[5]
กักตัวไม่กักใจ
ตะวันใกล้จะตกดินตอนที่ศรัณกลับมาอีกครา เขามีตะกร้าใบใหญ่ ที่ข้างในจุของกินไว้เพียบ มีกับข้าวในปิ่นโตและกล่องพลาสติก รอบมื้อค่ำมีขนมปัง แยม และนมกล่องอยู่ในตะกร้าด้วย เขาวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะตัวเดียวในห้อง มันวางอยู่มุมหนึ่งในห้องสี่เหลี่ยมอันร้อนอบอ้าว
“อาบน้ำแล้วเหรอ”
เขาถามทันทีที่มาถึง น้าชุนทำจุดรับส่งอาหารที่ห่างจากกระท่อมราวห้าสิบเมตรได้ เดินไปกลับเลยใช้เวลาหลายนาที
“อือ...อาบตอนศรัณไปเอากับข้าวน่ะ” ตอบเขาแล้วดึงผ้าเช็ดตัวให้คลุมบ่าดีๆ ชุดชั้นในของเธอถูกซักด้วยสบู่ตากอยู่บนราวข้างห้องน้ำโน่น และใช่...ตอนนี้เธอโนบรา
“พรุ่งนี้น้าชุนจะต่อไฟฟ้าเข้ามาให้ วันนี้ทนร้อนไปก่อนนะ ดึกๆ ไม่ร้อนเท่าไหร่หรอก กางมุ้งแล้วเปิดหน้าต่างเอา น่าจะช่วยได้”
อารดาพยายามท่องคำว่าอดทนๆ ในใจ เธอเป็นคนขี้ร้อนไม่แพ้ศรัณนั่นแหละ และมาดูกันว่าคืนนี้เธอจะรอดไหม
แสงตะวันใกล้จะลบเลือนแล้ว ตอนที่ศรัณจุดตะเกียงโบราณขึ้นแขวนใต้ชายคากระท่อม กลิ่นน้ำมันก๊าดฉุนกึกลอยมาให้อารดาได้ปวดหัว แต่เขากลับบอกว่ามันโรแมนติก โอเค...โรแมนติกก็โรแมนติก หวังว่าเขาจะไม่นำมันเข้าไปในห้องข้างในด้วยนะ เธอไม่ชอบกลิ่นเลยจริงๆ
พวกเธอกินมื้อค่ำที่น้ามาลามาส่งไว้ให้ กับข้าวอร่อยเช่นตอนกลางวัน เธอคงหิว หรือไม่ก็เพราะเปลี่ยนที่ก็ไม่รู้ อาหารสองมื้อที่กินกับศรัณเลยอร่อยบอกไม่ถูก
พอกินข้าวเสร็จเขาก็ไปอาบน้ำบ้าง เขาใช้เวลาในห้องน้ำนานพอดู พอออกมาเขากลับไม่ยอมสวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงผ้านิ่มสีดำ มีผ้าขาวม้าผืนหนึ่งเช็ดผมรัวๆ เขาใช้ผ้าลายตารางนั่นอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีเคอะเขินราวกับใช้อยู่เป็นประจำ
“มันใช้ดีเหรอ”
“อะไร” เขาย้อน
“ก็ผ้าน่ะ” พอเธอถามไถ่ เขาก็ยื่นผ้ามาให้จับ มันนิ่มกว่าที่เธอคิด
“น้ามาลาเอามาฝากจากขอนแก่น บ้านเกิดแกทอผ้าไหมน่ะ ผ้าไหมยิ่งซักยิ่งนิ่ม ผมชอบใช้ตอนหน้าร้อน เอาไว้พัดแบบนี้ก็ได้”
เขาเอ่ยแล้วเริ่มพัดวีให้อารดาด้วยผ้าขาวม้าในมือ กลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่ติดอยู่กับผ้าชื้นๆ โชยไปให้อารดาได้กลิ่น “คุณร้อนเหรอ ห่มผ้าตลอดเลย” เขาถามยิ้มๆ หล่อนค้อนเขาวงใหญ่ น่ารักเสียไม่มี
“อย่ามายุ่งกับผ้าฉัน”
“ก็มันร้อน ถอดเถอะ ผมไม่มองหรอกน่า”
อารดาส่ายหน้าดิก ไม่โต้ตอบที่เขาแนะ
“คุณ...ซักชุดชั้นในเหรอ มันตากอยู่บนราวข้างห้องน้ำ”
พวงแก้มของสตรีวัยสามสิบเอ็ด ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่
“ศรัณเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้เห็นชุดชั้นในของฉัน” บอกเขาด้วยเสียงลอดไรฟัน ทั้งอายทั้งเคือง เกิดมาไม่เคยต้องโนบราทั้งชิ้นบนชิ้นล่างอย่างนี้
“ผมชอบนะ”
“ชอบ?”
