“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”
อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี
“ลูกค้าแกน่ะสิ”
“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”
“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม
“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก
“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่
“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ย
ศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไป
อรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน
“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”
“คนสุดท้ายที่มาหาแกตอนบ่าย”
“แต่ฉันคุยกับเขาแป๊บเดียว”
“แล้วไงล่ะ แป๊บเดียวก็ต้องกักตัว!”
คนที่กำลังโมโห พูดด้วยเสียงเคืองๆ ลุกขึ้นยืนแล้วลองเดินทั้งที่เล็บหัวแม่โป้งเท้าจะหลุดมิหลุดแหล่ มันเจ็บชะมัดเลย
“ถ้าต้องกักตัว พี่ธีกับพี่รุ้งก็ต้องกักด้วย ออกไปหาที่กักตัวนอกบ้านเลยนะ” อรุณฉายแทรกขึ้น
“ได้ไง ยัยอุ่นเสี่ยงสุดก็ออกไปหาที่กักตัวข้างนอกคนเดียวสิ” รสิกาเถียง
“แหม...พี่รุ้ง แล้วจะให้ไปอยู่ไหน พูดเหมือนพี่อุ่นมีที่ไปนะ”
อารดาลำบากใจไปอีกเมื่อได้ยินน้องพูด เธอขยับห่างสามีอีกนิดด้วยสำนึกส่วนดีที่คลี่คลุมหัวใจ สมองเริ่มไตร่ตรองถึงสิ่งที่ควรทำ
“ให้ป้าอรมาอยู่นี่ บ้านนั้นเธอต้องอยู่กับพี่ธีตามลำพัง”
อารดาสั่งการด้วยสิ่งแรกที่นึกได้ จังหวะนั้นโอภาสกับภรรยาก็เดินมาพอดี อรุณฉายเห็นบิดามารดาก่อน
“อย่าเข้ามาค่ะ พ่อกับแม่กลับเข้าห้องไปเลย”
“อะไร อะไรลูก” โอภาสถามลูกสาวคนเล็ก
“พี่อุ่นเป็นกลุ่มเสี่ยงน่ะสิ มีลูกค้าที่ธนาคารติดโควิด” อรุณฉายเล่าคร่าวๆ ขณะเดินไปหาบิดามารดา
โอภาสมองลูกสาวคนโตแล้วถอยหลังโดยอัตโนมัติ อารดามองภาพนั้นแล้วน้อยใจพิกล แต่พยายามนึกถึงความจริง โรคนี้ติดต่อกันง่าย เธอไม่ควรเข้าใกล้ท่านด้วยซ้ำ
“หนูจะให้ป้าอรมาอยู่ที่นี่สักพักนะคะ ส่วนหนู จะไปหาที่กักตัวเหมือนกัน”
“ฉันจะกลับไปบอกแม่” รสิกาบอกแล้วเดินขากะเผลกกลับบ้านไป
อารดามองบิดามารดาที่ถูกรุนหลังขึ้นห้อง เธอลุกยืนบ้าง
“ไปบอกเด็กให้มาเก็บเศษแก้วพวกนี้ แล้วบอกให้พี่พุดซ้อนเอาสเปรย์แอลกอฮอล์มาพ่นฆ่าเชื้อด้วย”
อรุณฉายไม่พอใจที่ถูกใช้ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้เธอจะหยวนๆ ไปก่อน
“แล้วพี่จะไปกักตัวที่ไหน”
“ยังไม่แน่ใจ อาจจะบังกะโลสักที่ที่เช่าได้นานๆ”
“ผมจะไปกับคุณ” ศรัณอาสา แต่อารดาไม่เห็นด้วย อรุณฉายก็เช่นกัน
“ได้ยังไง พี่อุ่นเสี่ยงคนเดียวก็กักตัวคนเดียวสิ พี่ไปหาที่กักตัวเลย ส่วนคุณพี่เขย...ก็รออยู่นี่”
น้องเมียตัวแสบเอ่ยอธิบาย อารดาก็เห็นว่าจริงตามนั้น แต่จู่ๆ เอวของเธอก็ถูกคว้าไว้ ศรัณกอดเธอเข้าหาตัว ก่อนจะโน้มหน้าลงมาแล้วจูบเธอแรงๆ ดังจ๊วบ!!!
