“ทำอะไร”
“ดูเสื้อผ้าน่ะ ดีที่น้ามาลาเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วย คุณ...ใส่ได้ไหม”
อารดามองเสื้อผ้าผู้หญิง คนเลือกคงเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุด เสื้อยืด กางเกงขาสั้น มีผ้าถุงพับมาด้วย
“อือ...แต่ไม่เอาผ้าถุงนะ ฉันนุ่งผ้าถุงไม่เป็น”
เขายิ้มเผล่เมื่ออารดาออกตัว
“ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้เสื้อผ้าคุณคงมาถึง ขอโทษที่รีบมาจนไม่ทันได้เก็บเสื้อผ้า”
“ไม่เป็นไร ก็แค่เสื้อผ้านี่นา ฉันใส่อะไรก็ได้ ว่าแต่...มีชุดชั้นในหรือเปล่า”
ศรัณค้นลังใบใหญ่ หวังว่าจะได้เจอชุดชั้นในใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ ภาวนาให้น้ามาลาไปซื้อหามาให้ แต่เขาคงคาดหวังเกินไป น้าไม่ได้จัดหามา
“สงสัยคุณต้องโนบราเป็นบางโอกาสแล้วล่ะ”
สองแก้มอารดาร้อนผ่าว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เสื้อผ้าของเธอก็คงมา
“ถ้าคุณอาย ผมโนบราเป็นเพื่อนก็ได้นะ ผมไม่ชอบนุ่งกางเกงในหรอก มันอึดอัด”
เผียะ!
“อ๊า!!! คุณอุ่น!? นี่คุณฟาดแขนผมเหรอ”
ศรัณถามดังๆ ต้นแขนเขาเป็นรอยฝ่ามือแดงแปร๊ด
อารดาทำไม่รู้ไม่ชี้ “ก็...หมั่นไส้ ชอบพูดจาให้ฉันอาย”
“อายทำไม ผัวเมียกันแท้ๆ เดี๋ยวคืนนี้จะแก้ผ้ายั่วซะให้เข็ด”
“ศรัณ!?”
ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้าน ดีใจด้วยซ้ำที่มีเวลาอยู่กับอารดาสองต่อสองโดยไม่มีสายตาคนที่บ้านหล่อนเฝ้ามอง กระท่อมกลางดงกล้วยนี่กลายเป็นสวรรค์สำหรับเขาเลยล่ะ
“แล้วเราจะกินอะไร”
“น้ามาลาจะทำมาให้สามมื้อเลย พื้นที่ห้าสิบเมตรรอบกระท่อมจะไม่มีใครเข้ามา คุณไม่ต้องกลัวนะ น้าชุนให้คนงานเอาเชือกกล้วยล้อมพื้นที่ไว้ เผื่อเราสองคนติดโรคขึ้นมาจริงๆ จะได้ไม่มีใครหลงเข้ามาติดโรคไปด้วย”
อารดาหาที่ทางนั่ง เธอดึงฟูกนิ่มออกมาปูแล้วนั่งลงไป กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มพอทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างว่ามันคงสะอาดมากพอ
“ถ้าฉันติดโรคขึ้นมาจะทำยังไง ศรัณคงติดไปกับฉันด้วย”
“จะให้ทำยังไงล่ะ ต่อให้แยกกันกักตัว ผมก็อาจติดอยู่ดี” บอกหล่อนแล้วขยับไปหา อารดาขยับถอยหลังอีกหน่อยเมื่อเขาขึ้นมานั่งบนฟูกผืนเดียวกัน “เราไม่ใช่แค่ใช้อากาศร่วมกันนะ แต่เรา...”
