“คารวะนายท่าน ฮูหยิน คุณหนูขอรับ/เจ้าค่ะ” บ่าวไพร่ทั้งหมดกล่าวพร้อมกับพ่อบ้านใหญ่เสียงดังไปทั่วทั้งจวน
“พวกเจ้าอย่าทำให้ลูกสาวข้าตกใจสิ นางอยู่ในชนบทมานาน ไม่คุ้นชินกับคนเยอะ ๆ อิงฮวาตามพ่อกับแม่ไปดูเรือนของเจ้ากัน พ่อสั่งคนให้จัดการเอาไว้อย่างดีเลย”
“ใช่แล้วล่ะ พวกเจ้ากลับไปทำงานกันเถอะ ข้าจะพาลูกไปดูห้องของนางเอง ของที่ซื้อมาบนรถม้าก็นำไปให้คุณหนูที่เรือนด้วยเล่า” หม่านเซียงบอกทุกคนที่มาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา
“ขอรับ/เจ้าค่ะ นายท่าน ฮูหยิน” ทุกคนยิ้มรับคำ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
อิงฮวาเดินตามหลังท่านอาทั้งสองที่ตอนนี้กลายเป็นพ่อแม่ของนางไปอย่างช้า ๆ นางมองดูจวนขนาดกลางที่ไม่ได้หรูหราอะไรตรงหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่คิดว่าหลังจากอยู่หมู่บ้านเปียนจิ่วมานาน นางจะมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในจวนที่สุขสบายไม่ต่างจากครั้งยังเด็กอีกครั้ง
เรือนของอิงฮวาอยู่ติดกับเรือนหลัก ขนาดเรือนหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านที่นางเพิ่งจากมาถึงสองเท่า บ่าวสองคนที่หม่านเซียงเตรียมเอาไว้ให้คอยดูแลอิงฮวายืนรออยู่ที่ประตูเรือนพร้อมรอยยิ้ม
“คารวะนายท่าน ฮูหยิน คุณหนูเจ้าค่ะ” กงซิ่วและกงเซียนย่อกายคำนับ
“พวกเจ้าดูแลคุณหนูให้ดี เสื้อผ้ากับเครื่องประดับที่อาไจ่กับอาจงกำลังยกมาก็นำไปเก็บให้คุณหนูด้วยเล่า” หม่านเซียงเอ่ยบอกทั้งสองก่อนจะจูงมืออิงฮวาเข้าไปในเรือน
“เจ้าค่ะฮูหยิน” ทั้งสองรับคำพร้อมกัน
อิงฮวาไม่ได้กล่าวสิ่งใดนอกจากยิ้มบางให้บ่าวทั้งสอง นางไม่อยากสนิทกับใครง่าย ๆ ด้วยเพราะภารกิจการสืบหาความจริงในครั้งนี้เป็นความลับ ทุกสิ่งที่นางกำลังจะทำจึงต้องระมัดระวังให้มาก มีเพียงท่านอาทั้งสองเท่านั้นที่นางสนิทใจ
“ชอบเรือนหลังนี้หรือไม่ลูก พ่อนำตำราที่น่าสนใจมาไว้ในเรือนให้เจ้าด้วย เวลาว่างเจ้าจะได้นั่งอ่านเพื่อเพิ่มความรู้”
“ชอบเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพ่อ ลูกจะตั้งใจศึกษาตำราให้ดี”
“ท่านพี่นี่ก็กระไร ลูกเพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ ยังจะให้นางอ่านตำราอีก” หม่านเซียงเอ็ดสามีอย่างหมั่นไส้ นางรู้ดีว่าเขาอยากให้บุตรีเก่งกาจที่สุดในเมืองหลวงเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลอิง นางเองก็เช่นกันที่อยากให้อิงฮวากลายเป็นสตรีอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแทนที่จูเค่อหลิงที่หน้าไหว้หลังหลอกผู้นั้น
“ฮ่า ฮ่า พ่อขอโทษนะลูก เอาไว้เจ้าว่างค่อยอ่านก็แล้วกัน รอบ่าวนำเสื้อผ้ากับเครื่องประดับมาให้เจ้าก่อน เจ้าค่อยอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วไปกินข้าวกับพ่อแม่ที่เรือนใหญ่”
“ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อกับท่านแม่ไปพักก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวนำทางไปที่ห้องอาหารเจ้าค่ะ”
อิงเต๋อกับหม่านเซียงแนะนำเรือนอีกเล็กน้อยก่อนพากันเดินออกจากเรือนไปเพื่อรออิงฮวามาทานมื้อค่ำด้วยกัน ระหว่างทางทั้งสองยังวางแผนการให้บุตรีที่เพิ่งได้รับมาหลายอย่าง พวกเขาไม่มีทายาทเพราะร่างกายหม่านเซียงอ่อนแอ อิงเต๋อที่รักฮูหยินมากจึงไม่บังคับให้นางตั้งครรภ์ พวกเขาพบไช่เหมยฮวาตอนไปเยี่ยมหม่าซูเมื่อสิบกว่าปีก่อน สองครอบครัวจึงสาบานกันว่าจะให้ไช่เหมยฮวามาเป็นบุตรบุญธรรมตระกูลอิงเพื่อสืบทอดในอนาคต
กงซิ่วกับกงเซียนช่วยกันจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ได้รับมาจากบ่าวชายทั้งสองทันที จากนั้นพวกนางก็เตรียมอ่างอาบน้ำให้คุณหนู
“พวกเจ้าไม่ต้องช่วยข้าอาบหรอก ข้าเคยชินกับการอาบน้ำเอง”
“เจ้าค่ะคุณหนู” ทั้งสองรับคำก่อนออกจากห้องอาบน้ำไปรอแต่งตัวให้นางด้านนอก
ไช่เหมยฮวาใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน จากนั้นบ่าวทั้งสองก็ช่วยกันแต่งตัวและใส่เครื่องประดับให้นางไม่น้อย
“พวกเจ้าไม่ต้องปักปิ่นให้ข้าเยอะปานนี้หรอก เราอยู่ในจวน ไม่ได้ไปข้างนอกเสียหน่อยนะ” อิงฮวาหันไปบอกบ่าวทั้งสองให้นำปิ่นออกอีกหลายอัน
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู คราวหน้าพวกเราจะจำเอาไว้เจ้าค่ะ”
“ขอบใจพวกเจ้ามาก เสร็จแล้วก็พาข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่ที่ห้องอาหารเถอะ ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกท่านจะหิวกันหรือยัง”
“อีกสองก้านธูปจะถึงเวลาอาหารค่ำเจ้าค่ะ นายท่านกับฮูหยินน่าจะยังไม่หิว”
“อืม พวกเจ้านำทางเถอะ” อิงฮวาลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งและเดินตามหลังบ่าวไป
ห้องอาหารในเรือนหลักอยู่ไม่ไกลจากเรือนของอิงฮวานัก พวกนางใช้เวลาเดินไม่ถึงหนึ่งก้านธูปเสียด้วยซ้ำ
“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนู พวกเราจะกลับมารอคุณหนูหลังทานเสร็จที่นี่นะเจ้าคะ”
“ได้ ขอบใจพวกเจ้ามาก” อิงฮวาพยักหน้ารับคำบ่าวคนสนิทที่หม่านเซียงจัดให้
ในห้องอาหารตอนนี้อิงเต๋อกับหม่านเซียงกำลังนั่งคุยกันหลังจากเปลี่ยนชุดสบาย ๆ สำหรับทานอาหารค่ำกับลูกสาวคนใหม่ของพวกเขา เมื่อเห็นอิงฮวามาถึง ทั้งสองกวักมือเรียกนางพร้อมรอยยิ้ม
“รีบมานั่งนี่สิลูก แม่ให้คนทำอาหารหลายอย่างที่เจ้าชอบไว้ให้”
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ ความจริงพวกท่านไม่ต้องลำบาก ข้ากินอะไรก็ได้เจ้าค่ะ”
“เพ้ย! ลูกสาวพ่อต้องกินของที่เจ้าชอบสิ อย่าขัดใจพ่อกับแม่เลยน่า มา ๆ ลองชิมนี่ดู”
ด้วยความเห่อบุตรีคนใหม่ ทำให้อิงฮวาได้แต่ยิ้มแหยและยอมรับการดูแลจากท่านอาทั้งสอง นางไม่คิดว่าพวกท่านจะเห็นนางเป็นลูกสาวตัวเองจริง ๆ ถึงแม้เมื่อตอนนางยังเด็ก นางจะรู้ว่าพวกท่านรักนางมากแค่ไหนก็เถอะ แต่ในเมื่อพวกท่านเมตตานางเช่นนี้ อิงฮวาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พวกท่านขายหน้าที่มีบุตรีอย่างนางมาอยู่ในตระกูล
