เขาอยากถามหาอารดา แต่บิดาหล่อนเหมือนมีเรื่องจะพูดด้วย ท่านพาเขาเข้ามาในห้องรับแขกที่โซฟาส่วนใหญ่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาว เหลือเท่าที่เขานั่งอยู่นี้ที่ยังไม่ถูกคลุมให้เรียบร้อย “นี่มัน...อะไรกันครับ”
“ฉันต่างหากที่ต้องถาม ทะเลาะกันเหรอ ยัยอุ่นไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย โทรมาคราวก่อนก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ให้ฉันขายบ้านนี้”
“ขายบ้าน...หรือครับ?”
“อือ...เหมือนลูกสาวฉันอยากจะเอาเงินไปใช้หนี้สามีละมั้ง”
“โอ...เปล่านะครับ! ผมเปล่า ผมไม่ได้อยากได้เงินคืน”
โอภาสนึกระอา เรื่องของหนุ่มสาวช่างเข้าใจยากนัก
“ฉันติดต่อเรื่องขายบ้านแล้ว กั้นรั้วแยกโฉนดของป้ายัยอุ่นออกไป จะได้ขายแต่บ้านนี้”
“ถ้าจะขายจริงๆ ผมจะซื้อเอง อย่าขายเลยนะครับ คุณอุ่นคงทำไปโดยไม่ทันคิด ผมจะคุยกับเธอเอง นะครับคุณพ่อ”
โอภาสชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา
“แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่ค่อยได้เปิดใจพูดคุยกับลูกนัก นั่นทำให้ฉันพลาดหลายๆ อย่างไปในชีวิต และมาถึงตอนนี้ ฉันขอพูดไว้เลย ไม่ว่าลูกสาว
“เอาลูกกินนมยังไม่เป็นแล้วยังอยากจะมีลูก ทำไม...ถึงดื้ออย่างนี้นะ ดื้อเหมือนใครกัน” ปากบ่นว่าแต่สองมือแตะที่กระหม่อมของหลานสาว โฉมชบายังไม่หายเคืองโกรธ แต่ความโกรธนั้นเบาบางเมื่อเห็นหน้าหลาน หลานที่ใบหน้าไม่เหมือนลูกสาวตัวเองเลย ทำไมถึงได้เกิดมาตอกย้ำความผิดของคนเป็นแม่ขนาดนี้นะ จะเหมือนแม่ เหมือนป้า เหมือนตากับยายบ้างไม่ได้หรืออย่างไร“พอเถอะคุณ ลูกเหนื่อยแล้ว” โอภาสติงภรรยา“ให้ฉันพูดบ้างเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันคงอกแตกตาย”“หนูขอโทษ...หนูขอโทษค่ะแม่”มือสั่นๆ ของโฉมชบาเลื่อนหาคนเป็นลูก ดึงลูกเข้าสู่วงแขน แล้วหยดน้ำตาก็หลั่งมาเหมือนห่าฝนในฤดูแห่งลมพายุ“ไม่มีก็ไม่ต้องมี ถ้าไม่มีใครรับเป็นพ่อก็ไม่ต้องมี แม่เลี้ยงเองก็ได้ แม่จะเลี้ยงหลานเอง”โอภาสยิ้มให้เมียรัก เรื่องมันมาอีหรอบนี้ การปลงคงดีที่สุดแล้ว ท่านถอยออกมาให้แม่ลูกได้คุยกัน มานั่งอยู่กับลูกสาวคนโต เอื้อมมือวางบนกระหม่อมของลูก มือข้างหนึ่งก็ปาดเช็ดน้ำหูน้ำตา“ขอบใจนะอุ่น ที่ช่วยดูน้อง ยัยออมโชคดีที่มีลูกเป็นพี่สาว รู
“เราเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ เพื่อยัยตัวเล็กของเราดีไหม”หญิงสาวส่ายหน้า ไร้ประโยชน์ที่จะเริ่มต้นใหม่ ในเมื่อไม่มีอะไรดีขึ้นมา “จะแต่งงานกับฉันเหรอ”“แต่งสิ”“เพราะลูกใช่ไหม”“เพราะฉันรักเธอ”คราวนี้หยดน้ำตาของชนนท์ได้หล่นร่วงรุนแรง เพราะคนตรงหน้าเอาแต่ส่ายศีรษะรัวๆ“เราไม่เหมาะกันหรอกนนท์ เราไม่ควรมารักกัน เรา...ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปเถอะนะ อย่าเข้ามาข้องเกี่ยวกันอีกเลย”“ออม...”“กลับไปได้แล้ว ฉันเหนื่อย ฉันอยากพักจริงๆ”“เธอจะอยู่ยังไง ไม่มีคนเฝ้าอย่างนี้”“ฉันอยู่ได้ก็แล้วกัน”ชนนท์ไม่เชื่อที่หล่อนพูดเลย หล่อนกำลังโกหก“เธอโกรธฉันอยู่ ฉันรู้ ต้องให้ทำยังไง เธอถึงจะยอมรับทุกสิ่งที่ฉันอยากทำเพื่อเธอ”อรุณฉายถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเหนื่อยจริงๆ“เราไปกันไม่รอดหรอกนนท์ อย่าพูดว่ารักฉันอีก ถ้าไม่ได้รักฉันจริงๆ ฉันรู้ตัวว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก
[25]อย่ามารักกันเลย___________ปัง! ปัง! ปัง!เสียงเคาะประตูปังๆ ทำเอาคนที่เพิ่งสวมเสื้อลงทางศีรษะต้องรีบมาเปิดประตู พี่สะใภ้เขายืนหน้าตื่นอยู่ตรงหน้า ผิวแก้มหล่อนซีดเผือดและมือสั่นจนน่าตกใจ“พี่เป็นอะไร!”“ยัยออม! ยัยออมจะคลอด พี่...พี่จะพายัยออมไปโรง’บาล นนท์ดูน้องด้วยนะ ดูฟีฟ่าด้วย ฟีฟ่าอาบน้ำอยู่ พี่...พี่...กุญแจรถพี่ล่ะ กุญแจรถ โอ...ตายจริง พี่จอดรถไว้ที่กรุงเทพฯ พี่นั่งรถรัณมา พี่...”“พี่อุ่น! ใจเย็นๆ ก่อน พี่อยู่นี่แหละ ผมจะพาออมไปหาหมอเอง”อารดาพยักหน้า น้ำตาหล่นเม็ดโตๆ เมื่อได้ยินว่าน้องกำลังลำบาก เมื่อกี้เธออยู่ในห้องน้ำกับฟีฟ่าตอนที่เจ้าตัวโทรมาเลยไม่ได้รับสาย พอได้รับสายอีกคราก็ปรากฏว่าบิดาโทรมา น่าตกใจที่รู้ว่าอรุณฉายกำลังเผชิญสถานการณ์ใดอยู่ หล่อนเจ็บท้องคลอดอยู่ข้างถนนและไม่มีใครพอจะให้หล่อนพึ่งพาได้เลย“เธออยู่ไหนพี่”“ข้างถนน ยัยออมอยู่ข้างถนน...แค่คนเดียว”“อะไรนะ!?&r
อรุณฉายยังอยู่ที่ท้ายสวนแม้ว่าท้องแก่เต็มที ไม่ว่าจะด้วยทิฐิ หรือด้วยความมุ่งมั่น วันนี้เธอก็สามารถอุ้มท้องลูกสาวจวนเจียนจะคลอดแล้ว สองผัวเมียเพื่อนบ้านที่กระท่อมข้างกันยังทำหน้าที่ช่วยเหลือเธอไม่ขาด โดยเฉพาะในระยะหลังมานี้ที่อาหารการกินดีขึ้นกว่าเดิม เธอได้กินอิ่มท้องมากขึ้น มีกับข้าวในสำรับหลายอย่าง ผลไม้หรือขนมนมเนยก็มีมาในสำรับด้วย เธอเคยถามถึงเรื่องอาหารการกินจากซอ เจ้าตัวก็เอาแต่อึกอัก กระทั่งอาทิตย์ที่แล้ว ที่เธอได้รู้ความจริงชนนท์หอบหิ้วของกินมาให้ สาเหตุที่ทำให้เธอมีของกินดีๆ แต่แทนที่เธอจะยินดี เธอกลับปวดแปลบในใจ เขากลัวเธอกินไม่อิ่ม กลางคืนก็กลัวว่าเธอกับลูกจะเป็นอะไรไป จึงได้มานั่งเฝ้านอนเฝ้า เขาคงแค่สงสารเวทนา และความสงสารเวทนานั้น ก็ไม่มากพอให้เขายืดอกยอมรับลูกสาวของเธอ“อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอกันแล้วนะเจ้าตัวเล็ก อีกไม่กี่วันแล้ว” พูดกับตัวเองก่อนเข้านอน เธอไม่ได้ทำงานในสวนมาสองอาทิตย์แล้ว เงินที่จำนำสร้อยเพชรมาได้ ถูกใช้ไปวันละนิดละหน่อย จวนจะหมดเต็มที การไปหาหมอแต่ละครั้งต้องใช้เงินนี่นา และค่าแรงที่ได้จากงานในสวนย่าก็ไม่ได้มากมายนัก
