Home / แฟนตาซี / 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ / ตอนที่ 8 ซินซินกับเรื่องหายนะของคนบ้านหลง

Share

ตอนที่ 8 ซินซินกับเรื่องหายนะของคนบ้านหลง

ค่ำคืนนั้นซินซินได้เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่าผงที่จิวจิวให้มาจะออกฤทธิ์มาในรูปแบบไหนกัน และแล้วช่วงเวลาที่ซินซินรอคอยก็มาถึง

“กรี๊ด โอ๊ยนี่มันอะไรกัน อี๊ขยะแขยงออกไปใครก็ได้รีบมาช่วยเอาสัตว์หน้าขนพวกนี้ออกไปที” เสียงกรีดร้องของอี้เหลียนดังขึ้นท่ามกลางความมืดสนิท และตามมาด้วยเสียงทุบตีอะไรต่าง ๆ มากมายจนกลายเป็นเสียงที่ดังอึกทึกครึกโครม จนชาวบ้านใกล้เคียงได้ออกมาดู

เสียงกรีดร้องและเสียงที่ดังออกมาจากบ้านหลงนี้ก็ได้ดังมาถึงบ้านของซินซินเช่นเดียวกัน แต่คนในบ้านของซินซิน ต่างก็ไม่มีใครสนใจยกเว้นเพียงเจ้าตัวน้อยที่อายุสามขวบคนนี้ที่กำลังยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนถูกใจอะไรบางอย่างมากมาย

ผู้คนที่อยู่นอกบ้านหลงเองต่างก็แปลกใจกันเป็นอย่างมากว่าคนในบ้านหลังนี้เป็นอะไรกันหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ผู้ใหญ่บ้านที่มีคนได้ไปตามมาดูที่บ้านหลงเช่นเดียวกัน ก็ได้ทำการตบประตูบ้านของคนบ้านหลงและร้องเรียกคนที่        อยู่ในบ้านเพื่อที่จะสอบถามว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นถึงได้เอ็ดตะโรในยามค่ำคืนกันเช่นนี้

เคาะอยู่สักพักก็มีคนออกมาเปิดประตู เมื่อประตูเปิดกว้างออกก็ทำให้คนที่ได้เห็นต่างก็พากันตกใจเพราะอี้เหลียนที่เป็นผู้มาเปิดประตูนั้นผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพการแต่งกายก็ดูไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไหร่นัก

ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังจะอ้าปากถามเขาก็ได้เห็นเหมือนกระต่ายตัวสีขาวกระโดดผ่านหน้าของเขาไปแวบ ๆ ตอนแรกเขาก็คิดว่าตนตาฝาดไป 

“กระต่ายล่ะกระต่าย” ชาวบ้านชายคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมา เมื่อผู้ใหญ่บ้านได้ยินเขาจึงได้คิดว่าตาเขาคงไม่ได้ฝาด      ไปเองเป็นแน่

“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นอี้เหลียน มืด ๆ ค่ำ ๆ คนบ้านเธอทำไมไม่หลับไม่นอนกันมัวมาส่งเสียงดังโวยวายอะไรอยู่” ผู้ใหญ่ บ้านก็ถามอี้เหลียนขึ้นมา

“มะมันมีกระต่ายและหนูพะพวกมันพากันเข้ามาในบ้านเป็นฝูงเลยจ้ะผู้ใหญ่ ละแล้วพวกมันก็ปะไปกินพวกธัญพืชที่เก็บไว้จ้ะ พะพวกเราก็เลยไล่ตีพะพวกมันกันค่ะ” อี้เหลียนก็พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นก็ให้ชาวบ้านพวกนี้ไปช่วยกันไล่ตีมันดีไหม เผื่อพวกเขาจะได้มีเนื้อเก็บไว้กินเพราะนี่ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวเข้ามาทุกทีแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นฝ่ายตัดสินใจขึ้นมา

ทางด้านอี้เหลียนแม้ว่าจะเสียดายเนื้อที่จะหายไปมากมายจากเจ้าตัวหน้าขนพวกนี้แต่เธอก็ไม่กล้าขัดอะไรกับผู้ใหญ่บ้าน และที่สำคัญเจ้าสัตว์พวกนี้กำลังเข้าไปกินธัญพืชในบ้านที่ได้ทำการกักตุนไว้ หากไม่รีบกำจัดพวกมัน หน้าหนาวพวกคนบ้านเธอคงจะได้อดตายกันเป็นแน่

