นางอยากจะมีน้องชายคนใหม่แล้วงั้นหรือ? เช่นนั้นเขานับเป็นอะไร?นางหวังโมโหลุกขึ้นยืนก็อยากจะตีนางหรงจือจือหลบอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวเสียงเรียบว่า “เรื่องในวันนี้ หากฮูหยินหรงโกรธจริง ๆ ก็ไปโทษผู้กระทำผิดไม่ดีกว่าหรือ จะมาโทษข้าทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับข้าเจ้าคะ?”ที่หรงจือจือพูดเป็นความจริง คนที่จัดฉากไม่ใช่ตนเอง คนที่ทำให้หรงซื่อเจ๋อรับผิดยิ่งไม่ใช่ตนเอง แล้วนางก็ไม่ได้สนับสนุนให้ท่านพ่อรับอนุภรรยาด้วยโทษนางหรือ? ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!นางก้าวเท้ายาวแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง ตอนที่จากไปก็ยังไร้เยื่อใยยิ่งกว่ามหาราชครูหรงเสียอีกนางหวังไม่ได้ตีใคร แต่เอามือกุมหน้าอกของตนเอง แล้วทรุดนั่งลงกับพื้นก็ร้องไห้ออกมา “มีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าเช่นนี้!”“ท่านพ่อเจ้าเลอะเลือนจริง ๆ เรื่องในวันนี้ จะต้องเป็นฝีมือของหรงจือจือแน่! ซื่อเจ๋อ เหตุใดเจ้าต้องรับโทษแทนนางด้วย! ตอนนี้พ่อเจ้าก็โทษเจ้าแล้ว...”หรงซื่อเจ๋อทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “ท่านแม่ ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือขอรับว่าข้ากำลังรับผิดให้ใครอยู่? คนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้คือเจียวเจียว!”นางหวังมองไปทางหรงเจียวเจียวด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ในเมื่อจะรับอนุภรรยา ก็รับมาหลาย ๆ คน อย่างน้อยก็น่าจะมีใครสักคนที่สามารถกำเนิดบุตรชายหัวดีให้ข้าได้!”มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ไม่สนใจความรู้สึกของนางอีก สะบัดแขนเสื้อแล้วสาวเท้าออกจากห้องหนังสือไปหากไม่ใช่เพราะความกตัญญูต่อมารดา เมื่อเห็นบุตรชายท่าทางไร้สมองเช่นนี้ เขาคงแทบอยากจะรับอนุภรรยามาเสียเดี๋ยวนี้ และรีบเลี้ยงดูบุตรชายคนต่อไปให้ดี!นางหวังมองแผ่นหลังที่สิ้นหวังของเขา หัวใจก็พังทลายลงในชั่วพริบตา พลางกล่าวอย่างโมโหว่า “หรงม่อชิง ท่านบ้าไปแล้วจริง ๆ ถึงได้ให้บุตรชายสายรองมาสืบทอดทรัพย์สินของตระกูล ท่านไม่กลัวถูกคนอื่นหัวเราะเยาะหรือเจ้าคะ?”มหาราชครูหรงหยุดฝีเท้าลง แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ให้คนอื่นหัวเราะเยาะ ก็ยังดีเสียกว่าปล่อยให้บ้านหลังนี้พังทลาย! ข้าหรงม่อชิงก้าวทีละก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้วงศ์ตระกูล! และจะไม่มีทางยอมให้เจ้าคนไร้สมองนี่ทำลายมันเด็ดขาด!”นางหวังหน้าซีดเขียว “บุตรชายข้าไร้สมองตรงไหน? อีกอย่าง ดั่งคำกล่าวที่ว่า เลี้ยงดูแต่ไม่อบรมเป็นความผิดของบิดามารดา! ตอนนี้ท่านไม่พอใจบุตรชาย จึงโยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้า หรือว่าท่านในฐานะบิด
มหาราชครูหรงขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับนาง และทำราวกับมองนางอีกแวบเดียว ก็ทำให้เขาทนไม่ไหวจึงทำหน้าขรึม มองหรงซื่อเจ๋ออย่างผิดหวัง แล้วเอ่ยปากว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนทำ คิดว่าคงจะเต็มใจรับโทษแล้วใช่หรือไม่?”หรงซื่อเจ๋อ “แน่นอนขอรับ ท่านพ่อโปรดลงโทษลูกเถอะ!”เขาจะไม่กลัวการถูกตีเสียที่ไหนกัน? แส้ของท่านพ่อ ฟาดทีถึงเนื้อ และฟาดแต่ละทียังสามารถทำให้เขาเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ แต่ตอนนี้เขาไม่ตอบรับแล้วจะทำอย่างไรได้?หากไม่ตอบรับ คนที่จะถูกตีก็คือเจียวเจียวแล้ว!หรงเจียวเจียวรีบเอ่ยปากร้องขอ “ท่านพ่อ พี่ชายไม่ได้ตั้งใจ ท่านอย่าลงโทษเขาเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ถือสากับเรื่องนี้แล้ว ข้าไม่ถือสาแล้ว...”ขณะที่พูด น้ำตาของนางก็ไหลลงมาเพราะนางรู้ดี ว่าหากครั้งนี้หรงซื่อเจ๋อถูกลงโทษรุนแรงมากเท่าใด ความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับตนเองในภายภาคหน้า ก็จะยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนางยังต้องการให้หรงซื่อเจ๋อช่วยตนเองจัดการกับหรงจือจืออยู่มหาราชครูหรงมองนางพลางยิ้มเสียงเย็น “เจ้าไม่ถือสาแล้ว? เมื่อครู่ตอนที่คิดว่าจือจือเป็นคนทำ เจ้ายังแทบอยากจะให้พ่อฆ่านางเลยมิใช่หรือ!”หรงเจียวเจียวสี
ท่านมหาราชครูหรงฟังคำพูดของหรงซื่อเจ๋อ ก็ขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยปากถามประโยคหนึ่งว่า “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นฝีมือเจ้า?”หรงซื่อเจ๋อกัดฟันตอบโดยไม่ลังเล “ใช่ เป็นข้าเอง!”ท่านมหาราชครูหรงมองไปยังหรงเจียวเจียว ถามประโยคหนึ่งว่า “แล้วเจ้าเล่า? เจ้าก็คิดว่าเป็นฝีมือพี่ชายของเจ้าหรือ?”หรงเจียวเจียวไม่กล้าสบตาท่านมหาราชครูหรงเลยแม้แต่น้อยนางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หากตอนนี้นางยอมรับว่าเป็นฝีมือตนเอง ท่านพ่อต้องตีตนเองตายแน่แต่ถ้านางยอมรับ พี่ชายก็จะไม่ผิดหวังในตัวนางมากนัก จะได้รู้ว่าในใจนางยังคงมีเขาผู้เป็นพี่ชายคนนี้อยู่ท่านมหาราชครูหรงกล่าวเสียงเย็นชา “หรงเจียวเจียว ข้ากำลังถามเจ้าอยู่!”หรงเจียวเจียวตัดสินใจแน่วแน่ เอ่ยปากว่า “ข้าก็ไม่รู้! แต่ในเมื่อพี่ชายบอกว่าเป็นเขา เขาก็... ก็คงเป็นเขากระมังเจ้าคะ!”นางคิดถี่ถ้วนแล้ว หรงซื่อเจ๋อโง่เขลาปานนั้น ตนเองค่อยกลับไปหลอกเขาอีกที พูดจาหวานหูสักสองสามคำ เขาก็คงจะให้อภัยตนเองแล้วมิใช่หรือ?แต่หากท่านพ่อโกรธนางจริงๆ การส่งตนเองไปอยู่เรือนชนบทก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!เรื่องงานเลี้ยงชมกวีคราวก่อน ท่านพ่อก็ยังไม่พอใจตนเองอยู่เลย จ
