ทว่าเขาทั้งสิ้นหวังและประหลาดใจที่ได้ค้นพบเรื่องหนึ่ง ขอแค่เขาปรารถนา ปกติไม่ว่ากับผู้ใด เขาล้วนพูดคุยได้อย่างอิสระ ทว่าอยู่กับหรงจือจือ ในใจกลับทั้งกระสับกระส่ายและอึดอัดคล้ายกับอยากพูดคุยกับนางในทุกหัวข้อ ทว่าไม่กล้าเอ่ยเลยสักหัวข้อเป็นกังวลว่าจะไม่ถูกกาลเทศะ เป็นกังวลว่านางจะไม่มีความสุข เป็นกังวลว่านางจะคิดว่าเขาน่าเบื่อ...สุดท้าย เขากลับเค้นออกมาประโยคหนึ่ง คล้ายกับพยายามทุกวิถีทางก็มิปาน “อากาศวันนี้ หนาวจริง ๆ”เซิ่งเฟิงหลับตาลงด้วยความทุกข์ใจ แล้วพูดในใจว่า ท่านเสนาบดีถ้าท่านจะพูดเช่นนี้ ก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า เขาละยอมแล้วจริง ๆ!หรงจือจือชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “เช่นนั้นท่านเสนาบดีจะกลับไปก่อนหรือไม่เจ้าคะ?”เฉินเยี่ยนซู “...ไม่ต้องกลับไปหรอก”ในใจของเขาเองก็หงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เหตุใดถึงได้บอกไปว่าวันนี้หนาวได้นะ? บางทีเขาควรบอกว่าวันนี้อบอุ่นจริง ๆ?กลับกันเซิ่งเฟิงคลี่ยิ้มพร้อมช่วยแก้ไขสถานการณ์ “ท่านหญิงพบเจอกับท่านเสนาบดีของเราไม่บ่อย มีเรื่องสงสัยอะไรอยากจะถามท่านเสนาบดีของเราหรือไม่?”คาดหวังกับท่านเสนาบดีผู้ไร้ประโยชน์นี่ วันนี้คงยากจะได้พูดคุย
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเซิ่งเฟิงดูสนใจจริง ๆ หรงจือจือย่อมอดไม่ได้ที่จะมองอีกสองสามทีครั้นนางมองเช่นนี้เฉินเยี่ยนซูเองก็หันหน้ากลับมาด้วยความสงสัย หางตาของเซิ่งเฟิงจ้องนายบ้านตนอยู่ตลอด หนำซ้ำยังเป็นวรยุทธ์ ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ย่อมปรับสีหน้าได้ทันทีอยู่แล้วฉะนั้นเฉินเยี่ยนซูเพียงมองใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มเล็กน้อยของเขา ทว่าไม่ได้มีสีหน้าพิเศษอะไรในใจหรงจือจือคาดการณ์อะไรบางอย่างได้ จึงอดกลั้นเอาไว้ไม่ให้ขำออกมาครั้นหวังหยวนหลินออกมา ก็เห็นท่านเสนาบดีบ้านตน ไหนเลยเขาจะไม่รู้เจตนาในการมาของอีกฝ่าย? ที่จริงในสายตาของลูกศิษย์อย่างพวกเขา ท่านเสนาบดีใจกว้างตรงไปตรงมาที่สุด และสมบูรณ์แบบที่สุดต่อให้หรงจือจือจะดีแค่ไหน อย่างไรก็เป็นสตรีที่ผ่านการหย่ามาผู้หนึ่ง มากน้อยในใจของทุกคนก็ต้องคิดว่าไม่คู่ควรกับท่านเสนาบดีทว่าเห็นท่านเสนาบดีใส่ใจเช่นนี้...เช่นนั้นก็ต้องเห็นแก่ความสุขของท่านเสนาบดี จะให้พวกเขาทนเห็นท่านเสนาบดีอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังไปตลอดชีวิตไม่ได้หรือเปล่า?หวังหยวนหลินประสานมือพลางกล่าว “ข้าน้อยขอคารวะท่านเสนาบดี จัดการคดีเสร็จสิ้นแล้วขอรับ!”ฉีอวิ่นรีบขอความเมตตาให้คนทั้
