ตอนที่ 4 กรรมที่เคยทำ
เมื่อได้พูดคุยและส่งแม่กลับเรียบร้อยแล้ว
หรงผิงก็ปิดบ้าน เตรียมตัวเข้าบ้านอาบน้ำนอน วันนี้เธอเจอมาหลายเรื่องแล้ว รับรู้มาหลายอย่าง เหมือนเป็นเธอที่กำลังมารับกรรมแทนร่างเดิมเลย แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตคนเรามันไม่เคยมีอะไรง่ายอยู่แล้ว..."ทำไมนอนกันตรงนี้" เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นว่าฝาแฝดนอนกับพื้นข้าง ๆ เตียงเตา
"แม่เคยให้นอนตรงนี้" ซือหงตอบเสียงเบา
"ขึ้นไปบนเตียง ทั้งสองคนเลย" หรงผิงสั่งเสร็จก็ไปจัดการจุดถ่านเพื่อที่จะได้เอามาไว้ใต้เตียงเตา
เมื่อกลับมาแล้วก็เห็นสองพี่น้องนอนอยู่บนเตียงเตาแล้ว เธอเลยไม่พูดอะไรนอกจากเติมไฟให้เรียบร้อย ก่อนจะออกไปเตรียมอาบน้ำ เธอใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน หลังจากสำรวจตัวเองแล้วก็รีบออกมา เธอแอบไปดูฝาแฝด ก่อนจะเอาผ้าที่ร่างเดิมหวงนักหวงหนามาห่มให้ทั้งสอง และออกมานั่งที่หน้าบ้าน
จากตอนแรกคิดว่าตัวเองจะรีบนอนพักผ่อน พอเอาเข้าจริง ๆ กลับมีหลายเรื่องให้คิดจนไม่อยากจะนอน เลยออกมาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อทบทวนว่า หากเธอต้องมาอยู่ในร่างมารดาตัวร้ายจริง ๆ เธอจะทำอะไรต่อจากนี้
เรื่องทำมาหากินเอาตัวรอดนั้นไม่กลัวเลย แต่เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมสร้างเรื่องไว้กลับชวนปวดหัวมากทีเดียว
หรงผิงหลับตาลงและตั้งจิตเพื่อที่จะตรวจสอบว่ามิติฟาร์มตามมาด้วยหรือไม่ หากตามมาด้วยจะทำให้เธอมีทางเลือกในการดำเนินชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม
"อาจมาช้า... เหมือนตอนวันสิ้นโลก กว่าที่ทุกคนจะมีพลังวิเศษยังต้องใช้เวลานานเลย" หรงผิงปลอบใจตัวเอง เมื่อพิสูจน์จนรู้แล้วว่าตอนนี้เธอไม่ได้มีมิติฟาร์มตามที่หวัง...