“อื้อ...ศรัณ!!”
อารดาร้องเสียงหลง อรุณฉายตาเบิกโต
“ตั้งแต่เมื่อวานเราจูบกันไปกี่ครั้งแล้วนะ ถ้าจะมีใครสักคนที่เสี่ยงละก็ ผมนี่โคตรเสี่ยงเลย งั้นเราก็ไปกักตัวด้วยกันเถอะ ผมมีที่ดีๆ อย่างเยอะ ถือเสียว่าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์หลังแต่งงานก็แล้วกัน โอ...ได้หยุดยาวตั้งสิบสี่วัน เหลือเชื่อเลย”
ศรัณพูดเป็นตุเป็นตะ ก่อนจะลากแขนอารดาออกจากห้องไป
อรุณฉายอยากห้ามทั้งสองไว้ แต่สิ่งที่ทำได้คือเดินเข้าครัวไปแจ้งพี่พุดซ้อนในเรื่องที่พี่สาวสั่งความ เจ้าหล่อนรีบหาสเปรย์มาพ่นฆ่าเชื้อ แล้วในตอนที่เก็บเอาเศษแก้วใส่ที่โกยผงออกไป เธอก็เหล่มองเจ้าน้ำหอมราคาแพงที่ยังเหลือ
“เสร็จฉัน!” พูดกับตัวเองแล้วยิ้มตาวาว วางกล่องน้ำหอมของตัวเองรวมกับกล่องอื่นๆ แล้วยกกล่องใหญ่ขึ้นมาอุ้มไว้ น้ำหอมพวกนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่คู่ควร
“อะแฮ่ม! ทำอะไรคะคุณออม”
พุดซ้อนทักขึ้นในทันทีที่กลับเข้ามาในห้องรับแขกแล้วเจอภาพนั้นเข้า อรุณฉายจะเอาน้ำหอมของคุณอุ่นไปไหนกัน
“ฮะ? ก็...เอ่อ...เก็บของให้พี่อุ่นไง”
หญิงสาวตอบหน้าซื่อตาใส แต่อีกฝ่ายรู้ทัน พุดซ้อนแย่งเอากล่องในมือของสาวน้อยมาถือไว้เสียเอง อรุณฉายรีบหยิบเอาส่วนของตัวเองให้ไว
“คุณศรัณโทรมาให้พี่เป็นคนจัดการค่ะ ไม่รบกวนคุณออมจะดีกว่า ขอตัวนะคะ” แล้วพุดซ้อนก็ยกลังน้ำหอมที่เหลือผ่านหน้าอรุณฉายไป
อรุณฉายมองตามด้วยความเสียดาย เสียดายน้ำหอมไม่เท่าไหร่ เสียดายคนที่ซื้อน้ำหอมมานี่สิ ทำยังไงก็ไม่หายสักที
ภายในกระท่อมมุงฟางสว่างขึ้นด้วยแสงจากไฟฉาย ศรัณตามอารดาเข้ามา เขาเปิดมุ้งที่กางไว้ให้หล่อนเข้าไปข้างใน ก่อนที่ตัวเองจะมาเปิดหน้าต่างค้างไว้ หน้าต่างสองบานที่มีคงพอช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง“ขอบใจที่ไม่เอาตะเกียงนั่นเข้ามา ได้กลิ่นแล้วปวดหัว”“ผมชอบ มันโบราณดี แต่รู้ว่ากลิ่นมันแรง จุดไว้ข้างนอกก็พอได้ เอาละนะ...คุณจะนอนได้ไหม มันคงร้อนไปถึงช่วงเที่ยงคืนโน่นแหละ” เอ่ยกับหล่อนแล้วปิดไฟฉาย ในกระท่อมเลยมีแสงเพียงสลัวเลือนราง“ฉันทนได้ นอนเถอะ” บอกคนที่นอนอยู่ข้างกันอย่างเกรงใจ พยายามข่มตาให้หลับในค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน แล้วอยู่ๆ ไอเย็นฉ่ำชื้นก็คืบคลานเข้ามา เสียงฝนดังซ่าๆ กระหน่ำอยู่บนหลังคามุงฟาง“ว้าว...ดีจัง”“นั่นสิ ดีจริงๆ”อารดายิ้มหวาน ท่ามกลางแสงสลัว ตะเกียงที่จุดไว้ด้านนอกยังส่องแสงอยู่ มันส่องเข้ามาข้างในเพียงเล็กน้อย บางทีสายลมหอบใหญ่พัดเข้ามา ตะเกียงที่แขวนไว้ใต้ชายคาก็สั่นไหว เกิดเป็นแสงวูบวาบตามแรงลมเธอมองแสงที่กำลังเคลื่อนไหวแล้วข่มใจให้หลับตา ทว่าผ่านไปเกือบชั่
