Share

15

Author: Scince
last update Huling Na-update: 2025-08-12 11:54:09

หลังจากที่แยกกับหยางเถาฮวา อาสามก็ไม่ได้รีบกลับบ้านของตัวเอง แต่กลับไปบ้านหลี่แทน อยู่รอจนกระทั่งย่าหลี่กลับจากทำงานถึงได้เล่าเรื่องวันนี้ให้กับผู้เป็นแม่ฟัง

“โชคดีขนาดนั้นเชียวเหรอ” ย่าหลี่ไม่อยากจะเชื่อ ผู้พันที่ไหนจะมาแต่งงานกับชนชั้นแรงงาน อย่างน้อยก็ต้องแต่งกับลูกหลานทหารด้วยกัน หรือไม่ก็ลูกสาวนายพลถึงจะเหมาะสม

“นั่นสิคะ ทีแรกที่ติดต่อมาฉันก็นึกว่าเป็นลูกหลานขอคนแถวนี้เสียอีก แม่คะเราจะทำยังไงกันดีละคะ” อาสามถามผู้เป็นแม่ด้วยความกลัดกลุ้ม

“จะทำยังไงล่ะ ในเมื่อทางนั้นพูดออกมาแล้วว่าจะรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เรียกสินสอดให้คุ้มกับที่เจ้าใหญ่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ” ย่าหลี่นึกถึงสินสอดที่จะได้รับแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ได้ยังไงละคะแม่ อย่าเห็นแก่เงินน้อยนิดสิคะ นึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นระยะยาว แค่นี้พี่สะใภ้ก็คอยื่นคอยาว ถ้าเกิดว่าหล่อนได้เป็นแม่ยายผู้พันจริงๆ คิดเหรอว่าต่อไปหล่อนจะยอมก้มหัวให้กับพวกเรา”

“อืม ที่แกพูดมาก็มีเหตุผล” ย่าหลี่คิดตามคำพูดของลูกสาว

ที่ผ่านมาท่านพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มาก พูดง่าย แล้วก็ไม่เคยทำเรื่องให้ลำบากใจ เรียกได้ว่าชี้นกเป็นนก ไม่มีปากมีเสียง ลูกชายของท่านตาถึงจริงๆ ที่เลือกแม่หม้ายมาเป็นภรรยา ดีกว่าแต่งหญิงสาวเข้าบ้านเป็นไหนๆ เพราะนอกจากจะต้องคอยเอาใจแล้ว งานบ้านงานเรือนผู้หญิงสมัยนี้ไม่ได้เรื่องแทบจะทุกคน

“ใช่ไหมละคะ เรื่องอะไรเราจะยอมให้สองแม่ลูกได้ดี ไม่สู้ยกให้ลูกหลานเราเองยังจะดีเสียกว่า” พูดจบก็เหล่ตามองผู้เป็นแม่ว่าจะมีความคิดเห็นยังไง

“แกพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เฟินเอ๋อร์เพิ่งจะอายุย่าง 13 ปีเท่านั้น ถ้าจะให้แต่งกับคนอายุ 22 ปีมันก็ออกจะเกินไปสักหน่อย” ย่าหลี่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“แม่คะ ลืมไปแล้วเหรอว่าแม่ไม่ได้มีหลานสาวแค่คนเดียว ลืมหวังหลินของฉันไปได้ยังไงละคะ” อาสามพูดถึงลูกสาวของเธอ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจ้าวเสี่ยวเหลียนพอดี

“ไอหยา…แม่จะลืมหลานสาวแท้ๆ ไปได้ยังไง แต่แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะให้หลินหลินเรียนต่อ แล้วจะให้ลาออกมาแต่งงานได้ยังไง เซียนเอ๋อร์…แม่ผิดหวังกับแม่มาแล้วหนหนึ่ง อย่าให้ต้องผิดหวังกับหลินเอ๋อร์อีกเลยนะ”

