Share

15

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-12 11:54:09

หลังจากที่แยกกับหยางเถาฮวา อาสามก็ไม่ได้รีบกลับบ้านของตัวเอง แต่กลับไปบ้านหลี่แทน อยู่รอจนกระทั่งย่าหลี่กลับจากทำงานถึงได้เล่าเรื่องวันนี้ให้กับผู้เป็นแม่ฟัง

“โชคดีขนาดนั้นเชียวเหรอ” ย่าหลี่ไม่อยากจะเชื่อ ผู้พันที่ไหนจะมาแต่งงานกับชนชั้นแรงงาน อย่างน้อยก็ต้องแต่งกับลูกหลานทหารด้วยกัน หรือไม่ก็ลูกสาวนายพลถึงจะเหมาะสม

“นั่นสิคะ ทีแรกที่ติดต่อมาฉันก็นึกว่าเป็นลูกหลานขอคนแถวนี้เสียอีก แม่คะเราจะทำยังไงกันดีละคะ” อาสามถามผู้เป็นแม่ด้วยความกลัดกลุ้ม

“จะทำยังไงล่ะ ในเมื่อทางนั้นพูดออกมาแล้วว่าจะรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เรียกสินสอดให้คุ้มกับที่เจ้าใหญ่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ” ย่าหลี่นึกถึงสินสอดที่จะได้รับแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ได้ยังไงละคะแม่ อย่าเห็นแก่เงินน้อยนิดสิคะ นึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นระยะยาว แค่นี้พี่สะใภ้ก็คอยื่นคอยาว ถ้าเกิดว่าหล่อนได้เป็นแม่ยายผู้พันจริงๆ คิดเหรอว่าต่อไปหล่อนจะยอมก้มหัวให้กับพวกเรา”

“อืม ที่แกพูดมาก็มีเหตุผล” ย่าหลี่คิดตามคำพูดของลูกสาว

ที่ผ่านมาท่านพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มาก พูดง่าย แล้วก็ไม่เคยทำเรื่องให้ลำบากใจ เรียกได้ว่าชี้นกเป็นนก ไม่มีปากมีเสียง ลูกชายของท่านตาถึงจริงๆ ที่เลือกแม่หม้ายมาเป็นภรรยา ดีกว่าแต่งหญิงสาวเข้าบ้านเป็นไหนๆ เพราะนอกจากจะต้องคอยเอาใจแล้ว งานบ้านงานเรือนผู้หญิงสมัยนี้ไม่ได้เรื่องแทบจะทุกคน

“ใช่ไหมละคะ เรื่องอะไรเราจะยอมให้สองแม่ลูกได้ดี ไม่สู้ยกให้ลูกหลานเราเองยังจะดีเสียกว่า” พูดจบก็เหล่ตามองผู้เป็นแม่ว่าจะมีความคิดเห็นยังไง

“แกพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เฟินเอ๋อร์เพิ่งจะอายุย่าง 13 ปีเท่านั้น ถ้าจะให้แต่งกับคนอายุ 22 ปีมันก็ออกจะเกินไปสักหน่อย” ย่าหลี่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“แม่คะ ลืมไปแล้วเหรอว่าแม่ไม่ได้มีหลานสาวแค่คนเดียว ลืมหวังหลินของฉันไปได้ยังไงละคะ” อาสามพูดถึงลูกสาวของเธอ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจ้าวเสี่ยวเหลียนพอดี

“ไอหยา…แม่จะลืมหลานสาวแท้ๆ ไปได้ยังไง แต่แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะให้หลินหลินเรียนต่อ แล้วจะให้ลาออกมาแต่งงานได้ยังไง เซียนเอ๋อร์…แม่ผิดหวังกับแม่มาแล้วหนหนึ่ง อย่าให้ต้องผิดหวังกับหลินเอ๋อร์อีกเลยนะ”

ย่าหลี่ถอนหายใจ รู้สึกคิดหนักเมื่อได้รู้ความคิดของลูกสาว ลองให้ได้พูดแบบนี้ ท่านก็เดาได้แล้วว่าลูกสาวหมายตาผู้พันจางเสวี่ยอวี้