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาเถอะจ้ะ” อี้เหลียนจึงได้แต่ต้องเปิดประตูบ้านของตนอย่างจำยอม เมื่อชาวบ้านเหล่านั้นได้เห็นว่าอี้เหลียนได้เปิดประตูแล้วทุกคนต่างก็รีบกรูกันเข้าไปทันทีเพราะต่างก็ต้องการที่จะได้เนื้อไปกินยังบ้านของตนเช่น เดียวกัน

ทุกคนเมื่อได้เข้ามาข้างในแล้วต่างก็แปลกใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้มองเห็นกระต่ายตัวอวบอ้วนอยู่มากมายอย่างละลานตา ไหนจะหนูตัวใหญ่ ๆ อีกหลายสิบตัวพวกเขาจึงได้พากันไปวิ่งตามจับสัตว์เหล่านี้กันอย่างอุตลุดแต่เจ้าสัตว์เหล่านี้ก็ว่องไวมากเช่นกัน

ทางด้านห้องเก็บเสบียงของบ้านหลงตอนนี้ต่างก็เละเทะแทบจะดูไม่ได้กันเลย เพราะเหล่าสัตว์ที่มันพากันมาแทบนับไม่ถ้วนนี้ได้มาพากันกัดแทะกินกันอย่างไม่สนใจเจ้าของบ้านกันเลยสักนิด 

“หมดแล้วฮือ ๆ หมดแล้ว เสบียงของพวกเราหมดแล้วฮือ ๆ” เสียงนี้เป็นเสียงร้องอย่างโวยวายผสมกับเสียงร้องไห้ของ    จินเซียงที่ดังขึ้นพร้อมกับที่ตัวของหล่อนก็ลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากกันเลยทีเดียว 

พวกผู้คนในบ้านหลงก็ต่างหมดแรงไปตาม ๆ กัน แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะจับกระต่ายหรือหนูที่เข้ามาก่อกวนบ้านของพวกเขาได้แม้แต่ตัวเดียว

ฝ่ายพวกชาวบ้านที่เข้ามาหวังจะได้เนื้อกลับไปกินที่บ้านของตนเองก็เช่นเดียวกัน พวกเขาเองก็ต่างหมดแรงและก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน

ทางบ้านหลงวุ่นวายแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะเสบียงที่สะสมไว้ต่างก็เสียหายและสูญเสียเนื่องจากถูกสัตว์ที่บุกรุกเข้ามากัดกินเป็นจำนวนมาก ผิดกับบ้านหลังใหญ่ของตระกูลซูที่ทุกคนต่างก็หลับใหลอย่างเป็นสุขโดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยซินซินที่นอนเกาพุงป่อง ๆ ของตนและมุมปากก็มีน้ำลายไหลย้อยออกมา

เช้าวันใหม่มาถึงอย่างรวดเร็วพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นกว่าเมื่อวาน ช่วงนี้งานในทุ่งนาก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก เพราะหน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว

ครอบครัวของซินซินจึงคิดว่าจะไปเข้าป่าเพื่อเก็บฟืนและหาของป่ามาไว้กิน พวกเขาไม่อยากจะเอาแต่พึ่งพาของที่ลูกและหลานสาวตัวน้อยเสกออกมาจากอากาศอย่างเดียว

“พ่อจ๋า หาอา” เช้านี้ซินซินอยากจะให้พ่อพาตนเข้าไปหาอาคนสวยที่ในเมืองเพราะตนตั้งใจที่จะเอาของออกมาให้อาขายเพื่อที่จะได้มีทุนให้พ่อและย่าเก็บเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินช่วงหน้าหนาว และตัวเธอก็อยากจะคิดหาทำสบู่ออกมาขายด้วยบอกตรง ๆ สบู่ในยุคนี้ไม่มีความถูกใจซินซินเลยแม้แต่น้อย

“ตกลงลูกสาวจะไปหาอาใช่ไหมเดี๋ยวพ่อขี่จักรยานพาไปเอง” พ่อผู้ไม่เคยขัดใจลูกสาวพูดกับลูกของตนอย่างยินดี