[5]กักตัวไม่กักใจตะวันใกล้จะตกดินตอนที่ศรัณกลับมาอีกครา เขามีตะกร้าใบใหญ่ ที่ข้างในจุของกินไว้เพียบ มีกับข้าวในปิ่นโตและกล่องพลาสติก รอบมื้อค่ำมีขนมปัง แยม และนมกล่องอยู่ในตะกร้าด้วย เขาวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะตัวเดียวในห้อง มันวางอยู่มุมหนึ่งในห้องสี่เหลี่ยมอันร้อนอบอ้าว“อาบน้ำแล้วเหรอ”เขาถามทันทีที่มาถึง น้าชุนทำจุดรับส่งอาหารที่ห่างจากกระท่อมราวห้าสิบเมตรได้ เดินไปกลับเลยใช้เวลาหลายนาที“อือ...อาบตอนศรัณไปเอากับข้าวน่ะ” ตอบเขาแล้วดึงผ้าเช็ดตัวให้คลุมบ่าดีๆ ชุดชั้นในของเธอถูกซักด้วยสบู่ตากอยู่บนราวข้างห้องน้ำโน่น และใช่...ตอนนี้เธอโนบรา“พรุ่งนี้น้าชุนจะต่อไฟฟ้าเข้ามาให้ วันนี้ทนร้อนไปก่อนนะ ดึกๆ ไม่ร้อนเท่าไหร่หรอก กางมุ้งแล้วเปิดหน้าต่างเอา น่าจะช่วยได้”อารดาพยายามท่องคำว่าอดทนๆ ในใจ เธอเป็นคนขี้ร้อนไม่แพ้ศรัณนั่นแหละ และมาดูกันว่าคืนนี้เธอจะรอดไหมแสงตะวันใกล้จะลบเลือนแล้ว ตอนที่ศรัณจุดตะเกียงโบราณขึ้นแขวนใต้ชายคากระท่อม กลิ่
“ทำอะไร”“ดูเสื้อผ้าน่ะ ดีที่น้ามาลาเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วย คุณ...ใส่ได้ไหม”อารดามองเสื้อผ้าผู้หญิง คนเลือกคงเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุด เสื้อยืด กางเกงขาสั้น มีผ้าถุงพับมาด้วย“อือ...แต่ไม่เอาผ้าถุงนะ ฉันนุ่งผ้าถุงไม่เป็น”เขายิ้มเผล่เมื่ออารดาออกตัว“ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้เสื้อผ้าคุณคงมาถึง ขอโทษที่รีบมาจนไม่ทันได้เก็บเสื้อผ้า”“ไม่เป็นไร ก็แค่เสื้อผ้านี่นา ฉันใส่อะไรก็ได้ ว่าแต่...มีชุดชั้นในหรือเปล่า”ศรัณค้นลังใบใหญ่ หวังว่าจะได้เจอชุดชั้นในใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ ภาวนาให้น้ามาลาไปซื้อหามาให้ แต่เขาคงคาดหวังเกินไป น้าไม่ได้จัดหามา“สงสัยคุณต้องโนบราเป็นบางโอกาสแล้วล่ะ”สองแก้มอารดาร้อนผ่าว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เสื้อผ้าของเธอก็คงมา“ถ้าคุณอาย ผมโนบราเป็นเพื่อนก็ได้นะ ผมไม่ชอบนุ่งกางเกงในหรอก มันอึดอัด”เผียะ!“อ๊า!!! คุณอุ่น!? นี่คุณฟาดแขนผมเหรอ”ศรัณถามดังๆ ต้นแขนเขาเป็นรอยฝ่ามือแดงแปร๊ด
