“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”
“จับตัวนางออกไปจากตำหนักข้า!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ท่านเข้าใจหม่อมฉันผิดไปแล้ว!”
“เข้าใจเจ้าผิด?”
กึก! เสียงฟันกระทบกันเมื่อมือหนาเอื้อมบีบคางเรียวด้วยกำลังประมาณหนึ่ง แววตาเคียดแค้นสบมองเข้าไปในนัยน์ตาสีอ่อนดั่งกวางน้อยที่น่าทะนุถนอม
“ว่าที่พระชายาข้าถูกวางยาพิษในอาหารที่เจ้าทำ นี่เรียกว่าเข้าใจผิดงั้นหรือ”
น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยโทสะและเกลียดชัง
“ไม่…ไม่ใช่ฝีมือหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ทำ”
“รั่วอิงเหยา ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าปีศาจร้ายเสียอีก!”
ตุ้บ!
“โอ้ย!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อ ‘รั่วอิงเหยา’ ถูก ‘องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิง’ ผลักไสจนล้มกองกับพื้นเย็นเยียบในช่วงเหมันตฤดู
“พานางไปขังคุกหลวง รอตัดสินโทษ!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้วางยาน้องหญิง”
รั่วอิงเหยาร้องขอความเห็นใจทั้งยังพร่ำบอกว่าตนเองถูกใส่ร้ายเรื่องวางยา หากแต่องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงกลับไม่สนใจใยดี หันหลังเดินกลับเข้าไปยังตำหนักเพื่อดูอาการคนรักที่กำลังจะกลายเป็นพระชายาในอีกไม่กี่วัน
สองชั่วยามต่อมา , คุกหลวงใต้ดิน
แกร๊ก!
เสียงปลดกุญแจโซ่ของห้องคุมขังดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษรูปงามแต่งกายด้วยชุดองครักษ์ขั้นสูงก้าวผ่านประตูเข้ามา
“องครักษ์ตู้”
เมื่อเห็นว่าใครเข้ามายังสถานที่สกปรกเช่นนี้ รั่วอิงเหยาถึงกับเบิกตาโตเอ่ยเรียกนามของ ‘ตู้ชิงหลาง’ องครักษ์ขององค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอย่างแปลกใจ
“ข้ามาเพื่อพาคุณหนูใหญ่ออกไปจากที่นี่”
ตู้ชิงหลางรีบเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่แอบลักลอบเข้ามาในคุกยามวิกาล
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าองค์ชายต้องไม่ทอดทิ้งข้า”
น้ำเสียงดีใจระคนเย่อหยิ่งดังออกมาพร้อมแววตาแห่งผู้ชนะ
“องค์ชายฝากคำพูดหนึ่งมาให้คุณหนูใหญ่”
“พูดมา”
รั่วอิงเหยาใจเต้นตุบ ๆ นางลุ้นในใจว่าองค์ชายใหญ่ที่นางหลงรักจะฝากฝังสิ่งใดผ่านองครักษ์คนสนิทมา
“องค์ชายใหญ่ขอให้ท่านจากไปอย่างสุขสงบ ไร้อาวรณ์ และอย่าได้โกรธเคืองพระองค์เลย”
รั่วอิงเหยาฟังจบรู้สึกถึงตะหงิดใจ
หากนี่คืออวยพรให้นางที่ได้ออกจากคุก เช่นนั้นเหตุใดถึงใช้คำว่า ‘จากไปอย่างสุขสงบ’
“องค์ชายหมา…ย อึก!”
รั่วอิงเหยายังไม่ทันได้ถามในสิ่งที่สงสัย เชือกเส้นหนึ่งกลับถูกรัดเข้าที่คอของนางจากทางด้านหลัง
รั่วอิงเหยาตกใจอย่างสุดขีด นางพยายามดิ้นรนออกจากเชือกที่รัดคอ หากแต่แรงสตรีมีเพียงหยิบมด จะไปสู้แรงของบุรุษได้เช่นไร
“องค์ชายยังบอกอีกว่า มีเพียงท่านจากโลกนี้ไป พระองค์ถึงจะครองรักกับคุณหนูรั่วเชียนชิงได้อย่างสบายพระทัย”
ประโยคสุดท้ายจากองครักษ์ตู้ช่างเจ็บปวดหัวใจนางยิ่งนัก
รั่วอิงเหยาค่อย ๆ ขาดอากาศหายใจช้า ๆ และจากไปอย่างโดดเดี่ยวในคุกอันมืดมนแห่งนี้
ตุบ! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“เลือดเย็นที่สุด!”