ฉีจื่อเสียนพูดด้วยความโมโห “ท่านหญิง อย่างไรที่นี่ก็ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่อยู่แล้ว ให้พวกข้าพักอยู่สักระยะจะเป็นอันใดไป? จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นด้วยหรือ?”หรงจือจือพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ต่อให้ข้าต้องจุดไฟเผาบ้านหลังนี้ ข้าก็จะไม่ให้พวกเจ้าอยู่!”ผู้ว่าการชอบที่ได้ฟังหรงจือจือพูดขีดเส้นแบ่งเขตกับคนสกุลฉีอย่างชัดเจน เขาพูดเข้าข้างทันที “ท่านหญิงจัดการทุกเรื่องได้อย่างสะอาดหมดจด สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะในหมู่สตรี!”หรงจือจือเลิกคิ้วขึ้น นางพบว่ารอบตัวเฉินเยี่ยนซูมีแต่คนน่าสนใจ หากได้แต่งงานกับอีกฝ่ายจริงๆ คิดว่าชีวิตคงไม่น่าเบื่อฉีจื่อฟู่หน้าซีดเผือด “เจ้าเกลียดข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “ก็ไม่ได้เกลียดหรอก แต่ไม่จะไม่มีทางช่วยเหลือเจ้าเด็ดขาดก็เท่านั้น”ฉีจื่อฟู่เขียนสัญญาติดหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขาดก็แค่จำนวนเงิน เขาอดกลั้นต่อความอัปยศและถามออกไป “พวกเจ้าต้องการเงินเท่าไร?”หรงจือจือมองไปทางคนเฝ้าบ้านทั้งสองทั้งสองคนสบตากันและตอบ “ยี่สิบตำลึง ทั้งหมดยี่สิบตำลึงก็พอแล้ว!”เงินยี่สิบตำลึง นี่เป็นค่าแรงตลอดหนึ่งปีกว่าของทั้งสองคน พวกเขาเพียงแ
ผู้ว่าการกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องตลกอะไร? มีผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้อีกหรือว่าท่านหญิงหย่ากับบุตรชายของเจ้าแล้ว?”ยังจะมาบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน? ช่างเหลวไหลเสียจริง!ในฐานะที่หวังหยวนหลินเป็นผู้ว่าการและเป็นศิษย์ของท่านราชเลขาธิการ เขามองออกมานานแล้วว่าท่านหญิงก็คืออาจารย์แม่ของตัวเองในอนาคตในกลยุทธ์ขอแต่งงานสามร้อยข้อของเซินเฮ่อ หวังหยวนหลินได้อุทิศกำลังอัน ‘น้อยนิด’ ของตัวเองลงไปด้วย เขามีส่วนช่วยเขียนกลยุทธ์ถึงห้าสิบสามข้อ!หากว่าสุดท้ายแล้วท่านหญิงยังเป็นคนของสกุลฉีอยู่ เช่นนั้นกลยุทธ์ที่ลำบากคิดออกจะนับเป็นอะไร? เป็นเรื่องตลกหรือ?ผู้ว่าการยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาพูดต่อ “พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าอะไรคือการหย่า? ข้าต้องอธิบายความหมายคำนี้ให้พวกเจ้าฟังโดยละเอียดหรือไม่?”อันที่จริงแล้ว ก่อนที่บ่าวรับใช้จากจวนท่านหญิงจะมาแจ้งความ ท่านราชเลขาธิการก็ได้ทราบเรื่องที่คนสกุลฉีมาที่นี่และสั่งให้หวังหยวนหลินมาจัดการก่อนแล้วหวังหยวนหลินได้พบกับเจาอู้ตอนที่กำลังออกมาพอดี หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาจารย์แม่ เขามีหรือจะมาด้วยตัวเอง?เพราะเรื่องแค่นี้มอบให้เจ้าหน้าท
