มี่อิงไม่รอช้ารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาร่างของตัวเองตามแรงส่งของสายตาที่กำลังจ้องเขม็งอยู่ในขณะนั้น
ทันทีที่เดินมาถึง “ยืนชักช้าอยู่ทำไม! รีบตามมาสิ...รู้อยู่ว่าในยามนี้ข้าเข้าจวนตัวเองไม่ได้ ยังจะต้องให้ย้ำเตือนอีกอย่างนั้นเหรอ”จางเย่วฉินเอ็ดเสียงเขียวเบาๆ “ใจร่มๆ ก็ได้นะท่านแม่ทัพ นี่จวนของท่านเองไม่ใช่เหรอ ใหญ่โตอลังการงานสร้างถึงขนาดนี้จวนไม่มีขาหนีท่านไปไหนไม่ได้หรอก...อ่อ! จริงสิข้าหลงลืมไปว่าท่านจากไปนานหลายปีเพราะต้องนำทัพไปทำสงคราม ดูท่าคงคิดถึงบ้านมากแล้วใช่ไหมละ”จ้าวมี่อิงกระเซ้ากลับไป “จวนของข้า! จะคิดถึงหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า...ข้ายังต้องมีงานอีกมากมายและเจ้าจะต้องทำตามที่ข้าสั่งรู้เอาไว้เสียด้วย โดยเฉพาะพรุ่งนี้จะต้องเตรียมตัวเข้าวัง!”จางเย่วฉินดุจ้าวมี่อิงซึ่งอยู่ในร่างของตัวเองกลับไป “ห๊ะ! พรุ่งนี้ต้องเข้าวังเหรอ”จ้าวมี่อิงอุทานออกมาทันทีด้วยความตกใจ “แล้วจะร้องเสียงหลงออกมาทำไมกัน ข้าไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้ออกมาเลยนะ! รีบไปเข้าไปในจวนได้แล้วนางมารน้อย ข้าจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอีกหลายเรื่อง...เดินนำหน้าข้าไป!”จางเย่วฉินพูดพร้อมใช้ปลายจวนสกุลหลัว กระท่อมท้ายจวนในเวลานี้หลัวอี้หลางยืนอยู่ท่ามกลางผู้นำทั้งเจ็ดทิศ เผชิญหน้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนผู้ได้ชื่อว่ามาจากพรรคมารโลหิต และในวันนี้แม่ทัพหนุ่มถูกผู้เป็นอาจารย์หรือที่ถูกต้องก็คือบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างแท้จริง โดยผู้นำทิศพายัพซึ่งมีความสามารถเร้นกายและล่องหนได้นำตัวแม่ทัพแห่งซุยโจวมาที่กระท่อมท้ายจวน “ท่านทั้งหมดต้องการอะไรจากข้า!”หลัวอี้หลางถามอาจารย์ของตัวเองกลับไปด้วยน้ำเสียงห่างเหิน “อยากล่วงรู้ไม่ใช่เหรอว่าแท้จริงแล้วเป็นสายโลหิตของพ่อเจ้าหรือเปล่า พวกข้าในฐานะสหายจึงร่วมมาเป็นพยานในครั้งนี้และจะทำให้เจ้าเห็นด้วยตาตัวเอง ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นหลัวอี้หลางเค้นเสียงหัวเราะออกมาทันใดด้วยความขบขันอย่างยิ่งยวด “พวกท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าข้ามีเชื้อสายของพวกมาร! จะขุดกระดูกท่านแม่ขึ้นมาจากหลุมเพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกอย่างนั้นเหรอ!!!”เสียงตะโกนก้องกล่าวออกไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “พรรคมารโลหิตไม่ใช่กลุ่มคนเลวร้ายและฝักใฝ่ในอธรรม พวกเรารักสันโดษและคอยช่วยเหลือค้ำจุนแผ่นดินในแต่ละยุคให้ยืนหยัดอยู่ได้ตร
