เมื่อเขานั่งคิดดูตรงนั้นไปได้สักพักเขาก็ต้องเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วไปค้นหาเสื้อผ้าใส่เพื่อที่จะไปจากที่นี่
และเมื่อเขาเปิดประตูออกมาก็ต้องพบกับยักษ์หน้าทะมึงสองคนยืนเฝ้าประตูอยู่แต่ไม่ใช่คนเดิมกับเมื่อวาน และเมื่อเขาได้เห็นเช่นนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่ปกติโดยไม่แสดงพิรุธใดๆทั้งนั้น นั่นจึงทำให้เขาผ่านออกมาจากห้องได้แต่โดยดีโดยที่ไม่ถูกอีกฝ่ายสงสัย เมื่อเขาออกมาจากห้องได้แล้วเขาก็รีบไปที่โซนพนักงานเพื่อไปเอาข้าวของของตัวเองแล้วรีบกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ร่ำลาใคร เมื่อเขากลับมาถึงบ้านเขาก็เข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้วนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ก๊อก ก๊อก ก๊อก "พี่ชาพี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เมื่อน้ำชาเขาได้เข้ามาอาบน้ำเป็นเวลานานคนที่อยู่ด้านนอกเขาก็ได้มาเคาะประตูถามด้วยความสงสัย "พี่ไม่เป็นอะไรพี่แค่รู้สึกร้อนเลยเข้ามานั่งแช่น้ำเฉยๆ" เมื่อน้ำชาได้ฟังดังนั้นเขาก็รีบเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา "พี่ชาพี่จะไปนั่งแช่น้ำแบบนี้ไม่ได้นะคะ พี่ก็รู้อยู่ว่าบ้านเด็กกำพร้าของเราค่าน้ำค่าไฟแพงจะตาย" เมื่อเด็กสาวที่เคาะประตูได้ฟังดังนั้นเขาก็ได้บ่นออกมาพร้อมส่ายหัว "พี่ขอโทษค่ะ แล้วนี่แนนได้เตรียมกับข้าวไว้ให้น้องๆหรือยัง " "แนนเตรียมหมดแล้วพี่ เหลือแค่พี่ไปกินข้าวกับเด็กๆนี่แหละ แล้วนี่พี่เมื่อคืนไปไหนมาทำไมไม่กลับมาบ้านพี่รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วง " "พอดีว่าเมื่อวานที่โรงแรมงานเยอะ พี่เลยทำโอทีเพื่อที่จะหาเงินมาเลี้ยงเด็กๆทุกคนที่บ้านของเราเด็กๆจะได้มีชีวิตที่ดี " "พี่ชาพี่ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวถ้าพี่เป็นอะไรไปพวกเราทุกคนจะทำยังไง " "แนนไม่ต้องเป็นห่วงพี่จะไม่มีวันทิ้งทุกคนไปไหนหรอกจนกว่าพี่จะเห็นทุกคนโต " "เอาล่ะไม่พูดแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ "เมื่อกล่าวจบคนทั้งคู่ก็เดินไปที่โต๊ะอาหารที่มีเด็กผู้หญิงผู้ชาย 10 กว่าคนนั่งรอทั้งสองอยู่ "พี่ขอโทษนะคะที่วันนี้ทำให้ทุกคนต้องรอนาน " "ไม่เป็นไรค่ะพี่ พวกเรามากินข้าวกันเถอะวันนี้กับข้าวแต่ละอย่างน่ากินมากเลย " เด็กน้อยผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นพร้อมจ้องกับข้าวในจานตัวเองตาเป็นมัน เมื่อน้ำชาได้เห็นเช่นนั้นเขาก็หัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความเอ็นดูก่อนที่เขาจะเริ่มตักกินเป็นคนแรกนั่นก็ทำให้เด็กๆทุกคนเริ่มกินอาหารของตัวเองตาม "อื้มมม " เอกภพในครางลำคอก่อนที่จะกวาดมือหาคนที่ตนนอนกอดอยู่เมื่อคืน แต่เมื่อเขากวาดไปจนทั่วที่นอนเขาก็ไม่พบเขาจึงเด้งตัวคืนจากที่นอนอยากรวดเร็วพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็ไม่พบร่องรอยของอีกฝ่าย เขาจึงโทรหาคนสนิททันที "ฮัลโหลเข้มเด็กที่มานอนกับกูเมื่อคืนออกไปเมื่อไหร่ "" เมื่อปลายสายรับสายเอกภพเขาก็ได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มด้วยความโกรธ 'ผมไม่ทราบครับเพราะผมออกเวรตั้งแต่ตีห้าแล้วครับ ส่วนคนที่มาแทนเวรผมคือนพกับนัทท่านลองโทรถามเขาดู ' เมื่อเอกภพได้ฟังดังนั้นเขาก็วางสายทันทีแล้วโทรไปเรียกคนที่อยู่หน้าประตูให้เข้ามา "คนที่นอนกับกูเมื่อคืนไปไหน "เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องเอกภพเขาได้เอ่ยถามทันที "เขาเพิ่งจะออกไปเมื่อเช้านี้เองครับ " "แล้วพวกมึงปล่อยให้เขาออกไปได้ยังไง!!!!" เมื่อเอกภพได้ฟังดังนั้นเขาก็ได้ตวาดออกมาเสียงดังด้วยความโมโหที่อะไรก็ไม่เป็นดั่งใจ "ก็ปกติที่ผมเห็นเวลานายท่านพาเด็กที่ไหนมานอนก็ไม่เคยให้ค้างสักคน ผมก็คิดว่าเด็กคนนี้เพิ่งจะเสร็จธุระกับนายท่านเหมือนปกติ เลยไม่ได้เอะใจอะไรครับ" เมื่อนพได้ฟังคำถามของผู้เป็นนายเขาก็ได้เอ่ยออกมาตามความเป็นจริง นั่นก็ทำให้เอกภพรู้สึกปวดหัวกับลูกน้องคนสนิทคนนี้มากที่บางครั้งเวลาฉลาดก็ฉลาดเป็นกรดแต่พอบางครั้งโง่ก็โง่ซะจนไม่อยากจะด่า "มึงออกไปได้แล้วแล้วไปเรียกผู้จัดการโรงแรมให้ไปรอกูที่ห้องรับแขก บอกว่ากูมีเรื่องจะคุยด้วย " เมื่ออีกฝ่ายได้ฟังดังนั้นเขาก็โค้งคำนับแล้วไปทำตามคำสั่งที่ได้รับทันที "หึ แม่กระต่ายป่าตัวน้อยของฉัน เธอจะไม่มีวันหนีกรงเล็บของฉันไปได้ถ้าฉันไม่ยินยอม" เอกภพเขาได้เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อที่จะไปพบกับผู้จัดการโรงแรม "สวัสดีค่ะคุณเอกภพ" เมื่อผู้จัดการโรงแรมได้เห็นว่าอีกฝ่ายมาแล้วเขาก็ลุกขึ้นทำความเคารพ "ไม่เป็นไรนั่งลงทำตัวตามสบายเถอะ เธอน่าจะรู้แล้วนะว่าที่ฉันเรียกเธอมาเพื่ออะไร " "ทางโรงแรมเราก็ไม่มีข้อมูลอะไรของเขาเลยค่ะนอกจากรู้ชื่อนามสกุลของเขาและวุฒิการศึกษา นอกนั้นทางเราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลยค่ะ "เมื่อปายเธอพูดจบก็มีกระบอกสีดำปริศนามาจ่อที่เอวของเธอ "ฉันให้โอกาสเธอพูดใหม่อีกครั้ง" เอกภพเขาได้เอ่ยขึ้นพร้อมปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรง ท่านก็ทำให้ผู้จัดการโรงแรมเธอกลัวจนตัวสั่น "จริงๆนะคะท่านเอกภพนอกจากชื่อนามสกุลและวุฒิการศึกษาทางเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเลยจริงๆนะคะ" ถึงแม้จะโดนปืนจ่อที่เอวขนาดนั้นปายเธอก็ยังยืนยันคำเดิม "หึ เธอรู้อะไรไหมว่าฉันเกลียดคนโกหกขนาดไหน" เมื่อสิ้นเสียงนั้นของเขาบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังของปายก็ได้ล็อคตัวเอาไว้พร้อมทั้งยัดยาบางอย่างเข้าไปในปาก "ที่นี่มึงจะเลือกระหว่างชีวิตของมึงกับชีวิตของเด็กคนนั้น ถ้าหากมึงไม่ยอมบอกกูว่าเด็กคนนั้นอยู่ไหนมึงก็เตรียมตัวตายได้เลย" เมื่อปายได้ฟังดังนั้นเธอก็หวาดกลัวเป็นอย่างมากจึงยอมเล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับน้ำชาให้ฟังทันที "ถ้ามึงยอมพูดแบบนี้มาตั้งแต่แรกก็จบ" เมื่อกล่าวจบเข้มก็ได้นำยาอีกเม็ดนึงยัดเข้าไปในปากของปาย "เข้มมึงไปเตรียมรถกูจะไปรับกระต่ายป่าของกู" เมื่อเข้มได้ฟังดังนั้นเขาก็ขนลุกตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะด้วยความสงสารเด็กคนนั้น ที่ถูกปีศาจร้ายอย่างนายตัวเองจ้องจะจับกินเช่นนี้ "พี่ฟ้า วันนี้มีคนมาบริจาคของหรอคะทำไมข้างนอกรถเต็มเลย" เมื่อเด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ได้เห็นว่าด้านนอกมีรถมากมายจอดอยู่เธอก็ได้วิ่งเข้าไปบอกคนที่อยู่ด้านในด้วยความดีใจ ในเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นพวกเขาต่างก็รีบวิ่งออกมาดูด้วยความตื่นเต้นปนตกใจ ว่าผู้ที่มาเยือนนั้นจะมาดีหรือมาร้าย และเมื่อพวกเขาได้เห็นคนที่ลงมานั้นเป็นผู้ชายใส่สูทสีดำ ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ทุกคนต่างก็กอดกันตัวกลมด้วยความกลัว "สวัสดีครับผมมาหาคุณน้ำชา ไม่ทราบว่าเขาอยู่หรือเปล่าครับ" เมื่อเข้มเดินลงมาเขาก็ได้ถามคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุด ณ ขณะนั้น "คะ...คุณมาหาพี่ชาทำไมคะ "เมื่อฟ้าเธอได้ยินดังนั้นเธอก็เลยเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ "ไม่มีอะไรหรอกครับก็แค่เจ้านายของผมที่เป็นเจ้านายของคุณน้ำชาอยากจะมาขอคุยด้วย" "ฟ้าใครมาหรอเห็นเด็กๆไปบอกว่าข้างนอกมีรถมาเต็มเลย" น้ำชาที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั้นชะตากรรมกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เขาได้เดินออกมาถามคนที่อยู่ด้านนอกด้วยท่าทางที่ปกติ แต่เมื่อเขาเห็นเข้มปลายเท้าของเขาก็หยุดชะงักก่อนที่เขาจะหันไปเห็นเด็กๆ เขาจึงทำใจดีสู้เสือเดินออกมาหาอีกฝ่าย "สวัสดีครับคุณน้ำชา นี่คงจะเป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้เจอกันนะครับ " "ฟ้า พาเด็กๆกลับเข้าไปในบ้านก่อนถ้าฉันไม่ได้สั่งให้ออกมาเธอก็ห้ามพาเด็กๆออกมา " "แต่พี่ชา " "ไม่เป็นอะไรหรอกเธอไม่ต้องห่วงรีบไปเถอะ" เมื่อฟ้าเธอได้ยินดังนั้นก็พาเด็กๆเข้าไปภายในบ้านพร้อมทั้งปิดประตูหน้าต่างสนิท "คุณดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะครับ "เมื่อเข้มได้เห็นแววตาและการกระทำของน้ำชาที่แม้ตนจะกลัวมากแค่ไหนก็เอ่ยสั่งคนอื่นได้ด้วยแววตาที่สงบนิ่งและน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกเพราะหวาดกลัว "คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ" น้ำชาเขาไม่ได้สนใจคำชมของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยเข้าไปในทันที "นายท่านต้องการให้คุณมาทำงานกับเขาครับ " "ถ้าผมไม่รับล่ะครับ " "หึ คุณก็น่าจะรู้นะครับว่าถ้าคุณปฏิเสธทางออกมันจะไปทางไหน" เมื่อเข้มเขาได้พูดจบเขาก็ได้มองไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และเมื่อน้ำชาได้เห็นแววตาเช่นนั้นเขาก็เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อทันที "ทำไมถึงต้องเป็นผม" หลังจากที่เขาได้เข้าใจเจตนารมณ์อีกฝ่ายเขาก็ได้เอ่ยถามในจุดประสงค์ว่าทำไมอีกฝ่ายต้องเจาะจงเฉพาะตน "เรื่องนี้คุณก็คงจะต้องไปถามนายท่านเองแล้วครับเพราะผมก็ไม่สามารถที่จะตอบคุณได้ " "แล้วถ้าผมไปผมจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน" "แน่นอนอยู่แล้วครับว่าเป็นสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด นั่นก็คือนายท่านจะให้ทุนการศึกษาเด็กๆทุกคนในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้จนจบปริญญาเอกทุกคน แล้วจะให้เงินสนับสนุนสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้อีกเดือนละ 100,000 บาทเป็นค่าน้ำค่าไฟค่ากับข้าว " "ผมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไหมครับ " "แน่นอนอยู่แล้วครับว่าคุณมีสิทธิ์ปฏิเสธ แต่คุณก็ลองคิดดูดีๆนะครับว่าถ้าคุณปฏิเสธ ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับมันจะคุ้มค่าหรือเปล่า แล้วถ้าคุณปฏิเสธเราคุณก็คงจะไม่มีงานทำอีกตลอดไป" "ถ้าอย่างนั้นผมขอไปคุยกับเจ้านายของคุณได้ไหมครับ " "แน่นอนว่าได้อยู่แล้วครับ เชิญครับนายท่านรอคุณอยู่บนรถแล้ว "เมื่อน้ำชาได้ยินดังนั้นเขาก็ได้เดินตามอีกฝ่ายไปที่รถทันที และเมื่อน้ำชาได้เข้ามานั่งในรถเจ้าของรถเขาก็ได้เอ่ยขึ้น "หึ ยินดีต้อนรับแม่กระต่ายน้อยของฉัน...."''