เป่ยเยี่ยนถูกบังคับให้รับตัวผู้ลี้ภัยกลับคืน แพร่กระจายไปถึงแคว้นอื่นอย่างรวดเร็วเมื่อก่อน ตอนที่ต้องยกดินแดนให้แคว้นหนานฉี เหล่าแคว้นทั้งหลายต่างพากันเอาอย่างเป่ยเยี่ยน ขับไล่ผู้ลี้ภัยและนักโทษออกนอกแคว้นสองปีมานี้ แคว้นหนานฉีก็มิได้ว่าอะไรใครจะคาดคิดว่า อยู่ดี ๆ กลับจะส่งผู้ลี้ภัยกลับคืนไปตอนนี้เป็นเป่ยเยี่ยน อีกไม่นานก็ถึงคราวของพวกเขาแล้ว!แคว้นตงซานพระราชวัง“ฝ่าบาท ฮ่องเต้ฉีพร้อมฮองเฮาเสด็จตรวจเยี่ยมเมืองชายแดนทางเหนือ ได้เริ่มขับไล่ผู้ลี้ภัยออกนอกเขตแดน ส่งตัวกลับเป่ยเยี่ยนเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิบนบัลลังก์มังกรขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้เป่ยเยี่ยนกลายเป็นเมืองขึ้นของแคว้นหนานฉี เหมือนเนื้อบนเขียงที่ใครจะเฉือนก็เฉือนได้”เมื่อก่อน เป่ยเยี่ยนคือพันธมิตรอันแข็งแกร่งของแคว้นตงซานตอนนี้ดูแล้ว เป่ยเยี่ยนเหมือนโคลนเละที่พยุงไม่ขึ้นสายตาจักรพรรดิมองไปยังหยวนจั้น“ตามค่ายทหารต่าง ๆ มีความคืบหน้าใดบ้าง?”หยวนจั้นเป็นผู้ที่จักรพรรดิไว้วางใจอย่างมาก ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ดูแลกองทัพทั้งหมดที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ เขาเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะในปีนี้เองหยวนจั้นประนมมือค
เมืองลี่หย่วนเซียวอวี้ได้รับจดหมายจากรุ่ยอ๋องเขาบอกเฟิ่งจิ่วเหยียน “พวกหร่วนฝูอวี้ไปหนานเจียงแล้ว”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชาเล็กน้อยดินแดนหนานเจียงในตอนนี้ ไม่ใช่สถานที่สงบสุข“รุ่ยอ๋องไปด้วยหรือไม่?” นางเอ่ยถามเซียวอวี้พยักหน้า “แน่นอน รุ่ยหลินไม่มีทางปล่อยให้นางไปเสี่ยงภัยเพียงลำพัง”น้ำเสียงเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงเรียบสงบ“เรื่องนี้ พวกเราไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้”นางไม่อาจแยกร่างไปจัดการได้ทุกเรื่องอีกอย่าง จักรพรรดิฮองเฮาแห่งแคว้นหนานฉี นำคนเข้าไปยังหนานเจียง ย่อมถูกมองว่าเป็นศัตรูผู้รุกรานแม้นหนานเจียงกับแคว้นหนานฉีจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ในความเป็นจริง หนานเจียงระแวดระวังกับทุกฝ่ายนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เพราะแคว้นหนานฉีในตอนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดที่ทำให้แคว้นอื่นไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขได้“เจียงหลินส่งจดหมายมา ขอให้เราส่งคนไปช่วยเขาสืบเรื่องสำนักคุ้มภัยหลินหย่วน” สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเคร่งขรึมนางรู้ดีว่า เจียงหลินทำเช่นนี้ เพื่อให้นางกับเซียวอวี้วางใจเซียวอวี้ตัดสินใจโดยไม่ลังเล“ให้หยิ่นฉีไปก็พอแล้ว”ในฐานะองครักษ์เงา หยิ่นฉีมีความสามารถรอบด้านอีกท
