..." อินหลัวพึมพำด้วยเสียงสะอื้นสั่นเครือราวกับเด็กน้อยในฝันร้ายเจินหรงไม่ขยับ ไม่แม้แต่หายใจ อกของเขาแนบกับใบหน้าซีดของอินหลัว ลมหายใจอุ่นๆ จากนางเป่ารดอกเขาเป็นระยะ แขนเล็กของอินหลัวกอดแน่นราวจะคว้าบางสิ่งไว้ไม่ให้หลุดลอย น้ำตาไหลซึมซับเสื้อผ้าของเขาโดยไม่รู้ตัว หลี่เจินหรงนั่งนิ่ง ผลักอินหลัวสุดแรง“ตื่นได้แล้ว อย่ามาลวดลายนัก คิดจะหนีหรือบังอาจนัดแนะให้คนมาพาหนี”“...”“หึไม่พูดเหรอ ดีเลย เช่นนั้นต่อไปข้าก็จะไม่ถาม ลงมือทันที”อินหลัวเบือนหน้าไปทางอื่นเสียพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มร้อนผ่าว อินหลัวปาดมันออกลวกๆ ด้วยหลังมือ ทั้งที่ดวงตายังสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นและเจ็บปวด อวิ๋นเอ่อร์วิ่งเข้ามาพร้อมเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังถี่ รีบประคองนายหญิงขึ้นเบาๆ"นายหญิง…ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ!"อินหลัวพยักหน้าแผ่วเบา ไม่มีแรงแม้แต่จะพูดปลอบใจตนเองขณะนั้นเอง หลี่เจินหรงหันขวับ สายตาคมปลาบแล่นวาบด้วยโทสะก่อนสั่งเสียงเย็นเฉียบ"เสี่ยวหม่า เอาไม้ตอกประตูให้แน่น กักบริเวณ ห้ามใครเข้าออกเด็ดขาด โดยเฉพาะคนของต้าหวาง อย่าให้ใครเข้าใกล้นางอีก"เสี่ยวหม่ายกมือขึ้นเกาศี
อินหลัวนิ่งงัน...บิดา ต้าหวาง ..ดวงตาของอินหลัวสั่นระริก หัวใจเต้นรัวแต่กลับไม่มีความทรงจำใดๆ ผุดขึ้นเลย ไม่มีแม้แต่เงารางเลือนของบิดาที่ชื่อจ้าวจินเทาในสมองของเธอ ใครวะ"ข้า...ข้าไม่รู้จักท่าน" อินหลัวส่ายหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวง "ข้าไม่รู้จักแม้แต่บิดาของข้าเองด้วยซ้ำ"พูดเองก็อึ้งเองบุรุษคนนั้นชะงักเล็กน้อย คล้ายไม่เข้าใจ แต่ยังคงพยายามโน้มน้าว"ท่านถูกพาตัวมาอย่างไม่เต็มใจ ข้ารู้ดี ต้าหวางสั่งข้าให้ช่วยท่าน ท่านต้องกลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้ ก่อนที่พวกอ๋องโหดจะรู้ตัว""ข้าจะเชื่อได้อย่างไร" อินหลัวแค่นเสียง"ข้าไม่รู้จักเจ้า แล้วก็ไม่รู้จัก ข้า ที่เจ้ากำลังพูดถึงด้วย"เริ่มงงแล้วอินหลัวเองก็ชักจะพูดผิดพูดถูกเพราะความกลัวเข้าครอบงำเสียงของอินหลัวแข็งกระด้างกว่าที่เคย ทว่าริมฝีปากกลับสั่นระริกเพราะหัวใจเธอกำลังร้องไห้ ใช่สิ...ข้าไม่ใช่จ้าวอินหลัวของที่นี่...ชายลึกลับชะงักไปเหมือนเพิ่งสังเกตว่า...สายตาเธอนั้นว่างเปล่าเกินกว่าความหวาดกลัวของสตรีธรรมดาเจินหรงอ๋องนั่งอ่านฎีกากลางห้องเงียบสงัด แสงตะเกียงไหววิบวับสะท้อนเงาบนพื้นกระเบื้อง แต่จู่ๆ เจินหรงกลับสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมครา
"ข้าว่าดีแล้ว ที่เจ้าพาหญิงสักคนเข้าจวนเสียบ้าง มิใช่จะเอาแต่ครองตัวเป็นโสดอยู่นั่น...ไม่แต่งชายา ไม่รับอนุ เห็นแล้วปวดตับนัก"จู่ๆ เจินหรงก็สำลักชาในมือ เยว่หรงเบิกตากว้าง ไทเฮาเองก็ชะงักเล็กน้อย"ท่านแม่..." ไทเฮาเอ่ยเบาๆไทฮองไทเฮาไม่ได้ฟังใครทั้งนั้น นางพูดต่อรัวราวกับกลัวลืม"ข้าเองก็ได้ยินมานะ...ว่าหญิงนางนั้นข้าหมายถึงจ้าวอินหลัว บุตรีของต้าหวางฉู่อินเทา งดงามล่มเมืองนัก ถึงจะแต่งกับอ๋องเหล่ยตามบัญชาบิดา แต่เจ้ารู้หรือไม่" นางโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วกระซิบเบาๆ ...แต่เสียงดันชัดทั่วตำหนัก"อ๋องเหล่ยยังไม่ได้กินเต้าหู้ของนางเลยด้วยซ้ำ!"ตึงถ้วยชาของไทเฮาหล่นลงจากโต๊ะจนกระเด็น เยว่หรงสำลักน้ำลายตัวเอง ส่วนเจินหรงถึงกับชะงักงัน สีหน้าเรียบตึงกลายเป็นตึงมากกว่าเดิม“เสด็จย่า ท่าน...ไปรู้เรื่องบนแท่นนอนของเขามาได้ยังไงเพคะ” เยว่หรงร้องเสียงหลง ใบหน้าแดงจัดไทฮองไทเฮาพยักหน้าช้าๆ “เฮอะ ข้ามีหูมีตาอยู่นะ ยายแก่คนนี้ถึงจะนอนอยู่ตำหนักทั้งวันแต่ไม่ได้หูหนวกตาบอดสักหน่อย”เจินหรงหันไปมองมารดาและน้องสาวอย่างรวดเร็ว "ท่านแม่...ท่านรู้เรื่องนี้ไหม"ไทเฮายกพัดปิดปากพึมพำ "ข้าเพิ่งรู้วันนี้ล่
ภายในเรือนเงียบสงบลงแล้ว อินหลัวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่ออาการปวดในท้องน้อยค่อยๆ เบาบางลง ราวกับคลื่นลมที่กราดเกรี้ยวเพิ่งผ่านพ้น ดวงตานางแดงก่ำแต่กลับไม่อึดอัดอีกต่อไป นางถอนหายใจยาว ปล่อยให้อากาศเย็นยามเช้าไหลเวียนผ่านเรือนผุพังบานหน้าต่าง“อย่างน้อยก็ยังรอด...” นางพึมพำกับตัวเองแล้วหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อนทางด้านหน้าจวนหลี่เจินหรงเดินจ้ำออกจากเรือนด้วยฝีเท้าหนักแน่น เสื้อคลุมยาวปลิวสะบัดในลมเช้า สีหน้าเขายังคงมืดครึ้ม แต่สายตากลับเปลี่ยนไปไม่ได้มืดมนด้วยความโกรธเหมือนเมื่อครู่ หากเต็มไปด้วยความคิดที่กำลังสับสนบางอย่างเมื่อถึงจุดที่สองทางแยก เสียงฝีเท้าเสี่ยวหม่าที่รีบตามมาก็ดังขึ้น"ท่านอ๋องจะเสด็จไปที่ใดขอรับ"เจินหรงหยุดฝีเท้า หันมองเสี่ยวหม่าเล็กน้อย "ตำหนักไทฮองไทเฮา"เสี่ยวหม่ากะพริบตาปริบๆ เหมือนจะถามต่อ แต่เจินหรงก็กล่าวขึ้นต่อด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ไปแจ้งไทเฮาและเยว่หรง ให้ตามไปพบข้าที่ตำหนักนั้น ข้ามีเรื่องต้องชี้แจง...เรื่องจ้าวอินหลัว"เสี่ยวหม่าทำตาโต "เอ่อ...เรื่องนั้น ข้าเข้าใจว่าท่านอ๋องจะไม่..."“เปลี่ยนใจแล้ว ก่อนที่เรื่องจะลุกลามกลายเป