ฉิงฉิงอ่านนิยายเรื่องล่าสุดของนักเขียนมือทองอย่าง ‘อิงอิง’ เพื่อนรัก 'เรื่องบุปผางามของรัชทายาท' เสร็จถึงกับสะใจจุดจบของนางร้ายในนิยายที่เพื่อนรักแต่ง
“อินล่ะสิ”
“ก็อินแหละ แต่แกเลือดเย็นไปปะ”
“เลือดเย็นตรงไหน ถ้ารั่วอิงเหยาไม่ถูกเก็บ นางต้องหาโอกาสกำจัดน้องสาวเพื่อแย่งพระเอกมาอีก”
“ถึงงั้นก็เถอะ แกฆ่าตัวร้ายไปแล้วแปลว่านิยายใกล้จบแล้วดิ”
อิงอิงหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กอีกตัวเพื่อตอบคำถามเพื่อนรัก
“ยัง! แกดูพล็อตฉันก่อน”
อิงอิงเปิดบันทึกที่เขียนรายละเอียดของนิยายเรื่องนี้ให้เพื่อนรัก
“นางร้ายอาฆาตแค้น วิญญาณจึงไปสวมร่างอนุรักเพื่อสร้างความวุ่นวายต่อ โห! ฉันว่าแกดูแนวซาดิสเลือดเย็นอยู่นะ สร้างตัวละครมาร้ายแล้วให้ตุยเย่เสร็จ ยังใจดำสร้างนางมาเกิดใหม่ในร่างอื่นเพื่อทำบาปทำกรรมต่อ”
ฉิงฉิงแสดงความคิดเห็นอย่างออกรสออกชาติเมื่ออ่านพล็อตเรื่องของเพื่อนรักเสร็จ
“แบบนี้แหละนักอ่านชอบ ถ้าโลกสวยไป ไม่มีปมอะไร นักอ่านบางคนก็ไม่อ่าน”
“แล้วแกจะให้ยัยรั่วอิงหยาไปสวมร่างอนุรักของใคร”
“ก็ต้องเป็นองค์ชายสามที่จ้องแย่งบัลลังก์กับองค์ชายใหญ่สิ”
“อืม ร้ายคูณสิบเลยทีนี้ ให้พี่น้องฆ่ากันเองใช่ปะ” ฉิงฉิงลองเดาดู
“ใช่” อิงอิงตอบสั้น ๆ
“นี่! สมมตินะสมมติ ถ้าเกิดจู่ ๆ ตัวละครที่แกแต่งเกิดมีจิตอาฆาตแกขึ้นมา แล้วดึงแกไปลิ้มลองรสชาติของเนื้อเรื่องที่แกเขียนถึงพวกเขาด้วยตัวเอง แกจะทำยังไง”
อิงอิงมองหน้าเพื่อนรักด้วยสายตาเป็นประกายพร้อมเรียกชื่อเพื่อนรักเสียงดัง
“ฉิงฉิง”
“ว่า”
“แกเลิกเป็นนางแบบแล้วมาแต่งนิยายเหมือนฉันเถอะ จินตนาการแกล้ำกว่าฉันมาก”
ฉิงฉิงที่อุตส่าห์รอลุ้นว่าเพื่อนจะพูดอะไรถึงกับไถลเก้าอี้ถอยห่างอิงอิงทันทีก่อนจะเอ่ย
“ฉันไม่ถนัดแต่ง ถนัดแต่อ่าน”
“จ้ะแม่คุณ! ฉันก็แค่แนะแนวทางงานเสริมให้เท่านั้น”
“ไม่เอาอะ กลัววันดีคืนดี ตัวละครในนั้นจะอาฆาตแล้วมาเข้าฝัน ฮึย! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
ฉิงฉิงพูดไปลูบแขนตัวเองไป
“แกก็แต่งนิยายโลกสวยไปสิ”
“ไม่อะ รออ่านนิยายแกดีกว่า”
อิงอิงเบ้ปากใส่ฉิงฉิงที่นั่นก็ติ นี่ก็ติง แต่พอให้ลองเองกลับไม่เอา
ติ๊ง!