ย่าหลี่ถอนหายใจ รู้สึกคิดหนักเมื่อได้รู้ความคิดของลูกสาว ลองให้ได้พูดแบบนี้ ท่านก็เดาได้แล้วว่าลูกสาวหมายตาผู้พันจางเสวี่ยอวี้

“แม่…เรียนสูงจะมีประโยชน์อะไร ต่อไปก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว สุดท้ายแล้วก็ยังต้องมาหาครอบครัวดีๆ ให้อีก ไม่สู้แต่งไปเสียเลยตอนนี้ คุณนายหยางก็เป็นคนมีศีลธรรมคนหนึ่ง ฉันมั่นใจว่าหล่อนจะต้องเป็นแม่สามีที่ดีแน่” อยู่มาขนาดนี้ เจอคนมาทุกรูปแบบในโรงงาน พอจะดูออกว่าหยางเถาฮวาเป็นคนดีคนหนึ่ง

ย่าหลี่ฟังแล้วก็คล้อยตาม เกิดเป็นผู้หญิงนั้นแสนจะลำบากใครบอกว่าสบาย ถ้าเกิดมาในครอบครัวที่เที่ยงธรรมก็แล้วไปเถอะ แต่ถ้าเกิดมาในครอบครัวที่เห็นความสำคัญแค่ลูกชายก็ลำบากหน่อย เหมือนกับท่านเอง กว่าจะมีทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พอตัวเองได้เป็นแม่คนถึงไม่เลือกปฏิบัติ ออกจะเอนเอียงมาทางลูกสาวเสียด้วยซ้ำ

“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะลองพูดเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ดู หลินเอ๋อร์ก็เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของลุงใหญ่ เขาคงไม่ใจดำกับหลานสาวหรอก” อาสามยืนยันกระต่ายขาเดียว ว่ายังไงตำแหน่งลูกเขยของท่านก็ต้องเป็นจางเสวี่ยอวี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ทางด้านจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ร้อนรนไม่ต่างกัน ถ้าเป็นเธอในยุคปัจจุบัน ถูกแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอแล้วว่าที่สามีหน้าตาดี การศึกษาดี หน้าที่การงานดีขนาดนี้คงไม่ลังเลที่จะยอมออกเดตด้วย แต่ไม่ใช่กับเจ้าของร่างนี้

ถ้าแต่งงานไป แล้วสัญญาที่เคยให้ไว้กับเจ้าตัว ไหนจะยายหลิวที่เพิ่งไปได้แค่วันเดียวอีก แต่จะทำยังไงให้แม่ยอมใจอ่อน ไม่บังคับให้แต่งงาน ดูก็รู้ว่าแม่พอใจทางฝั่งนั้นมาก

ทางด้านหลิวซือก็ร้อนรนไม่แพ้กัน อยู่กับบ้านหลี่มาเป็นสิบๆ ปี ทำไมจะดูไม่อาการของหลี่เซียนไม่ออกว่าอยากได้ว่าที่ลูกเขยของเธอจนตัวสั่น ถึงขั้นไปฟ้องแม่สามีแล้ว ตอนนี้เธอออกมายืนรอสามีอยู่หน้าบ้านเพื่อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง ไม่นานหลี่เจียงก็เดินกลับมา

“ทำไมมายืนตรงนี้” หลี่เจียงเห็นภรรยาคนสวยออกมายืนรออยู่หน้าบ้านก็ทำหน้าบึ้งไม่พอใจ เนื่องจากว่ามีคนเดินผ่านไปผ่านมาและมองภรรยาของเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม

ต้องยอมรับในความสวยของหลิวซือ ต่อให้อายุจุเข้าเลขสามแล้ว ทว่าก็ยังดูสาว ดูสวยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

“ก็มารอคุณนั่นแหละค่ะ อย่าเพิ่งเข้าบ้านนะคะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