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ข่าวเรื่องบุตรีขุนนางอาลักษณ์อย่างอิงเต๋อแพร่ไปทั่วเมืองหลวง มีหลายคนอยากพบหน้าบุตรีลึกลับผู้นี้ของเขา เพียงแต่อิงเต๋ออ้างว่าบุตรสาวยังไม่คุ้นเคยกับคนในเมืองหลวง เขาจึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับบุตรสาว
“ขุนนางอิง งานเลี้ยงไหว้พระจันทร์อีกไม่กี่วันที่จะถึง ท่านจะพาบุตรสาวเข้าร่วมงานด้วยหรือไม่เล่า” ขุนนางในกรมอาลักษณ์ผู้หนึ่งถามสหาย
“แน่นอนสิ พวกเจ้าจะได้เห็นบุตรีคนดีของข้าเสียที ข้าเบื่อฟังพวกเจ้ามาหลายวันแล้ว”
“ชิ ใครใช้ให้ท่านปิดบังนางเล่า แม้แต่หน้าตาก็ไม่แพร่งพรายให้พวกเรารู้เลยสักนิด”
“ฮ่า ฮ่า ใครใช้ให้ลูกสาวข้าน่ารักกันเล่า ข้าก็หวงน่ะสิ” อิงเต๋อกล่าวอย่างอวดโอ่ ยิ่งทำให้สหายในกรมหมั่นไส้เขาไม่น้อย พวกเขาอยากรู้ว่านางจะน่ารักจริงหรือไม่
อิงเต๋อลาสหายหลังเลิกงานกลับจวนอย่างอารมณ์ดี หม่านเซียงจึงซักถามเขาจนได้ความว่าอีกสามวันพวกนางจะต้องเข้าร่วมงานไหว้พระจันทร์ที่วังหลวงจัดขึ้นทุกปีตามราชประเพณี
“ท่านพี่ไปบอกพวกเขาทำไมว่าลูกเราน่ารัก หากพวกเขาคิดจะเกี่ยวดองกับเราจะทำอย่างไรกันเล่าเจ้าคะ” หม่านเซียงบ่นสามี
“เฮอะ! บุตรสาวข้าเสียอย่าง ข้าไม่ยอมให้บุรุษใดเข้าใกล้นางได้ง่าย ๆ หรอกน่า”
“ท่านพี่ก็พูดไป อย่าลืมว่างานนี้เป็นงานใหญ่ของราชวงศ์ พวกเราจะทำอะไรผิดพลาดไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นลูกเราจะลำบาก”
“เจ้าไม่ต้องกังวลไปน่า พี่จะดูแลพวกเจ้าให้ดี ว่าแต่วันนี้เจ้ากับลูกทำสิ่งใดกัน”
“ข้าพาลูกจัดดอกไม้เจ้าค่ะ นางทำได้ดีมากเลยทีเดียว ข้าสอนนางไม่กี่วันเองนะเจ้าคะ”
สองสามีภรรยาพูดถึงอิงฮวากันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะออกไปรอบุตรสาวที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารค่ำร่วมกันเหมือนทุกวัน
สองเดือนต่อมาหลังจากหม่าซูใช้เวลาปรึกษาเรื่องลูกสะใภ้กับบุตรสาวและตระกูลอิงนานกว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ในที่สุดนางก็เลือกบุตรีแม่ทัพรักษาเมืองที่เก่งการต่อสู้และยังชอบบุตรชายนางตั้งแต่คราแรกที่ได้พบกัน ถึงแม้นางจะดูซุกซนไปสักหน่อย แต่ความจริงใจและใสซื่อของนางหาได้ยากในหมู่บุตรีขุนนางไช่ซิวหลังจากถูกนางก่อกวนอยู่นานนับเดือน ในที่สุดเขาก็ยอมตกลงแต่งงานกับหลูเซี่ยวเอ๋อจนได้ นั่นเพราะไช่ซิวเพิ่งเคยพบคุณหนูใสซื่อเช่นนี้ครั้งแรกเช่นเดียวกัน อีกทั้งความจริงใจของนางที่มีต่อตนเองซึ่งเขารับรู้ได้ ทำให้เขาไว้ใจที่จะแต่งงานกับนางอย่างไม่รังเกียจงานมงคลสมรสของไช่ซิวนับเป็นงานแรกหลังจากเกิดการกบฏ ทำให้ขุนนางมากมายต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ฮ่องเต้ยังประทานของขวัญแต่งงานให้แก่กั๋วกงหนุ่มของราชสำนักจำนวนมาก ทำเอาขุนนางหลายครอบครัวต่างอิจฉาความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมอบให้ไช่ซิวไม่น้อยไท่จื่อและไท่จื่อเฟยยังเสด็จมางานนี้ด้วยพระองค์เอง นับว่างานแต่ง