จู่ ๆ แจ้งเตือนจากอีเมลก็ดังขึ้น
อิงอิงรีบกดเปิดอ่านทันทีโดยไม่คิดว่าจะเป็นไวรัสแต่อย่างใด
“อะไรวะเนี่ย”
อิงอิงเป็นคนเปิดอ่าน แต่คนที่สบถออกมากลับเป็นเพื่อนรักเธอที่กวาดสายตาอ่านข้อความเกือบสิบบรรทัดจบในไม่ถึงห้าวินาที
“สแปมมั้ง”
อิงอิงรีบกดลบทันที ทว่าอีเมลนั้นกลับลบไม่ได้!
“อย่าเป็นไวรัสนะเว้ย”
อิงอิงพยายามลบข้อความนั้นแต่ลบยังไงก็ขึ้น error ตลอดจนเธออยากจะร้องไห้เพราะกลัวงานในเครื่องจะหายเกลี้ยงหมด
“จะว่าไป แกระวังไว้บ้างก็ดีนะ ฉันว่าคำทำนายนั้นอ่านแล้วไม่เหมือนอีเมลลูกโซ่เลย”
ฉิงฉิงสะกิดไหล่เพื่อนรักพร้อมเตือนเสียงแผ่ว เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกี่ยวกับคำทำนายที่ถูกส่งมา
“จู่ ๆ ก็มีใครส่งมาทักว่าแกจะดวงกุด ระวังเรื่องที่สูง แกก็จะเชื่อง่าย ๆ เนี่ยนะ”
ถึงแม้อิงอิงจะเป็นนักเขียนนิยาย แต่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องดวงหรือเครื่องรางใด ๆ เหตุเพราะเธอเคยพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหลายหน แต่สุดท้ายที่เธอผ่านทุกอย่างมาได้ล้วนมีแต่สมองและสองมือของเธอ
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แกไม่เคยได้ยินหรือไง”
อิงอิงไร้เสียงตอบกลับ เธอกวาดสายตาอ่านข้อความตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่หยุดอยู่เพียงแค่ประโยคเดียว
‘นี่คือคำเตือน! คุณกำลังจะดวงกุด ระวังที่สูง จะพลากคุณไปไกลแสนไกล’
เปรี้ยง!
อิงอิงที่สายตาจดจ้องอยู่ที่เนื้อหาอีเมลถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าผ่ามาเปรี้ยงหนึ่ง
“บอกแล้วไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
ฉิงฉิงกระซิบแผ่วเบาอย่างเย็นยะเยือกใกล้ใบหู
“ถอยไปเลยฉันจะออกไปเก็บผ้า”
อิงอิงว่าจบก็เดินไปที่ริมระเบียงเพื่อเก็บผ้าที่ตากเอาไว้
กึก!
เสียงฟันกระทบกันเมื่อเธอเดินมาที่ริมระเบียงแล้วเผลอมองลงไปด้านล่าง ความสูงจากชั้นสิบทำให้เธอขนลุกเล็กน้อย
วืด ฟิ้ว~
จู่ ๆ ลมหอบใหญ่ก็พัดมาทำให้เสื้อตัวบางของเธอที่ตากอยู่ปลิวหล่นไป อิงอิงที่เหม่ออยู่พอเห็นเสื้อปลิวไปต่อหน้าต่อตาจึงรีบคว้าเอาไว้โดยลืมไปว่าเธอยืนอยู่ริมระเบียงที่มีรั้วกั้นแค่ครึ่งเอวเธอ
“อ๊ะ! กรี๊ด!”
“ยัยอิงอิง!”
