อารดาถูกลากมาขึ้นรถ ก่อนที่ศรัณจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใส่หูฟังแล้วต่อสายคุยธุระไม่หยุด เขาโทรไปบอกพี่พุดซ้อน สั่งการหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอมที่เธอวางทิ้งไว้ ทั้งเรื่องเสื้อผ้าของเธอ ก่อนจะโทรหาคนที่บ้านเขา ให้จัดที่ทางสำหรับการกักตัวไว้ให้ เธอมองแนวคางด้านข้างของสามี ในเวลาที่เธอคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ ดีจริงที่เขาอยู่ด้วย
“เราจะไปไหนกัน”
“กระท่อมท้ายสวนน่ะ มันร้อนสักหน่อยเพราะอยู่ในสวนกล้วย ผมให้น้าชุนกับน้ามาลาเตรียมของจำเป็นไว้รอแล้ว”
“น้าชุนกับน้ามาลา?”
เขาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้ภรรยา
“คนสนิทของพ่อที่ผมเล่าให้ฟังไง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวผมแล้ว”
“เหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ”
“อืม...”
อารดานิ่งงันเพื่อคิดบางอย่าง ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาจะเป็นยังไงนะ จะเป็นอย่างที่พ่อและญาติๆ ของเธอปฏิบัติต่อเขาหรือเปล่า
“พวกเขาจะชอบฉันไหม” ถามอย่างไม่มั่นใจ ศรัณยกยิ้มที่มุมปาก
“ดีจังที่คุณรู้สึกอย่างนี้ เหมือนว่าผมเป็นสามีของคุณจริงๆ เสียที”
พอถูกเหน็บเข้าอารดาก็ชักเขิน เธอก็แค่กลัวจริงๆ นะ ถ้าญาติฝ่ายเขาเป็นเหมือนญาติฝ่ายเธอล่ะ เธอคงรบราด้วยไม่ไหวแน่ๆ
หมับ!
อยู่ๆ มือบางที่วางบนตักก็ถูกกุมไว้
“อย่าคิดมาก บ้านผมมีแต่คนใจดี อยู่อย่างสบายใจเถอะ ครบสิบสี่วันเมื่อไหร่จะพาไปแนะนำให้เป็นเรื่องเป็นราว”
หญิงสาวผู้เป็นภรรยาใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง
“อีกสิบสี่วัน พวกเราจะเป็นยังไงกันนะ”
“นั่นสิ แต่ที่แน่ๆ ผม...มีบางเรื่องต้องบอกกับคุณ”
“บอกตอนนี้ก็ได้”
“ไม่บอกหรอก เดี๋ยวคุณทิ้งผมไป”
“แล้วถ้าบอกหลังสิบสี่วัน ไม่กลัวฉันทิ้งเหรอ”
“ไม่...” เขาว่าแล้วยิ้มกับท้องถนนเบื้องหน้า จับมือของอารดาแน่นขึ้นไปอีก “เพราะสิบสี่วันต่อจากนี้ คุณจะรักผม และต่อให้คุณเจ็บปวดเพราะผมแค่ไหน คุณจะไม่ทิ้งผมยังไงล่ะ”
ช่างเป็นคำตอบที่เข้าใจยากนัก อารดาคิดอย่างนั้น แต่สิบสี่วันก็ดูตลกเกินไป เธอใช้เวลาเป็นปีกว่าจะรับรักธัตธร และเธอมั่นใจ แค่สิบสี่วันทำให้เธอรักศรัณไม่ได้หรอก ไม่มีทางเลย...
__________
บ้านสวนของศรัณ คลองหลวง ปทุมธานี
อารดาพอจะคุ้นชินกับสวนกล้วยของย่าพร้อมอยู่บ้าง แต่ไม่ชินตากับจุดที่เขาจอดรถทิ้งเอาไว้ มันอยู่ตรงไหนของสวนกันล่ะ
“เห็นรั้วนั่นไหม”
เขาถามตอนที่ลงรถแล้ว ในมือมีโทรศัพท์ของตัวเองกับที่ชาร์ตแบตฯ สำรองมาด้วย
“อือ...”
