ทหารทางการมาที่จวนองค์หญิงใหญ่ รื้อหาสมุดรายชื่อเล่มนั้นในตำแหน่งตามที่องค์หญิงใหญ่บอกในสมุดมีบักทึกชื่อไว้มากมายภายใต้สำนักคุ้มภัยแต่ละแห่ง ล้วนมีชื่อผู้ดูแล มองปราดเดียวก็เข้าใจส่วนสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนแห่งนี้ ชื่อผู้ดูแล เขียนคำว่า “สวีเจิน”เหล่าทหารทางการสอบถามคนรับใช้ในจวนองค์หญิงใหญ่ในบรรดาพวกเขามีคนจำสวีเจินได้ นั่นคือชายบำเรอในอดีตขององค์หญิงใหญ่ มีช่วงหนึ่งได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษต่อมาคนผู้นี้ก็จากไปพวกเขาเองก็เพิ่งรู้ ว่าสวีเจินไปรับช่วงดูแลสำนักคุ้มภัยคุกหลวงยามเอ่ยถึงสวีเจิน องค์หญิงใหญ่ก็นึกขึ้นมาได้ทันทีนางจำได้ คนผู้นี้มีใบหน้างดงามสมชื่อ แทบแยกเพศไม่ออกสวีเจินค่อนข้างมีหัวการค้า ช่วยนางค้าขาย จนหาเงินมาได้ไม่น้อยแม้แต่ความคิดก่อตั้งสำนักคุ้มภัย สวีเจินก็เป็นคนเสนอเองต่อมานางมีคนโปรดคนใหม่ จึงปล่อยสวีเจินออกไปจากจวน ให้เขาช่วยหาเงินต่อนับตั้งแต่นั้น เขาก็ไม่เคยกลับมาอีกหากไม่ใช่เพราะสืบเจอคดีสำนักคุ้มภัยหลินหย่วน นางก็คงนึกไม่ถึงสวีเจิน“องค์หญิงใหญ่ ท่านรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังตระกูลของสวีเจินหรือไม่?” ข้าราชการเอ่ยถามแม้นองค์หญิงใหญ่จะ
“เจ้ากำลังจะบอกว่า สำนักคุ้มภัยหลินหย่วนสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นศัตรู?” องค์หญิงใหญ่ย้อนถามอย่างเคร่งครัดข้าราชการที่สอบสวนนางกระแอมไอ“พ่ะย่ะค่ะ”ครั้นได้ยินคำตอบ องค์หญิงใหญ่ก็รีบพูดต่อ“เช่นนั้นสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนนี่ก็ไม่ใช่ของข้า!”ข้าราชการ: ...“องค์หญิงคิดว่า ท่านบอกว่าไม่ใช่ก็จะไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?“พวกเรามีหลักฐาน มิเช่นนั้นก็คงไม่เชิญตัวท่านมาที่คุกหลวงโดยไม่ไตร่ตรองเช่นนี้“ดังนั้นรบกวนองค์หญิงทรงคิดทบทวนให้ดีก่อนพูด จะได้ไม่ถูกทรมาน”ในคุกหลวง การจับทรมานเป็นเรื่องธรรมดาองค์หญิงพูดอย่างมั่นเหมาะ“ไม่เกี่ยวกับข้า แม้นข้าจะมีสำนักคุ้มภัยหลายแห่ง แต่ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับแคว้นศัตรูแน่นอน”นางไม่ได้อยากตายไวเสียหน่อย ตอนนี้นางมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นหนานฉี ต้องการสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นเสมอ เหตุใดต้องไปทำเรื่องโง่เขลาพรรค์นั้นท่านอ๋องผู้อื่นคิดก่อกบฏ ยังขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้วนางได้อะไร?หากเป็นแคว้นซีหนี่ว์ นางก็น่าจะลองสักครั้งข้าราชการเห็นนางไม่ยอมรับผิด จึงไปตามตัวพยานหลักฐานองค์หญิงใหญ่สงสัยว่าเป็นหลักฐานอะไร เห็นเพียงร่างในชุดสีแดงราวปีศาจร้า