เด็กๆพี่กลับก่อนนะ" หลังจากที่น้ำชาเขาได้ตื่นขึ้นแล้วทำกิจกรรมในยามเช้ากับเด็กๆจนครบหมดแล้วเขาก็ได้เอ่ยลา "พี่น้ำชาจะไปแล้วหรอคะ อยู่เล่นกับพวกหนูต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอคะ" เด็กสาวคนหนึ่งเธอได้วิ่งมากอดขาของน้ำชาแล้วเอ่ยถามอย่างออดอ้อน "ฟ้า อย่าไปทำแบบนั้นสิ แค่เมื่อคืนที่น้ำชามานอนกับพวกเราได้ก็ดีมากแล้ว" แนนเธอได้เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งไปอุ้มเด็กน้อยออกจากขาของน้ำชา "พี่ไปก่อนนะแนนหลังจากนี้เธอก็ดูแลน้องๆให้ดีๆนะเดี๋ยวพี่จะคอยส่งเงินมาให้ " "ค่ะ พี่น้ำชาพี่ไม่ต้องห่วงหนูจะดูแลน้องๆอย่างดี" แนนเธอได้เอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอกับน้ำชา เมื่อได้ฟังดังนั้นน้ำชาเขาก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมทั้งพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วเดินออกไปขึ้นรถเพื่อกลับไปยังขุมนรกที่ไม่รู้ว่าตัวของเขาจะได้เจอกับอะไร หลังจากที่เขานั่งรถไปได้สักพักคนขับรถก็ยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้น้ำชา "คุณผู้หญิงต้องการคุยด้วยครับ" "ฮัลโหลสวัสดีครับคุณหญิงมุกดา" "ฉันหวังว่าเธอจะจำคำที่เธอสัญญากับฉันได้" "แน่นอนอยู่แล้วครับในวันที่คุณเอกภพแต่งงานนั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาไ
"คุณหญิงมุกดาครับผมขอไปเจอเด็กๆก่อนได้ไหมครับ "เมื่อน้ำชาทำข้อตกลงกับคุณหญิงมุกดาเสร็จเรียบร้อยเขาก็ได้เอ่ยขึ้น "ได้สิ ตามฉันมาเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปพบเด็กๆเหล่านั้น" เมื่อกล่าวจบคุณหญิงมุกดาเธอก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่รถ นั่นก็ทำให้น้ำชาเดินตามคุณหญิงไปโดยมีสายตาของป้าแก้วมองตามด้วยความเป็นห่วง "เธอมานั่งเบาะหลังกับฉัน "เมื่อคุณหญิงมุกดาเห็นว่าน้ำชากำลังจะเปิดไปนั่งที่ประตูด้านหน้าเธอก็ได้เอ่ยขึ้น นั่นก็ทำให้น้ำชาเดินกลับมานั่งอย่างเบาะหลังข้างๆกับคุณหญิงมุกดา "เธอคิดยังไงกับเอกภพ "เมื่อรถขับออกมาได้สักพักคุณหญิงมุกดาก็ได้เอ่ยขึ้น "ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาทั้งนั้น ผมว่าคุณผู้หญิงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไรผมถึงมาอยู่ที่นี่" "ใช่ฉันรู้หมดแล้วแต่ฉันก็ยังอยากจะฟังจากปากเธอ จิตใจคนเรามันไม่แน่นอนเมื่อเธออยู่กลางกองเงินกองทองจิตใจเธออาจจะไขว้เขวมันหลงไหลตรงนี้ก็ได้ " "หึ ตัวของผมไม่มีทางหลงใหลสิ่งเหล่านี้แน่นอนครับ ความปรารถนาของผมคืออิสระได้โบยบินเหมือนกับนก ไม่ใช่เป็นนกที่อยู่ในกรงของบ้านเศรษฐีแบบนี้ครับ ต่อให้บ้านจะหลังใหญ่คนดูแลจะเยอะหรือต่อให้เขารับเด็กเด็กๆมาอยู่ด้วยผมก็ไม่ปรารถน