ครั้งนี้สีหน้าของเธอดูจริงจัง ทำให้หลี่เจียงเชื่อสนิทใจว่าจะต้องเป็นเรื่องสำคัญ เขาพยักหน้าแล้วก็เดินตามภรรยามายังมุมลับตาคนข้างหลังบ้าน

หลิวซือหันมองซ้ายขวาไม่เห็นใคร ก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเป็นประวัติของจางเสวี่ยอวี้ให้กับสามี จากนั้นก็เล่าเรื่องวันนี้ให้กับเขาฟัง รวมถึงอาการอยากได้จนออกนอกหน้าของน้องสาวเขาด้วย

“ไม่หรอกมั้งคุณคิดมากไปเองหรือเปล่า ไหนบอกว่าน้องสามไปเป็นเพื่อนยังไงล่ะ” หลี่เจียงไม่เชื่อว่าน้องสาวจะมีความคิดแบบนั้น

“น้อยไปสิคะ นอกจากจะไม่ช่วยพูดแล้ว อาสามยังปฏิเสธแบบไม่คิดเลยด้วยว่าเสี่ยวเหลียนไม่เหมาะสมกับบ้านนั้น”

“หึ ก็มันเรื่องจริง” หลี่เจียงเห็นด้วยกับคำพูดของน้องสาว

“หลี่เจียง” หลิวซือเรียกชื่อสามีเสียงขึ้นจมูก

เวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอก็เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป ไม่เหมือนอยู่ต่อหน้าแม่สามี ที่ต้องทำตัวเรียบร้อยไม่กล้าต่อปากต่อคำ

“เอาล่ะๆ คุณก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป เท่าที่ผมฟังทางฝั่งนั้นก็น่าจะยอมรับเสี่ยวเหลียนแล้ว เหลือแค่ลูกสาวคุณเท่านั้นแหละที่จะยอมรับหรือเปล่า”

“ลูกสาวของเรา” หลิวซือแย้ง

“ใช่ๆ แล้วๆ ลูกสาวของเรา ส่วนเรื่องน้องสามคุณไม่ต้องคิดมากหรอก ยังไงพี่เขยก็ไม่ยอมให้หลินเอ๋อร์ลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาแต่งงานหรอก”

พอนึกถึงพี่เขยหวัง หลิวซือก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะเขาค่อนข้างตั้งความหวังกับลูกสาวของพวกเขามากพอสมควร

“สบายใจขึ้นหรือยัง” เห็นภรรยาเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า ก็จับมือของเธอขึ้นมาหอมเบาๆ

“อือ แต่ก็ยังไม่วางใจหรอกนะคะ เพราะน้องสาวของคุณ”

“พอแล้วๆ ถ้าน้องสามจะทำเหมือนที่คุณว่าจริง ผมนี่แหละจะเป็นคนจัดการ ตอนนี้คุณไปพูดกับเสี่ยวเหลียนให้ยอมใจอ่อนก่อนเถอะ” เพราะถ้าถามเขา คิดว่าพูดกับน้องสาวยังง่ายกว่าพูดกับลูกเลี้ยงเสียอีก

สำหรับเขาแล้วถ้าลูกเลี้ยงอยากจะเรียนก็ส่งเรียนได้ แต่ถ้าไม่เรียนก็ต้องเป็นการดีกับเงินในกระเป๋า แล้วยิ่งได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีเขาก็ยิ่งวางใจ ต่อไปจะได้ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวเหมือนตอนนั้นอีก

สองสามีเดินกลับเข้ามาในบ้าน ก็พบว่าหลี่เซียนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่พี่ชายเดินเข้ามา หลี่เซียนก็เตรียมจะวิ่งเข้าหา แต่พอเห็นหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ก็กลืนคำพูดลงท้องไป

“กลับมาแล้วเหรอ”