หรงผิงตื่นขึ้นในเช้ามืดวันต่อมา เธอเตรียมอาหารทุกอย่างให้พร้อมและตรวจดูด้วยว่ามีอาหารเหลือมากน้อยแค่ไหน และยังตรวจสอบเงินและคูปองที่ใช้ซื้อของที่จำเป็นอีกด้วย ร่างเดิมไม่ได้ทำงานอะไร มีหน้าที่ดูแลลูกอยู่บ้าน รับเงินเดือนจากสามีเดือนละ 20 หยวน
จากที่รับรู้ เงินจำนวนเท่านี้ไม่ได้มากมาย แต่ก็ยังดีกว่าคนอื่น ๆ เพราะหากให้เธอคิดแล้ว เขาต้องทำงานใช้หนี้ที่เบิกมาสร้างบ้านสร้างกำแพง ได้เดือนละ 20 หยวนนี่ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว
วันนี้ลืมตาตื่นมา เธอยังอยู่ที่เดิม ทำให้มั่นใจมากพอสมควรว่าตัวเองมาอยู่แทนที่มารดาตัวร้าย ในเมื่อเลือกไม่ได้ก็ต้องเอาตัวรอด และใช้ชีวิตอย่างที่เคยอยากใช้ อย่างน้อยก็ไม่มีฝูงผีดิบ แต่มีฝูงคนที่รังเกียจเธอทั้งหมู่บ้าน
ให้พวกเขาแสดงออกว่าเกลียด ดีว่าบอกหวังดีแล้วแทงข้างหลัง อย่างน้อยก็รู้ว่าในหมู่บ้านไม่มีใครชอบเธอเลยสักคน
"แม่ทำอะไรเหรอครับ" จือหมิงเห็นแม่ตักน้ำแต่เช้าก็ต้องแปลกใจ ปกติเวลานี้แม่ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ
"ไปล้างหน้าให้เรียบร้อย จะได้มากินโจ๊ก" หรงผิงรู้ว่าเด็กชายสงสัย แต่ทำอย่างไรได้ เธอกับร่างเดิมมีนิสัยและท่าทางการพูดจาไม่เหมือนกันเลย หากบอกไปว่าเธอไม่ใช่แม่จริง ๆ พวกเขาจะรับกันได้ไหม ทางที่ดีคือเงียบและเป็นเธออย่างที่เคยเป็น ทุกคนอาจสงสัย แต่คงไม่มีใครกล้าถาม
หรงผิงเตรียมอาหารให้สองแฝดเสร็จนานแล้ว เธอแค่ทำงานรอก่อนที่จะออกไปสำรวจหมู่บ้านให้เห็นกับตา เพื่อที่จะได้วางแผนว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป
"อยู่บ้านกันได้ใช่ไหม" หรงผิงถามขึ้น เพราะตอนนี้เธอพร้อมออกสำรวจแล้ว
"แม่จะไปไหนเหรอ" ซือหงถามเสร็จก็ก้มหน้าหลบตา
"ทีหลังถามแล้วมองหน้า อย่าหลบตาเข้าใจไหม แม่ไม่ทำเหมือนแต่ก่อนแล้ว" หรงผิงบอกทั้งสอง
อยากขอโทษแต่ก็รู้สึกขัดแย้งกับตัวเอง เพราะว่าเธอไม่ใช่คนทำเรื่องพวกนั้นทั้งหมด เธอแค่คนที่มารับกรรมแทนร่างเดิมเท่านั้น และหวังว่ายัยมารดาตัวร้ายจะตายไปแล้วจริง ๆ แล้วไปอยู่ในยุคที่มันลำบาก รับกรรมที่เคยทำไว้ด้วยก็แล้วกัน!!
"แม่ไม่ตีจริง ๆ ใช่ไหม แล้วจะด่าไหม" ซือหงค่อย ๆ เงยหน้ามองแม่อย่างช้า ๆ
"ไม่ตี ไม่ด่า หากไม่ได้ทำอะไรผิด แม่จะออกไปซื้อของและดูอะไรสักหน่อย อยากไปด้วยกันไหม" เธอไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่ หากมีคนไปด้วยน่าจะดีกว่า
"แม่อย่าไปเลย" จือหมิงไม่อยากให้แม่ออกไป
หากแม่ออกไปแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมจะทำอย่างไร เขาไม่อยากให้แม่คนนี้หายไป เมื่อเช้าก็ได้แต่แอบมอง กลัวว่าแม่คนนี้จะหายไป
"เราเหลือแค่ข้าว หากไม่ออกไปจะเอาอะไรทำอาหาร" หรงผิงเลิกคิ้วถามเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
"แม่... เราไปขโมยไข่มาให้แม่ได้นะ" ซือหงพูดเสียงเบา พร้อมพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นอีกด้วย
"เดี๋ยว ๆ เราจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว" หรงผิงถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ยัยแม่คนนี้สอนให้ลูกไปขโมยไข่จากบ้านย่า เพื่อที่ตัวเองจะได้มีกิน!!