“รั้วนั่นคือเขตสวนของย่าพร้อม น่าจะแปลง 14 ส่วนตรงที่เรายืนอยู่คือสวนของผมเอง มาทางนี้เถอะ ถ้าไม่จับมือผมจะหลงเอานะ สวนกล้วยมันหน้าตาเหมือนกัน แถมเดินไม่ดีจะตกท้องร่องเอาได้”
“แล้วรถล่ะ”
“น้าชุนจะมาขับกลับบ้าน ผมสั่งให้เอาสเปรย์มาฆ่าเชื้อด้วยแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ห่วงหรอกน่า ห่วงตัวเองนี่สิ เราจะอยู่กันยังไงในสวนนี่”
“ไม่ต้องคิดเยอะ มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง”
แล้วศรัณก็พาอารดาลัดเลาะไปตามคูดินในสวนกล้วยเพื่อไปยังกระท่อมท้ายสวน ตรงนั้นเป็นที่พักผ่อนของเหล่าคนงาน บ้างก็เอาไว้เก็บพวกปุ๋ยและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในสวน แต่เขาหวังว่า เมื่อไปถึง ข้าวของที่คนงานจำเป็นต้องใช้ จะถูกย้ายออกไปชั่วคราวแล้วแทนที่ด้วยของที่เขากับอารดาจำเป็นต้องใช้ในการกักตัว
อารดาย่ำไปบนพื้นแฉะๆ ของสวนกล้วย กอกล้วยใบหนากำลังทำให้เธออึดอัด หรือเธอไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนะ เหมือนว่าอากาศที่ใช้หายใจจะเบาบางลง
“เดี๋ยว! หยุดก่อน ฉันเหนื่อย”
เธอบอกเขาแล้วหอบแฮ่กๆ เหงื่อเปียกชุ่มแผ่นหลังไปหมด ตาลายด้วยนะ ท้องร่องระหว่างแนวกอกล้วยนี่ลึกมากไหม ถ้าเผลอเดินตกลงไปเธอจะปีนขึ้นจากน้ำได้หรือเปล่า
“อีกนิดเดียว จะถึงแล้ว”
แม้ศรัณบอกอย่างนั้นแต่อารดาไม่ไหว เธอนั่งยองๆ ลงตรงนั้น ไม่สนว่าเบื้องล่างคือดินชื้นแฉะ สองเท้าของเธอมีดินดำๆ เปรอะเปื้อนไปหมด
“ขึ้นหลังผมดีไหม หน้าคุณซีดมากเลย”
“อือ...ฉัน...ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง มัน...เหมือนไม่มีอากาศในนี้”
เธอพยายามอธิบาย หลังมือปาดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาที่ปลายคาง
“ขึ้นหลังผมเถอะน่า” เขาเอ่ยอาสา แต่อารดาส่ายหน้าดิก “ถ้าเป็นลมขึ้นมาผมไม่รู้วิธีปฐมพยาบาลนะ ผมรู้แค่วิธีช่วยคนจมน้ำ”
“อะไร? หมายถึง?”
“ผายปอดไง” บอกเมียแล้วยิ้มทะเล้น
“แต่ว่า...ฉันอาจจะแค่เป็นลม” เธอแย้ง
“นั่นแหละ ไม่ว่าคุณจะเป็นลมหรือจมน้ำ ผมก็จะผายปอดเหมือนกัน”
ศรัณถูกใจยิ่งนักเมื่อเห็นสีเลือดระเรื่อขึ้นมาที่พวงแก้มของอารดา หล่อนเอื้อมแขนมาหาเขา เขาเลยได้หันแผ่นหลังให้ดีๆ
“ฉัน...อาจจะตัวหนัก”
“ไม่หนักหรอก ผมแบกไหว เอาขาเกี่ยวเอวผมไว้ดีๆ เถอะน่า”
อารดานับหนึ่งถึงร้อยในใจ เขาก็แค่แนะนำ แต่ประโยคที่เขาเอ่ยทำไมเธอถึงคิดไปถึงเรื่องอย่างว่าได้นะ เลอะเทอะใหญ่แล้วอารดา
ศรัณแบกภรรยาไปยังกระท่อมท้ายสวน อารดายังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเจอกับอะไร เธอแค่ไว้ใจเขาขึ้นมาอีกหลายเปอร์เซ็นต์ตอนที่เขาจูบเธอดังจ๊วบๆ ทั้งที่รู้ว่าเธออาจติดโรคร้าย เขาอาจไม่คิดมาก ไม่คิดว่าเธอจะติดโรค หรือบางที เขาอาจทำไปเพราะเธอคือภรรยา และจริงที่ว่าพวกเธอจูบกันไปหลายหนแล้วก่อนหน้านั้น“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคุณอุ่น”“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็หาย คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ศรัณเป็นผู้ชาย ควรให้เกียรติผู้หญิงสิ”“ผมเป็นผู้ชายที่เป็นสามีคุณ และเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเฉพาะคนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ผู้หญิงบ้าคนนั้นน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะต่อยให้หน้าหงายเลย”“ศรัณ!? ล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ล้อเล่นหรอก และถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงกับคุณมากกว่านี้ละก็ ผมก็จะไม่สนเหมือนกัน ถ้าคุณอุ่นเจ็บตัว คนที่ทำคุณเจ็บก็ต้องเจ็บด้วย”“เป็นเด็กที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ” อารดาอดว่าไม่ได้ศรัณทำหน้าเง้าแต่อารดาคงไม่เห็น“เป็นเด็กที่รักเมียมากต่างหาก มองข้ามข้อนี้ไปได้ยังไงนะ”
อารดาถูกลากมาขึ้นรถ ก่อนที่ศรัณจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใส่หูฟังแล้วต่อสายคุยธุระไม่หยุด เขาโทรไปบอกพี่พุดซ้อน สั่งการหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอมที่เธอวางทิ้งไว้ ทั้งเรื่องเสื้อผ้าของเธอ ก่อนจะโทรหาคนที่บ้านเขา ให้จัดที่ทางสำหรับการกักตัวไว้ให้ เธอมองแนวคางด้านข้างของสามี ในเวลาที่เธอคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ ดีจริงที่เขาอยู่ด้วย“เราจะไปไหนกัน”“กระท่อมท้ายสวนน่ะ มันร้อนสักหน่อยเพราะอยู่ในสวนกล้วย ผมให้น้าชุนกับน้ามาลาเตรียมของจำเป็นไว้รอแล้ว”“น้าชุนกับน้ามาลา?”เขาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้ภรรยา“คนสนิทของพ่อที่ผมเล่าให้ฟังไง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวผมแล้ว”“เหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ”“อืม...”อารดานิ่งงันเพื่อคิดบางอย่าง ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาจะเป็นยังไงนะ จะเป็นอย่างที่พ่อและญาติๆ ของเธอปฏิบัติต่อเขาหรือเปล่า“พวกเขาจะชอบฉันไหม” ถามอย่างไม่มั่นใจ ศรัณยกยิ้มที่มุมปาก“ดีจังที่คุณรู้สึกอย่างนี้ เหมือนว่าผมเป็นสามีของคุณจริงๆ เสี
“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี“ลูกค้าแกน่ะสิ”“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ยศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไปอรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”“คนสุด
[4]ไม่ทันตั้งตัว__________อารดายังไม่เห็นศรัณเลยตั้งแต่ตื่นนอน เธออาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่างเพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน เธออยากคุยกับศรัณอีกสักนิดเรื่องความเป็นมาของเขา อย่างน้อยเผื่อคนที่บ้านถามไถ่เรื่องสามี จะได้ตอบถูกเธอไม่ต้องตามหาอะไรมากมาย เขาอยู่ในห้องรับแขกกับพี่พุดซ้อนที่กำลังแกะกล่องอะไรสักอย่างอยู่ มีอรุณฉายยืนเหล่มองทั้งคู่อยู่ใกล้บานหน้าต่าง“ทำอะไรอยู่คะ”พุดซ้อนหันมองเจ้านาย ยิ้มให้เจ้าหล่อนก่อนจะแกะห่อต่อ ศรัณเดินไปหาภรรยา โอบบ่าแล้วพาเดินเร็วๆ ไปยังโต๊ะที่พี่พุดซ้อนกำลังจัดการกับลังกระดาษใบหนาแล้วอารดาก็ได้ตาเบิกโต เมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียบหรูเรียงอยู่ในลังถึงหกใบด้วยกัน ถ้าไม่รู้จักแพ็กเกจมาก่อน คงเข้าใจว่าในกล่องคือเครื่องเพชร“พอไหม หามาได้แค่หกขวดเอง”อารดายังงงอยู่ พี่พุดซ้อนเปิดกล่องให้ดูก็เห็นขวดน้ำหอมอยู่ในนั้น ขวดแก้วสีสวยมีฝาปิดรูปมงกุฎที่ทำจากทองคำแท้ยี่สิบสี่กะรัต ใช่แล้วล่ะ มันคือน้ำหอม CLIVE CHRIS
ภายในห้องนอนอารดาทิ้งกายลงปลายเตียง เสียดายน้ำหอมก็เสียดาย แต่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้ไม่มีศรัณมาช่วยเร่งเร้า อย่างไรเสียคืนนี้น้ำหอมขวดนั้นก็ต้องไปอยู่ในมือของอรุณฉายอยู่ดี กำลังใจในการสู้คนมันหมดลงตั้งนานแล้ว หมดลงตั้งแต่วันที่บิดาเลิกกอดลูกสาวคนโตกระมังหมับ!อยู่ๆ แขนแข็งแรงของสามีก็สวมกอดเข้ามาแนบแน่น มันอบอุ่นและสื่อให้รู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย เธออยากผลักไส อยากด่าสักนิด แต่ตอนที่มีแขนเขาโอบรัดร่างอยู่ มันก็อุ่นดีเหมือนกัน“พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนี้นะ”“เป็นยังไง” เธอย้อนทันควัน“เป็นคนที่ยอมทุกอย่างยังไงล่ะ”อารดาแกะแขนเขาออก เจ้าเด็กคนนี้ชอบบงการเสียจริง“บางครั้งมันก็เรื่องเล็กน้อย ช่วยได้ก็ช่วยไป คนในบ้านก็ไม่ใช่คนอื่น ครอบครัวแท้ๆ”“แต่เหมือนว่าทุกคนไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวเลย พร้อมที่จะเบียดเบียน รังแก และสร้างความกดดันต่างๆ นานาให้แก่คุณ”อารดาไม่ชอบเลยที่เขาพูดอย่างนั้น มันแทงใจดำจนเธอเจ็บแปลบเหลือเกิน“ถ้าคุณไ
ศรัณส่งสายตายั่วเย้าเฝ้ามองเธอ แผ่นอกหนั่นแน่นของเขาลอยอยู่เบื้องบน เธออธิบายเป็นคำพูดไม่พูด รู้แต่ว่าในวินาทีที่เขาพามือเธอไปลูบไล้ลอนกล้ามแน่นๆ เหล่านั้น หัวใจในอกก็ได้สั่นรัวๆ ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะกล้ามเขา ใบหน้าเขา หรือเสียงเขา เธอตอบรวมๆ ได้แค่ว่ามันละลานตาไปหมด!ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูยุติบทรักในตอนเริ่ม อารดาได้ยินมันก่อนและพยายามบอกให้ศรัณรู้ เขาเองก็ได้ยิน แต่เลือกที่จะเมินเฉย ผิวเนื้อตรงซอกคอของอารดาน่าชื่นชมกว่าเสียงเคาะนั่นนักก๊อกๆๆเสียงเคาะดังขึ้นอีกตามด้วยเสียงของคนที่อยู่ด้านนอก อารดาจำต้องผลักศรัณออก หัวหูยุ่งเหยิง พวงแก้มเห่อร้อน ต้องรีบลุกมาจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้ไว ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตูแอ๊ด...บานประตูเปิดอ้าพร้อมหน้ายุ่งๆ ของอรุณฉาย“ทำอะไรอยู่ฮะ เรียกตั้งนานก็ไม่ขานรับ”อรุณฉายถามพี่สาวแต่ตานั้นมองไกลเข้าไปถึงเตียงนอน แลเห็นผู้ชายตัวใหญ่กำลังสอดกายเข้าใต้ผ้านวม เธอเห็นบ่าเขาแวบๆ คล้ายว่าเขาจะไม่ได้สวมเสื้อ หรือว่าสองคนนี้กำลัง...“มีอะไรหรือเปล่า” อารดาถามน้อง“ก็...เปล่า คือ...จำได้ว่าพี่มีน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันกับฉันน่ะ ของฉันหมดพอดี ขอยืมใช้สักวันสองวันสิ”อารดา