อารดาใจเต้นตึกตัก เม้มปากแน่นเมื่อเขาเอาแต่จ้องลงมา รสจูบหวานๆ ยังติดอยู่ปลายลิ้น เธอยังรู้สึกถึงรสชาตินั้นได้อย่างชัดเจน เด็กบ้าอะไรไม่รู้ จูบหวานเหลือเกิน
“ฉันดวงแข็ง ฉันคงไม่เป็นไรหรอก ศรัณก็เหมือนกัน” พอพูดอย่างนั้น ศรัณก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“เรียกศรัณๆ อยู่นั่นแหละ เรียกรัณเฉยๆ ได้ไหม หรือจะเรียกที่รักก็ได้ หัดไว้จะได้ชินปาก”
คนถูกแนะส่ายหน้าน้อยๆ ให้อยู่กับเด็กอย่างเขาไปอีกสิบกว่าวัน เธอจะทานทนได้ไหมนะ ถ้อยวาจาที่เขาพูดไม่ใช่แบบที่คนอายุรุ่นเธอเขาพูดกันเลย ผู้ชายที่เธอเคยเจออย่างธัตธรนั้นมักพูดกับเธอด้วยเหตุและผลเสมอ แต่ก็นั่นแหละ คนมีเหตุผลก็ใช่ว่าจะมีรักมั่นคงนี่นา
“แล้วศรัณ...จะเรียกฉันแบบไหนล่ะ”
“ก็เรียกคุณอุ่น”
“ไม่เรียกพี่เหรอ แบบ...พี่สาว”
เขาหรี่ตามองหล่อนอย่างคาดโทษ
“ไม่มีทาง ก็คุณอุ่นไม่ใช่พี่ คุณอุ่นเป็นเมีย” เขาเถียงเสียงหนักแน่น ไม่มีทางเรียกหล่อนอย่างที่หล่อนต้องการอย่างเด็ดขาด
“โอเค...ก็ได้ งั้นฉันก็จะเรียกศรัณว่า...ศรัณ...แบบนี้แหละ มันชินปากแล้ว”
“แหม...นึกว่าจะเรียกที่รัก”
“ให้ศรัณทำให้ฉันรักได้ก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะเรียก”
“โอ...คุณอุ่น...เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะครับ”
“ฉันก็...จำๆ เอาจากคนแถวนี้แหละ”
คราวนี้คนทั้งสองเลยได้ยิ้มให้กัน ศรัณปลื้มใจสุดๆ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของอารดา เวลาหล่อนยิ้ม...โลกสดใสขึ้นมาเลยนะ อารดาน่าจะได้เห็นตัวเองตอนยิ้มอย่างนี้ หล่อนสวยขึ้นมาอีกร้อยเท่าเลยล่ะ
“คุณอยากอาบน้ำไหม สายๆ น้ามาลาคงเอามื้อเที่ยงมาส่ง”
“ไม่อาบ ฉันจะใส่ชุดนี้จนกว่าจะนอน” บอกเขาเสียงดังฟังชัด เธอไม่มีชุดชั้นในนะ ไม่ดีแน่ๆ ถ้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้
“ฉันอยากใช้โทรศัพท์”
ศรัณเอามือถือตัวเองยัดใส่มือให้อารดา มันยังชาร์ตอยู่กับพาวเวอร์แบงก์ เธอยังไม่ทันได้กดโทรออก ก็มีข้อความเด้งขึ้นมา มันส่งมาทางอีเมล
“มีคนส่งอีเมลมา”
“ใครเหรอ กดเข้าไปดูเลย”
เขาสั่งแต่สองตาและสองมือจดจ่ออยู่กับกล่องพลาสติกอีกใบที่มีสบู่ ยาสีฟันและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นบรรจุอยู่
อารดากดเมลเข้าไปดู มีรูปภาพที่มีข้อความให้กำลังใจส่งมา
“เอ่อ...คุณกระต่ายป่าส่งมา”
“อ้อ...เพื่อนน่ะ เหมือน...เพื่อนออนไลน์ ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก แต่เขาชอบส่งข้อความดีๆ แบบช่วยปลอบใจ ให้กำลังใจอะไรแบบนี้ ผมชอบอ่านนะ บางครั้งก็ช่วยปลอบใจผมได้ เขาส่งมาว่ายังไงบ้างล่ะ”
“เขาบอกว่า...เข้าหน้าฝนแล้ว รักษาสุขภาพอย่าให้เจ็บไข้นะ จะได้อยู่เป็นที่รักของคนที่เรารักไปนานๆ”
อารดาอ่านให้เขาฟัง ศรัณยิ้มแล้วพยักหน้า
“นั่นแหละ นานๆ จะส่งมาที ผมส่งข้อความไปขอบคุณ เขาก็ไม่เคยตอบกลับ ผมก็ทำได้แค่รอ”
“หือ?”