"คุณน้ำชาคะ คุณน้ำชาได้ยินเสียงป้าไหมคะ" เช้าวันรุ่งขึ้นป้าแก้วเธอได้มาปลุกน้ำชาที่สภาพยับเยินไปทั่วทั้งร่างด้วยความเป็นห่วง แต่ต่อให้เธอปลุกยังไงคนตรงหน้าเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย เธอจึงถือวิสาสะยื่นมือมาแตะที่หน้าผากเธอก็พบว่าเด็กคนนี้ตัวร้อนเหมือนไฟไม่มีผิด "แย่แล้วแบบนี้อันตราย ต้องรีบตามหมอ" เมื่อกล่าวจบป้าแก้วเธอก็ได้โทรไปหาหมอประจำตระกูลทันที หลังจากที่เธอติดต่อไปหาหมอได้ไม่นานหมอก็มาถึง "ป้าแก้วครับใครเป็นอะไร "เมื่อหมอมาถึงเขาก็ได้เอ่ยถามผู้ที่โทรตามตนทันที "ไม่มีเวลาอธิบายแล้วค่ะรีบไปเถอะป้ากลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป" เมื่อกล่าวจบป้าแก้วก็ได้จูงมือหมอขึ้นไปยังห้องของน้ำชาทันที เมื่อหมอมาเห็นเขาก็ได้ตรวจสอบร่างกายของน้ำชาอย่างละเอียด และเขาก็พบว่าทั่วทั้งร่างของชามันเต็มไปด้วยรอยกัดช้ำไปทั่วทั้งตัว "ป้าแก้วอย่าบอกนะว่า...." "ใช่ค่ะนี่คือสิ่งที่คุณเอกภพเขาทำ " "มันเป็นบ้าอะไร!! ถึงได้ทำรุนแรงขนาดนี้" เมื่อหมอได้รู้ว่านี่คือสิ่งที่เพื่อนทำเขาก็สถบออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะลงมือทายาตามตัวของน้ำชาอย่างเบามือ "เขาหมดสติอย่างนี้คงต้องให้ยาผ่านน้ำเกลือ" "รับทราบค่ะเดี๋ย
"คุณเอกภพจะทำอะไรครับ!!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะครับ!!!" น้ำชาเขาได้เอ่ยขึ้นพร้อมพยายามผลักเอกภพออก เพียะ!!!! "มึงไม่มีสิทธิ์มาห้ามกู!!!! "เอกภพตบน้ำชาเสียงดังพร้อมทั้งฉีกกระชากเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ออกอย่างรุนแรง "ในเมื่อมึงคิดจะหนีกู มึงก็ต้องเตรียมตัวรับผลกรรมที่มึงสร้างได้เลยน้ำชา!!!! "เอกภพในยามนี้เขาเหมือนกับปีศาจร้ายทั้งฉีกกระชากเสื้อผ้าของน้ำชาออกเป็นชิ้นๆทั้งกัดทั้งดูดตัวของน้ำชาอย่างโหดเหี้ยมทารุณ "โอ้ย!!! ผมเจ็บนะครับ" เมื่อเอกภพกัดและขยี้ฟันที่ยอดปทุมถันน้ำชาเขาก็ได้ร้องออกมาอย่างเจ็บแสบ "เจ็บสิดี!!! มึงก็ได้รู้ว่าตอนที่มึงคิดจะไปกูรู้สึกยังไง!!!" เอกภพเขาได้เอ่ยขึ้นและทำการพลิกตัวของน้ำชาให้นอนคว่ำหน้าลงแล้วเขาก็ได้เริ่มไล่กัดทั่วทั้งแผ่นหลังของน้ำชา เพียะ!!! เพียะ!!! เพียะ!!! เพียะ!!! เพียะ!!! เมื่อเอกภพเขาได้ไล่ลงมาจนถึงก้อนซาลาเปาทั้ง 2 ลูกของน้ำชา เอกภพเขาก็ได้ตบอย่างรุนแรงพร้อมทั้งขยำขยี้จนมันแดงไปทั่ว น้ำชาในยามนี้เขาได้ร้องไห้จนน้ำตาไม่มีจะไหล ตัวของเขานั้นสะอื้นจนเสียงแทบไม่มีจะพูดแต่นั่นก็ไม่ทำให้เอกภพใจอ่อนขึ้นมาเลย "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ร้อง!!! มึงร้องออกมาเยอ
