ตอนที่ 1 : กลายเป็นนางร้ายที่กำลังจะตาย ::
คุกหลวงใต้ดิน
แกร๊ก!
เสียงปลดโซ่กุญแจหน้าห้องคุมขังดังขึ้น
“คุณหนูใหญ่ตื่นได้แล้วขอรับ”
‘เสียงใครมาเรียกคุณหนูใหญ่ที่นี่’
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ขอรับ ตื่นมาทานอาหารก่อนขอรับ”
“ยัยฉิงฉิง แกเบาเสียงทีวีลงหน่อยสิ”
อิงอิงที่นอนสะลึมสะลืออยู่รีบบิดท่านอนพร้อมกับยกมือปิดหูเมื่อเธอคิดว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนตึกสิบชั้นที่มณฑลหนานจิงและเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงซีรีส์ที่ฉิงฉิงเปิดดูทุกวัน
“คุณหนูใหญ่รั่ว คุณหนูรีบตื่นมากินอาหารก่อนขอรับ”
เสียงทหารประจำการในคุกหลวงที่ถูกรั่วฮูหยินไหว้วานให้นำสำรับอาหารมาให้บุตรสาวรีบเรียกคนขี้เซาอีกครั้ง
“น่ารำคาญจริง ยัยฉิงฉิง! ฉันบอกให้เบาเสียง…หน่อย”
อิงอิงทนเสียงปลุกนั้นไม่ไหวจึงลุกเตรียมด่าเพื่อนรักอีกครั้ง หากแต่เพียงเธอลืมตาตื่นเต็มดวง สิ่งที่เห็นกลับเป็นเพียงสถานที่อึมครึม มีแสงสลัว ๆ แถมล้อมรอบไปด้วยหินทึบหนาที่ฉาบกั้นเอาไว้ทางด้านหลัง
“คุณหนูใหญ่ตื่นแล้วรีบทานของพวกนี้เถิดขอรับ ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากรั่วฮูหยินให้แอบเอาของพวกนี้มาให้คุณหนู”
อิงอิงจ้องมองหน้านายทหารที่พูดกับตนสลับมองอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
“คุณหนูใหญ่ รั่วฮูหยิน แล้วก็…คุก?”
อิงอิงเริ่มตั้งสติกวาดมองรายละเอียดสถานที่ที่ตนอยู่
‘ไม่จริง ฉันอยู่ในนี้ได้ยังไง ฝันเหรอ’
“โอ้ย! เจ็บ ๆ”
“คุณหนูทำร้ายตัวเองทำไมขอรับ”
อิงอิงคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝันอยู่จึงหยิกแขนเพื่อทดสอบ หากแต่เธอกลับรับรู้ถึงความเจ็บแปลบตรงที่หยิกจนนายทหารตกใจรีบเอ่ยถามพลางห้ามปราม
“ไม่ได้ฝัน”
อิงอิงพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าสบมองนายทหารตรงหน้าและเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ข้าคือรั่วอิงเหยา เพิ่งถูกองค์ชายใหญ่สั่งขังคุกใช่ไหม?” อิงอิงชี้นิ้วเข้าหาตนเองสำทับคำพูด
นายทหารตรงหน้ามองกลับด้วยความใคร่สงสัยอากัปกริยาของนางก่อนจะตอบ
“ขอรับ เพราะคุณหนูใหญ่เพิ่งวางยาว่าที่พระชายาขององค์ชายใหญ่ไป”
ตุบ!
อิงอิงถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแข็งกระด้าง
“คุณหนูใหญ่!”
นายทหารตรงหน้าตกใจรีบปรี่เข้าไปช่วยพยุงเธอขึ้นนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว
“นี่เรื่องบ้าอะไร ทำไมฉันถึงเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเอง แถมยังมาอยู่ในร่างนางร้ายที่กำลังจะตายแบบนี้!”