ในขณะเดียวกัน จวนดอกเหมยดอกเหมยเบ่งบานไปทั่วบริเวณสองข้างทางของถนนดินดำ ทอดยาวไปจนถึงจวนตากอากาศของไต้อ๋องซึ่งสร้างอยู่นอกเมืองฉางอานเพื่อชื่นชมกับความงดงามของดอกเหมยยามฤดูหนาวมาเยือน กลิ่นหอมและสีของดอกเหมยมากมายหลายหลาก ช่างเชิญชวนให้ทุกสายตาหยุดมองชื่นชมความงดงามเป็นยิ่งนัก ภายในจวนดังกล่าวมีทหารยามรักษาการณ์โดยรอบ และบ่าวไพร่อีกนับร้อยชีวิตรวมไปถึงนางกำนัลบางส่วนที่ไต้อ๋องส่งมาให้พำนักอยู่ที่จวนนี้เพื่อคอยถวายงาน เมื่อมีเชื้อพระวงศ์องค์อื่นๆ เสด็จมาพำนักเพื่อชื่นชมความงามของดอกเหมยด้วยเช่นกัน ในขณะที่ตำหนักดอกเหมยอันเป็นชื่อเดียวกับจวนเป็นที่พำนักของพระธิดาเพียงหนึ่งเดียวของไต้อ๋อง เสี้ยนจูคนงามมาพำนักอยู่ที่จวนดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ถังเกาจงฮ่องเต้ทรงพระราชทานงานเลี้ยงใหญ่พร้อมกับแผนการอันเลวร้ายที่วางเอาไว้หมายครอบครองแม่ทัพลือนามจางเย่วฉินให้เป็นของตน ทว่าแผนที่วางเอาไว้กลับไม่เป็นดั่งที่คิดเมื่อบุรุษที่บุกเข้าจวนดอกเหมย กลางดึกเพื่อเสพสังวาสกับเสี้ยนจูคนงามหาใช่จางเย่วฉินที่นางหมายปองแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นแม่ทัพแห่งซุยโจวหลัวอี้หลาง ซึ
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าทั้งหมดจะได้วางใจ หากต้องการร้องขอสิ่งใดและมีอะไรให้ช่วยส่งข่าวมาทันที ผู้นำทั้งเจ็ดจะออกมาช่วยเหลือเจ้าอย่างรวดเร็ว” ผู้นำทิศประจิมพูดพร้อมหมุนตัวเร้นกายหายไปจากบริเวณห้องโถงของกระท่อมติดตามด้วยผู้นำคนอื่นๆ จนเหลือเพียงหลิวเหวินซานยืนอยู่เพียงลำพังที่กำลังยืนมองบุตรชายอยู่ในขณะนั้น แม่ทัพแห่งซุยโจวเห็นสายตาของบิดาผู้ให้กำเนิดกำลังมองมาที่เขาเช่นนั้น ความสงสัยจึงบังเกิดขึ้นทันใด “ท่านพ่อมีอะไรหรือเปล่าขอรับ เหตุใดจึงมองข้าอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ามีบางอย่างจะสั่งความ”หลัวอี้หลางถามกลับไปตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม หลิวเหวินซานกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณจนแน่ใจว่า ผู้นำทั้งหกทิศอยู่ห่างไกลจากบริเวณกระท่อมท้ายจวนจนไม่สามารถได้ยินการสนทนาที่จะเกิดขึ้นระหว่างพ่อกับลูก “จริงดั่งคำของเจ้าว่าพ่อมีบางอย่างจะสั่งความ”หลิวเหวินซานตอบกลับไป “ท่านพ่อสั่งมาได้เลยขอรับลูกน้อมรับคำสั่งและจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”หลัวอี้หลางให้คำมั่นกลับไป “ดี! เมื่อเจ้าลั่นวาจาออกมาเช่นนี้ พ่อขอสั่งเจ้าให้ช่วยเหลือจางเย่วฉินได้สมรสกับท่านประมุข จงอย่าได้ขัดขวางและพลัดพรากค
ในขณะเดียวกัน ห้องนอนของจางเย่วฉินในยามนี้บรรดาสาวใช้ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดีเพื่อทำหน้าที่คอยดูแลและทำความสะอาดภายในห้องนอนส่วนตัวของประมุขจวน กำลังทยอยเดินออกจากห้องเมื่อทำหน้าที่ประจำวันเสร็จเรียบร้อย ท่ามกลางสายตาของบ่าวรับใช้ที่พระธิดาคนงามของไต้อ๋องส่งมาสืบข่าวความเคลื่อนไหวของแม่ทัพผู้กล้า และวางแผนให้บ่าวรับใช้นางนี้ลอบสังหารเจ้าสาวของผู้บัญชาการทัพในคราเดียวกัน มือที่กำขวดอยู่ในขณะนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องนำไปเทผสมกับกำยานเพื่อวางยาพิษให้ว่าที่เจ้าสาวในห้องนั้นที่กำลังหลับใหลมานานเกือบเดือนให้สิ้นชีพภายในอีกสี่ชั่วยาม มือทั้งสองข้างกำขวดเอาไว้จนแน่นก่อนจะเร้นกายหลบเข้าไปอยู่หลังเสาต้นใหญ่ ด้วยเพราะวันนี้ครบกำหนด 15 วันที่นางแอบเอาถุงหอมไปวางไว้ใต้เตียงนอนสอดไว้ใต้คานตรงบริเวณส่วนบนที่เป็นตำแหน่งของหมอนเพื่อให้กลิ่นถุงหอมนั้นอยู่ใกล้มี่อิงมากที่สุด ครั้นถึงเวลาที่จะต้องวางยาซึ่งก่อให้เกิดพิษร้ายแรงร่างอวบของบ่าวรับใช้ทรุดฮวบลงกับพื้นนั่งพิงเสาอยู่เช่นนั้น เมื่อถึงเวลาที่จะต้องลงมือทำจริงๆ ความกลัวกลับบังเกิดขึ้นทำให้หวาดหวั่นต่อผลที่
