Home / แฟนตาซี / 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ / ตอนที่ 9 ซินซินกับการชวนอาสาวทำธุรกิจ

Share

ตอนที่ 9 ซินซินกับการชวนอาสาวทำธุรกิจ

“ซินซินของที่หนูเอาออกมาให้อานี่สามารถอยู่ได้เป็นปีเลยนะลูก” อาคนสวยที่เห็นของที่หลานของตนนำออกมาให้ก็ได้หยอกหลานของตนขึ้นมา

“คุณอาต้องบำรุงค่ะน้องชายของซินซินจะได้แข็งแรง” ซินซินตัวน้อยก็ค่อย ๆ พูดตอบอาของตน

“รู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้ชายกันคะเจ้าตัวน้อย” อาสาวถามขึ้น ด้วยความสงสัย ทางด้านจินเป่าที่ได้ยินถึงการสนทนาของ        ลูกสาวและน้องสาวของตนตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร 

“ความลับค่ะ หุหุ" ซินซินอมยิ้มพร้อมทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ไปด้วย

“แล้วเจ้าสามกล่องใหญ่ที่หนูเอาออกมานี่มันคืออะไรคะ คนสวยของอา” อาสาวถามเพราะกล่องสองกล่องนี้มันใหญ่มากด้านผู้เป็นพ่อเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน

“สบู่หอมค่ะ” เจ้าตัวน้อยตอบคำถามของผู้เป็นอาและเดินไปหยิบสบู่ออกมาให้ผู้เป็นอาและพ่อของตนดูด้วย

เมื่อทั้งสองได้เห็นและได้จับสบู่ที่เจ้าตัวน้อยส่งมาให้ก็ได้เห็นว่าสบู่ก้อนตรงหน้านี้มีลักษณะสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นอย่างมาก สีเป็นสีชมพูอ่อนดูอ่อนหวานแปลกตา

“ซินซินจะให้อาฮัวเหมยเอาไปขายค่ะ” ซินซินตัวน้อยพูดออกมา

“ขายอย่างนั้นเหรอลูก แต่อายังทำงานอยู่เลยนะ” ฮัวเหมยพูดขึ้นมาด้วยความลังเล สบู่ตรงหน้านี้ถ้านำไปขายต้องขายดีอย่างแน่นอน เผลอ ๆ อาจจะได้มากกว่ารายได้ของเธอทั้งปีเสียอีก

“อาก็หาลูกค้าในโรงงานสิคะ หรืออาจะขายให้เขาราคาส่งแล้วให้เขานำไปขายต่อ แต่คน ๆ นั้นต้องไว้ใจได้นะคะ” เจ้าตัวเล็กก็แนะนำผู้เป็นอาขึ้นมา

“สมกับเป็นหลานของอาจริง ๆ ฉลาดมาก ๆ เลยหลานรัก” ฮัวเหมยพูดชมหลานสาวตัวน้อยพร้อมกับหอมแก้มหลานน้อยของตนไปด้วย ฝ่ายผู้เป็นหลานก็ยิ้มจนเห็นลักยิ้มสองข้างให้ผู้เป็นอาคนสวยของตน

“แล้วซินซินจะขายให้อาอย่างไรคะ บอกมาเลยหลานสาว อาพร้อมที่จะทำการค้านี้กับหนู” ผู้เป็นอาสาวเอ่ยอย่างกระตือรือร้นออกมา

“หนูจะขายต่อให้คุณอาก้อนละหนึ่งหยวนค่ะ คุณอาสามารถนำไปขายได้ก้อนละสามหยวน และถ้าหากขายต่อเพื่อให้คนนำไปขายก็ขายส่งให้เขาก้อนละสองหยวนแล้วกันค่ะ หนูรับรองการค้านี้ขายได้ไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน” ซินซินตัวน้อยกล่าวกับผู้เป็นอาของตนอย่างมั่นใจ