“ครับ” หลี่เจียงพยักหน้ารับ

“กลับมาเหนื่อยๆ มานั่งดื่มชาก่อนเถอะ” ย่าหลี่กวักมือเรียกลูกชาย

“วันนี้อากาศร้อน ขอตัวไปล้างตัวก่อนดีกว่าครับ แม่ตามสบายเถอะ”

เป็นแม่ลูกกันมา ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าแม่มีเรื่องจะพูด ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ภรรยาได้บอกไปแล้ว ถึงเขาจะไม่ได้รักลูกเลี้ยงเท่าลูกตัวเอง แต่วาสนาดีขนาดนี้ก็อยากจะให้อยู่แค่คนในครอบครัว หวังหลินคือคนตระกูลหวัง ไม่ใช่คนตระกูลหลี่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   17

    1 กันยายน 1975วันนี้เป็นวันที่จ้าวเสี่ยวเหลียนต้องไปสอบเลือกห้อง เพราะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ นักเรียนบางคนเข้าเรียนได้เพราะเป็นคนในเขตพื้นที่ และได้โควตาพิเศษ อีกส่วนหนึ่งคือสอบเข้าเหมือนกับเสี่ยวเหลียน เลยทำให้ต้องสอบคัดเลือกอีกทีหนึ่งผู้ปกครองมาให้กำลังใจลูกหลานตัวเองเป็นจำนวนมาก รวมถึงอาสามของบ้านหลี่ด้วยที่มาเฝ้าลูกสาว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสี่ยวเหลียนหยุดทักทาย เพราะหากจะเดินผ่านหน้าไปเลยก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่“อือ” อาสามพยักหน้าแบบขอไปที เพราะจุดที่ตนนั่งนั้นยังมีเพื่อนอีกหลายคน“นั่นใครเหรอ” เพื่อนบ้านคนหนึ่งสะกิดถาม“ลูกสาวคนโตพี่ใหญ่น่ะ” อาสามตอบ ถึงจะไม่ชอบหน้า แต่เวลาอยู่ข้างนอกก็ยังต้องให้เกียรติพี่ชายเรื่องที่พี่ชายแต่งงานกับผู้หญิงหม้ายลูกติดคนแถวนี

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   16

    ช่วงเย็นจ้าวเสี่ยวเหลียนตั้งแต่มาถึงก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง คิดหาวิธีเอาตัวรอดกับงานแต่งงานในครั้งนี้ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ติดต่อยายหลิวตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะท่านเพิ่งจะไปได้แค่วันเดียว อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 4-5 วัน แบบนี้คงไม่ทันการณ์เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงใสของน้องสาวที่ดังอยู่ข้างนอก ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง“เข้ามาสิ”“พี่ แม่ให้มาตามไปกินข้าว” หลี่เฟินเดินมาหยุดตรงหน้าพี่สาว“เฟินเอ๋อร์ไปกินเถอะ บอกแม่ว่าพี่ไม่หิว”“พี่ แม่บอกมาแล้วว่ายังไงก็ต้องออกไปกินข้าว ถ้าพี่ไม่ไปฉันก็ห้ามกินข้าว” หลี่เฟินพูดด้วยน้ำเสียงแกมอ้อนวอนเด็กสาวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแต่คิดว่าถ้าอาสามมาที่บ้านส่วนมากแล้วก็จะมีเรื่องทุกที ยิ่งมาเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของพี่สาวก็ยิ่งมั่นใจว่าตนเองสันนิษฐานไม่ผิด“ไม่มีอะไรหรอกแค่เป็นห่วงยายน่ะ ถ้างั้นพวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะ”เห็นน้องสาวทำสายตาอ้อนวอนก็อดที่จะสงสารไม่ไหว แม้ว่าคนในครอบครัวจะไม่หวังดีกับเธอ แต่ก็รับรู้ได้ว่าน้องสาวแตกต่าง เป็นธรรมดาที่ทั้งสองคนไม่สนิทกัน เพราะพี่น้องเพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่นาน แต่คำว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   15