15 วันผ่านไป จวนตระกูลจางเกล็ดหิมะโปรยปรายตกลงมาอย่างไม่ขาดสายทั่วนครฉางอาน ฤดูหนาวในปีนี้หิมะตกลงหนาและยาวนานกว่าทุกปี ก่อนจะเลือนหายไปเหลือเพียงความหนาวเหน็บทิ้งไว้ และเมื่อผ่านพ้นฤดูเหมันต์ดังกล่าวพิธีสมรสพระราชทานก็จะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างจวนตระกูลจางของผู้บัญชาการทัพและผู้บัญชาการทหารราชองค์รักษ์คนปัจจุบันจางเย่วฉินและจ้าวมี่อิง ธิดาคนที่ห้าของจ้าวฟ่านกั๋วซึ่งเกิดกับภรรยาเอกแต่เป็นคนที่สองผู้หายสาบสูญไปกว่า 19 ปี ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าวันเกิดอันแท้จริงของมี่อิงคือวันใด นางเกิดท่ามกลางหิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนักเหมือนดั่งในเวลานี้เมื่อ 19 ปีก่อน และวันใดที่นางมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หินโลหิตที่สถิตอยู่ภายในกายจะทำให้นางกลายสภาพเป็นมารโลหิตที่มีเลือดวิเศษสามารถทำให้มีชีวิตยืนยาวนานนับหลายร้อยปีและคงความอ่อนเยาว์อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้มีชีวิตอยู่ค้ำฟ้าดินเท่านั้นเอง และในวันนี้รถม้าจากจวนสกุลสวี่ได้มาจอดเทียบหน้าประตูทางเข้าจวนตระกูลจาง พร้อมร่างของสาวใช้อีนั๋วซึ่งเป็นคนสนิทของเฉียนจินเอ๋อก้าวลงมาจากรถม้าเป็นคนแรก ติดตามด้วย
ห้องดื่มชาชาหอมเลิศรสค่อยๆ ถูกรินออกจากกาจนเกิดไอขาวพวยพุ่ง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บการดื่มชาร้อนๆ จะทำให้ร่างกายเกิดความอบอุ่นขึ้นได้อย่างดีเยี่ยมท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือกจนขับขั้วหัวใจเช่นนี้ “เจ้าดื่มชาร้อนเสียก่อน ไม่เกินจิบชาหนึ่งถ้วยข้าจะพาไปพบกับอิงอิง ช่วงเวลานี้บ่าวไพร่กำลังเข้าไปทำความสะอาดภายในห้อง อีกไม่นานก็จะเรียบร้อย นางหลับใหลอยู่ในห้องนอนของข้า”จางเย่วฉินบอกอีกฝ่ายกลับไป ในขณะที่เฉียนจินเอ๋อได้ยินเช่นนั้น นางจิบชาเข้าไปเพียงน้อยนิดก่อนจะรีบวางลงบนโต๊ะเอ่ยถามสวนกลับไปด้วยความเป็นห่วงสหายในอดีตที่รู้จักกันเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น “ข้าได้ยินมาว่าอิงอิงล้มป่วยเป็นไข้ลมหนาวแต่เหตุใดนางจึงหลับใหลอย่างยาวนานเช่นนี้นี่ก็นานนับเดือนแล้วไม่ใช่เหรอท่านแม่ทัพ” จางเย่วฉินพยักหน้าขึ้นลงเป็นสัญญาณของการยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายถามกลับมาเช่นนั้น “หมอหลวงชุนบอกว่าอาการที่เกิดกับนางอยู่ในขณะนี้เรียกว่า จำศีล ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะให้ตื่นขึ้นมาเองเมื่อถึงเวลา”แม่ทัพรูปงามตอบกลับไป เฉียนจินเอ๋อส่ายหน้าไปมาติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น “แล้วถ้าหาก