หลังจากทั้งสามคนอยู่พูดกันได้สักพักก็ได้ถึงเวลาเข้างานช่วงบ่ายของฮัวเหมยแล้ว ทั้งสองพ่อลูกจึงได้เดินไปส่งฮัว  เหมยก่อนแล้วค่อยพากันกลับบ้าน ใจจริงซินซินน้อยก็อยากจะเข้าไปในตลาดมืดด้วยแต่ผู้เป็นพ่อไม่ยอมเพราะเป็นห่วงเนื่องจากลูกสาวของตัวเองนั้นยังเด็กมากเกินไป

ในวันนั้นฮัวเหมยก็ได้ลองนำสบู่ไปที่โรงงานด้วยเพราะตนเองต้องการเอาไปให้เหล่าสาว ๆ ที่อยู่ในโรงงานได้เห็นถึงความพิเศษของสินค้าที่ตนจะนำมาขาย

และผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังไปจากที่คิดไปได้เลยเพราะได้มีคนสั่งสินค้าทันที ฮัวเหมยตั้งราคาขายไว้ที่ก้อนละสามหยวนแพงกว่าสหกรณ์สองหยวน

ทางด้านโรงงานเหมืองแร่ที่เป็นที่ทำงานของฮัวเหมย ตอนนี้สาว ๆ หลายคนต่างก็พากันตื่นเต้นกันยกใหญ่กับสินค้าที่รองผู้จัดการซูนำมาขาย

แม้ว่าจะราคาแพงกว่าที่จะต้องซื้อในสหกรณ์ถึงสองหยวนพวกเธอก็ไม่เสียดายเงินเลยสักนิดกับสินค้าชนิดนี้ สินค้าที่ว่าก็คือสบู่หอมนั่นเองโดยที่ซินซินได้นำออกมามีสองกลิ่นคือกลิ่นกุหลาบสีชมพูกับกลิ่นมะลิสีขาว ทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็ชอบสบู่หอมนี้มาก โดยเฉพาะสาว ๆ เพราะหลังจากที่พวกเธอใช้สบู่ฟอกตัวแล้วหลังจากอาบน้ำกลิ่นสบู่ก็ยังคงติดอยู่ไม่เหมือนสบู่ที่อยู่ในร้านสหกรณ์

ถึงแม้ว่าจะก้อนใหญ่แต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นหรือสีที่สวยงามแบบนี้ดังนั้นธุรกิจการขายสบู่ของผู้เป็นอาจึงได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาได้มีตัวแทนการขายในแต่ละโรงงานด้วย คนเหล่านี้ได้มาจากการเป็นญาติพี่น้องในโรงงานเหมืองแร่ที่เป็นคนแนะนำ 

มาทางด้านเจ้าตัวน้อยซินซินเมื่อวางแผนปล่อยสบู่ขายไปแล้วเธอก็อยากจะลองนำครีมทาผิวออกมาจำหน่ายด้วยเพราะสินค้าตัวนี้ปัจจุบันได้นำมาให้ผู้เป็นแม่และย่านำมาลองใช้กันดูแล้วทั้งสองคนก็ต่างติดใจกันยกใหญ่ทีเดียว     

ซินซินคิดว่าจะต้องแบ่งครีมออกใส่บรรจุภัณฑ์ตามสินค้าของยุคนี้เสียก่อนถึงจะค่อยนำออกมาขายดีกว่า

เจ้าตัวน้อยคิดจะหาสินค้ามาขายเพราะต้องการเก็บเงินนำไปซื้อที่และบ้านที่อยู่ในตัวเมือง เมื่อถึงเวลาที่มีการผ่อนปรนระบบของในยุคนี้มากขึ้น ถึงแม้ว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างจะไม่เหมือนกันกับโลกที่เธอจากมาก็ตามแต่ก็ยังมีความคล้ายคลึงกันอยู่มากเช่นกัน

ผ่านมาได้สองสัปดาห์แล้วอาสาวคนสวยของซินซินก็กลับมาบ้านโดยมีอาเขยใบหน้าแกะน้อยพามา โดยการมาครั้งนี้อาเขยเป็นผู้ขี่จักรยานให้อาสาวซ้อน