    หลังจากที่แยกกับหยางเถาฮวา อาสามก็ไม่ได้รีบกลับบ้านของตัวเอง แต่กลับไปบ้านหลี่แทน อยู่รอจนกระทั่งย่าหลี่กลับจากทำงานถึงได้เล่าเรื่องวันนี้ให้กับผู้เป็นแม่ฟัง“โชคดีขนาดนั้นเชียวเหรอ” ย่าหลี่ไม่อยากจะเชื่อ ผู้พันที่ไหนจะมาแต่งงานกับชนชั้นแรงงาน อย่างน้อยก็ต้องแต่งกับลูกหลานทหารด้วยกัน หรือไม่ก็ลูกสาวนายพลถึงจะเหมาะสม“นั่นสิคะ ทีแรกที่ติดต่อมาฉันก็นึกว่าเป็นลูกหลานขอคนแถวนี้เสียอีก แม่คะเราจะทำยังไงกันดีละคะ” อาสามถามผู้เป็นแม่ด้วยความกลัดกลุ้ม“จะทำยังไงล่ะ ในเมื่อทางนั้นพูดออกมาแล้วว่าจะรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เรียกสินสอดให้คุ้มกับที่เจ้าใหญ่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ” ย่าหลี่นึกถึงสินสอดที่จะได้รับแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ได้ยังไงละคะแม่ อย่าเห็นแก่เงินน้อยนิดสิคะ นึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นระยะยาว แค่นี้พี่สะใภ้ก็คอยื่นคอยาว ถ้าเกิดว่าหล่อนได้เป็นแม่ยายผู้พันจริงๆ คิดเหรอว่าต่อไปหล่อนจะยอมก้มหัวให้กับพวกเรา”“อืม ที่แกพูดมาก็มีเหตุผล” ย่าหลี่คิดตามคำพูดของลูกสาวที่ผ่านมาท่านพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มาก พูดง่าย แล้วก็ไม่เคยทำเรื่องให้ลำบากใจ เรียกได้ว่าชี้นกเป็นนก ไม่มีปากมีเสียง ลูกชายของท่านตาถ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   14

    อาสามได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มค้าง ส่วนหลิวซือนั้นได้แต่นั่งนิ่งพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดูดีขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าเป็นชนชั้นแรงงานเหมือนกันเสียอีก“ไอหยาคุณนายอย่าเพิ่งใจร้อนไปสิคะ ทำความรู้จักกันก่อน” อาสามพูดแก้สถานการณ์ เห็นการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเป็นคนมีเงิน เพราะแบบนี้ถึงได้บอกให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ“เย็นไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ เสียงพูดถึงหนูเสี่ยวเหลียนดังเข้าหูมาทุกวัน กว่าที่ฉันจะติดต่อพวกคุณได้ไม่ใช่ง่าย” คนที่แนะนำตัวว่าเป็นหยางเถาฮวาพูดขึ้นเธอเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้แล้วก็พยักหน้าพอใจ ก่อนหน้าที่ลูกชายจะไปทำงานได้บอกแล้วว่าไปล่วงเกินสาวคนหนึ่งเข้า ไม่รู้ว่าทางนั้นจะมาเอาเรื่องหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็รับปากรับผิดชอบไป เพราะตนล่วงเกินอีกฝ่ายจริง“เดี๋ยวก่อนนะคะ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน” เสี่ยวเหลียนได้กลิ่นไม่ดีเลยถามออกไปอย่างงุนงง“เสี่ยวเหลียนจ๊ะ ผู้ใหญ่คุยกันเด็กอย่าเพิ่งพูดแทรก เดี๋ยวก็รู้เองแหละว่าเรื่องอะไร” คำพูดของอาสามทำเอาหยางเถาฮวาที่กำลังจะอ้าปากอธิบายต้องกลืนคำพูดลงท้องของตัวเองไป“นั่นสิ รอให้อาสามพูดจบก่อน” หลิวซือพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องส