“คุณหนูใหญ่พูดอะไรหรือขอรับ”
อิงอิงไม่ตอบ นางเงยหน้ามองนายทหารข้าง ๆ ด้วยแวตาหดหู่และน่าเวทนา
“ตอนนี้ยามใดแล้ว”
เธอจำได้ว่าตัวละครนี้จะถูกประหารยามห้าย
“ตอนนี้เป็นปลายยามชวีขอรับ”
ปลายยามชวี แปลว่าเหลือเวลาไม่มากแล้วที่เธอจะถูกตู้ชิงหลางลอบสังหาร
อิงอิงนั่งนิ่ง เธอกำลังตั้งสติเพื่อหาทางออก เพราะหากตัวละครที่เธอสวมอยู่ดำเนินไปตามที่เธอเขียน ไม่รู้ว่าวิญญาณเธอจะแตกดับไปพร้อมร่างกายนี้หรือไม่
“เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
อิงอิงสวมเป็นรั่วอิงเหยาได้อย่างแนบเนียน
“คุณหนูใหญ่จะให้ข้าน้อยทำอะไรขอรับ”
อิงอิงนิ่งไปชั่วขณะ นางไตร่ตรองความคิดอีกครั้งก่อนจะเอ่ย
“ข้าต้องการพบหลัวซื่อจื่อ”
“คุณหนูหมายถึงหลัวซื่อจื่อ หลัวฉางเฟิง หรือขอรับ”
อิงอิงนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนั้นเธอเขียนตัวละครซื่อจื่อผู้นี้อยู่อีกเมืองซึ่งไม่มีทางมาทันตามที่นางต้องการ
“ไม่ ๆ เจ้ารีบไปทูลองค์ชายใหญ่ มีเพียงข้าที่สามารถช่วยว่าที่พระชายาให้รอดได้”
“เข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่มิใช่เรื่องง่ายนะขอรับ”
คนผู้นี้เป็นเพียงนายทหารประจำคุกหลวงขั้นต่ำ ไม่สามารถเข้าเฝ้าเชื้อกษัตริย์ได้ตามใจชอบ
“ท่านราชครู… ท่านพ่อข้า เจ้ารีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่ท่านพ่อข้า”
“ขอรับ”
นายทหารผู้นั้นรีบรับคำสั่ง เร่งออกจากคุกไปทันที
“แกต้องรอดสิยัยอิงอิง แกต้องกลับไปที่ที่แกจากมาให้ได้”
เมื่ออยู่ลำพัง นักเขียนมือทองอย่างอิงอิงก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองพลางนึกถึงคำทำนายจากอีเมลปริศนา
‘ฉันดวงกุดเพราะตกจากระเบียงที่อยู่ชั้นสิบ และจากมาในที่ไกลแสนไกลคือโลกนิยาย เพื่อเป็นนางร้ายจากหมึกปากกาของตัวเองเนี่ยนะ’
“หยุดนะ เจ้าสี่ขา!”เสียงใสเอ่ยตะโกนไล่ตามสุนัขขนปุกปุยที่วิ่งล่อให้วิ่งตามไม่หยุด แต่ดูเหมือนคำสั่งนั้นจะไร้ผล เจ้าสี่ขากลับเร่งฝีเท้าเห่าใส่ คล้ายจะเรียกร้องให้นางไล่ตามมันไป“พี่หญิง ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!”