“แม่…เรียนสูงจะมีประโยชน์อะไร ต่อไปก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว สุดท้ายแล้วก็ยังต้องมาหาครอบครัวดีๆ ให้อีก ไม่สู้แต่งไปเสียเลยตอนนี้ คุณนายหยางก็เป็นคนมีศีลธรรมคนหนึ่ง ฉันมั่นใจว่าหล่อนจะต้องเป็นแม่สามีที่ดีแน่” อยู่มาขนาดนี้ เจอคนมาทุกรูปแบบในโรงงาน พอจะดูออกว่าหยางเถาฮวาเป็นคนดีคนหนึ่ง

ย่าหลี่ฟังแล้วก็คล้อยตาม เกิดเป็นผู้หญิงนั้นแสนจะลำบากใครบอกว่าสบาย ถ้าเกิดมาในครอบครัวที่เที่ยงธรรมก็แล้วไปเถอะ แต่ถ้าเกิดมาในครอบครัวที่เห็นความสำคัญแค่ลูกชายก็ลำบากหน่อย เหมือนกับท่านเอง กว่าจะมีทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พอตัวเองได้เป็นแม่คนถึงไม่เลือกปฏิบัติ ออกจะเอนเอียงมาทางลูกสาวเสียด้วยซ้ำ

“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะลองพูดเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ดู หลินเอ๋อร์ก็เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของลุงใหญ่ เขาคงไม่ใจดำกับหลานสาวหรอก” อาสามยืนยันกระต่ายขาเดียว ว่ายังไงตำแหน่งลูกเขยของท่านก็ต้องเป็นจางเสวี่ยอวี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ทางด้านจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ร้อนรนไม่ต่างกัน ถ้าเป็นเธอในยุคปัจจุบัน ถูกแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอแล้วว่าที่สามีหน้าตาดี การศึกษาดี หน้าที่การงานดีขนาดนี้คงไม่ลังเลที่จะยอมออกเดตด้วย แต่ไม่ใช่กับเจ้าของร่างนี้

ถ้าแต่งงานไป แล้วสัญญาที่เคยให้ไว้กับเจ้าตัว ไหนจะยายหลิวที่เพิ่งไปได้แค่วันเดียวอีก แต่จะทำยังไงให้แม่ยอมใจอ่อน ไม่บังคับให้แต่งงาน ดูก็รู้ว่าแม่พอใจทางฝั่งนั้นมาก

ทางด้านหลิวซือก็ร้อนรนไม่แพ้กัน อยู่กับบ้านหลี่มาเป็นสิบๆ ปี ทำไมจะดูไม่อาการของหลี่เซียนไม่ออกว่าอยากได้ว่าที่ลูกเขยของเธอจนตัวสั่น ถึงขั้นไปฟ้องแม่สามีแล้ว ตอนนี้เธอออกมายืนรอสามีอยู่หน้าบ้านเพื่อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง ไม่นานหลี่เจียงก็เดินกลับมา

“ทำไมมายืนตรงนี้” หลี่เจียงเห็นภรรยาคนสวยออกมายืนรออยู่หน้าบ้านก็ทำหน้าบึ้งไม่พอใจ เนื่องจากว่ามีคนเดินผ่านไปผ่านมาและมองภรรยาของเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม

ต้องยอมรับในความสวยของหลิวซือ ต่อให้อายุจุเข้าเลขสามแล้ว ทว่าก็ยังดูสาว ดูสวยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

“ก็มารอคุณนั่นแหละค่ะ อย่าเพิ่งเข้าบ้านนะคะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

ครั้งนี้สีหน้าของเธอดูจริงจัง ทำให้หลี่เจียงเชื่อสนิทใจว่าจะต้องเป็นเรื่องสำคัญ เขาพยักหน้าแล้วก็เดินตามภรรยามายังมุมลับตาคนข้างหลังบ้าน

หลิวซือหันมองซ้ายขวาไม่เห็นใคร ก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเป็นประวัติของจางเสวี่ยอวี้ให้กับสามี จากนั้นก็เล่าเรื่องวันนี้ให้กับเขาฟัง รวมถึงอาการอยากได้จนออกนอกหน้าของน้องสาวเขาด้วย