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   12

    ก่อนที่สองยายหลานจะออกจากบ้าน หลิวซือก็เดินมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ผู้เป็นแม่ทำเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย“จะไปไหนกันแต่เช้าคะ”“ไปเดินเล่นน่ะ” ยายหลิวตอบ“ฉันนึกว่าแม่จะไปซื้อตั๋วรถไฟเตรียมกลับบ้านเสียอีก” หลิวซือเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเรียบเฉย คิดว่าเรื่องที่ท่านเตรียมจะกลับบ้านคงไม่บอกให้ตนรู้เป็นแน่ เลยพูดเรื่องนี้ออกไปเสียเลย เพราะเธอก็รู้สึกอึดอัด“รู้แล้วจะถามทำไม” ยายหลิวไม่แปลกใจที่ลูกสาวรู้ เพราะคิดว่าเจ้าของร้านค้าที่มาตามท่านไปรับโทรศัพท์น่าจะเป็นคนบอก“แม่ ถ้าแม่เป็นคนอื่นฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ แต่นี่แม่เป็นแม่ของฉัน ฉันถามเพราะเป็นห่วง”“แกห่วงอะไรล่ะ ห่วงฉันกับลูก หรือว่าห่วงจะไม่ได้เงิน” ยายหลิวถามเสียงเรียบตั้งแต่ท่านมาถึงลูกสาวก็ถามถึงเงินเยียวยา หลังจากนั้นก็ถามแทบจะทุกวันเกี่ยวกับเงินเยียวยา ทั้งพูดทำนองว่าต้องการจะขอยืมเงินเพื่อไปวางมัดจำบ้าน เนื่องจากว่าบ้านที่อยู่มันค่อนข้างจะคับแคบ อยากเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ทว่าเท่าที่ท่านสัมผัส มันกลับไม่ง่ายเหมือนคำที่ลูกสาวพูด เพราะทุกอย่างล้วนรวมเป็นกองกลาง นั่นหมายความว่าหากครอบครัวของลูกสาวอยากจะย้ายออก พวกหล่อนจะ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   11

    ทุกคนเลิกงานกลับมา พบว่าบ้านว่างเปล่า ความหมายในที่นี้คือไม่มีอาหารวางบนโต๊ะเหมือนเมื่อสองวันก่อน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน“อะไรกัน เลิกงานมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาหิ้วท้องรออีกเหรอให้ตายเถอะ” สะใภ้รองกลอกตามองบนบ่นอุบ“เอาน่า คุณก็ไปช่วยพี่สะใภ้ทำมื้อเย็นเถอะจะได้เสร็จเร็วๆ” อารองผลักไหล่ภรรยาให้เดินเข้าในในครัว เขาเองก็หิวจนตายลายแล้วเหมือนกันหลิวซือถอนหายใจ แต่คิดว่าลูกสาวคงจะยังไม่หายป่วยเลยไม่ได้พูดอะไร สองสะใภ้ช่วยกันทำมื้อเย็น ส่วนย่าหลี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เก็บความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน เพราะตอนนี้ภาพในหัวของท่านไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา ก็นึกถึงเงินก้อนในห่อผ้าเก่าๆ นั้นจนทำให้นอนไม่หลับทางด้านจ้าวเสี่ยวเหลียนตอนนี้กำลังนอนหนุนตักผู้เป็นยาย ฟังท่านเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง แต่แล้วเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น“ยายคะ พี่ใหญ่ แม่ให้มาตามไปกินข้าวค่ะ”ช่วงนี้ปิดเทอมก็จริง แต่เพราะกำลังจะขึ้นชั้นมัธยม หลี่เฟินผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือก็มักจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่ค่อยอยู่บ้าน“หลานไปกินข้าวเถอะ ยายกับพี่เขากินกันมาแล้วล่ะ” ยายหลิวบอกหลานสาวถึงจะเป็นหลานที่ออกมาจากแม

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status