ศรัณแบกภรรยาไปยังกระท่อมท้ายสวน อารดายังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเจอกับอะไร เธอแค่ไว้ใจเขาขึ้นมาอีกหลายเปอร์เซ็นต์ตอนที่เขาจูบเธอดังจ๊วบๆ ทั้งที่รู้ว่าเธออาจติดโรคร้าย เขาอาจไม่คิดมาก ไม่คิดว่าเธอจะติดโรค หรือบางที เขาอาจทำไปเพราะเธอคือภรรยา และจริงที่ว่าพวกเธอจูบกันไปหลายหนแล้วก่อนหน้านั้น
“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคุณอุ่น”
“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็หาย คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ศรัณเป็นผู้ชาย ควรให้เกียรติผู้หญิงสิ”
“ผมเป็นผู้ชายที่เป็นสามีคุณ และเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเฉพาะคนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ผู้หญิงบ้าคนนั้นน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะต่อยให้หน้าหงายเลย”
“ศรัณ!? ล้อเล่นใช่ไหม”
“ไม่ล้อเล่นหรอก และถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงกับคุณมากกว่านี้ละก็ ผมก็จะไม่สนเหมือนกัน ถ้าคุณอุ่นเจ็บตัว คนที่ทำคุณเจ็บก็ต้องเจ็บด้วย”
“เป็นเด็กที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ” อารดาอดว่าไม่ได้
ศรัณทำหน้าเง้าแต่อารดาคงไม่เห็น
“เป็นเด็กที่รักเมียมากต่างหาก มองข้ามข้อนี้ไปได้ยังไงนะ”
อารดาส่ายหน้าระรัว คำว่ารักของเด็กน้อยช่างพูดง่ายเหลือเกิน
“อย่าไปใส่ใจยัยรุ้งนักเลย ก็แค่...คนขี้ระแวง เธออาจร้ายกาจไปหน่อย แต่ไม่มีอะไรหรอก ยัยรุ้งไม่ใช่คนเหลี่ยมจัดมากมาย พูดอะไรก็ทำอย่างนั้น ฉันไม่ได้กลัวยัยรุ้ง ฉันแค่...ชินน่ะ”
“อย่ามาปลอบผมด้วยคำว่าชิน ต้องเห็นคนอื่นมาทำร้ายคุณ ผมไม่ชินง่ายๆ หรอกนะ”
อารดาเงียบไป แขนที่คล้องรอบคอเขาอยู่ คล้องแน่นขึ้นอีก ใจหนึ่งนั้นกลัวตก แต่อีกใจ...เธอก็แค่อยากทำอย่างนั้น
“อย่าดีกับฉันนักเลย ฉันจะชินเอานะ ถ้าวันหนึ่งไม่มีศรัณ แล้วฉันจะอยู่ยังไง”
“ไม่มีวันนั้นหรอกน่า จะอยู่กับคุณอุ่นจนคุณเหม็นขี้หน้านั่นแหละ”
หญิงสาวลอบยิ้มกับวาจาสามีวัยละอ่อน
“รักฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่บอกหรอก จะไม่พูดว่ารักคุณอุ่นอีกแล้ว จนกว่าคุณอุ่นจะรักผม”
อารดาไม่เชื่อสักนิด เหมือนว่าเขาพูดประชดไปอย่างนั้นเอง
“ฉันจะรักคนที่เพิ่งเจอกันได้ยังไง”
“ได้สิ อย่างน้อยเมื่อคืนเราก็นอนเตียงเดียวกัน คุณไว้ใจผมเพราะผมเป็นสามี และอีกไม่นาน ความรู้สึก รัก ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ผมมั่นใจ”
หญิงสาวเผลอยิ้มให้ความมั่นอกมั่นใจนั้น ไม่ได้เอ่ยท้วงให้เขาต้องเสียน้ำใจ เอาเถิด ถ้าเขามั่นใจว่าทำให้เธอรักได้ ก็ลองดู เธอเองก็อยากรู้ว่าความรักครั้งใหม่ กับความรักครั้งเก่า รักครั้งไหน จะทำให้เธอเจ็บมากกว่ากัน
_____________
เดินมาสักยี่สิบนาที อารดาก็ได้เห็นกระท่อมมุงฟางหลังใหญ่ ศรัณปล่อยเธอลงเดิน เธอกวาดตามองไปรอบๆ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางดงกล้วย มีกระท่อมมุงฟางตั้งอยู่ขอบสระ มีต้นไม้หลายชนิดขึ้นอยู่โดยรอบ และตรงนี้ค่อนข้างโล่งกว่าในสวนที่เธอเดินผ่านมา
“เป็นยังไง หายใจคล่องขึ้นไหม”
“อือ...”