“แม่คะ พี่คะ พี่สะใภ้อยู่บ้านกันไหมคะช่วยมาเปิดประตูให้ฉันที” ฮัวเหมยตบประตูบานเขื่องหน้าบ้านพร้อมกับตะโกนร้องเรียกคนในบ้านไปด้วย

“มาแล้วจ้า มาแล้ว” แอ๊ด เสียงเปิดประตูมาพร้อมเสียงพูดของซูเหมยดังขึ้น 

“ฮัวเหมย น้องเขย มาทั้งสองเข้าบ้านกันก่อนจ้ะ นี่ถ้าเจ้าตัวน้อยรู้ว่าอาคนสวยของตนมาคงต้องดีใจมากเป็นแน่” ซูเหมยพูดในขณะที่ใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มของตนไปด้วย

“แล้วเจ้าตัวน้อยไปไหนหรือคะพี่สะใภ้” ฮัวเหมยแปลกใจเพราะไม่ได้ยินเสียงแจ้ว ๆ ของหลานสาวตน

“หลับอยู่จ้ะ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาวเจ้าตัวเล็กก็เลยนอนไม่อยากจะตื่นเลย” ซูเหมยยิ้มในขณะที่พูดถึงลูกสาว

เมื่อคนทั้งหมดเดินเข้ามาในบ้านก็นั่งลงที่เก้าอี้นุ่มตรงห้อง รับแขกที่อยู่ในตัวบ้าน ถึงแม้ว่าอากาศข้างนอกจะหนาวเพียงใดแต่ภายในห้องนี้กลับอบอุ่นมาก

เพราะตอนต่อเติมซ่อมแซมบ้านครั้งล่าสุดตอนที่เจ้าตัวน้อยอายุได้สองขวบ เจ้าตัวน้อยได้เอาแบบที่เรียกว่าปล่องไฟมาให้กับจินเป่าดูแล้วพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้างเพื่อให้พ่อไปบอกช่างให้ทำตามแบบ

“ห้องนี้อุ่นดีจริง ๆ นะครับ ผมไม่คิดว่าเจ้าปล่องไฟนี่จะดีแบบนี้จุดไฟไว้ข้างใต้ควันก็ขึ้นไปตามปล่องด้านบน ไม่มีควันในบ้านมารบกวนเลย" จางหยางสามีของฮัวเหมยพูดขึ้นมา ครั้งแรกที่เขามาเห็นก็แปลกใจอยู่บ้างว่าเจ้าปล่องนี้มีไว้ทำอะไร แต่พอเข้าหน้าหนาวเมื่อเขาได้มาเห็นก็เข้าใจได้ชัดเจน

“ใช่ไหมล่ะคะมันดีมากเลยล่ะ พี่สะใภ้คะแม่กับพี่ชายไปไหนเหรอคะ ฉันมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นเลย" ฮัวเหมยถามหาแม่กับพี่ชายของตน

“ไปที่กองพลน้อยนะจ๊ะ ทางนั้นเขาเรียกตัวแทนให้ไปประชุม” ซูเหมยตอบคำถามน้องสาวสามี 

“แม่คะ หนูตื่นแล้วค่า” เสียงซินซินที่เดินจากห้องนอนออก มาเดินหาแม่ของตนพร้อมทั้งขยี้ตาไปด้วย

“แม่อยู่นี่ค่ะลูก ขยี้ตาแบบนี้ไม่ได้นะคะเดี๋ยวหนูจะเจ็บตาเอาได้ให้แม่พาไปล้างหน้าก่อนค่ะ” ซูเหมยเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวของตนเธอเองก็รีบเดินมาหาลูกสาวตัวน้อยทันที

“แม่อุ้ม” ซินซินได้อ้าแขนของตนออกเพื่อให้แม่ของตนอุ้มไปล้างหน้า เธอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กอยู่นะก็ต้องใช้อภิสิทธิ์ของการเป็นเด็กให้คุ้มสิ