ปกติรั่วเชียนชิงไม่ได้ติดพี่สาวถึงแตะเนื้อต้องตัวกันเช่นตอนนี้ แถมน้ำเสียงที่สนทนากันกลับมีแต่ความจริงใจและเชื่อใจกัน"พี่หญิง ใบหน้าท่าน..."รั่วเชียนชิงเพิ่งสังเกตรอยช้ำแดงที่แก้มขวาของพี่สาว"แค่เล็กน้อย" รั่วอิงเหยาคลี่ยิ้มให้น้องสาว"เพราะข้า ข้าทำให้ทุกคนเข้าใจพี่หญิงผิด"ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจของรั่วเชียนชิง บ่อน้ำตาที่ตื้นเขิน ค่อย ๆ หลังหยาดน้ำใสออกมาท่วมขอบกั้น"อย่าโทษตัวเอง เพราะเมื่อก่อนพี่ร้ายกับคนอื่นไว้มาก ไม่แปลกที่ใครเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น"คำพูดยืดยาวที่ไม่มีความประชดประชันทำให้รั่วหนานเฉินมองบุตรสาวคนโตด้วยความประหลาดใจ"เจ้า...ไม่ได้วางยานางจริง?"ควรเป็นเพียงเสียงนึกคิดในหัว แต่รั่วหนานเฉินกลับลืมตัวเอ่ยเป็นเสียงถามออกมา"อิงเหยาไม่ได้ทำ แต่ก็ไม่เชิง""เหยาเอ๋อร์พูดอะไรลูก"ปิงเซียวหลันไม่เข้าใจบุตรสาว จะปฏิเสธแต่กลับทิ้งท้ายเหมือนตนเองทำ"เรื่องนี้ลูกจะต้องสืบสาวราวเรื่องและนำตัวคนผิดมาให้ท่านพ่อลงโทษ""พูดจาโอหัง เจ้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา จะไปืบหาความจริงด้วยวิธีอันใด"สายตาที่รั่วหนานเฉินมองนางนั้นมีแต่ความขบขันและเหยียบย่ำความคิดเกินตัว"ลู
: ต่อจากนี้ไปพี่จะปกป้องเจ้าเอง :เรือนเชียนเชียนรั่วหนานเฉินรีบมาที่เรือนของบุตรสาวคนรองอย่ารีบร้อนพลางดีใจ"ลูกพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"เห็นรั่วเชียนชิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งนอนจึงรีบถามไถ่พร้อมเดินไปช่วยพยุงนางขึ้นมานั่ง"ท่านพ่อ ลูกหายแล้วเจ้าค่ะ"คนที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวเอ่ยตอบอย่างยิ้มแย้มหลังจากตื่นจากผงเจ็ดราตรี รั่วเชียนชิงเหมือนถูกขังอยู่ในป่าหนาม ร่างกายนางเจ็บปวดและอ่อนแรงแม้กระทั่งยามหายใจความทุกข์นี้รั่วเชียนชิงไม่เคยเอ่ยบอกบิดาหรือผู้อื่นเพราะเกรงจะโยนความผิดไปที่พี่สาว"โชคดีที่หมอหลวงอวิ่นมาทันเวลาจึงถอนพิษให้เจ้าทัน"รั่วเชียนชิงเพิ่งฟื้นจึงมีอาการสะลึมสะลือ พอได้ยินบิดาเอ่ยถึงหมอหลวงในวังจึงแปลกใจว่าเขามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ได้อย่างไร"เมื่อครู่ท่านพ่อหมายถึงหมอหลวงอวิ่นหยูหรือเจ้าค่ะ""จะเป็นผู้ใดได้อีก"ยิ่งฟังบิดากล่าวอย่างชื่นชมหมอหลวงผู้นี้ รั่วเชียนชิงยิ่งรู้สึกมึนงง สุดท้ายจึงนึกถึงคนสำคัญขึ้นมาได้"พี่หญิง พี่หญิงอิงเหยาเล่าเจ้าคะ"ได้ยินชื่อที่เป็นอัปมงคลคิ้วเข้มของรั่วหนานเฉินก็ขมวด ใบหน้าเคร่งขรึม ลมหายใจฟึดฟัดก่อนเอ่ย"เจ้าไม่ต้องห่วง