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็คงจะไม่ได้เข้าป่ากันแล้วล่ะ จินเป่าลูกพาซินซินไปหาน้องก็ดีจะได้ไปดูความเป็นไปของน้องว่าเป็นอย่างไรเอาข้าวสารธัญพืชแบ่งไปให้น้องด้วยนะลูก” ผู้เป็นย่าพูดขึ้น

เธอเองก็เป็นห่วงลูกสาวเช่นเดียวกันเพราะตั้งแต่แต่งงาน  ฮัวเหมยก็อยู่แต่ในเมืองและงานที่ทำก็ค่อนข้างยุ่งจึงแทบจะไม่มีเวลากลับมาที่บ้านเลย

“หน้าที่ซินซินเองค่ะ" ซินซินผู้ตั้งใจจะพูดว่าปล่อยเป็นหน้าที่ของเธอเอง แต่เมื่อพูดออกมามันได้แค่นี้

“ตกลงจ้ะหน้าที่ของหลานสาวย่าเอง” ผู้เป็นย่าก็เข้าใจว่าหลานตัวน้อยจะสื่อถึงอะไร 

เมื่อซินซินได้ยินที่ย่าของตนพูดออกมาแบบนี้ก็ได้แต่ยกยิ้มกว้างให้ผู้เป็นย่าอย่างชอบใจ เมื่อพ่อและลูกสาวตกลงกันเรียบร้อยแล้วแม่ซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยก็รีบลุกขึ้นมาแต่งตัวให้ซินซิน โดยนำหมวกมาใส่ ผ้าพันคอมาพัน ใส่เสื้อบุนวมเพิ่มให้ ใส่ถุงมือและถุงเท้า ทำให้ตอนนี้ซินซินดูเหมือนจะตัวกลมขึ้นมาอีกมากโข

แต่ด้วยเพราะมีใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตากระเบื้องดังนั้นการแต่งตัวแบบนี้จึงได้กลายเป็นเหมือนตุ๊กตาตัวหนานุ่มน่ากอดแทน เมื่อพ่อและลูกสาวได้ขี่รถจักรยานผ่านหน้าบ้านหลงก็ได้เห็นว่ามีคนมามุงดูอยู่หน้าประตูบ้านกันอย่างมากมาย

แต่เขาสองคนพ่อลูกก็ได้คิดจะหยุดจักรยานเพื่อจะไปมุงดูกับชาวบ้านเหล่านั้นไม่ ถึงไม่ได้จอดดูแต่ก็ยังได้ยินคร่าว ๆ ว่าเสบียงของบ้านหลงได้เสียหายจากฝีมือกระต่ายและหนูที่บุกกันเข้ามายังที่บ้านหลังนี้เมื่อคืนนี้

“จิวจิวผงของจิวจิวเจ๋งมากอะ อยากได้เนื้อซินซินก็ให้แล้วไง แต่จับได้หรือไม่ได้นั่นก็อีกเรื่องโฮ๊ะ ๆ” ซินซินพูดขึ้นกับจิวจิวที่หลบอยู่ในหมวกของตนพร้อมกับหัวเราะแบบตัวร้ายขึ้นมา

“หนูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรครับ” ฝ่ายผู้เป็นพ่อที่เห็นลูกสาวยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับหัวเราะเสียงแปลก ๆ ก็ถามลูกสาวของตนขึ้นมา

“ดีใจที่จะไปเจออาคนสวยค่ะ” ฝ่ายลูกสาวก็ตอบขึ้นมาด้วยเสียงเล็กใสของตัวเอง

ฝ่ายผู้เป็นพ่อเมื่อได้ยินลูกคนดีตอบออกมาแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตั้งใจขี่จักรยานหลบหลุมที่มีอยู่มากมายด้านหน้า จนกระทั่งทั้งพ่อและลูกสาวได้ขี่จักรยานมาจนถึงโรงเหมืองแร่ที่ฮัวเหมยทำงานอยู่ 

จินเป่าเมื่อจอดจักรยานเรียบร้อยก็รีบมาอุ้มลูกสาวตัวน้อยที่ตอนนี้แก้มแดงมากเพราะอากาศที่เริ่มเย็น เขารีบกอดลูกสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนและเขาก็รีบเดินมาทางป้อมยามหน้าโรงงาน โดยเขาต้องมาแจ้งว่าจะพบใครและให้ทางยามเป็นคนตามตัวคนที่จะมาพบให้เป็นฝ่ายออกมาหาเอง