“ก็บรา...ไซซ์ใหญ่กว่าที่คิดเยอะเลย...”
อารดาเม้มปากแน่น เธอเริ่มแลหาอะไรสักอย่างที่มีอยู่บนแคร่
“หาอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ ที่สามารถตีคนลามกแล้วเจ็บ”
“โอ๊ะโอ...คุณจะตีผมเหรอ”
“อือ...ตีสิ ตีแน่ๆ เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงได้ลามกล่ะศรัณ”
เขายิ้มเผล่ยั่วเย้า ขยับเข้าใกล้อารดาแล้วคว้าร่างหล่อนมากอดแรงๆ
“ลามกแต่กับเมียหรอกน่า มามะขอหอมที...”
ศรัณยื่นหน้าไปหาอารดา แต่อีกฝ่ายเอามือยันหน้าเขาไว้ หล่อนไม่ยอมให้เขาหอมแก้มโดยง่าย
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ให้เวลากันบ้างสิ”
“ผมมีเวลาแค่สิบสี่วันเอง ผมรีบ” บอกแล้วโน้มหน้าลงมาอีก คราวนี้อารดาเอามือปิดสองแก้มไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาดันจุ๊บลงมาที่ริมฝีปากของเธอ
จุ๊บๆๆๆ
เสียงจุ๊บรัวๆ สี่ครั้งซ้อนดังลั่นในสวนที่เงียบสงัด อารดาเหนื่อยใจเหลือเกิน เสียเปรียบอีกแล้ว
“เฮ้อ...ได้จูบแล้วก็ปล่อยสิ”
“จูบที่ไหน นั่นเรียกจุ๊บ ถ้าจูบมันต้องแลกลิ้น เอาลิ้นมา ลิ้นคุณหวานจะตาย มาๆๆ”
“อ๊ายยย!!! พอได้ไหม ทำไมชอบแกล้งฉันนะ!!”
เธอโอดครวญ แต่ศรัณหัวเราะร่า เขารุกเธอแกล้งเธอ เธอไม่เคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ไม่เคยต้องพูดมากพูดซ้ำๆ เพื่อบอกใครด้วย ชีวิตอันสงบเงียบ โลกแคบๆ ที่มีแค่เธอในพื้นที่ลิ้นชักกำลังถูกทำลายลงทีละนิด ช่างน่ากริ่งเกรงเหลือเกิน
“แกล้งคุณสนุกนี่นา”
คนถูกแกล้งไม่สนุกเลย ยิ่งตอนที่เขากอดเธออย่างนี้ แผ่นอกร้อนที่เรียบตึงของบุรุษวัยหนุ่มกำลังทำให้ใจเธอเต้นระรัว เธอเผลอวางมือกับอกเขา มือเธอสั่นนิดๆ แต่ศรัณกลับยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของเธอ เธอลูบมันเรื่อยๆ ผิวเขาสีสวยจังตอนที่อังกับแสงตะเกียง เธอกรีดนิ้วกับลอนกล้ามที่มันวาว ทึ่งกับความแน่นและเรียบตึงนั้นเกินกว่าจะผละมือออกจากมัน
“พอเถอะคนดี”
“ขอ...ดูต่ออีกหน่อย ไม่เคยเห็นใกล้ๆ แบบนี้”
“อะไร...กล้ามท้องผู้ชายนี่เหรอ”
“อือ...” ตอบเขาราวคนละเมอ เงยหน้ามองเขาก็เห็นว่าศรัณมองมาตาหวานเยิ้ม ผ้าขนหนูที่เธอคลุมบ่าอยู่ถูกปัดออกไป เขามองลงมาบ้าง พุ่มทรวงที่ตั้งชันแลเห็นเป็นรูปทรงชัดเจนเมื่ออังกับแสงตะเกียง เขาแตะต้องเธอบ้าง แตะที่แก้มขวาของเธอแล้วลากปลายนิ้วลงมาตามแนวลำคอ กรีดมันผ่านเนินทรวง ก่อนจะหยุดนิ่งที่ปลายถันอันตั้งชัน และก่อนที่เขาจะได้สัมผัสมันอย่างถนัดถนี่ เธอก็ขยับแรงจนสามารถหลุดออกจากอ้อมแขนเขาได้
“วันนี้...เรา...พอแค่นี้เถอะนะ ไป...เอ่อ...ไปนอนดีกว่า” บอกแล้วรีบหยิบผ้าขนหนูมาคลุมบ่า จับชายของมันพับทบดิบดีที่หน้าอกแล้วลุกยืน
ศรัณมองตามอย่างแสนเสียดาย แต่ไม่เป็นไร เขาทนได้ เขาจะอดทนจนกว่าจะทนไม่ไหวก็แล้วกัน