เมื่อผู้เป็นแม่อุ้มลูกสาวไปล้างหน้าที่ต้มและผสมให้น้ำอุ่นแล้วและนำผ้ามาซับให้เจ้าตัวน้อยแห้งแล้วก็พากันเดินกลับมาที่ห้องโถง เมื่อซินซินเห็นอาสาวของตนมาก็ดีใจเป็นอย่างมากพร้อมคิดว่าเรามีเงินแล้วโฮะ ๆ

ฝ่ายผู้เป็นอาที่ไม่ได้รู้ความคิดของหลานสาวก็ยิ้มอย่างดีใจว่าหลานสาวตัวน้อยคงจะคิดถึงตัวเองเป็นแน่ จึงได้ยิ้มกว้างออกมาแบบนี้

“ซินซินดีใจที่อามาหาเหรอครับ” จางหยางก็เอ่ยหยอกล้อหลานสาวตัวน้อยของภรรยาเพราะเขาคิดว่าถ้ามีลูกสาวอย่างเจ้าตัวนุ่มนิ่มตรงหน้านี้คงจะดีไม่น้อย 

“ค่ะซินซินคิดถึงคุณอาทั้งสองคนเลยค่ะ” ซินซินพูดขึ้นในขณะที่จางหยางได้เข้ามาขออุ้มเจ้าตัวน้อยไว้เองแล้ว

“ฮัวเหมย ลูกมานานหรือยังจ๊ะ” เสียงคุณย่าเจ้าตัวน้อยเอ่ยถามลูกสาวของตน

“สวัสดีค่ะ/ครับแม่” เสียงทักทายของลูกสาวและลูกเขยกล่าวขึ้นพร้อมกัน

“ยังไม่นานเท่าไหร่ค่ะ ว่าแต่เขาเรียกแม่และพี่ชายไปประชุมเรื่องอะไรกันคะช่วงนี้ก็เข้าหนาวแล้วไม่น่าจะมีงานอะไรให้ทำนักนี่คะ” ฮัวเหมยถามแม่ขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ก็ทางกองพลต้องการให้ชาวบ้าแบ่งเสบียงของแต่ละบ้านเพื่อนำไปช่วยบ้านหลงนะสิ” ครั้งนี้เป็นเสียงจินเป่าพี่ชายที่เดินตามแม่เข้ามาทีหลังเป็นผู้ตอบ

“ช่วยทำไมล่ะคะ คนบ้านนั้นหาดีไม่ได้สักคนเห็นแก่ตัว ขี้อิจฉา ขี้เกียจเป็นที่หนึ่งด้วย” ฮัวเหมยก็พูดสาธยายถึงเรื่องคนบ้านนั้นออกมา 

“บ้านเขาถูกพวกกระต่ายและหนูเข้าไปกินธัญพืชที่เก็บไว้จนหมดนะ และทางกองพลเขาบอกว่าเมื่อถึงฤดูที่เก็บเกี่ยวธัญพืชทางเขาจะหักของคนบ้านหลงมาคืนในส่วนที่ทุกคนให้ยืมไป” จินเป่าก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกไม่เต็มใจที่จะให้ของอะไรกับคนบ้านนี้เลยด้วยซ้ำไม่ว่านี่จะเป็นการขอยืมก็ตาม

“แล้วแต่ละบ้านต้องให้เท่าไหร่คะ แล้วบ้านเราจะต้องช่วยมากน้อยแค่ไหนกัน” ซูเหมยก็ถามสามีของตนขึ้นมาบ้าง

“ก็ข้าวสารคนละสองชั่งนะ หมู่บ้านของเรามีหลายครัวเรือน พวกเขาก็คงน่าจะเลยหน้าหนาวไปได้ หากพวกเขาไม่ขี้เกียจก็ไปหาของกินตามป่าเขาเองสิจะมารอขอแต่คนอื่นช่วยได้ยังไงล่ะ” จินเป่าก็พูดขึ้นด้วยความโมโห