“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” พ่อและลูกสาวต่างก็ทักทายยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูโรงงานพร้อมกัน ฝ่ายยามเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเป็นพี่ชายและหลานสาวตัวน้อยของรองผู้จัดการซูฮัวเหมย ก็ยิ้มแย้มอย่างยินดีเพราะคนทั้งสองมาค่อนข้างบ่อยจนเป็นที่คุ้นเคยของยามทุกคน

 “มาพบรองผู้จัดการซูกันหรือครับ เดี๋ยวผมจะโทรตามให้เดี๋ยวนี้เลย” ผู้เป็นยามเองก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“ขอบคุณค่ะคุณลุง นี่หนูให้ค่ะ” ทางซินซินก็กล่าวขอบคุณผู้เป็นยามแล้วก็รีบนำแอปเปิลออกมาให้คุณลุงตรงหน้าสองผล ฝ่ายผู้รับก็ยิ้มอย่างดีใจที่ได้ผลไม้ชนิดนี้เพราะราคาของมันค่อนข้างแพง

พ่อและลูกสาวรอกันสักพักผู้เป็นอาก็เดินออกมาจาก โรงงาน ตอนนี้ผู้เป็นอาได้ท้องมาได้สามเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้บอกให้ใครรู้ หากจะถามว่าซินซินรู้ได้ยังไงนะหรือ ก็จิวจิวน้อยบอกนะสิจะใครล่ะอิอิ

ดีเลยอย่างนี้จะได้คุยธุระกิจกันง่ายขึ้นเพราะคนท้องไม่ควรที่จะทำงานในเหมืองแร่แบบนี้อยู่แล้ว

“พี่จินเป่ามาหาน้องที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ โอ๊ะหลานน้อยของอาก็มาด้วยเหรอค่ะอากาศเริ่มเย็นแล้วหนูออกมาทำไมกันคะสาวน้อย” ฮัวเหมยถามพี่ชายของตนแต่เมื่อได้เห็นหลานสาวตัวน้อยเธอก็ได้ลืมพี่ชายของตัวเองไปแล้ว

“หลานสาวตัวน้อยของน้องอยากมาหาอย่างไรล่ะ แล้วแม่ก็ฝากของกินมาให้ด้วยว่าแต่จะให้พี่เอาไปไว้ที่บ้านของ       น้องเลยไหมนี่ก็ได้เวลาที่น้องพักเที่ยงแล้วนี่” จินเป่าถามน้องสาวของตน

“เราไปบ้านน้องพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ น้องมีอะไรจะบอกพี่และแม่ด้วย ปะหลานสาวน้อยให้อาอุ้มดีไหมค่ะ” ฮัวเหมยหันไปถามกับหลานสาวของตัวเอง

“ไม่ค่ะเดี๋ยวน้องเจ็บ” ซินซินได้กล่าวปฏิเสธผู้เป็นอาออกมา  

เมื่อฮัวเหมยได้ยินที่หลานสาวตัวน้อยของตนพูดแบบนี้เธอก็มั่นใจว่าหลานสาวตัวน้อยคงจะรู้ว่าเธอท้องแล้วเป็นแน่ แต่เธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะหลานสาวเธอเป็นเทพธิดามาเกิดนี่นะ แต่ผิดกับจินเป่าที่ตอนนี้ทำหน้างงไปแล้ว         เพราะโดยปกติลูกสาวของเขาไม่เคยปฏิเสธการอุ้มของอาคนสวยเลย

“เดี๋ยวน้องเจ็บลูกหมายถึงใครกันครับ” จินเป่าก็ได้ถามในเรื่องที่ตนสงสัยออกมาพร้อมกับเดินไปจูงจักรยานเดินตามน้องสาวที่จูงมือลูกน้อยของตนให้เดินไปข้าง ๆ กันอย่างระมัดระวัง

ทั้งสองก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับพากันหัวเราะเขาแทน เขาได้แต่เดินมาด้วยความงง ๆ ปนความสงสัยของตนเองต่อไป จนกระทั่งทั้งสามคนเดินมาถึงบ้านพักของฮัวเหมย