ภายในกระท่อมมุงฟางสว่างขึ้นด้วยแสงจากไฟฉาย ศรัณตามอารดาเข้ามา เขาเปิดมุ้งที่กางไว้ให้หล่อนเข้าไปข้างใน ก่อนที่ตัวเองจะมาเปิดหน้าต่างค้างไว้ หน้าต่างสองบานที่มีคงพอช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง“ขอบใจที่ไม่เอาตะเกียงนั่นเข้ามา ได้กลิ่นแล้วปวดหัว”“ผมชอบ มันโบราณดี แต่รู้ว่ากลิ่นมันแรง จุดไว้ข้างนอกก็พอได้ เอาละนะ...คุณจะนอนได้ไหม มันคงร้อนไปถึงช่วงเที่ยงคืนโน่นแหละ” เอ่ยกับหล่อนแล้วปิดไฟฉาย ในกระท่อมเลยมีแสงเพียงสลัวเลือนราง“ฉันทนได้ นอนเถอะ” บอกคนที่นอนอยู่ข้างกันอย่างเกรงใจ พยายามข่มตาให้หลับในค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน แล้วอยู่ๆ ไอเย็นฉ่ำชื้นก็คืบคลานเข้ามา เสียงฝนดังซ่าๆ กระหน่ำอยู่บนหลังคามุงฟาง“ว้าว...ดีจัง”“นั่นสิ ดีจริงๆ”อารดายิ้มหวาน ท่ามกลางแสงสลัว ตะเกียงที่จุดไว้ด้านนอกยังส่องแสงอยู่ มันส่องเข้ามาข้างในเพียงเล็กน้อย บางทีสายลมหอบใหญ่พัดเข้ามา ตะเกียงที่แขวนไว้ใต้ชายคาก็สั่นไหว เกิดเป็นแสงวูบวาบตามแรงลมเธอมองแสงที่กำลังเคลื่อนไหวแล้วข่มใจให้หลับตา ทว่าผ่านไปเกือบชั่
[5]กักตัวไม่กักใจตะวันใกล้จะตกดินตอนที่ศรัณกลับมาอีกครา เขามีตะกร้าใบใหญ่ ที่ข้างในจุของกินไว้เพียบ มีกับข้าวในปิ่นโตและกล่องพลาสติก รอบมื้อค่ำมีขนมปัง แยม และนมกล่องอยู่ในตะกร้าด้วย เขาวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะตัวเดียวในห้อง มันวางอยู่มุมหนึ่งในห้องสี่เหลี่ยมอันร้อนอบอ้าว“อาบน้ำแล้วเหรอ”เขาถามทันทีที่มาถึง น้าชุนทำจุดรับส่งอาหารที่ห่างจากกระท่อมราวห้าสิบเมตรได้ เดินไปกลับเลยใช้เวลาหลายนาที“อือ...อาบตอนศรัณไปเอากับข้าวน่ะ” ตอบเขาแล้วดึงผ้าเช็ดตัวให้คลุมบ่าดีๆ ชุดชั้นในของเธอถูกซักด้วยสบู่ตากอยู่บนราวข้างห้องน้ำโน่น และใช่...ตอนนี้เธอโนบรา“พรุ่งนี้น้าชุนจะต่อไฟฟ้าเข้ามาให้ วันนี้ทนร้อนไปก่อนนะ ดึกๆ ไม่ร้อนเท่าไหร่หรอก กางมุ้งแล้วเปิดหน้าต่างเอา น่าจะช่วยได้”อารดาพยายามท่องคำว่าอดทนๆ ในใจ เธอเป็นคนขี้ร้อนไม่แพ้ศรัณนั่นแหละ และมาดูกันว่าคืนนี้เธอจะรอดไหมแสงตะวันใกล้จะลบเลือนแล้ว ตอนที่ศรัณจุดตะเกียงโบราณขึ้นแขวนใต้ชายคากระท่อม กลิ่
“ทำอะไร”“ดูเสื้อผ้าน่ะ ดีที่น้ามาลาเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วย คุณ...ใส่ได้ไหม”อารดามองเสื้อผ้าผู้หญิง คนเลือกคงเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุด เสื้อยืด กางเกงขาสั้น มีผ้าถุงพับมาด้วย“อือ...แต่ไม่เอาผ้าถุงนะ ฉันนุ่งผ้าถุงไม่เป็น”เขายิ้มเผล่เมื่ออารดาออกตัว“ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้เสื้อผ้าคุณคงมาถึง ขอโทษที่รีบมาจนไม่ทันได้เก็บเสื้อผ้า”“ไม่เป็นไร ก็แค่เสื้อผ้านี่นา ฉันใส่อะไรก็ได้ ว่าแต่...มีชุดชั้นในหรือเปล่า”ศรัณค้นลังใบใหญ่ หวังว่าจะได้เจอชุดชั้นในใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ ภาวนาให้น้ามาลาไปซื้อหามาให้ แต่เขาคงคาดหวังเกินไป น้าไม่ได้จัดหามา“สงสัยคุณต้องโนบราเป็นบางโอกาสแล้วล่ะ”สองแก้มอารดาร้อนผ่าว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เสื้อผ้าของเธอก็คงมา“ถ้าคุณอาย ผมโนบราเป็นเพื่อนก็ได้นะ ผมไม่ชอบนุ่งกางเกงในหรอก มันอึดอัด”เผียะ!“อ๊า!!! คุณอุ่น!? นี่คุณฟาดแขนผมเหรอ”ศรัณถามดังๆ ต้นแขนเขาเป็นรอยฝ่ามือแดงแปร๊ด