เขาอยากจะปล่อยให้คนบ้านนั้นอดตายเลยด้วยซ้ำถึงแม้ว่าเขาจะมีสายเลือดชั่วของคนบ้านนั้นไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่งก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้มีความรักหรือความผูกพันอะไรกับคนบ้านนั้นทั้งสิ้น

เพราะตั้งแต่ที่เขาจำความได้เขา น้องสาว และผู้เป็นแม่ต่างก็ทำงานหนักทุกวันตั้งแต่ตื่นนอน เวลากินก็มีแต่น้ำข้าวใส ๆ ที่หาเมล็ดข้าวไม่ได้

แต่คนพวกนั้นไม่ได้ทำงานทำการอะไรกลับได้กินข้าวและกับข้าวกันอย่างอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่พวกคนเหล่านั้นกินก็มาจากหยาดเหงื่อของเขา น้องสาว และแม่ แต่คนพวกนั้นก็ยังทำเหมือนพวกเขาไม่มีค่าอะไร

“พ่อคะ” ซินซินเมื่อเห็นว่าพ่อของตนตกอยู่ในภวังค์แห่งความโกรธและเกียดชัง เธอจึงได้ลงจากตักของอาจางหยางมาเขย่าเพื่อเรียกสติพ่อของตน

“ว่ายังไงคะลูกสาวของพ่อ” ด้านจินเป่าเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวความรู้สึกที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็ได้หายไป

“ซินซินรักพ่อค่ะ พ่อไม่เป็นไร” ซินซินพยายามจะปลอบใจพ่อของตน เมื่อจินเป่าได้ยินเสียงหวานใสของลูกสาวที่ตั้งใจบอกว่ารักเขาและพยายามปลอบใจเขา จินเป่าก็รู้สึกว่าลูกสาวตัวน้อยเป็นเสื้อบุนวมอันอบอุ่นที่แท้จริงโดยแท้

จางหยางเมื่อมองเห็นภาพแบบนี้เขาก็อยากมีลูกสาวอย่างเจ้าตัวน้อยนี้เหมือนกันเขาจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้มีซินซินน้อยเป็นของตัวเองกันล่ะ เขาจึงได้หันไปมองภรรยาของตนที่กำลังคุยอยู่กับผู้เป็นแม่อยู่

ฝ่ายภรรยาเมื่อเห็นสามีของตนมองมาด้วยสายตาแสดงความปรารถนาออกมา และเมื่อเธอมองไปทางพี่ชายและเห็นว่าสองคนพ่อลูกต่างก็กอดและหยอกล้อกันอย่างกระหนุงกระหนิงอยู่ เธอก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้ว

“คุณไม่ต้องมองฉันแบบนี้หรอกค่ะ ตอนนี้ฉันท้องได้สามเดือนแล้วอีกหน่อยคุณก็จะได้มีลูกเป็นของตัวเองแล้วค่ะ” ฮัวเหมยพูดขึ้นมาแต่คนที่ได้ยินตอนนี้รู้สึกเหมือนหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว เขากำลังคิดอยากจะมีลูกและตอนนี้ความปรารถนาก็เป็นจริงขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คุณคะ คุณเป็นอะไรไปคะ หรือคุณยังไม่อยากมีลูกกัน” เสียงฮัวเหมยถามสามีที่เหมือนกำลังช็อกไปแล้ว

“ใครว่ากันล่ะครับนี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหมครับ ผมจะได้เป็นพ่อแล้ว และทำไมคุณไม่บอกผมก่อนล่ะครับ แล้วเราก็ขี่จักรยานฝ่าลมหนาวมาบ้านคุณด้วย คุณกับลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อจางหยางได้สติกลับมาก็แสดงถึงความกังวลและเป็นห่วงต่อภรรยาและลูกที่อยู่ในท้องอย่างลนลาน

เมื่อทุกคนได้เห็นปฏิกิริยาของผู้ชายที่ดูสุขุมและเยือกเย็นในตอนที่รู้จักกันใหม่ ๆ แล้วต่างก็พากันหัวเราะออกมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 21 ซินซินกับการโดนทำโทษ