“นายท่าน!” ข้ารับใช้รีบตรงเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวลนายท่านเจียงเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก แล้วโบกมือ“ไม่เป็นไร อย่าให้คนอื่นรู้”น้ำเสียงของเขาแหบพร่า สายตาเต็มไปด้วยความกังวลมองไปยังทิศทางที่เจียงหลินจากไปในบรรดาลูกชายทั้งหมด เขาให้ความสำคัญกับเจียงหลินมากที่สุดแต่ลูกคนนี้แม้จะมีหัวทางการค้า ทว่าเติบโตมาในยุทธภพ จึงไม่รู้เรื่องราวการแก่งแย่งในครอบครัวภายนอก ดูเหมือนตระกูลเจียงจะสงบสุขแต่แท้จริงแล้วกลับเหมือนทะเลลึก ความสงบเงียบนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาใต้ผิวน้ำมีแต่คลื่นเชี่ยว...ฝูงปลาต่อสู้กันเพื่ออยู่รอด กัดกินกันไม่หยุดหย่อน...ชายแดนใต้หร่วนฝูอวี้ตั้งครรภ์ได้หกเดือนกว่าแล้วลูกในท้องของนางดิ้นบ่อยขึ้น จนรุ่ยอ๋องมักชอบแนบอยู่ที่หน้าท้องของนางด้วยก็กำลังตั้งครรภ์ บวกกับไร้ข่าวคราวจากหนานเจียง ทำให้จิตใจหร่วนฝูอวี้ยิ่งกระวนกระวายโชคดีที่รุ่ยอ๋องคอยอยู่ข้างกายนาง คอยเป็นที่ระบายอารมณ์ให้นางเสมอหลังจากที่ศิษย์น้องเก๋อสือชี ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ก็เดินทางมาสมทบกับนางเขาอาสานำคนกลุ่มหนึ่ง ลอบเข้าไปในหนานเจียงหลังใช้เวลาราวครึ่งเดือน เขาก็พบเบาะแสบางอย่างวันหนึ่ง หร่ว
เมื่อเจียงหลินได้รับจดหมายลับจากเฟิ่งจิ่วเหยียน เขายังทำการค้าอยู่ภายนอกทางด้านตะวันออก“สำนักคุ้มภัยหลินหย่วน? คืออะไร?” เขาหันไปถามคนข้างกาย“คุณชาย ข้าน้อยก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ” บ่าวติดตามยิ้มด้วยความซื่อ ดูจริงใจและน่าเชื่อถือ“ในบรรดาสำนักคุ้มภัยของตระกูลเจียง มีสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนหรือไม่?”บ่าวติดตามส่ายหัวอีกครั้งเรื่องที่คุณชายยังไม่รู้ เขาเป็นบ่าวรับใช้จะรู้ได้อย่างไร?เนื่องจากเป็นเรื่องของฮองเฮา เจียงหลินจึงใส่ใจเป็นพิเศษในวันเดียวกันนั้นเขาจึงสั่งให้คนไปสืบเรื่องนี้หากสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนสมคบคิดกับศัตรูและทรยศบ้านเมืองจริง ๆ เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วความผิดร้ายแรงประหารเก้าชั่วโคตร ก็จะเกี่ยวข้องกับสกุลเจียงทั้งตระกูลเจียงหลินเผาจดหมายทิ้ง ไม่ให้หลงเหลือร่องรอยไว้เลยนัยน์ตาของเขาเผยให้เห็นความแน่วแน่“เตรียมม้า! ข้าต้องรีบกลับไปโดยเร็ว เพื่อไปพบนายท่าน!”ต้นตระกูลและจวนเก่าของตระกูลเจียงอยู่ที่หลิงโจว ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ใช้เวลาสองวันก็ถึงเจียงหลินใจร้อนที่จะกลับจวน ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันครึ่ง ก็กลับถึงหลิงโจวแล้วนายหญิงเจียงคิดถึงบุตรชายอย่