"ฉันรู้เรื่องที่แกพาเด็กเข้าบ้านแล้ว "เมื่อเอกภพได้ฟังดังนั้นเขาก็ยังทำฉีดผ้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "คุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ" เอกภพด้วยเอ่ยขึ้นแล้วพยายามจะเดินหนี "แกไม่ต้องทำมาเป็นไขสือ เด็กที่ชื่อน้ำชานั้นฉันรู้แล้ว " "คุณพูดเรื่องอะไรคุณ " "เด็กคนนี้เป็นใครเอกภพแกไม่ต้องมาปฏิเสธฉัน ฉันไปสืบประวัติเด็กคนนั้นมาหมดแล้ว แต่ฉันอยากฟังจากปากแก " "เด็กคนนี้เป็นเด็กบำเรอของผมเองแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ" เมื่อเอกภพได้ฟังดังนั้นเขาก็ได้เอ่ยขึ้นอย่างจนใจด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก และเมื่อสิ้นเสียงนั้นของเอกภพป้าแก้วก็ได้พาตัวน้ำชาลงมา "หึ เดี๋ยวนี้รู้จักพัฒนานะกล้าพาเด็กขายมาบ้าน" เมื่อผู้เป็นมารดาได้ฟังดังนั้นเขาก็หันมามองที่น้ำชาด้วยความเหยียดหยาม เมื่อเอกภพได้เห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกไม่พอใจผู้เป็นมารดาเป็นอย่างมาก "แล้วแม่มาหาผมมีเรื่องอะไรถ้าจะมาก็เพราะเรื่องแค่นี้กลับไปอยู่วิมานสวรรค์ของคุณเถอะ คุณต้องการให้ผมพาคนของแม่ไปกินข้าวผมก็พาไปแล้วไงจะมายุ่งอะไรกับผมอีก " เอกภพเขาได้เอ่ยบอกผู้เป็นมารดาด้วยความไม่พอใจ " ถ้าวันนี้ฉันไม่มาที่บ้านแก แล้วมีคนมารายงานฉันเรื่องของเด็
เมื่อป้าแก้วได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นกับน้ำชาเธอก็รู้สึกสงสารเด็กตรงหน้านี้เป็นอย่างมาก "ป้าขอโทษคะที่ถามอะไรไม่เป็นเรื่องแบบนี้" "ไม่เป็นไรหรอกครับป้า ขอแค่ชีวิตเด็กๆปลอดภัยผมจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะครับ" และเมื่อหญิงชราได้ฟังดังนั้นนับตั้งแต่วันที่น้ำชาได้เข้ามาอยู่ยังบ้านของเอกภพนับตั้งแต่วันที่น้ำชาได้เข้ามาอยู่ยังบ้านของเอกภพบัดนี้ก็เป็นเวลาถึง 1 เดือนแล้ว โดยตลอด 1 เดือนนี้น้ำชากับเอกภพพวกเขาทั้งคู่ต่างก็ได้หลับนอนด้วยกันตลอดทุกวัน "นี่มันก็ 1 เดือนแล้วเขายังไม่เบื่อฉันอีกหรอ" น้ำชาได้เอ่ยขึ้นพร้อมอาบน้ำ และเมื่อเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็ได้เดินลงมายังด้านล่างเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างเช่นปกติ "นายท่านแย่แล้วครับ คุณผู้หญิง...คุณผู้หญิงมาครับ" เข้มได้วิ่งเข้ามารายงานผู้เป็นนายถึงการปรากฏตัวของแม่ของเอกภพ ในเมื่อเอกภพเขาได้ฟังดังนั้นเขาก็ขมวดคิ้วทันที "น้ำชาเธอขึ้นไปอยู่บนห้องก่อนถ้าฉันไม่ได้เรียกก็ห้ามลงมาเด็ดขาด "เอกภพเขาได้หันมาเอ่ยกับน้ำชาด้วยน้ำเสียงที่เข้มนั่นก็ทำให้น้ำชารีบขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที ส่วนป้าแก้วเธอก็รู้ว่าต้อ