    เมื่อเด็ก ๆ พากันกลับบ้านมาแล้วคนในบ้านที่พากันกลับบ้านมาก่อนก็โล่งใจเพราะพ่อกับทวดหมิงกำลังจะออกไปตามหาลูกและหลานของตนเนื่องจากพวกเขาทั้งสามเมื่อกลับมาจากทุ่งนาแล้วไม่เห็นเด็ก ๆ พอถามคนที่อยู่บ้านจึงได้รู้ว่าเด็ก ๆ พากันออกไปข้างนอกกับซานซานพวกเขาจึงได้แต่ร้อนใจเพราะตอนที่พวกเขาทั้งสามกลับมาก็ห้าโมงเย็นแล้ว“ปี้ชายจินไก่ย่างฮับ” เสียงแฝดผู้น้องพูดกับซานซานเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านแล้ว จินเป่าและทวดหมิงเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเด็ก ๆ ก็พากันวิ่งออกมาดู“มานี่กันทั้งสี่คนเลยทำไมป่านนี้ถึงเพิ่งกลับมากันรู้ไหมว่าทุกคนในบ้านเป็นห่วงพวกลูกมากขนาดไหน ซานซานลูกพาน้อง ๆ ไปถึงไหนมาพ่อจะทำโทษพวกลูกบ้างแล้ว” จินเป่าพูดกับลูก ๆ ของตนด้วยความโล่งใจและโมโห“เอาหน่าพวกเด็ก ๆ ก็กลับมาแล้วหลานก็เลิกโมโหเถอะ แต่เรื่องลงโทษตาเองก็เห็นด้วยนะ” ทวดหมิงพูดกับจินเป่า แต่ประโยคหลังหันไปมองหน้าเด็กน้อยทั้งสี่“พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ/ฮะ” ทั้งสี่คนก้มหน้ายอมรับผิดแล้วขอโทษพ่อและทวดของตน“คราวหลังพวกซานซานห้ามพาน้องออก

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 20 ซินซินกับความรักอันสุกงอมของท่านย่า

    ตั้งแต่ที่ซินซินและซานซานมีน้องทุกวันทั้งสองจะต้องมานั่งเล่นกับน้องชายตลอด เด็กน้อยเองก็ช่างเป็นเด็กที่น่ารักและรู้ความมากจนซินซินคิดว่าน้องชายคนใหม่ทั้งสองไม่น่าจะอายุแค่หนึ่งปีได้เลยพ่อได้ตั้งชื่อให้กับน้องชายทั้งสองพ้องกับผู้เป็นพี่ชายและพี่สาว โดยแฝดผู้พี่ให้ชื่อว่าซินซาน และแฝดคนน้องให้ชื่อว่าซานซิน ทั้งสองเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมากและถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันแต่นิสัยนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนซินซานนั้นจะมีความสุขุมนิ่ง ๆ เมื่อเจอกับคนอื่นแต่ถ้าเป็นคนในครอบครัวเจ้าตัวมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ส่วนซานซินนั้นมักจะขี้อ้อนแต่ถ้าเวลาเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเจ้าตัวเล็กนี้ก็จะแค่ยิ้มเหมือนกับเด็กอารมณ์ดีธรรมดาเพียงเท่านั้น แล้วก็จะไม่ให้คนที่ไม่คุ้นเคยมาถูกตัวเหมือนกับแฝดพี่ของตนทุกคนในครอบครัวต่างก็คิดเหมือนกันว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ช่างหวงเนื้อหวงตัวเสียจริง กาลเวลาก็ผันผ่านไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วซึ่งก็เป็นอะไรที่ร้อนมากจริง ๆพ่อ ทวดหมิง และแม่ซูเหมยก็พากันไปทำงานในทุ่งนาหมดแล้ว ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ซินซินเมื่อเห็นทั้งสา