เมื่อทั้งสามเข้าไปในบ้านแล้วมหกรรมอันน่าตื่นตะลึงก็เกิดขึ้น เพราะลูกสาวตัวน้อยของเขาได้ทำการเสกของอย่างมากมายออกมาจากอากาศอย่างต่อเนื่องนั่นเอง มีทั้งผ้าห่มนวมสามผืน เสื้อบุนวมผู้ใหญ่สามตัว ข้าวสารสองกระสอบใหญ่ นมกระป๋อง เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ขนมนมเนยหลายชนิด เครื่องปรุงทำอาหาร

และอย่างสุดท้ายที่ลูกสาวเขาเสกออกมาเป็นกล่องใหญ่ ลูกสาวเขานำออกมาสองกล่องใหญ่ทีเดียว ตบท้ายด้วยก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ สามชามที่ออกมาพร้อมช้อนและตะเกรียบ มีเนื้อย่างของโปรดของจิวจิวด้วย

ตอนนี้ทั้งเขาและน้องสาวก็ได้แต่ตกตะลึงกันไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเห็นอีกกี่ครั้งพวกเขาก็ยังไม่ชินกันสักที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 21 ซินซินกับการโดนทำโทษ

    เมื่อเด็ก ๆ พากันกลับบ้านมาแล้วคนในบ้านที่พากันกลับบ้านมาก่อนก็โล่งใจเพราะพ่อกับทวดหมิงกำลังจะออกไปตามหาลูกและหลานของตนเนื่องจากพวกเขาทั้งสามเมื่อกลับมาจากทุ่งนาแล้วไม่เห็นเด็ก ๆ พอถามคนที่อยู่บ้านจึงได้รู้ว่าเด็ก ๆ พากันออกไปข้างนอกกับซานซานพวกเขาจึงได้แต่ร้อนใจเพราะตอนที่พวกเขาทั้งสามกลับมาก็ห้าโมงเย็นแล้ว“ปี้ชายจินไก่ย่างฮับ” เสียงแฝดผู้น้องพูดกับซานซานเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านแล้ว จินเป่าและทวดหมิงเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเด็ก ๆ ก็พากันวิ่งออกมาดู“มานี่กันทั้งสี่คนเลยทำไมป่านนี้ถึงเพิ่งกลับมากันรู้ไหมว่าทุกคนในบ้านเป็นห่วงพวกลูกมากขนาดไหน ซานซานลูกพาน้อง ๆ ไปถึงไหนมาพ่อจะทำโทษพวกลูกบ้างแล้ว” จินเป่าพูดกับลูก ๆ ของตนด้วยความโล่งใจและโมโห“เอาหน่าพวกเด็ก ๆ ก็กลับมาแล้วหลานก็เลิกโมโหเถอะ แต่เรื่องลงโทษตาเองก็เห็นด้วยนะ” ทวดหมิงพูดกับจินเป่า แต่ประโยคหลังหันไปมองหน้าเด็กน้อยทั้งสี่“พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ/ฮะ” ทั้งสี่คนก้มหน้ายอมรับผิดแล้วขอโทษพ่อและทวดของตน“คราวหลังพวกซานซานห้ามพาน้องออก

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 20 ซินซินกับความรักอันสุกงอมของท่านย่า

    ตั้งแต่ที่ซินซินและซานซานมีน้องทุกวันทั้งสองจะต้องมานั่งเล่นกับน้องชายตลอด เด็กน้อยเองก็ช่างเป็นเด็กที่น่ารักและรู้ความมากจนซินซินคิดว่าน้องชายคนใหม่ทั้งสองไม่น่าจะอายุแค่หนึ่งปีได้เลยพ่อได้ตั้งชื่อให้กับน้องชายทั้งสองพ้องกับผู้เป็นพี่ชายและพี่สาว โดยแฝดผู้พี่ให้ชื่อว่าซินซาน และแฝดคนน้องให้ชื่อว่าซานซิน ทั้งสองเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมากและถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันแต่นิสัยนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนซินซานนั้นจะมีความสุขุมนิ่ง ๆ เมื่อเจอกับคนอื่นแต่ถ้าเป็นคนในครอบครัวเจ้าตัวมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ส่วนซานซินนั้นมักจะขี้อ้อนแต่ถ้าเวลาเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเจ้าตัวเล็กนี้ก็จะแค่ยิ้มเหมือนกับเด็กอารมณ์ดีธรรมดาเพียงเท่านั้น แล้วก็จะไม่ให้คนที่ไม่คุ้นเคยมาถูกตัวเหมือนกับแฝดพี่ของตนทุกคนในครอบครัวต่างก็คิดเหมือนกันว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ช่างหวงเนื้อหวงตัวเสียจริง กาลเวลาก็ผันผ่านไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วซึ่งก็เป็นอะไรที่ร้อนมากจริง ๆพ่อ ทวดหมิง และแม่ซูเหมยก็พากันไปทำงานในทุ่งนาหมดแล้ว ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ซินซินเมื่อเห็นทั้งสา