“ก็รอว่าเมื่อไหร่เขาจะส่งมาอีกไง บางทีมีเรื่องไม่สบายใจ ผมก็ระบายให้เขาฟัง เขาไม่ตอบหรือให้ความคิดเห็นเรื่องที่ผมระบายหรอก แต่ข้อความที่เขาส่งถัดมา มันช่วยผมได้ดีทีเดียว บางทีก็เป็นข้อความสั้นๆ บางทีก็เป็นเพลงเพราะๆ อะไรอย่างนี้”
อารดาพยักหน้าเข้าใจ โรแมนติกแปลกๆ นะ เขาคงคุยกับคุณกระต่ายป่านานแล้ว ถึงกล้าระบายอะไรๆ ให้อีกฝ่ายฟัง
“นานหรือยัง ที่อีเมลนี้ถูกส่งมา”
“หลายปีแล้ว”
“แล้ว...คุณกระต่ายป่านี่...ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
คราวนี้ศรัณเงยหน้าขึ้นจากลังพลาสติกที่ดูอยู่ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ จ้องอารดาเหมือนคนที่กำลังรู้ทัน
“คุณหึงเหรอ”
“เปล่า! ก็แค่...อยากรู้”
ศรัณส่ายหัวไม่เชื่อเด็ดขาด
“ผมไม่แน่ใจ เขาไม่เคยครับ ไม่เคยคะขา แค่ส่งข้อความมาเฉยๆ ผมเหมาเอาว่าเขาเป็นผู้ชาย หรือบางที...อาจเป็นแค่ระบบตอบกลับอัตโนมัติก็ได้”
“อือ...อย่างนั้นหรอกเหรอ”
“ช่างเถอะน่า คุณโทรหาที่บ้านเถอะ ไม่ต้องสนใจคุณกระต่ายป่าหรอก”
อารดาอยากปล่อยผ่านสิ่งที่ศรัณพูด แต่ไม่รู้ทำไม ใจของเธอกลับรู้สึกแปลกๆ จะว่าไม่ชอบใจก็ไม่ใช่ จะว่าชอบใจยิ่งไม่ใช่ใหญ่ มันตงิดๆ แบบที่ว่า หากไม่รู้เรื่องนี้ก็คงจะดี แล้วเจ้าของอีเมลนี้เป็นใครกันนะ อยู่ๆ ก็ชักอยากรู้ขึ้นมา
“ทำอะไร”“ดูเสื้อผ้าน่ะ ดีที่น้ามาลาเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วย คุณ...ใส่ได้ไหม”อารดามองเสื้อผ้าผู้หญิง คนเลือกคงเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุด เสื้อยืด กางเกงขาสั้น มีผ้าถุงพับมาด้วย“อือ...แต่ไม่เอาผ้าถุงนะ ฉันนุ่งผ้าถุงไม่เป็น”เขายิ้มเผล่เมื่ออารดาออกตัว“ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้เสื้อผ้าคุณคงมาถึง ขอโทษที่รีบมาจนไม่ทันได้เก็บเสื้อผ้า”“ไม่เป็นไร ก็แค่เสื้อผ้านี่นา ฉันใส่อะไรก็ได้ ว่าแต่...มีชุดชั้นในหรือเปล่า”ศรัณค้นลังใบใหญ่ หวังว่าจะได้เจอชุดชั้นในใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ ภาวนาให้น้ามาลาไปซื้อหามาให้ แต่เขาคงคาดหวังเกินไป น้าไม่ได้จัดหามา“สงสัยคุณต้องโนบราเป็นบางโอกาสแล้วล่ะ”สองแก้มอารดาร้อนผ่าว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เสื้อผ้าของเธอก็คงมา“ถ้าคุณอาย ผมโนบราเป็นเพื่อนก็ได้นะ ผมไม่ชอบนุ่งกางเกงในหรอก มันอึดอัด”เผียะ!“อ๊า!!! คุณอุ่น!? นี่คุณฟาดแขนผมเหรอ”ศรัณถามดังๆ ต้นแขนเขาเป็นรอยฝ่ามือแดงแปร๊ด
ศรัณแบกภรรยาไปยังกระท่อมท้ายสวน อารดายังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเจอกับอะไร เธอแค่ไว้ใจเขาขึ้นมาอีกหลายเปอร์เซ็นต์ตอนที่เขาจูบเธอดังจ๊วบๆ ทั้งที่รู้ว่าเธออาจติดโรคร้าย เขาอาจไม่คิดมาก ไม่คิดว่าเธอจะติดโรค หรือบางที เขาอาจทำไปเพราะเธอคือภรรยา และจริงที่ว่าพวกเธอจูบกันไปหลายหนแล้วก่อนหน้านั้น“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคุณอุ่น”“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็หาย คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ศรัณเป็นผู้ชาย ควรให้เกียรติผู้หญิงสิ”“ผมเป็นผู้ชายที่เป็นสามีคุณ และเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเฉพาะคนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ผู้หญิงบ้าคนนั้นน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะต่อยให้หน้าหงายเลย”“ศรัณ!? ล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ล้อเล่นหรอก และถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงกับคุณมากกว่านี้ละก็ ผมก็จะไม่สนเหมือนกัน ถ้าคุณอุ่นเจ็บตัว คนที่ทำคุณเจ็บก็ต้องเจ็บด้วย”“เป็นเด็กที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ” อารดาอดว่าไม่ได้ศรัณทำหน้าเง้าแต่อารดาคงไม่เห็น“เป็นเด็กที่รักเมียมากต่างหาก มองข้ามข้อนี้ไปได้ยังไงนะ”