เซียวม่อไม่มีอาการมึนเมาแม้แต่น้อย และมองฉวีเต้ายางด้วยสายตาอึมครึม“ท่านฉวี ข้าตั้งใจจะให้ท่านมาเป็นที่ปรึกษา ท่านยินดีหรือไม่?”ฉวีเต้ายางรู้สึกว่า ตนเองในเวลานี้เหมือนกับเนื้อชิ้นหนึ่ง ที่อาจจะถูกเซียวม่อกลืนกินได้ทุกเมื่อทันทีที่เซียวม่อปาจอกสุรา เหล่าองครักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้น และขวางทางฉวีเต้ายางไว้ฉวีเต้ายางเรียกได้ว่าเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากเขาแค่อยากกลับไปบ้านเกิด พร้อมกับพามารดาไปใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างสงบสุขยิ่งไปกว่านั้น ฉู่อ๋องผู้นี้ดูแล้วไม่เหมือนผู้นำที่เฉลียวฉลาดลำพังแค่ท่าทีบังคับขู่เข็ญ ก็มิใช่การกระทำของสุภาพชนแล้ว“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีคุณธรรมความสามารถอันใด ถึงได้ถูกท่านเลือก?” คำถามของฉวีเต้ายางนี้ เป็นการถามอย่างจริงจังเมื่อวานถูกฮ่องเต้ตำหนิไปยกใหญ่ ความภูมิใจในความเป็นคนมีความสามารถที่เคยมีในตอนแรกหมดสิ้นไปแล้ว เหลือเพียงแต่ความสงสัยในตัวเองหากฉู่อ๋องต้องการที่ปรึกษา คงมีคนนับหมื่นนับพันมายืนรอต่อแถว เหตุใดจะต้องมายึดติดกับเขา?เซียวม่อเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“ท่านฉวี ข้าปรารถนาผู้ที่มีความสามารถ“ความสามารถของท่าน ตลอดสองปีที่ผ่านมา ทุกคนในเมืองล
บุตรตัวปลอมทั้งสองตัวนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนมีแผนของนาง“ตอนนี้ฝ่าบาทเสด็จออกตรวจตราเมืองชายแดน มิใช่ความลับอีกแล้ว“ลูก ๆ ไม่ได้อยู่ข้างกาย หม่อมฉันรู้สึกกังวลไม่มากก็น้อย“ดังนั้น หม่อมฉันคิดว่าจะนำตัวปลอมมาแทนตัวจริง ให้องครักษ์พาบุตรตัวปลอมทั้งสองตัวนี้กลับไปยังวังหลวง เพื่อมิให้สายลับตามหาตำแหน่งที่อยู่ของพวกอาหลิ่นไปทั่วทุกที่ แล้วเอาชีวิตของพวกเขามาข่มขู่ท่านกับหม่อมฉัน”เซียวอวี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง“ทำตามที่เจ้าพูด แต่ว่า...”เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง “เรามีข้อเสนอ”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง: “ท่านพูดมา”“พรุ่งนี้ค่อยส่งพวกมันไปเถอะ”เขายังอยากอุ้มพวกมันอีกสักหน่อยเฟิ่งจิ่วเหยียนริมฝีปากยกยิ้ม “ได้เพคะ”เซียวอวี้ยังคิดถึงลูก ๆ แล้วนางจะไม่คิดถึงได้อย่างไรแต่นางรู้ดีว่า ตัวปลอมก็คือตัวปลอม ก็มีแต่เซียวอวี้เท่านั้นที่ใช้พวกมันมาปลอบโยนเซียวอวี้ไม่รอจนถึงตอนดึก ตอนนี้ก็อุ้มตัวหนึ่งไว้ในอ้อมแขนเขายังแกล้งทำเป็นว่าดูกลไกภายในของหุ่นจำลองเท่านั้น“ของสิ่งนี้ ตงฟางซื่อทำขึ้นมาได้อย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกแค่ไม่เอ่ยออกมา......วันรุ่งขึ้น ฉวีเต้ายางลาออกจา