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 19 ซินซินกับน้ำตานางเงือก

    เมื่อเจ้าตัวน้อยตื่นนอนแล้วเธอก็ยังคงงง ๆ อยู่แล้วพยายามทบทวนความฝันว่าเจ้าแม่บอกว่ายังไงบ้าง ตอนนี้ผ่านมาสามอาทิตย์แล้วจากหิมะที่ตกหนักขึ้นก็เริ่มที่จะเบาบางลง วันนี้ตั้งแต่คนบ้านซูตื่นนอนแล้วมาทานอาหารเช้าร่วมกันทุกคนต่างก็พากันแปลกใจที่เจ้าตัวน้อยของบ้านนั่งเงียบผิดปกติ เหมือนกับกำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง“ซินซินหนูเป็นอะไรคะกับข้าววันนี้ก็เป็นของโปรดของหนู ทำไมถึงได้กินน้อยจัง” ซูเหมยถามลูกสาวตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง“คือตอนรุ่งเช้าหนูฝันถึงเจ้าแม่หนี่วาค่ะ ท่านมาบอกว่ามีคนต้องการขอความช่วยเหลือจากหนูท่านให้หนูไปที่ทะเลสาบ จิวหูก็จะรู้เองค่ะ หนูก็เลยคิดว่าจะเป็นใครกัน” เจ้าตัวน้อยตอบกับทุกคนในครอบครัว“ถ้าท่านบอกมาอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อพาลูกไปดูก็แค่นั้นเอง ลูกไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเยอะหรอกครับรีบทานข้าวเถอะ เมื่อท้องอิ่มเราก็จะได้มีกำลังไงครับ” จินเป่าพูดกับลูกสาว“ทวดว่าเราทุกคนพากันไปหมดบ้านนี่แหละเหลือจินเยว่กับฮุยฟางไว้สองคนก็พอเผื่อมีใครมาที่บ้านจะได้รู้” ทวดหมิง บอกกับสมาชิกทุกคน“ตกลงครับ/ค่ะ”ดังน

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 18 ซินซินกับเรื่องราวของคุณปู่

    “ซินซินครับหนูพูดแบบนี้ไม่น่ารักนะครับลูก เรื่องของคุณปู่คุณย่าเราตัดสินใจแทนไม่ได้นะครับ” จินเป่าพูดสอนลูกสาวตัวน้อย“หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว” เจ้าตัวน้อยทำหน้าตาสลดลง เธอยอมรับว่าเธอดีใจที่ได้เห็นผู้เป็นปู่จนเธอลืมคิดว่าเรื่องบางอย่างก็ไม่ควรพูดออกมา เสียทีนะเราที่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเมื่อผู้ใหญ่ทุกคนเห็นว่าเจ้าตัวน้อยที่น่ารักมีสีหน้าเศร้าหมองจากการสำนึกผิดของตนแล้วก็พากันใจอ่อนด้วยความสงสาร“รู้จักว่าตัวเองทำผิดแล้วยอมรับผิดย่าและทุกคนก็จะให้อภัย” เยว่จินพูดกับหลานสาวพร้อมลูบหัวปลอบโยนเจ้าตัวน้อยไปด้วย“ค่ะคุณย่า” เจ้าตัวน้อยเมื่อได้รับการปลอบโยนจากผู้เป็นย่าก็ยิ้มอย่างดีใจตอนนี้เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคุณปู่อยู่ ตอนเยว่จินเข้ามาใกล้อี้เฟิงเพื่อลูบหัวเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาทำให้เขาได้กลิ่นหอมจากหญิงในดวงใจจนหัวใจของอี้เฟิงเต้นแรงมากขึ้นจนเขากลัวว่ามันจะเต้นแรงจนจะสามารถทะลุอกของเขาออกมาได้ไหมแต่สำหรับการแสดงออกทางใบหน้าเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่แสดงอาการเขินอายออกมา ทำไมม