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 19 ซินซินกับน้ำตานางเงือก

    เมื่อเจ้าตัวน้อยตื่นนอนแล้วเธอก็ยังคงงง ๆ อยู่แล้วพยายามทบทวนความฝันว่าเจ้าแม่บอกว่ายังไงบ้าง ตอนนี้ผ่านมาสามอาทิตย์แล้วจากหิมะที่ตกหนักขึ้นก็เริ่มที่จะเบาบางลง วันนี้ตั้งแต่คนบ้านซูตื่นนอนแล้วมาทานอาหารเช้าร่วมกันทุกคนต่างก็พากันแปลกใจที่เจ้าตัวน้อยของบ้านนั่งเงียบผิดปกติ เหมือนกับกำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง“ซินซินหนูเป็นอะไรคะกับข้าววันนี้ก็เป็นของโปรดของหนู ทำไมถึงได้กินน้อยจัง” ซูเหมยถามลูกสาวตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง“คือตอนรุ่งเช้าหนูฝันถึงเจ้าแม่หนี่วาค่ะ ท่านมาบอกว่ามีคนต้องการขอความช่วยเหลือจากหนูท่านให้หนูไปที่ทะเลสาบ จิวหูก็จะรู้เองค่ะ หนูก็เลยคิดว่าจะเป็นใครกัน” เจ้าตัวน้อยตอบกับทุกคนในครอบครัว“ถ้าท่านบอกมาอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อพาลูกไปดูก็แค่นั้นเอง ลูกไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเยอะหรอกครับรีบทานข้าวเถอะ เมื่อท้องอิ่มเราก็จะได้มีกำลังไงครับ” จินเป่าพูดกับลูกสาว“ทวดว่าเราทุกคนพากันไปหมดบ้านนี่แหละเหลือจินเยว่กับฮุยฟางไว้สองคนก็พอเผื่อมีใครมาที่บ้านจะได้รู้” ทวดหมิง บอกกับสมาชิกทุกคน“ตกลงครับ/ค่ะ”ดังน

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 18 ซินซินกับเรื่องราวของคุณปู่

    “ซินซินครับหนูพูดแบบนี้ไม่น่ารักนะครับลูก เรื่องของคุณปู่คุณย่าเราตัดสินใจแทนไม่ได้นะครับ” จินเป่าพูดสอนลูกสาวตัวน้อย“หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว” เจ้าตัวน้อยทำหน้าตาสลดลง เธอยอมรับว่าเธอดีใจที่ได้เห็นผู้เป็นปู่จนเธอลืมคิดว่าเรื่องบางอย่างก็ไม่ควรพูดออกมา เสียทีนะเราที่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเมื่อผู้ใหญ่ทุกคนเห็นว่าเจ้าตัวน้อยที่น่ารักมีสีหน้าเศร้าหมองจากการสำนึกผิดของตนแล้วก็พากันใจอ่อนด้วยความสงสาร“รู้จักว่าตัวเองทำผิดแล้วยอมรับผิดย่าและทุกคนก็จะให้อภัย” เยว่จินพูดกับหลานสาวพร้อมลูบหัวปลอบโยนเจ้าตัวน้อยไปด้วย“ค่ะคุณย่า” เจ้าตัวน้อยเมื่อได้รับการปลอบโยนจากผู้เป็นย่าก็ยิ้มอย่างดีใจตอนนี้เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคุณปู่อยู่ ตอนเยว่จินเข้ามาใกล้อี้เฟิงเพื่อลูบหัวเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาทำให้เขาได้กลิ่นหอมจากหญิงในดวงใจจนหัวใจของอี้เฟิงเต้นแรงมากขึ้นจนเขากลัวว่ามันจะเต้นแรงจนจะสามารถทะลุอกของเขาออกมาได้ไหมแต่สำหรับการแสดงออกทางใบหน้าเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่แสดงอาการเขินอายออกมา ทำไมม