“ช่วงนี้หน้าฝน กล้วยแตกหน่อไว ใบก็โตไวไปด้วย คนงานตัดแต่งไม่ทันเลยดูแน่นๆ ไปนิด พวกเราชาวสวนชินกับอากาศในแปลงปลูกกันแล้ว แต่คุณคงต้องปรับตัวอีกหน่อย”
“ฉันจะพยายาม” บอกเขาอย่างมั่นใจ แลหาห้องน้ำที่ควรมี “ห้องน้ำล่ะ”
“อยู่หลังกระท่อม แต่ว่า...”
“อะไร?”
“ส้วมซึมนะ”
“หา!?”
เขายิ้มขันยามเห็นตาคู่นั้นแทบถลนออกมา
“เถอะน่า มันสะอาดกว่าที่จะเอาชักโครกมาให้คนงานใช้ ไปดูเถอะ มันไม่ได้สกปรกหรอก น้ามาลาแกเป็นคนรักสะอาด ถึงห้องน้ำนี่จะอยู่ท้ายสวน แกก็หมั่นมาดูเพราะรู้ว่าผมอาจจะมาใช้ด้วย”
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไร”
“ผมก็แค่พูด อยากให้คุณสบายใจไง”
อารดาพยักหน้าอย่างขอไปที เธออยากเข้าห้องน้ำแล้วนะ ปวดฉี่จนท้องน้อยแข็งไปหมดแล้ว
“ว่าแต่...”
“อะไรอีกละครับ”
“ฉันไม่มีกระดาษทิชชู่”
พอศรัณได้ยินอย่างนั้นก็มุ่นคิ้วแรงๆ ก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมายื่นให้ อารดามองผ้าเช็ดหน้าลายตารางแล้วละอายใจเหลือเกิน
“ไว้...ฉันจะซื้อผืนใหม่มาคืนให้”
“ไม่ต้องหรอก ใช้เสร็จคืนให้ผมก็พอ ผมเอาไปซักเองได้ ผมชอบซักผ้า”
อารดาเผลอกรอกตาเมื่อได้ยินสามีเอ่ยอย่างนั้น เขาช่างขยันในการทำให้เธอหน้าแดง เขาพาเธอเดินเข้าไปในกระท่อมขนาดใหญ่ มันแบ่งเป็นสองห้อง อุปกรณ์ทำสวนและกระสอบปุ๋ยตั้งอยู่ในห้องที่ใหญ่กว่า ยังดีที่พื้นของกระท่อมปูไว้ด้วยปูนซีเมนต์ เธอนึกว่าจะได้ย่ำพื้นดินแฉะๆ แม้แต่ตอนเข้านอนเสียอีก
“ห้องน้ำอยู่ทางนี้ เปิดประตูหลังออกไป”
เขาแนะแล้วเปิดประตูหลังออกให้อารดาได้เห็น
หญิงสาวเพิ่งสังเกตว่าในห้องที่เธอจะได้ใช้เป็นห้องนอนนี้มีเสื่อน้ำมันปูพื้นไว้พอให้เดินได้สะดวก ฟูกนอนสองผืนถูกพับไว้บนแคร่ไม้ไผ่หลังใหญ่ มีมุ้งบางๆ ถูกตรึงชายไว้สองด้านแล้วม้วนขึ้นพับไว้ รอเวลากางอีกที
เธอมองมุ้งสีขาวแล้วถอนหายใจเฮือกๆ เธอไม่เคยนอนกางมุ้งมาก่อน หวังว่ามันจะไม่ทำให้อึดอัดนะ
อารดาเดินไปเข้าห้องน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในนั้นราวห้านาที ส้วมซึมเธอยังไม่ชินกับมันเท่าไหร่ แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงเรื่องมาก แค่มีที่ให้นอนในคืนนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
ศรัณกำลังรื้อข้าวของในลังพลาสติกสองใบที่วางอยู่ข้างผนัง มันคือเสื้อผ้าของเขาและเสื้อผ้าแบบผู้หญิง คงจะเป็นของน้ามาลา อารดาคงต้องใส่ไปก่อน จนกว่าพี่พุดซ้อนจะให้คนเอาเสื้อผ้าหล่อนมาส่ง เขาก็รีบร้อนเกินไปจนไม่ได้เก็บเสื้อผ้า แม้แต่กระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้านหล่อนเช่นกัน
“ทำอะไร”“ดูเสื้อผ้าน่ะ ดีที่น้ามาลาเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วย คุณ...ใส่ได้ไหม”อารดามองเสื้อผ้าผู้หญิง คนเลือกคงเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุด เสื้อยืด กางเกงขาสั้น มีผ้าถุงพับมาด้วย“อือ...แต่ไม่เอาผ้าถุงนะ ฉันนุ่งผ้าถุงไม่เป็น”เขายิ้มเผล่เมื่ออารดาออกตัว“ใส่ไปก่อน พรุ่งนี้เสื้อผ้าคุณคงมาถึง ขอโทษที่รีบมาจนไม่ทันได้เก็บเสื้อผ้า”“ไม่เป็นไร ก็แค่เสื้อผ้านี่นา ฉันใส่อะไรก็ได้ ว่าแต่...มีชุดชั้นในหรือเปล่า”ศรัณค้นลังใบใหญ่ หวังว่าจะได้เจอชุดชั้นในใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ ภาวนาให้น้ามาลาไปซื้อหามาให้ แต่เขาคงคาดหวังเกินไป น้าไม่ได้จัดหามา“สงสัยคุณต้องโนบราเป็นบางโอกาสแล้วล่ะ”สองแก้มอารดาร้อนผ่าว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เสื้อผ้าของเธอก็คงมา“ถ้าคุณอาย ผมโนบราเป็นเพื่อนก็ได้นะ ผมไม่ชอบนุ่งกางเกงในหรอก มันอึดอัด”เผียะ!“อ๊า!!! คุณอุ่น!? นี่คุณฟาดแขนผมเหรอ”ศรัณถามดังๆ ต้นแขนเขาเป็นรอยฝ่ามือแดงแปร๊ด