"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว ไปเรียนราชครูเร็ว"เสียงคนคุยกันเบา ๆ ดังอยู่ด้านหลัง รั่วอิวเหยาจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองพร้อมเอ่ยถาม"ชิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง"นางอยากรู้วิชาแพทย์ของสกุลปิงเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่"คุณหนูรองได้ท่านหมอหลวงจากในวังมาช่วยไว้แล้วเจ้าค่ะ"แม้จะมีหางเสียงแต่น้ำเสียงที่ตอบคุณหนูใหญ่นั้นอย่างกระแทกแดกดันจากความเข้าใจผิดก่อนหน้าว่านางทำร้ายคุณหนูรองแสนบอบบาง"หมอลวงจากในวัง"คนในวังจะรู้เรื่องนี้และมาได้จังหวะเหมาะเหม็งเช่นนี้เชียวหรือ"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วเชิญท่านคุกเข่ารอท่านราชครูมาแจงโทษเถิดเจ้าค่ะ"นางถูกคนลอบทำร้ายกลับไม่มีใครสนใจ แม้พอฟื้นสาวใช้ยังจะให้นางทำตามคำสั่งรั่วหนานเฉินที่สั่งไว้ตอนนั้นอีก หากนี่ไม่ใช่นิยายที่นางแต่งเองกับคงคิดว่ารั่วอิงเหยาถูกเก็บมาเลี้ยงแล้ว"ท่านราชครู"คิดน้อยใจตัวเองได้ไม่ทันไร รั่วหนานเฉินก็มาถึงที่ ด้านหลังมีปิงเซียวหลันตามมาห่าง ๆ หากแต่เหมือนถูกสั่งห้ามยื่นมือมาสอดจึงได้แต่มองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง"ดียิ่งนัก! คิดว่าฮ่องเต้โปรดปรานเลยปีกกล้าขาแข็งวางยาพิษซ้ำกับน้องสาว!"เสียงข่มต่ำ แววตาแข็งกร้าว จ้องมองบุตรสาวอย่างกรุ่นโกรธ"ข้
:: ข้าบริสุทธิ์ ::รั่วเชียนชิงได้แต่หลับตาลง กัดฟันแน่น พร้อมร้องเจ็บปวดในใจ"พี่จะใช้เข็มแรกเปิดจุดระบายพิษให้ออกทางเหงื่อเพื่อป้องกันพิษแล่นเข้าสู่หัวใจ"รั่วอิงเหยาเอ่ยจบก็เริ่มฝังเข็มลงไปบนร่างกายเชียนชิง ทีละจุด ๆนี่คือความสามารถของรั่วอิงเหยาในนิยายของนาง หากแต่ทำไมอิงอิงถึงไม่แต่งด้านดี ๆ ออกมากันนะ"เจ็บหรือไม่"หลังจากฝังเข็มเพื่อระบายพิษทางเหงื่อครบทุกจุดแล้วจึงค่อย ๆ สังเกตอาการของเชียนชิงไปด้วย"ไหว...ไหวเจ้าค่ะ"ได้ยินคำตอบน้องสาวที่ต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่ใจนางก็หวั่นไหวตาม แต่ต้องอดทนไม่อ่อนแอตามน้องสาว"ต่อไปจะเจ็บกว่านี้ เจ้าต้องอดทน""เจ้าค่ะ"เชียนชิงกัดฟันแน่นเป็นหนที่สอง มือแน่งน้อยกำจิกอาภรณ์ไว้แน่นหวังว่าจะช่วยลดความกลัวและเจ็บปวดได้"อึก!"เข็มแหลมคมฝังลงบนฝ่ามือทั้งสองข้า ตามเส้นเลือดเพื่อระบายพิษเลือดคลั่งนี้ให้รวมกันขึ้นที่สูง"เข็มสุดท้ายแล้ว เจ้าจะรู้สึกแน่นหน้าอกจนเหมือนจะาดใจ ร่างกายภายในจะเจ็บปวดราวแตกสลาย แต่เมื่อพี่ถอนเข็มนี้ออกเจ้าจะหายดี""เชิญพี่หญิงลงมือ"ต่อให้เจ็บปางตายเพียงใด หากพี่สาวรักษานางหายได้ เป็นใครจะไม่ยินยอม"โอ๊ย...กึก!"รั่วเชียนช