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 17 ซินซินกับต้นไม้สายลับ

    หลังจากที่ทุกคนอยู่คุยกันที่บ้านของซูจ้านไปสักพัก จนตอนนี้เวลาก็บ่ายมากแล้วพวกเขาทุกคนก็ต่างมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะกลับบ้านของจินเป่าได้แล้ว“อาจ้านพ่อกับแม่ไปก่อนนะอย่าลืมล่ะว่าถ้ามีเวลาก็ไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านนั้น แล้วก็บอกลูกเมียของแกไว้ด้วยล่ะจะได้ไม่ต้องแวะไปหาพ่อที่โรงถ่านหินนั่นอีกแล้ว และเมียแกกับลูกสะใภรวมทั้งหลานชายของแกจะกลับมาเมื่อไหร่กันล่ะ หรือว่าทางฐานทัพที่ซูอวิ้นอยู่ก็มีหิมะตกหนักเหมือนกัน จนรถเดินทางไม่ได้” ซูหมิงถามผู้เป็นลูกชาย“ใช่ครับพ่อวันก่อนผมโทรไปสอบถามที่ฐานที่ซูอวิ้นประจำการอยู่บอกว่ารถไม่สามารถเดินทางได้ ทุกคนจึงต้องอยู่กับเขาอีกสักพักจนหิมะหยุดและสามารถเปิดทางเดินรถได้โน่นแหละครับ”“ถ้าอย่างนั้นแกก็ปิดบ้านแล้วไปอยู่บ้านน้องสาวของแกกับพ่อแม่ไม่ดีกว่าเหรอ ช่วงนี้โรงงานก็ปิดอยู่นี่” ฮุยฟางก็ถามผู้เป็นลูกขึ้นมาบ้าง“ยังไปไม่ได้หรอกครับถึงโรงงานจะปิดผมก็ยังต้องตรวจเอกสารบางอย่างอยู่ แล้วช่วงนี้เจ้าหลานเขยก็ต้องไปลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้ประสบภัยด้วยทำให้ฮัวเหมยต้องอยู่คนเดียวผมก็ต้องแวะไปดูหลานสาวบ่อย ๆ เพราะเจ้าหลานเ

  • 1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ   ตอนที่ 16 ซินซินกับญาติทางคุณย่าผู้ใจดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากครอบครัวบ้านซูกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อและลูกชายหญิงก็พากันออกไปด้านนอก ตอนนี้หิมะได้กองทับถมกันตามพื้นทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวโพลนไปหมด ซินซินเห็นดังนี้จึงคิดว่าควรจะใช้รถลากสำหรับการเดินทางผ่านหิมะดีกว่า“พ่อจ๋าเราใช้รถลากเลื่อนสำหรับการเดินทางผ่านหิมะกันดีไหม หนูจะขอพรให้เรามีรถลากเลื่อนพร้อมสุนัขตัวโตสักหกตัวให้สามารถลากรถพาพวกเราทั้งสามเข้าไปเมืองได้” เจ้าตัวน้อยถามความคิดเห็นของผู้เป็นพ่อ“ก็ดีเหมือนกันนะลูก ขอแบบมีหลังคากันหิมะด้วยได้ไหมครับ”หลังจบคำพูดของผู้เป็นพ่อก็มีรถลากเลื่อนคันใหญ่ขนาดที่ผู้ใหญ่สามคนนั่งได้สบาย ๆ พร้อมสุนัขตัวโตขนปุยสีเทาขาวตาสีฟ้าปรากฎขึ้นพร้อมกับรถลากหกตัว แต่ละตัวสูงเท่าเอวของจินเป่าที่มีความสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเลยทีเดียว จินเป่าและซานซานที่ได้เห็นรถพร้อมสุนัขที่ลูกสาวและน้องสาวขอพรออกมาต่างก็ตกใจจนตาโตกันไปแล้ว“ฮ่า ๆ พ่อคะพี่คะเรามาขึ้นรถสุดหรูกันเถอะค่ะ” เจ้าแสบตัวน้อยหัวเราะพ่อของตนและพี่ชายเมื่อทั้งสามขึ้นมานั่งบนรถลากเลื่อนคันนี้แล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status