โชคดีที่มหาราชครูหรงยังไม่เลอะเลือนไปเสียหมด เขาเหลือบมองนางหวังอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าอย่างนั้นตามที่เจ้าพูด คนที่ควรถูกตำหนิที่สุดก็คือเจียวเจียว!”“เป็นบุตรสาวตระกูลหรงเหมือนกัน ตอนนั้นคนที่สอนงานปักผ้าให้พวกนางก็เป็นอาจารย์คนเดียวกัน เหตุใดนางถึงเรียนสู้พี่สาวไม่ได้?”“ที่เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะนางฝีมือไม่ดีพอหรอกหรือ? วันๆ เอาแต่ทำตัวออดอ้อนแสร้งโง่ ยังจะให้พี่สาวปักกระโปรงให้อีก เอาความกล้ามาจากไหนกัน!”หรงเจียวเจียวได้ฟังคำพูดดูหมิ่นของบิดา น้ำตาแทบจะไหลออกมาหรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ก็นับว่าโชคดีที่ข้าอู้งาน ไม่ได้ทำกระโปรงตัวนี้ให้น้องสาม มิฉะนั้นวันนี้ ต่อให้ข้ากระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็คงล้างมลทินให้ตนเองไม่ได้”มหาราชครูหรงได้ฟังคำพูดนี้ พลางนึกว่าตอนแรกตนเองก็เกือบจะใส่ร้ายจือจือไปแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจสายตาเย็นชาจับจ้องไปมาระหว่างหรงซื่อเจ๋อและหรงเจียวเจียวเขาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พูดมา ใครเป็นคนทำกันแน่? หรือจะให้ข้าส่งพวกเจ้าพร้อมกับช่างปักผ้าและบ่าวไพร่ข้างกายพวกเจ้า ไปให้ศาลาว่าการสอบสวน?”ไม่มีความแค้นเคืองใดๆ ต่อกัน เขาไม่เชื่อหรอก
คำพูดที่เมื่อครู่เขาใช้ด่าหรงจือจือ ถูกส่งคืนกลับมาให้เขาแบบคำต่อคำแต่ทว่า เขากลับอึดอัดคับข้องใจแทบตาย ทั้งยังไม่มีหน้าจะโต้ตอบอะไรได้ ก็ได้แต่ฝืนทนจนใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธกลายเป็นเขียวคล้ำนางหวังได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “หรงจือจือ เรื่องราวยังไม่กระจ่างเลย เจ้ากล่าวหาซื่อเจ๋อส่งเดชทำไม?”หรงจือจือเลียนแบบคำพูดที่นางหวังใช้กับตนเมื่อครู่ “ไม่ใช่ซื่อเจ๋อแล้วจะเป็นใครได้อีก? หรือจะเป็นเจียวเจียวทำร้ายตัวเอง เพียงเพื่อจะป้ายสีซื่อเจ๋องั้นหรือ?”“น้องรอง น่าสงสารน้องสามที่เห็นเจ้าเป็นพี่ชายที่ดีมาตลอด ให้ความเคารพนอบน้อมต่อเจ้า คาดไม่ถึงว่าเจ้ากลับใช้ความไว้ใจที่นางมีต่อเจ้า มาลงมือกับเสื้อผ้าเพื่อทำร้ายนาง! เจ้ามันใจร้ายเกินไปแล้ว!”นางหวังฟังหรงจือจือเลียนแบบตนเอง ก็โกรธจัด ชี้ไปที่นางแล้วพูดว่า “เจ้า เจ้า เจ้า...”พูดคำว่าเจ้าอยู่นาน ก็พูดอะไรต่อไม่ออกใบหน้าของหรงเจียวเจียวซีดขาวไปหมด ลูกตากลอกไปมาอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีหรงจือจือก็จ้องนางแล้วกล่าวว่า “น้องสาม กระโปรงตัวนั้นพี่รองของเจ้าเป็นคนส่งไป และก็เป็นพี่รองของเจ้าที่ให้คนไปซื้อมา เจ้