"การทำแบบนั้นมันไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านั้นที่แม่เคยพูดเคยสอนอย่าเอามาใส่ใจ!! อย่าจำ!! เพราะแม่สอนแต่สิ่งไม่ดีทั้งนั้น" เธอต้องบอกเรื่องนี้ให้เด็กรับรู้
ทั้งสองพยักหน้า ยอมรับว่ามันไม่ดี ย่าก็บอก แต่ทำอย่างไรได้ ก็แม่สั่งให้ทำ ไม่อย่างนั้นจะโดนตี และยังถูกทำโทษด้วยการอดอาหารอีกด้วย
"หากแม่ออกไป... แม่คนนี้จะหายไปไหมครับ" จือหมิงมองหน้าแม่อย่างรอคอยคำตอบ
"แม่คนนั้นตายไปแล้ว และจะไม่กลับมาอีก ฉันคือแม่คนใหม่ ต่อไปทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เข้าใจไหม" หรงผิงตัดสินใจบอกไปตามความจริง แต่ไม่รู้ว่าสองคนจะเข้าใจแบบไหน แต่ถือว่าเธอได้บอกแล้ว
"หนูขอไปด้วย" ซือหงตั้งใจจะไปเฝ้าแม่คนนี้ ไม่อยากให้แม่คนนี้หายไป
"หากจะไปก็รีบกิน" หรงผิงยิ้มให้สาวน้อยที่เริ่มกล้าพูดและเชื่อฟัง กล้าที่จะมองตา ถึงแม้ตอนนี้จะยังกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ถือว่าดีขึ้น
สองแฝดเดินตามหลังแม่และคอยแอบมองเรื่อย ๆ ตอนนี้กลัวหลายอย่าง กลัวว่าแม่ออกมาข้างนอกแล้วแม่คนนี้จะหายไปแล้วคนเดิมจะกลับมา หากคนเดิมกลับมาก็ต้องโดนทำโทษ เพราะเอาอาหารออกมากินจนหมด ทั้งนมทั้งไข่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเธอคงไม่ถูกตีอย่างเดียว พวกเธออาจหัวแตก อาจถูกไล่ออกจากบ้าน และอะไรอีกมากมายที่ต้องโดน
ทั้งสองดีใจที่แม่บอกว่าแม่คนเดิมตายไปแล้ว ทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าแม่ยังอยู่ ยังทำงานบ้าน ยังทำอาหารให้พวกเขากิน แต่กลับรู้สึกดีใจที่แม่คนนั้นตายและกลายเป็นแม่คนนี้ เพราะแม่คนนั้นใจร้ายมาก ๆ ไม่ใช่แค่ใจร้ายกับพวกเธอเพียงเท่านั้น แม่ใจร้ายกับทุกคน จนคนในหมู่บ้านกลัวแม่ ไม่ชอบแม่ และเพราะคนอื่นกลัวแม่ เธอเลยไม่มีเพื่อนเล่นในหมู่บ้านเลย ทุกคนหนีเธอกับพี่ชายตลอด จึงทำให้พวกเธอต้องเล่นกันเองแค่สองคนเท่านั้น
"มีไข่ไหม" หรงผิงถามคนที่ขายของในร้านค้าหมู่บ้าน
"ไม่มี" คนขายก็ตอบกลับทันที ไม่รู้คิดอย่างไรถึงเข้ามาซื้อไข่ที่นี่ ก็รู้ ๆ อยู่ว่าคนในหมู่บ้านไม่ขายให้ยังหน้าด้านมาซื้ออีก
"หนูเห็นวางอยู่ด้านหลัง ป้าไม่ขายเหรอคะ" ซือหงถามกลับอย่างสงสัย ก่อนหน้านั้นเธอเห็นอยู่ แต่พอแม่ถามซื้อกลับบอกไม่มี
"มีคนซื้อหมดแล้ว" คนขายก็บอกปัด ใครจะบอกความจริงว่าไม่ขายให้