ระหว่างที่การต่อสู้ด้านในกำลังดุเดือดเลือดพล่าน แม่ทัพหลัวก็พาทหารฝีมือดีเข้ามาถึงลานจัดงานเลี้ยงและลงมือฆ่าแม่ทัพซัวเถากับพวกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา คนของจูเค่ออี้หมิงเริ่มล้มตายราวใบไม้ร่วง ด้วยความสามารถอันสูงส่งของกองกำลังแม่ทัพหลัว ทำให้พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็สังหารกบฏทั้งหมดในลานจัดเลี้ยงสำเร็จ ส่วนจูเค่ออี้หมิงถึงแม้จะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังมีลมหายใจอยู่“กราบทูลฝ่าบาท กบฏทั้งหมดถูกสังหารสิ้นแล้วพะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลัวคุกเข่ารายงานเสียงดังหลังจากจัดการศัตรูจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีก“ขอบใจเจ้ามากแม่ทัพหลัว ความดีความชอบของเจ้ากับกองทัพตะวันออกในครานี้ ข้าจะมอบเสบียงและเงินเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้พวกเจ้าทำหน้าที่ปกป้องชายแดนต่อไป สำหรับกบฏที่ยังไม่ตาย ให้จับกุมเข้าคุกหลวงรอวันประหาร ตระกูลจูเค่อซึ่งเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ลงโทษประหารเก้าชั่วโคตร ริบทรัพย์ทั้งหมดเข้าคลังหลวง” ฮ่องเต้ตรัสหลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ สงบลง“ฝ่าบาทโปรดพิจารณา กระหม่อมไม่ทราบเรื่อ
“ฮ่า ฮ่า ไม่คิดว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเซียงจะโง่เขลาถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าแคว้นอู่ของเราพาคนมาน้อยหรืออย่างไร กองทัพเล็ก ๆ ของเจ้ามีหรือจะต้านทานคนของพวกเราได้”แม่ทัพซัวเถาชักดาบที่ซ่อนไว้ออกมาทันที รองแม่ทัพอีกสองคนก็เดินตามหลังเขาไปยังหน้าพระที่นั่งของเซียงเหวินเช่นกัน“ฮึ! เราก็นึกว่าใครที่กล้าพูดจาไร้มารยาท ที่แท้ก็แม่ทัพแคว้นอู่ ซัวเถานี่เอง” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรศัตรูทั้งสามอย่างเหยียดหยาม“คุ้มกันฝ่าบาท!!!” ทหารองครักษ์รีบลุกมายืนบังด้านหน้าพระแท่นของฮ่องเต้“ไร้ประโยชน์! คนของข้ากำลังจะเข้ามาที่นี่แล้ว พวกเจ้าหากไม่อยากตายก็รีบหลบไปเสียแต่โดยดี” แม่ทัพซัวเถาเอ่ยอย่างถือดี ด้วยฝีมือของพวกเขาแล้ว องครักษ์หลวงเหล่านี้แทบจะไม่ใช่คู่มือของพวกเขาเลย“หุบปาก! เป็นเพียงแม่ทัพเฒ่าผู้หนึ่ง กลับกล้ามาโอหังถึงแคว้นต้าเซียง” รัชทายาทตรัสอย่างไม่พอพระทัย พระองค์ทอดพระเนตรท่าทางของ
“ท่านมหาเสนาบดีกล่าวผิดแล้ว ข้าแซ่ฟู่ นามหยาง ไม่ใช่คนตระกูลจูเค่อของท่าน”“เจ้าลูกสารเลว!! เจ้ากลับลืมว่าเติบโตมาจากจวนมหาเสนาบดีของข้า” จูเค่อหรงเจี้ยนโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมาเมื่อได้ยิน“ขออภัย ตั้งแต่ข้าแต่งเข้าตระกูลฟู่ พ่อของข้าในตอนนี้คือนายท่านฟู่โจวคนเดียว”ก่อนที่จูเค่อหรงเจี้ยนจะเข้าไปทำร้ายร่างกายฟู่หยาง หัวหน้าของเขาก็ก้าวเข้ามาดักทางเอาไว้เสียก่อน“หลีกไป! ข้าจะสั่งสอนลูกของข้า!!” มหาเสนาบดีตวาดว่า“เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายลูกน้องข้า เขาก็บอกแล้วว่าแซ่ฟู่ นามหยาง เจ้ายังคิดอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อได้อย่างไรกัน ช่างหน้าไม่อายนัก”จูเค่อหรงเจี้ยนถูกความจริงทำให้โมโหหนักขึ้นไปอีก ขุนนางหลายคนรีบเข้ามาห้ามมหาเสนาบดี อย่างไรพวกเขาก็ยังอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงหลังพิธีแต่งตั้งอยู่จึงไม่อยากทะเลาะกับทหารองครักษ์เหล่านี้
ห้าวันต่อมาจูเค่ออี้หมิงเข้าเมืองหลวงพร้อมทหารแคว้นอู่จำนวนหนึ่ง ส่วนทหารที่เหลืออีกเกือบหนึ่งหมื่นคนซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ลี้ภัยถูกกักเอาไว้ภายนอกเมืองหลวงตามรับสั่งของฮ่องเต้ พระองค์ออกราชโองการให้ผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ภายนอกเท่านั้น เพราะเมืองหลวงไม่สามารถรองรับผู้ลี้ภัยสงครามจำนวนมากได้เขากลับไปถึงจวนก็ถูกผู้เป็นพ่อเรียกพบด่วน จูเค่ออี้หมิงสั่งให้เตียหย่งพาแม่ทัพซัวเถากับรองแม่ทัพหลายคนไปพักผ่อนที่เรือนรับรองก่อน ส่วนตัวเขาเองก็ไปยังห้องหนังสือที่จูเค่อหรงเจี้ยนนั่งรออยู่“เจ้ารู้ข่าวที่องค์ชายรองกำลังจะเข้ารับตำแหน่งรัชทายาทในอีกสองวันข้างหน้าหรือยังอี้หมิง” จูเค่อหรงเจี้ยนไม่รอให้ลูกชายนั่งดี ๆ แต่กลับรีบถามขึ้นมา“ลูกทราบแล้วขอรับ ท่านพ่อมีสิ่งใดจะสั่งหรือไม่” จูเค่ออี้หมิงไม่คิดจะบอกแผนการของตนเอง เพราะพ่อของเขาจะต้องไม่ยอมให้เขาดำเนินการตามแผนแน่“ข้าวางคนเอาไว้ในงานพิธีแล้ว ร
สองสัปดาห์ต่อมาฮ่องเต้ตรวจสอบหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับมหาเสนาบดีและบุตรชาย พระองค์มีรับสั่งให้องค์ชายรองกับไป๋จิ่นหลินเข้าเฝ้าทันที หลังทำความเคารพฮ่องเต้แล้ว ทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ตามรับสั่งของฝ่าบาท“หลักฐานเหล่านี้เราเกรงว่าจะยังไม่เพียงพอ มหาเสนาบดีจะต้องอ้างว่ามีผู้ปลอมแปลงหลักฐานเพื่อใส่ร้ายเขาแน่ อีกทั้งขุนนางเกินครึ่งในราชสำนักยังเข้าข้างเขา”“เช่นนั้นเราก็ไม่สามารถโค่นตระกูลจูเค่อได้หรือพะย่ะค่ะ” องค์ชายรองขมวดคิ้วมุ่น“ลูกใจเย็นก่อน พ่อคิดว่ามหาเสนาบดีจะต้องเผยตัวออกมาเองแน่หากพ่อมีราชโองการแต่งตั้งเจ้าเป็นรัชทายาท แต่เจ้าต้องสั่งองครักษ์ให้ดูแลอิงฮวาให้ดีนะ”“แผนการของฝ่าบาทเป็นไปได้พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งคนไปคอยดูแลตำหนักองค์ชายรองอย่างลับ ๆ เพิ่มเอง” ไป๋จิ่นหลินเห็นด้วยกับความคิดของฮ่องเต้“ขอบใจเจ้ามากนะจิ่นหลิน