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 17 ซินซินกับต้นไม้สายลับ

    หลังจากที่ทุกคนอยู่คุยกันที่บ้านของซูจ้านไปสักพัก จนตอนนี้เวลาก็บ่ายมากแล้วพวกเขาทุกคนก็ต่างมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะกลับบ้านของจินเป่าได้แล้ว“อาจ้านพ่อกับแม่ไปก่อนนะอย่าลืมล่ะว่าถ้ามีเวลาก็ไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านนั้น แล้วก็บอกลูกเมียของแกไว้ด้วยล่ะจะได้ไม่ต้องแวะไปหาพ่อที่โรงถ่านหินนั่นอีกแล้ว และเมียแกกับลูกสะใภรวมทั้งหลานชายของแกจะกลับมาเมื่อไหร่กันล่ะ หรือว่าทางฐานทัพที่ซูอวิ้นอยู่ก็มีหิมะตกหนักเหมือนกัน จนรถเดินทางไม่ได้” ซูหมิงถามผู้เป็นลูกชาย“ใช่ครับพ่อวันก่อนผมโทรไปสอบถามที่ฐานที่ซูอวิ้นประจำการอยู่บอกว่ารถไม่สามารถเดินทางได้ ทุกคนจึงต้องอยู่กับเขาอีกสักพักจนหิมะหยุดและสามารถเปิดทางเดินรถได้โน่นแหละครับ”“ถ้าอย่างนั้นแกก็ปิดบ้านแล้วไปอยู่บ้านน้องสาวของแกกับพ่อแม่ไม่ดีกว่าเหรอ ช่วงนี้โรงงานก็ปิดอยู่นี่” ฮุยฟางก็ถามผู้เป็นลูกขึ้นมาบ้าง“ยังไปไม่ได้หรอกครับถึงโรงงานจะปิดผมก็ยังต้องตรวจเอกสารบางอย่างอยู่ แล้วช่วงนี้เจ้าหลานเขยก็ต้องไปลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้ประสบภัยด้วยทำให้ฮัวเหมยต้องอยู่คนเดียวผมก็ต้องแวะไปดูหลานสาวบ่อย ๆ เพราะเจ้าหลานเ

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 16 ซินซินกับญาติทางคุณย่าผู้ใจดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากครอบครัวบ้านซูกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อและลูกชายหญิงก็พากันออกไปด้านนอก ตอนนี้หิมะได้กองทับถมกันตามพื้นทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวโพลนไปหมด ซินซินเห็นดังนี้จึงคิดว่าควรจะใช้รถลากสำหรับการเดินทางผ่านหิมะดีกว่า“พ่อจ๋าเราใช้รถลากเลื่อนสำหรับการเดินทางผ่านหิมะกันดีไหม หนูจะขอพรให้เรามีรถลากเลื่อนพร้อมสุนัขตัวโตสักหกตัวให้สามารถลากรถพาพวกเราทั้งสามเข้าไปเมืองได้” เจ้าตัวน้อยถามความคิดเห็นของผู้เป็นพ่อ“ก็ดีเหมือนกันนะลูก ขอแบบมีหลังคากันหิมะด้วยได้ไหมครับ”หลังจบคำพูดของผู้เป็นพ่อก็มีรถลากเลื่อนคันใหญ่ขนาดที่ผู้ใหญ่สามคนนั่งได้สบาย ๆ พร้อมสุนัขตัวโตขนปุยสีเทาขาวตาสีฟ้าปรากฎขึ้นพร้อมกับรถลากหกตัว แต่ละตัวสูงเท่าเอวของจินเป่าที่มีความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเลยทีเดียว จินเป่าและซานซานที่ได้เห็นรถพร้อมสุนัขที่ลูกสาวและน้องสาวขอพรออกมาต่างก็ตกใจจนตาโตกันไปแล้ว“ฮ่า ๆ พ่อคะพี่คะเรามาขึ้นรถสุดหรูกันเถอะค่ะ” เจ้าแสบตัวน้อยหัวเราะพ่อของตนและพี่ชายเมื่อทั้งสามขึ้นมานั่งบนรถลากเลื่อนคันนี้แล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status