"ฉันขอซื้อนมมอลต์หน่อย" หรงผิงไม่ใส่ใจ หมดก็คือหมด ซื้อสิ่งที่มีอยู่ก็ได้
"หมด" คนขายก็ยังพูดแบบไม่มองหน้า
"มีอะไรที่ไม่หมดบ้าง" หรงผิงเริ่มสงสัยว่าจริง ๆ แล้วไม่อยากขายหรืออะไรกันแน่
"ก็บอกไปเลยว่าไม่ขายให้คนแบบหล่อน คนร้ายกาจแบบหล่อนมีใครอยากซื้อขายและคบหาบ้าง นี่หล่อนยังหน้าด้านเข้ามาซื้อของที่หมู่บ้านอีกเหรอ ได้ข่าวว่าไม่สบายไปหลายวัน ฉันนึกว่าหล่อนตายไปแล้ว น่าจะตาย ๆ ไปซะ!! ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน เจ้าแฝดจะได้มีแม่ใหม่สักที" เสียงชาวบ้านพูดขึ้นอย่างเหลืออด ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว หากตบมา เธอก็พร้อมจะตบกลับ เพราะทุกคนมัวแต่กลัวนังแม่ใจร้ายคนนี้เลยทำให้หล่อนยิ่งได้ใจ คนแบบนี้ต้องตอบโต้ให้ถึงที่สุด
"แม่เปลี่ยนไปแล้ว... หลังจากที่แม่หลับไปสามวัน พอแม่ตื่นมา แม่ก็เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ!! " ซือหงบอกให้ทุกคนรับรู้
"โอ๊ย... อาหง!! เชื่อได้เหรอ คนคนนี้ร้ายตั้งแต่พวกแกยังไม่เกิด ไม่อย่างนั้นจะจับพ่อแกได้เหรอ ทั้งที่พ่อแกมีคู่หมั้นอยู่แล้ว" เสียงดังขึ้นมาจากอีกทิศทางหนึ่ง
"เด็ก ๆ กลับเถอะ" หรงผิงเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าทำไมร่างเดิมถึงไปซื้อของในเมืองมากกว่าซื้อของที่นี่ เพราะคงไม่มีใครเต็มใจขายให้จริง ๆ ตอนนี้ถือว่าเธอกำลังรับกรรมแทนยัยแม่ตัวร้ายแล้วกัน
"หึ!! คงได้ข่าวว่าสามีจะมาหย่าล่ะสิ หล่อนถึงได้ทำตัวน่าสงสาร" เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ตอบโต้ก็ยิ่งทำให้ได้ใจมากกว่าเดิม
"ที่ฉันเงียบ เพราะรู้ตัวว่าแต่ก่อนทำอะไรไว้บ้าง แต่ใช่ว่าฉันเงียบแล้วจะยอมให้ทุกคนพูดได้ตามใจนะ ความอดทนของฉันมันมีขีดจำกัดเหมือนกัน" หรงผิงหันไปมองทุกคนด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร
"กลับกัน" หรงผิงหันไปมองหน้าสองแฝดก่อนเดินออกไป
ถึงจะรู้ว่าร่างเดิมทำไม่ดีอย่างไร เธอก็ถือว่านิ่งแล้ว ไม่ตอบโต้แล้ว แต่พอไม่ตอบโต้ คนพวกนั้นกลับกลายเป็นยิ่งพูด และพอคนหนึ่งพูดแล้ว ก็มีคนที่สอง และยังจะมีต่อเรื่อย ๆ
ถึงยอมรับชะตากรรมที่มารดาตัวร้ายก่อไว้ แต่ใช่จะยอมรับทั้งหมด... เธอที่มาอยู่ใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองเหมือนกัน...
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น