“ไม่หรอกมั้งคุณคิดมากไปเองหรือเปล่า ไหนบอกว่าน้องสามไปเป็นเพื่อนยังไงล่ะ” หลี่เจียงไม่เชื่อว่าน้องสาวจะมีความคิดแบบนั้น

“น้อยไปสิคะ นอกจากจะไม่ช่วยพูดแล้ว อาสามยังปฏิเสธแบบไม่คิดเลยด้วยว่าเสี่ยวเหลียนไม่เหมาะสมกับบ้านนั้น”

“หึ ก็มันเรื่องจริง” หลี่เจียงเห็นด้วยกับคำพูดของน้องสาว

“หลี่เจียง” หลิวซือเรียกชื่อสามีเสียงขึ้นจมูก

เวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอก็เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป ไม่เหมือนอยู่ต่อหน้าแม่สามี ที่ต้องทำตัวเรียบร้อยไม่กล้าต่อปากต่อคำ

“เอาล่ะๆ คุณก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป เท่าที่ผมฟังทางฝั่งนั้นก็น่าจะยอมรับเสี่ยวเหลียนแล้ว เหลือแค่ลูกสาวคุณเท่านั้นแหละที่จะยอมรับหรือเปล่า”

“ลูกสาวของเรา” หลิวซือแย้ง

“ใช่ๆ แล้วๆ ลูกสาวของเรา ส่วนเรื่องน้องสามคุณไม่ต้องคิดมากหรอก ยังไงพี่เขยก็ไม่ยอมให้หลินเอ๋อร์ลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาแต่งงานหรอก”

พอนึกถึงพี่เขยหวัง หลิวซือก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะเขาค่อนข้างตั้งความหวังกับลูกสาวของพวกเขามากพอสมควร

“สบายใจขึ้นหรือยัง” เห็นภรรยาเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า ก็จับมือของเธอขึ้นมาหอมเบาๆ

“อือ แต่ก็ยังไม่วางใจหรอกนะคะ เพราะน้องสาวของคุณ”

“พอแล้วๆ ถ้าน้องสามจะทำเหมือนที่คุณว่าจริง ผมนี่แหละจะเป็นคนจัดการ ตอนนี้คุณไปพูดกับเสี่ยวเหลียนให้ยอมใจอ่อนก่อนเถอะ” เพราะถ้าถามเขา คิดว่าพูดกับน้องสาวยังง่ายกว่าพูดกับลูกเลี้ยงเสียอีก

สำหรับเขาแล้วถ้าลูกเลี้ยงอยากจะเรียนก็ส่งเรียนได้ แต่ถ้าไม่เรียนก็ต้องเป็นการดีกับเงินในกระเป๋า แล้วยิ่งได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีเขาก็ยิ่งวางใจ ต่อไปจะได้ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวเหมือนตอนนั้นอีก

สองสามีเดินกลับเข้ามาในบ้าน ก็พบว่าหลี่เซียนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่พี่ชายเดินเข้ามา หลี่เซียนก็เตรียมจะวิ่งเข้าหา แต่พอเห็นหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ก็กลืนคำพูดลงท้องไป

“กลับมาแล้วเหรอ”

“ครับ” หลี่เจียงพยักหน้ารับ

“กลับมาเหนื่อยๆ มานั่งดื่มชาก่อนเถอะ” ย่าหลี่กวักมือเรียกลูกชาย

“วันนี้อากาศร้อน ขอตัวไปล้างตัวก่อนดีกว่าครับ แม่ตามสบายเถอะ”

เป็นแม่ลูกกันมา ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าแม่มีเรื่องจะพูด ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ภรรยาได้บอกไปแล้ว ถึงเขาจะไม่ได้รักลูกเลี้ยงเท่าลูกตัวเอง แต่วาสนาดีขนาดนี้ก็อยากจะให้อยู่แค่คนในครอบครัว หวังหลินคือคนตระกูลหวัง ไม่ใช่คนตระกูลหลี่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status