ช่างเป็นคำสัญญาที่นุ่มนวลนัก ในตอนที่สามีเคลื่อนกายเข้ามายังระหว่างขาของเธอ ความตื่นเต้นก็เหมือนว่าจะพาหัวใจทะลุออกจากอก เขาจูบขึ้นมาตามท่อนขา ระเรื่อยขึ้นมาถึงโคนขาอ่อน ก่อนจะหยุดนิ่งที่ตรงนั้น เพื่อชื่นชมความอวบอูมของความสดสาว เธอหลับตาลงเสีย แสงสว่างยามกลางวันส่องตาให้รู้สึกละอาย แต่จะหักห้ามใจก็ไม่ไหวแล้ว ศรัณกำลังทำให้เธอต้องยอมศิโรราบต่อมัน“อา...รัณ...อื้อ...” เสียงครางกระเส่าเริ่มต้นในตอนใกล้เที่ยง อารดาไม่อาจทานทนต่อริมฝีปากเขา ต่อฝ่ามือเขา และจากอะไรสักอย่างที่เขาเพิ่งวางทาบบนเนินเนื้อโหนกนูนของเธอ เธอมองมันเหมือนมองสิ่งของล้ำค่า ยามที่เขาสวมสอดเข้ามา ร่างกายเธอก็กอดรัดเอาอย่างแนบแน่น“อืม...คุณอุ่น...” ศรัณอ้าปากค้างไว้ ความนุ่มแน่นของกายสาวช่างให้ความรู้สึกวิเศษเหลือเกิน เขาค่อยๆ ขยับโยกสะโพกสอบ พาตัวตนแห่งชายสอดแทรกชำแรกลึกในกายสาวซ้ำๆ เกิดเสียงดังพั่บๆ อย่างการกระหน่ำแรงกระแทก เขาพยายามแล้วในการเบาจังหวะเพื่ออารดาจะได้ไม่เจ็บกาย แต่รู้ไหม ยิ่งเขากระหน่ำสะโพกโยกใส่ หล่อนก็ยิ่งครางระงมอย่างสมใจ“ดี...รัณ...แรงอีกนิดก็ได้ รัณ...เร็วอีก อ๊า!!!”
[24]สร้อยข้อมือเชือกกล้วยเสียงกลองเพลจากวัดที่อยู่ไม่ไกล ปลุกอารดาให้ตื่นจากการหลับใหล เธอประหลาดใจที่ตัวเองนอนสบายอย่างนี้ เธอหลับราวกับว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน“เราเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงง่วงนอนไม่หายสักที เอ...หรือจะเป็นเพราะ...” ถามตัวเองแล้วลูบท้องป้อยๆ ยิ้มให้คนในนั้นอย่างสุขใจ ก่อนจะลุกมาล้างหน้าล้างตาเธอแลหาอะไรทำแก้เบื่อ เริ่มต้นด้วยการจัดห้องใหม่แม้ว่ามันจะสะอาดเอี่ยมอยู่แล้ว โต๊ะเครื่องแป้งตัวเตี้ยถูกปัดฝุ่นซ้ำๆ เธอเช็ดถูกระปุกครีมต่างๆ จนเอี่ยมอ่อง ตามด้วยที่นอนหมอนมุ้งที่จัดการเปลี่ยนผ้าปูผ้านวม เอาทุกอย่างที่ถูกเปลี่ยนทิ้ง ลงไปใส่เครื่องซักแล้วกลับมาจัดการกับโต๊ะทำงานของศรัณ มีเอกสารมากมายอยู่บนโต๊ะ เธอไม่รู้ว่าเจ้าของสวนกล้วยต้องทำอะไรบ้างนอกจากงานในสวน แต่เห็นได้ชัดว่าโต๊ะทำงานเขาก็รกไม่แพ้โต๊ะของอดีตสาวธนาคารเลย“เอาละนะ ค่อยๆ เก็บก็แล้วกัน”อารดาเริ่มเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม เธอจัดโต๊ะทำงานให้มีพื้นที่ว่างมากที่สุด โน