ศรัณแบกภรรยาไปยังกระท่อมท้ายสวน อารดายังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเจอกับอะไร เธอแค่ไว้ใจเขาขึ้นมาอีกหลายเปอร์เซ็นต์ตอนที่เขาจูบเธอดังจ๊วบๆ ทั้งที่รู้ว่าเธออาจติดโรคร้าย เขาอาจไม่คิดมาก ไม่คิดว่าเธอจะติดโรค หรือบางที เขาอาจทำไปเพราะเธอคือภรรยา และจริงที่ว่าพวกเธอจูบกันไปหลายหนแล้วก่อนหน้านั้น“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคุณอุ่น”“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็หาย คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ศรัณเป็นผู้ชาย ควรให้เกียรติผู้หญิงสิ”“ผมเป็นผู้ชายที่เป็นสามีคุณ และเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเฉพาะคนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ผู้หญิงบ้าคนนั้นน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะต่อยให้หน้าหงายเลย”“ศรัณ!? ล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ล้อเล่นหรอก และถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงกับคุณมากกว่านี้ละก็ ผมก็จะไม่สนเหมือนกัน ถ้าคุณอุ่นเจ็บตัว คนที่ทำคุณเจ็บก็ต้องเจ็บด้วย”“เป็นเด็กที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ” อารดาอดว่าไม่ได้ศรัณทำหน้าเง้าแต่อารดาคงไม่เห็น“เป็นเด็กที่รักเมียมากต่างหาก มองข้ามข้อนี้ไปได้ยังไงนะ”
อารดาถูกลากมาขึ้นรถ ก่อนที่ศรัณจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใส่หูฟังแล้วต่อสายคุยธุระไม่หยุด เขาโทรไปบอกพี่พุดซ้อน สั่งการหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอมที่เธอวางทิ้งไว้ ทั้งเรื่องเสื้อผ้าของเธอ ก่อนจะโทรหาคนที่บ้านเขา ให้จัดที่ทางสำหรับการกักตัวไว้ให้ เธอมองแนวคางด้านข้างของสามี ในเวลาที่เธอคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ ดีจริงที่เขาอยู่ด้วย“เราจะไปไหนกัน”“กระท่อมท้ายสวนน่ะ มันร้อนสักหน่อยเพราะอยู่ในสวนกล้วย ผมให้น้าชุนกับน้ามาลาเตรียมของจำเป็นไว้รอแล้ว”“น้าชุนกับน้ามาลา?”เขาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้ภรรยา“คนสนิทของพ่อที่ผมเล่าให้ฟังไง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวผมแล้ว”“เหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ”“อืม...”อารดานิ่งงันเพื่อคิดบางอย่าง ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาจะเป็นยังไงนะ จะเป็นอย่างที่พ่อและญาติๆ ของเธอปฏิบัติต่อเขาหรือเปล่า“พวกเขาจะชอบฉันไหม” ถามอย่างไม่มั่นใจ ศรัณยกยิ้มที่มุมปาก“ดีจังที่คุณรู้สึกอย่างนี้ เหมือนว่าผมเป็นสามีของคุณจริงๆ เสี
“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี“ลูกค้าแกน่ะสิ”“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ยศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไปอรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”“คนสุด