เชียนชิงที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นเหมยเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใยภายในจวนซื่อจื่อแห่งหนานโจวเมื่อไม่กี้วันมานี้เต็มไปด้วยความครึกครื้น เนื่องด้วยเหล่าญาติจากฉีโจวเดินทางมาเยี่ยมเยือน“พระชายา เสวยโอสถบำรุงครรภ์ก่อนเพคะ”สาวใช้นาม ฮุ้ยซู ยกถ้วยโอสถวางลงบนโต๊ะหินอ่อนอย่างนอบน้อมกาลเวลาล่วงเลยไปหนึ่งปีนับจากเทศกาลโคมลอยในปีนั้น รั่วเชียนชิงอภิเษกสมรสกับหลัวอี้เฟิง และบัดนี้ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว วันนี้ทั้งสองตัดสินใจเดินทางมายังหนานโจวด้วยความคิดถึงญาติผู้พี่ที่อยู่ห่างไกล“ชิงเอ๋อร์ ระวังร้อนหน่อย”รั่วอิงเหยาหัวเราะเบา ๆ หลังจากวิ่งเล่นกับเจ้าสี่ขาจนเหนื่อยจึงกลับมานั่งพักพลางจิบชาคลายร้อน“สองคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่” นางเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัยนับจากที่สองพี่น้องสกุลหลัวออกไป ก็หายไปครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ป่านนี้ยังไร้วี่แววว่าจะกลับมา“คงไปแข่งขี่ม้า ล่าสัตว์อีกกระ
ฟิ้ว~ลมเย็นพัดมาได้เวลารั่วอิงเหยาคิดสิ่งหนึ่งออกพอดีจึงเอ่ย"หม่อมฉันยังทำคำสัญญาที่ให้ซื่อจื่อไม่แล้วเสร็จเพคะ""เจ้าหมายถึงเรื่องนั้น""เพคะ"พอเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยนึง"วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำเรื่องนั้นให้สำเร็จ""เจ้ามีแผนการอะไรอีก"รั่วอิงเหยายิ้มแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำเอาคนอยากรู้อยากรู้ใจจะขาด"พาหม่อมฉันกลับไปหาชิงเอ๋อร์แล้วจะบอกเพคะ"น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยขึ้นหลัวฉางเฟิงชอบเวลาที่รั่วอิงเหยามีแผนการในหัว มันทำให้นางเป็นคนน่าค้นหา"ได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไป แต่หลังจบเรื่องนั้นแล้ว เจ้าต้องตอบคำถามนั้น"รั่วอิงเหยาไม่ตอบ นางทำเพียงพยักหน้าเป็นการตกลงศาลาเจาอวี่กว่าจะหากลุ่มรั่วเชียนชิงเจอใช้เวลาไปหนึ่งเค่อ สุดท้ายก็พบกันที่ศาลาเจาอวี่ที่ตั้งอยู่นอกงานทว่าทิวทัศน์ริมแม่น้ำงดงามกว่าในงานมาก"พี่หญิงคิดจะทำอะไรเจ้าคะ"เชียนชิงถามพี่สาว เมื่อเห็นบุรุษสองคนที่ใครต่างก็รู้ว่าไม่เป็นมิตรกันยืนอยู่ในศาลาเจาอวี่"พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แหละ"รั่วอิงเหยากำชับทั้งสามคนที่มีฉินเส้ามาร่วมวงด้วยเสร็จก็เดินเข้าไปหาสองบุรุษในศาลาทันที"อะแฮ่ม"เดินเข้ามาธรรมดาโลกไม่จำกระมั