อารดาถูกลากมาขึ้นรถ ก่อนที่ศรัณจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใส่หูฟังแล้วต่อสายคุยธุระไม่หยุด เขาโทรไปบอกพี่พุดซ้อน สั่งการหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอมที่เธอวางทิ้งไว้ ทั้งเรื่องเสื้อผ้าของเธอ ก่อนจะโทรหาคนที่บ้านเขา ให้จัดที่ทางสำหรับการกักตัวไว้ให้ เธอมองแนวคางด้านข้างของสามี ในเวลาที่เธอคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ ดีจริงที่เขาอยู่ด้วย“เราจะไปไหนกัน”“กระท่อมท้ายสวนน่ะ มันร้อนสักหน่อยเพราะอยู่ในสวนกล้วย ผมให้น้าชุนกับน้ามาลาเตรียมของจำเป็นไว้รอแล้ว”“น้าชุนกับน้ามาลา?”เขาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้ภรรยา“คนสนิทของพ่อที่ผมเล่าให้ฟังไง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวผมแล้ว”“เหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ”“อืม...”อารดานิ่งงันเพื่อคิดบางอย่าง ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาจะเป็นยังไงนะ จะเป็นอย่างที่พ่อและญาติๆ ของเธอปฏิบัติต่อเขาหรือเปล่า“พวกเขาจะชอบฉันไหม” ถามอย่างไม่มั่นใจ ศรัณยกยิ้มที่มุมปาก“ดีจังที่คุณรู้สึกอย่างนี้ เหมือนว่าผมเป็นสามีของคุณจริงๆ เสี
“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี“ลูกค้าแกน่ะสิ”“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ยศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไปอรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”“คนสุด
[4]ไม่ทันตั้งตัว__________อารดายังไม่เห็นศรัณเลยตั้งแต่ตื่นนอน เธออาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่างเพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน เธออยากคุยกับศรัณอีกสักนิดเรื่องความเป็นมาของเขา อย่างน้อยเผื่อคนที่บ้านถามไถ่เรื่องสามี จะได้ตอบถูกเธอไม่ต้องตามหาอะไรมากมาย เขาอยู่ในห้องรับแขกกับพี่พุดซ้อนที่กำลังแกะกล่องอะไรสักอย่างอยู่ มีอรุณฉายยืนเหล่มองทั้งคู่อยู่ใกล้บานหน้าต่าง“ทำอะไรอยู่คะ”พุดซ้อนหันมองเจ้านาย ยิ้มให้เจ้าหล่อนก่อนจะแกะห่อต่อ ศรัณเดินไปหาภรรยา โอบบ่าแล้วพาเดินเร็วๆ ไปยังโต๊ะที่พี่พุดซ้อนกำลังจัดการกับลังกระดาษใบหนาแล้วอารดาก็ได้ตาเบิกโต เมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียบหรูเรียงอยู่ในลังถึงหกใบด้วยกัน ถ้าไม่รู้จักแพ็กเกจมาก่อน คงเข้าใจว่าในกล่องคือเครื่องเพชร“พอไหม หามาได้แค่หกขวดเอง”อารดายังงงอยู่ พี่พุดซ้อนเปิดกล่องให้ดูก็เห็นขวดน้ำหอมอยู่ในนั้น ขวดแก้วสีสวยมีฝาปิดรูปมงกุฎที่ทำจากทองคำแท้ยี่สิบสี่กะรัต ใช่แล้วล่ะ มันคือน้ำหอม CLIVE CHRIS
ภายในห้องนอนอารดาทิ้งกายลงปลายเตียง เสียดายน้ำหอมก็เสียดาย แต่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้ไม่มีศรัณมาช่วยเร่งเร้า อย่างไรเสียคืนนี้น้ำหอมขวดนั้นก็ต้องไปอยู่ในมือของอรุณฉายอยู่ดี กำลังใจในการสู้คนมันหมดลงตั้งนานแล้ว หมดลงตั้งแต่วันที่บิดาเลิกกอดลูกสาวคนโตกระมังหมับ!อยู่ๆ แขนแข็งแรงของสามีก็สวมกอดเข้ามาแนบแน่น มันอบอุ่นและสื่อให้รู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย เธออยากผลักไส อยากด่าสักนิด แต่ตอนที่มีแขนเขาโอบรัดร่างอยู่ มันก็อุ่นดีเหมือนกัน“พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนี้นะ”“เป็นยังไง” เธอย้อนทันควัน“เป็นคนที่ยอมทุกอย่างยังไงล่ะ”อารดาแกะแขนเขาออก เจ้าเด็กคนนี้ชอบบงการเสียจริง“บางครั้งมันก็เรื่องเล็กน้อย ช่วยได้ก็ช่วยไป คนในบ้านก็ไม่ใช่คนอื่น ครอบครัวแท้ๆ”“แต่เหมือนว่าทุกคนไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวเลย พร้อมที่จะเบียดเบียน รังแก และสร้างความกดดันต่างๆ นานาให้แก่คุณ”อารดาไม่ชอบเลยที่เขาพูดอย่างนั้น มันแทงใจดำจนเธอเจ็บแปลบเหลือเกิน“ถ้าคุณไ