หลังจากหร่วนฝูอวี้ถูกคนจับตัวไป ก็ตกอยู่ในสภาวะหมดสติ ยามที่นางฟื้นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องลับแห่งหนึ่งห้องลับแห่งนี้มืดสนิท มีเพียงแสงเทียนวูบไหวนางถูกขังอยู่ในกรงคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ยังมีอีกหลายคนนางจำได้ คนเหล่านี้คือเพื่อนร่วมสำนักของนาง!ที่แท้พวกเขาก็ถูกจับมาอยู่ที่นี่นี้เอง! นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายจึงไร้เรี่ยวแรงพยายามลุกขึ้นมา กลับล้มลงไปเหมือนเดิมนางกำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้จึงทำได้เพียงนอนขดตัวอยู่ในกรงคนอื่นอยู่ในสภาพหมดสติไม่ฟื้น บางคนถูกห้อยแขนเพื่อปล่อยเลือดไหลบริเวณโดยรอบคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แสบจมูกอย่างมากหร่วนฝูอวี้ค้นพบอย่างตกใจ ท่านอาจารย์ก็อยู่ที่นี่!ที่แห่งนี้มีกรงอยู่มาก กรงที่ขังอาจารย์ อยู่ห่างจากนางไกลมาก ตรงกลางมีกรงคั่นอยู่หลายกรงนางเห็นอย่างราง ๆ มือและเท้าของอาจารย์ถูกโซ่ล่ามเอาไว้ ศีรษะฟุบลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่เหมือนคนมีชีวิตอยู่หร่วนฝูอวี้เคยผ่านมรสุมมามากมาย เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน นางจึงไม่ได้ลนลานทำตัวไม่ถูก แสร้งทำเป็นว่ายังไม่ได้สติ หลับตาลงอีกครั้งไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ก็มีคนเข้ามาในห้อง
ระหว่างคิ้วของเซียวอวี้เต็มไปด้วยความคุกรุ่น ถามเจียงหลินด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิอย่างอดกลั้น“เป็นองค์หญิงใหญ่จริง ๆ หรือ?”เซียวฉีคือพี่สาวของเขาตอนนั้นนางเกี่ยวดองกับแคว้นต้าเซี่ย เพื่อแคว้นหนานฉีนางได้รับความอัปยศมากเพียงใด เขาย่อมรู้ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่นางกลับมายังแคว้นหนานฉี เขาจึงไม่เคยละเลยนางแม้นนางจะเลี้ยงดูสนมชาย ชื่อเสียกระฉ่อนไปทั่ว เหล่าข้าราชการต่างแนะนำ ให้ถอดตำแหน่งองค์หญิงใหญ่ของนาง กระนั้นเขาก็ยังยอมขัดเจตจำนงค์ของทุกคนเพื่อปกป้องนางหากกล่าวว่าเซียวฉีร่วมมือกับแคว้นตงซาน อย่างไรเขาก็คาดคิดไม่ถึงเจียงหลินหันไปมองทางหยิ่นฉี พยักหน้าอย่างมั่นใจ“เท่าที่พวกเราสืบได้ในตอนนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังสำนักคุ้มภัยหลินหย่วน คือองค์หญิงใหญ่จริง ๆ”เซียวอวี้หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียนทันที“เจ้าคิดอย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หยุดคิด“ไปถามองค์หญิงใหญ่ตรง ๆ เถอะ บางทีเรื่องนี้อาจจะมีลับลมคมในที่นอกเหนือจากนั้น”ตอนนี้สถานการณ์โดยละเอียดเป็นอย่างไร นางเองก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ต่อให้นางจะเชื่อองค์หญิงใหญ่ ก็ไม่อาจเมินเฉยต่อหลักฐานแน่นหนาที่เจียงหลินสืบเจอยิ่งไปกว่านั้น
เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบนำการคาดเดาของตนเองมาบอกเซียวอวี้เซียวอวี้ฟังจบ ก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ตอนที่กลุ่มค้ามนุษย์โอสถตั้งถิ่นฐานในแคว้นหนานฉี มีการนำคนไปทดลองยาอยู่บ่อยครั้ง“แต่ว่า เหตุใดต้องเป็นผู้คุ้มกันเหล่านั้นล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กำลังขบคิดเกี่ยวกับปัญหานี้เหตุใดต้องเป็นผู้คุ้มกันเหล่านั้นล่ะ?เสียวอู่ได้ยินก็มึนงงเรื่องคดีมนุษย์โอสถ เขาแทบไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่สะใภ้ ที่พวกท่านพูดถึงคืออะไรหรือ?”เสียวอู่เบื่อใจจะขาด ได้ฟังเรื่องอะไรแปลกใหม่ ก็นับเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่งเซียวอวี้ไม่มีเวลามาพูดไร้สาระกับเขา จึงให้เขาไปถามเฉินจี๋เฉินจี๋ไม่ใช่คนพูดมาก จึงให้เขาไปถามอู๋ไป๋อู๋ไป๋เป็นคนมีน้ำใจ ทั้งยังพูดเก่งหลังจากที่เขาอธิบายที่มาที่ไปให้เสียวอู่ฟังจนจบ ก็ทำเอาเสียวอู่นิ่งอึ้ง“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? ช่างเสียสติจริง ๆ!”“คนที่น่ากลัวที่สุดคือมู่หรงจ่างจี๋ผู้นั้น ว่าแต่ เขามีอายุสองร้อยกว่าปีจริงหรือ?“คงไม่ใช่ว่าเจ้าแต่งเรื่องหลอกข้าหรอกนะ?”อู๋ไป๋ทำหน้าจริงจัง“เชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่!”เสียวอู่รีบแสดงความเป็นมิตร ด้วยการส่งกระบี่
รุ่ยอ๋องมองไปยังหัวหน้าของกองทัพชั้นยอดแล้วเอ่ยถามโดยตรง“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ากลุ่มค้ามนุษย์โอสถซ่อนตัวอยู่ที่ใด?”หัวหน้าหวังเซี่ยวพยักหน้า“ตอนนี้พอจะระบุแหล่งที่ซ่อนของพวกมนุษย์โอสถที่เป็นไปได้สามแห่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เมื่อครึ่งเดือนก่อน ได้ส่งสาส์นไปทูลขอคำแนะนำจากฝ่าบาทและฮองเฮาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำสั่งใด ๆ จึงยังไม่ได้ดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม”“เมื่อวานนี้เอง ข้าน้อยได้รับสาส์นลับ สั่งพวกเราให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับท่านอ๋อง ช่วยเหลือพระชายา และจับกุมพวกเศษเดนของกลุ่มค้ามนุษย์โอสถ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจของรุ่ยอ๋องก็สงบลงทันที“ตอนนี้ไปที่แหล่งซ่อนตัวทั้งสามแห่งนั้นเลย!”เขาร้อนใจที่จะช่วยคนหวังเซี่ยวกลับกล่าวว่า“ท่านอ๋อง มีเรื่องหนึ่งที่ท่านจำเป็นต้องทราบ”“ว่ามา” รุ่ยอ๋องรอไม่ได้แม้แต่อึดใจเดียวเขากลัวเพียงว่าหากช้าไปก้าวเดียว หร่วนฝูอวี้และลูกก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหวังเซี่ยวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง“ฮองเฮามีรับสั่ง ให้กองทัพชั้นยอดอยู่ใต้การบัญชาการของข้าน้อย แม้แต่ท่านอ๋องเองก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้าน้อย ห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการ”แววตาของรุ่ยอ๋อ