"ท่านพาข้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด รู้หรือไม่ข้ากำลังสนุกกับร้านค้าในงานนั้น สนุกกับสีสันที่ไม่เคยเห็น สนุกกับการวิ่งไปร้านนั้น เข้าร้านนี้ราวกับกลับเป็นเด็กอีกครั้ง สนุกกับ..."เสียงหวานร่ายยาวจนไม่มีโอกาสให้อีกคนตอบ จึงก้มลงไปฉกชิมริมฝีปากนั้นเพื่อหยุดนางเอาไว้รั่วอิงเหยาตัวเกร็งเมื่อถูกจู่โจม ใบหน้างามร้อนผ่าวเมื่อถูกอีกคนจุมพิตราวหิวกระหาย"อื้อ"นางพยายามขัดขืนแต่อีกคนกลับบดเบียดริมฝีปากนุ่มนั้นไม่ปล่อยผลัก!สุดท้ายจึงรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกคนออกไป"ท่าน...!"มีคำด่าทอมากมายในหัว ฝ่ามือน้อยยกขึ้นหมายตะบันหน้าสักหน ทว่าครั้นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้ารูปงามที่ส่งมาแล้วกลับลงโทษเขาไม่ลง"เจ้าทำให้ข้าเป็นเช่นนี้""หม่อมฉัน?" นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง"ข้าอุตส่าห์รีบกลับมาจากภารกิจ แต่กลับพบเจ้าอยู่ที่ตำหนักชมจันทร์กับอี้เฟิงสองต่อสอง ซ้ำร้ายวันนี้หนีเที่ยวยังไม่ชวนข้าสักคำ พอพบหน้ากันกลับเอาแต่จ้องหน้าญาติผู้พี่ข้า จะไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร"คนที่พูดน้อยกลับระบายความในใจออกมาจนหมดเปลือกมุมปากบางคลี่ยิ้มออกมาก่อนเอ่ย"ซื่อจื่อหึงหม่อมฉันหรือเพคะ"คนถูกจับได้เอียงหน้าหลบ แต่บนแก้มนั้นกลับเปลี่ยนสี
"นี่ ๆ เรามาสวมหน้ากากไม่ให้ใครจำได้ดีหรือไม่"รั่วอิงเหยาวิ่งไปยังแผงขายหน้ากากริมทาง สายตาระริกระรี้มองหน้ากากไม้นั้นที อันนี้ที อย่างตื่นเต้น"อันนี้เหมาะกับชิงเอ๋อร์ของพี่"หน้ากากเทพธิดาสีขาวบริสุทธิ์ถูกหยิบมาทำท่าสวมบนใบหน้าให้น้องสาว"คุณหนูรองจิตใจดีมีเมตตา เหมาะกับหน้ากากเทพธิดาเจ้าค่ะ" ถิงอูยกย่องอีกเสียง"ชิงเอ๋อร์อ่อนโยนมีเมตตาเหมาะกับหน้ากากเทพธิดา แล้วข้าเล่า คงไม่ได้เหมาะกับ..."รั่วอิงเหยาเหลือบหางตามองหน้ากากที่หน้าเกลียดหน้ากลัว จมูกแหลมคม มีเขี้ยวสองข้างพรึ่บ!ยังไม่ทันมีใครได้ตอบคำถามนั้น ร่างเล็กก็ถูกรวบหมุนรอบหนึ่งก่อนจะมีอะไรเย็น ๆ สวมปิดครึ่งหน้า"เจ้าเหมาะกับหงส์เพลิง"หน้ากากครึ่งหน้าลวดลายหงส์เพลิง มีขนนุ่ม ๆ ประดับตกแต่งราวปีกนกถูกสวมลงบนใบหน้างดงามของรั่วอิงเหยาส่วนอีกคนที่เอาแต่ยัดเยียดสวมหน้ากากให้นางกลับมีหน้ากากครึ่งหน้าลายพยัคฆ์ขาวปกปิดอยู่"คารวะซื่อจื่อ"เชียนชิงกับถิงอูเห็นแล้วว่าเป็นผู้ใดกล้าแตะเนื้อต้องตัวกับรั่วอิงเหยาจึงรีบทำความเคารพ"ท...ท่านมาได้อย่างไร"รีบถอยห่างออกไปสองก้าวเมื่อรู้สึกว่ามีสายตามากมายจ้องมาที่นาง"ข้าไม่ได้มาผู้เดียว"หล