ศรัณแบกภรรยาไปยังกระท่อมท้ายสวน อารดายังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเจอกับอะไร เธอแค่ไว้ใจเขาขึ้นมาอีกหลายเปอร์เซ็นต์ตอนที่เขาจูบเธอดังจ๊วบๆ ทั้งที่รู้ว่าเธออาจติดโรคร้าย เขาอาจไม่คิดมาก ไม่คิดว่าเธอจะติดโรค หรือบางที เขาอาจทำไปเพราะเธอคือภรรยา และจริงที่ว่าพวกเธอจูบกันไปหลายหนแล้วก่อนหน้านั้น“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคุณอุ่น”“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็หาย คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ศรัณเป็นผู้ชาย ควรให้เกียรติผู้หญิงสิ”“ผมเป็นผู้ชายที่เป็นสามีคุณ และเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเฉพาะคนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ผู้หญิงบ้าคนนั้นน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะต่อยให้หน้าหงายเลย”“ศรัณ!? ล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ล้อเล่นหรอก และถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงกับคุณมากกว่านี้ละก็ ผมก็จะไม่สนเหมือนกัน ถ้าคุณอุ่นเจ็บตัว คนที่ทำคุณเจ็บก็ต้องเจ็บด้วย”“เป็นเด็กที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ” อารดาอดว่าไม่ได้ศรัณทำหน้าเง้าแต่อารดาคงไม่เห็น“เป็นเด็กที่รักเมียมากต่างหาก มองข้ามข้อนี้ไปได้ยังไงนะ”
อารดาถูกลากมาขึ้นรถ ก่อนที่ศรัณจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใส่หูฟังแล้วต่อสายคุยธุระไม่หยุด เขาโทรไปบอกพี่พุดซ้อน สั่งการหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอมที่เธอวางทิ้งไว้ ทั้งเรื่องเสื้อผ้าของเธอ ก่อนจะโทรหาคนที่บ้านเขา ให้จัดที่ทางสำหรับการกักตัวไว้ให้ เธอมองแนวคางด้านข้างของสามี ในเวลาที่เธอคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ ดีจริงที่เขาอยู่ด้วย“เราจะไปไหนกัน”“กระท่อมท้ายสวนน่ะ มันร้อนสักหน่อยเพราะอยู่ในสวนกล้วย ผมให้น้าชุนกับน้ามาลาเตรียมของจำเป็นไว้รอแล้ว”“น้าชุนกับน้ามาลา?”เขาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้ภรรยา“คนสนิทของพ่อที่ผมเล่าให้ฟังไง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวผมแล้ว”“เหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ”“อืม...”อารดานิ่งงันเพื่อคิดบางอย่าง ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาจะเป็นยังไงนะ จะเป็นอย่างที่พ่อและญาติๆ ของเธอปฏิบัติต่อเขาหรือเปล่า“พวกเขาจะชอบฉันไหม” ถามอย่างไม่มั่นใจ ศรัณยกยิ้มที่มุมปาก“ดีจังที่คุณรู้สึกอย่างนี้ เหมือนว่าผมเป็นสามีของคุณจริงๆ เสี
“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี“ลูกค้าแกน่ะสิ”“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ยศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไปอรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”“คนสุด