ศรัณแบกภรรยาไปยังกระท่อมท้ายสวน อารดายังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเจอกับอะไร เธอแค่ไว้ใจเขาขึ้นมาอีกหลายเปอร์เซ็นต์ตอนที่เขาจูบเธอดังจ๊วบๆ ทั้งที่รู้ว่าเธออาจติดโรคร้าย เขาอาจไม่คิดมาก ไม่คิดว่าเธอจะติดโรค หรือบางที เขาอาจทำไปเพราะเธอคือภรรยา และจริงที่ว่าพวกเธอจูบกันไปหลายหนแล้วก่อนหน้านั้น“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคุณอุ่น”“ไม่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็หาย คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ศรัณเป็นผู้ชาย ควรให้เกียรติผู้หญิงสิ”“ผมเป็นผู้ชายที่เป็นสามีคุณ และเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเฉพาะคนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ผู้หญิงบ้าคนนั้นน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะต่อยให้หน้าหงายเลย”“ศรัณ!? ล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ล้อเล่นหรอก และถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ถ้าทำอะไรรุนแรงกับคุณมากกว่านี้ละก็ ผมก็จะไม่สนเหมือนกัน ถ้าคุณอุ่นเจ็บตัว คนที่ทำคุณเจ็บก็ต้องเจ็บด้วย”“เป็นเด็กที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ” อารดาอดว่าไม่ได้ศรัณทำหน้าเง้าแต่อารดาคงไม่เห็น“เป็นเด็กที่รักเมียมากต่างหาก มองข้ามข้อนี้ไปได้ยังไงนะ”
อารดาถูกลากมาขึ้นรถ ก่อนที่ศรัณจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใส่หูฟังแล้วต่อสายคุยธุระไม่หยุด เขาโทรไปบอกพี่พุดซ้อน สั่งการหลายเรื่อง ทั้งน้ำหอมที่เธอวางทิ้งไว้ ทั้งเรื่องเสื้อผ้าของเธอ ก่อนจะโทรหาคนที่บ้านเขา ให้จัดที่ทางสำหรับการกักตัวไว้ให้ เธอมองแนวคางด้านข้างของสามี ในเวลาที่เธอคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ ดีจริงที่เขาอยู่ด้วย“เราจะไปไหนกัน”“กระท่อมท้ายสวนน่ะ มันร้อนสักหน่อยเพราะอยู่ในสวนกล้วย ผมให้น้าชุนกับน้ามาลาเตรียมของจำเป็นไว้รอแล้ว”“น้าชุนกับน้ามาลา?”เขาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้ภรรยา“คนสนิทของพ่อที่ผมเล่าให้ฟังไง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวผมแล้ว”“เหมือนญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ”“อืม...”อารดานิ่งงันเพื่อคิดบางอย่าง ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาจะเป็นยังไงนะ จะเป็นอย่างที่พ่อและญาติๆ ของเธอปฏิบัติต่อเขาหรือเปล่า“พวกเขาจะชอบฉันไหม” ถามอย่างไม่มั่นใจ ศรัณยกยิ้มที่มุมปาก“ดีจังที่คุณรู้สึกอย่างนี้ เหมือนว่าผมเป็นสามีของคุณจริงๆ เสี