"ชิงเอ๋อร์ หลังจากดื่มยาชุบชีวิตแล้วร่างกายเจ้าก็ผิดปกติ ป่วยง่าย หอบเหนื่อยเร็ว ใช่หรือไม่"คนถูกถามตกใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกได้ว่าพี่สาวตนยังมีสายเลือดของหมออยู่ครึ่งหนึ่ง เรื่องแค่นี้นางย่อมสังเกตออก"เป็นอย่างที่พี่หญิงกล่าว"รั่วอิงเหยาหน้าเศร้าลงมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงระคนสำนึกผิด"เพราะพี่ไม่ดีแท้ ๆ เจ้าถึงกลายเป็นคนขี้โรคจนถูกเลื่อนงานอภิเสกออกไปอย่างไม่มีกำหนด"คำพูดของพี่สาวช่างเหมือนเข็มนับหมื่นทิ่มแทงอกรั่วเชียนชิงพร้อมกัน"ไม่ต้องห่วง พี่จะช่วยเจ้าให้กลับมาแข็งแรงโดยไวจะได้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่เร็ว ๆ"รั่วเชียนชิงถึงกับใจหล่นวูบ รู้สึกครางแคลงใจกับคำพูดของพี่สาวจนทนเก็บความสงสัยที่เก็บซ่อนไว้ในใจไม่อยู่เอ่ยถามออกมาเสียงสั่นและแผ่วเบา"พี่หญิงไม่โกรธชิงเอ๋อร์ที่แย่งองค์ชายใหญ่มาหรือเจ้าคะ"รั่วเชียนชิงเพิ่งรู้ความจริงหลังจากที่ฟื้นจากผงเจ็ดราตรีว่าอิงเหยาต่างหากที่พบหลัวอี้เฟิงและรักเขาเป็นคนแรก นางจึงไม่โกรธที่ถูกพี่สาววางยา"ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ต่อให้เวลานั้นข้ารักอี้เฟิงมากเพียงใด หากเขาและข้าใจไม่ตรงกัน สุดท้ายเขาก็จะเลือกหัวใจที่ตรงกับเขาอยู่ดี...นั่นคือเจ้า"
ข้าคืออิงเหยา แต่ก็ไม่ใช่อิงเหยาเรือนอิงอิงหลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว รั่วอิงเหยาก็ถูกมารดาตำหนิจนหูชา แต่ในสายตานักเขียนที่ทะลุมิติมากลับรู้สึกว่าปิงเซียวหลันนั้นช่างดีแสนดี เป็นห่วงเป็นใยรั่วอิงเหยายิ่งนักทั้ง ๆ ที่รั่วอิงเหยาผู้นั้นสร้างแต่เรื่องแต่ราวให้มารดาตนเสื่อมเสียและน่าอับอาย น่าเสียดายที่ในนิยายที่อิงอิงแต่ง ปิงเซียวหลันผู้นี้กลับไม่ค่อยมีบทบาทเช่นตอนนี้เลย"พี่หญิงข้าขอเข้าไปได้หรือไม่"น้ำเสียงอ่อนหวานฟังแล้วนุ่มหูเอ่ยขึ้นด้านนอก ในมือนางถือถาดอาหารและยาบำรุงโลหิตเอาไว้มั่น"น้องหญิงเข้ามาเถิด"ตั้งแต่กลับมาจากหนานโจว นอกจากรั่วอิงเหยาจะกักตัวอยู่ในห้อง นั่งแกะสลักตุ๊กตาไม้เล่นแก้เบื่อ นางก็ไม่ได้พบเจอน้องสาวเพื่อกล่าวขอโทษเรื่องที่ผ่านมาเลย"ชิงเอ๋อร์เอายาบำรุงโลหิตกับขนมที่พี่หญิงชอบมาให้เจ้าค่ะ"รั่วอิงเหยามองนางเอกในนิยายนางด้วยแววตาเป็นประกาย คราวก่อนยังสำรวจความงามของรั่วเชียนชิงไม่หนำใจ พอตั้งใจมองยามนางมีสติจึงสมแล้วที่นางปลุกปั้นสร้างรั่วเชียนชิงให้หน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต คิ้วเข้มโก่งงาม ชวนให้บุรุษที่พบเจอนางเป็นต้องหลงใหล"ลำบากเจ้าแล้ว"รั่วอิงเหยาฉีกยิ้ม