ฉีอวิ่นตะลึงงัน “จือจือ เจ้ากำลังพูดอะไร? เจ้าอย่าใช้อารมณ์สิ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะล้อเล่นได้นะ!”จะให้พวกเขาไปอยู่ในคุกได้อย่างไร?หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “ผู้ใดกำลังล้อเล่นกัน? ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าเปลี่ยนมาเรียกข้าว่าท่านหญิง หากยังเรียกชื่อข้าโดยตรงเช่นนี้ ข้าก็ไม่ถือสาที่จะช่วยสอนกฎระเบียบและความสูงต่ำให้พวกเจ้าหรอกนะ!”ฉีอวิ่น “เจ้า…”เมื่อเห็นสีหน้าของหรงจือจือ เขาจึงเข้าใจในที่สุด ว่าครอบครัวของพวกเขาคงจะเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก หรงจือจือไม่ได้คิดจะช่วยเหลือพวกเขาแต่อย่างใดสายตาเย้ยหยันของผู้ว่าการทอดมองไปที่ฉีอวิ่นกับฉีจื่อฟู่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คนสกุลฉีก็เคยเป็นโหวเป็นขุนนางมาก่อน ทั้งที่ทำตัวไร้ยางอาย ทำให้ชื่อเสียงของท่านหญิงป่นปี้เสียหาย ตอนนี้ยังจะมีหน้ามาขอพึ่งพิงอีกหรือ?ทั้งสองคนถูกกระตุ้นจากสายตาเช่นนี้ ไม่มีหน้าจะพูดอะไรต่อไปชั่วขณะแต่ฉีอวี่เยียนกลับพูดด้วยความโมโห “หรงจือจือ นังสารเลว! พวกข้ามาที่นี่เพราะให้เกียรติเจ้า แต่เจ้าจะไม่รับไว้สินะ?”หรงจือจือหันไปตบหน้านางเกิดเสียงดัง “เพี้ยะ”ดังสนั่นจนทุกคนตะลึงงันหรงจือจือมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ที่ผ่
ฉีจื่อฟู่ฟังจบก็รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเขาพยายามอธิบาย “จือจือ ตอนนั้นข้าเลอะเลือนเอง แต่มีบุรุษคนใดไม่เคยทำผิดบ้างกัน? เจ้าให้โอกาสข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่?”ราชเลขาธิการเฉินบอกว่าจะสู่ขอนาง ฉีจื่อฟู่หวาดกลัวมาก กลัวว่าจะต้องเสียนางไปตลอดกาลหรงจือจือคร้านจะสนใจเขา ตัวเขาเองไม่ใช่มนุษย์ บอกว่าบุรุษทุกคนล้วนทำผิดพลาด ไม่รู้ว่าบุรุษทุกคนในใต้หล้ายินดีจะให้เป็นตัวแทนพวกตัวเองเช่นนี้หรือไม่คนสกุลฉีเห็นนางไม่พูดไม่จาก็คิดว่าพูดโน้มน้าวนางสำเร็จฉีจื่อเสียนรีบพูด “พี่สะใภ้ พวกข้าหิวแล้วจริงๆ ถึงท่านจะไม่พอใจท่านพี่ก็ไว้ค่อยคุยทีหลังเถิด ช่วยเตรียมอาหารให้พวกข้าก่อนได้หรือไม่?”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “อาหารที่ข้าเตรียมไว้กำลังเดินทางมาแล้ว!”ฉีจื่อเสียนตาลุกวาว ถูมือพูดว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน แม้ปากจะกล่าววาจาไม่น่าฟัง แต่ท่านไม่มีทางไม่สนใจใยดีพวกเราแน่นอน!”หรงจือจือพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “อย่าเพิ่งรีบขอบคุณ ข้ากลัวว่าประเดี๋ยวเจ้าจะขอบคุณไม่ออก”ฉีจื่อเสียน “จะมีอะไรให้ขอบคุณไม่ออกกัน? ท่านกลัวว่าพวกข้าจะไม่ชอบอาหารที่ท่านซื้อหรือ? ไ