"ซื่อจื่อมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ""ถิงอูรายงาน แต่เหตุใดเจ้าต้องมาที่นี่คนเดียว"หลังจากจัดการกวาดล้างสำนักอวี้เหมินเสร็จ หลัวฉางเฟิงก็รีบควบม้าเร็วล่วงหน้ามาก่อนทหารนายอื่น หากแต่พอไปถึงจวนสกุลรั่ว สาวใช้ที่ให้ติดตามรั่วอิงเหยากลับรายงานว่า นางมาพบหลัวอี้ฟิงที่นี่เพียงลำพัง จะไม่ให้เขาร้อนรนเร่งรุดบุกตำหนักชมจันทร์ได้อย่างไร"หม่อมฉันแค่นำของบางอย่างมาให้องค์ชายใหญ่""ของอะไร เหตุใดต้องมอบให้ด้วยตนเอง"เจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นก็กลายเป็นทะเลาะกันเสียได้"ความลับเพคะ"หลัวฉางเฟิงรีบรั้งข้อมือน้อยที่เดินหนีเอาไว้"หม่อมฉันเจ็บ"แววตาเคล้าน้ำตาของนางทำเอาหลัวฉางเฟิงได้สติ ปล่อยมือเล็กนั้นช้า ๆ พร้อมเอ่ย"ข้าขอโทษ"ดูเหมือนรั่วอิงเหยาจะโกรธเขามาก นางสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างไม่ใยดี แถมยังเดินกลับไปหาหลัวอี้เฟิงราวหยามหน้าเขาอย่างไรอย่างนั้นจวนสกุลรั่วรั่วอิงเหยาเสร็จภารกิจมอบจี้แทนใจให้เจ้าของร่างเสร็จแล้วก็รีบกลับจวนทันที โดยไม่สนใจบุรุษที่ควบม้าตามรถม้าของนางมาอย่างช้า ๆ"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"ปิงเซียวหลันเห็นบุตรสาวทำหน้าบูดบึ้ง เดี๋ยวก็ถอนหายใจ เดี๋ยวก็ทำหน้าเบื่หน่า
:: อาการหึงหวง ::"เดี๋ยว นั่นเจ้าจะไปไหน"เสียงร้องห้ามของหลัวอี้เฟิงนางได้ยิน แต่ตอนนี้ต้องหาหญ้าแดงมาบดใส่แผลน้ำร้อนลวกนี้ก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแผลพุพองจนกลายเป็นแผลเป็น"เจอแล้ว"หญ้ากอแดงที่ต้องการอยู่ตรงหน้า หากแต่รั่วอิงเหยาไม่ทันสังเกตให้ดีว่ามีอสรพิษร้ายกำลังพลางกายอยู่ใกล้หญ้านั้นฉึก!รั่วอิงเหยาส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีมีดสั้นเล่มหนึ่งปักลงตรงหน้านาง ตามมาด้วยอ้อมกอดของใครสักคนที่รั้งนางออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว"ข้าไม่อยู่เพียงแค่สิบวัน เจ้าก็ไม่รักชีวิตตนเองแล้วหรือ"คำตำหนิมาพร้อมแรงโอบกอดจากทางด้านหลัง เสียงที่คุ้นหู สัมผัสที่คุ้นเคย ทำให้รั่วอิงเหยารู้แล้วว่าเขาคือใคร ค่อย ๆ แกะมือหนาที่โอบรวบเอวคอดออกช้า ๆ"อ๊ะ!"แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมปล่อย เขาออกแรงหมุนเล็กน้อยให้รั่วอิงเหยาหันกลับมาประจันหน้าอย่างเอาแต่ใจ"ผลักไสข้า...เพราะมีอดีตคนรักมองอยู่หรือ"คำถามนั้นช่างข่มต่ำ แววตาที่มองมาเหมือนกำลังน้อยเนื้อต่ำใจระคนขึงโกรธ"ปล่อยเพคะ"รั่วอิงเหยาเหลือบมองไปทางตำหนักที่มีอีกคนยืนมองอยู่"ฝ่าบาทพระราชทานวันสมรสของพวกเขาแล้ว เจ้ายังไม่ยอมปล่อยวางอีกหรือ"นี่เ