“มีอะไรกันแน่รุ้ง ท่าทีถึงเป็นอย่างนี้”อารดาถามไถ่อย่างใจเย็น ไม่ใช่ไม่โกรธหรอกนะ แต่อย่างที่รู้ โกรธหรือไม่โกรธอย่างไร สุดท้ายคนที่เจ็บแล้วต้องเงียบก็คงเป็นเธออยู่ดี“ลูกค้าแกน่ะสิ”“อะไร ลูกค้าฉันทำไม”“เขาโทรมาหาพี่ธีเมื่อเช้า เขาติดเชื้อ โควิด” เธอหมายถึงโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่งซึ่งกำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ มันสามารถติดกันได้ง่ายๆ ทางสารคัดหลั่งเมื่อคนที่มีเชื้อไอหรือจาม“หา!?” อารดาอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนก“แต่คุณก็ไม่ควรมาทำร้ายคุณอุ่นอย่างนี้” ศรัณตำหนิ แต่รสิกาเชิดหน้าใส่“ขอโทษที มันชินมือน่ะ” รสิกาว่าแล้วยิ้มเย้ยศรัณกำหมัดแน่นหนึบ อารดาคว้ามือเขามากุมไว้ ปรามเบาๆ ไม่ให้เขาใจร้อนเกินไปอรุณฉายมองภาพนั้นแล้วแอบเบะปากใส่ เธอถอยหลังเข้าใกล้หน้าต่างอีกนิด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาปิดปากปิดจมูกไว้ กันโรคภัยไว้ก่อน“คนไหนล่ะ เมื่อวานลูกค้าก็มีพอสมควรนะ”“คนสุด
[4]ไม่ทันตั้งตัว__________อารดายังไม่เห็นศรัณเลยตั้งแต่ตื่นนอน เธออาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่างเพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน เธออยากคุยกับศรัณอีกสักนิดเรื่องความเป็นมาของเขา อย่างน้อยเผื่อคนที่บ้านถามไถ่เรื่องสามี จะได้ตอบถูกเธอไม่ต้องตามหาอะไรมากมาย เขาอยู่ในห้องรับแขกกับพี่พุดซ้อนที่กำลังแกะกล่องอะไรสักอย่างอยู่ มีอรุณฉายยืนเหล่มองทั้งคู่อยู่ใกล้บานหน้าต่าง“ทำอะไรอยู่คะ”พุดซ้อนหันมองเจ้านาย ยิ้มให้เจ้าหล่อนก่อนจะแกะห่อต่อ ศรัณเดินไปหาภรรยา โอบบ่าแล้วพาเดินเร็วๆ ไปยังโต๊ะที่พี่พุดซ้อนกำลังจัดการกับลังกระดาษใบหนาแล้วอารดาก็ได้ตาเบิกโต เมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียบหรูเรียงอยู่ในลังถึงหกใบด้วยกัน ถ้าไม่รู้จักแพ็กเกจมาก่อน คงเข้าใจว่าในกล่องคือเครื่องเพชร“พอไหม หามาได้แค่หกขวดเอง”อารดายังงงอยู่ พี่พุดซ้อนเปิดกล่องให้ดูก็เห็นขวดน้ำหอมอยู่ในนั้น ขวดแก้วสีสวยมีฝาปิดรูปมงกุฎที่ทำจากทองคำแท้ยี่สิบสี่กะรัต ใช่แล้วล่ะ มันคือน้ำหอม CLIVE CHRIS
ภายในห้องนอนอารดาทิ้งกายลงปลายเตียง เสียดายน้ำหอมก็เสียดาย แต่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้ไม่มีศรัณมาช่วยเร่งเร้า อย่างไรเสียคืนนี้น้ำหอมขวดนั้นก็ต้องไปอยู่ในมือของอรุณฉายอยู่ดี กำลังใจในการสู้คนมันหมดลงตั้งนานแล้ว หมดลงตั้งแต่วันที่บิดาเลิกกอดลูกสาวคนโตกระมังหมับ!อยู่ๆ แขนแข็งแรงของสามีก็สวมกอดเข้ามาแนบแน่น มันอบอุ่นและสื่อให้รู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย เธออยากผลักไส อยากด่าสักนิด แต่ตอนที่มีแขนเขาโอบรัดร่างอยู่ มันก็อุ่นดีเหมือนกัน“พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนี้นะ”“เป็นยังไง” เธอย้อนทันควัน“เป็นคนที่ยอมทุกอย่างยังไงล่ะ”อารดาแกะแขนเขาออก เจ้าเด็กคนนี้ชอบบงการเสียจริง“บางครั้งมันก็เรื่องเล็กน้อย ช่วยได้ก็ช่วยไป คนในบ้านก็ไม่ใช่คนอื่น ครอบครัวแท้ๆ”“แต่เหมือนว่าทุกคนไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวเลย พร้อมที่จะเบียดเบียน รังแก และสร้างความกดดันต่างๆ นานาให้แก่คุณ”อารดาไม่ชอบเลยที่เขาพูดอย่างนั้น มันแทงใจดำจนเธอเจ็บแปลบเหลือเกิน“ถ้าคุณไ