Share

16

Penulis: Scince
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-13 15:46:20

ช่วงเย็นจ้าวเสี่ยวเหลียนตั้งแต่มาถึงก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง คิดหาวิธีเอาตัวรอดกับงานแต่งงานในครั้งนี้ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ติดต่อยายหลิวตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะท่านเพิ่งจะไปได้แค่วันเดียว อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 4-5 วัน แบบนี้คงไม่ทันการณ์

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงใสของน้องสาวที่ดังอยู่ข้างนอก ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

“เข้ามาสิ”

“พี่ แม่ให้มาตามไปกินข้าว” หลี่เฟินเดินมาหยุดตรงหน้าพี่สาว

“เฟินเอ๋อร์ไปกินเถอะ บอกแม่ว่าพี่ไม่หิว”

“พี่ แม่บอกมาแล้วว่ายังไงก็ต้องออกไปกินข้าว ถ้าพี่ไม่ไปฉันก็ห้ามกินข้าว” หลี่เฟินพูดด้วยน้ำเสียงแกมอ้อนวอน

เด็กสาวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแต่คิดว่าถ้าอาสามมาที่บ้านส่วนมากแล้วก็จะมีเรื่องทุกที ยิ่งมาเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของพี่สาวก็ยิ่งมั่นใจว่าตนเองสันนิษฐานไม่ผิด

“ไม่มีอะไรหรอกแค่เป็นห่วงยายน่ะ ถ้างั้นพวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะ”

เห็นน้องสาวทำสายตาอ้อนวอนก็อดที่จะสงสารไม่ไหว แม้ว่าคนในครอบครัวจะไม่หวังดีกับเธอ แต่ก็รับรู้ได้ว่าน้องสาวแตกต่าง เป็นธรรมดาที่ทั้งสองคนไม่สนิทกัน เพราะพี่น้องเพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่นาน แต่คำว่าพี่น้อง ยังไงก็มักจะมีสายใยบางๆ เชื่อมกันอยู่

ขณะที่ทั้งสองเดินออกจากห้อง พบว่าคนอื่นๆ นั่งรอที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งอาสี่ที่กลับบ้านดึกวันนี้ก้ร่วมโต๊ะด้วย

“กว่าจะมาได้” สะใภ้รองแสร้งบ่นพำพึมกับตัวเอง แต่ความจริงแล้วตั้งใจพูดให้คนอื่นได้ยินด้วย

“อาโหยว เสี่ยวเหลียนมานั่งข้างๆ ย่ามา ทำไมช่วงนี้ย่าถึงรู้สึกว่าเราสองคนไม่ได้เจอหน้ากันเลยทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน” ย่าหลี่กวักมือเรียก ท่าทางใจดีของท่านกลับมาอีกครั้งเหมือนครั้งแรกที่เจอหน้ากันไม่มีผิด

หลิวซือที่กำลังตักข้าวให้กับทุกคนอยู่ก็ชะงักมือ เพราะที่นั่งข้างๆ แม่สามีนั้น นอกจากลูกสาวของเธอที่นั่งข้างซ้ายแล้ว ข้างขวาก็ยังมีหวังหลินอีกคนที่มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

“จริงสิ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยเจอหลินเอ๋อร์เลยนี่นะ หลินเอ๋อร์ทักทายพี่เสี่ยวเหลียนเสียสิ” ย่าหลี่แนะนำหลานสาวให้รู้จักกัน

“สวัสดี” หวังหลินทักทายแบบขอไปที

เธอเกิดในเมือง ถือว่าตัวเองเป็นคนในเมือง เลยไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับคนชนบท เพราะฉะนั้นวันที่แม่บอกว่าลูกเลี้ยงของลุงใหญ่มาถึงเลยหาข้ออ้างไม่มาหา แต่ครั้งนี้เลี่ยงไม่ได้เลยต้องมาด้วยความจำยอม

“สวัสดีจ้ะ” เสี่ยวเหลียนไม่ใส่ในท่าทางไร้การศึกษาของอีกฝ่าย เพราะยิ่งหล่อนแสดงออกว่ารังเกียจมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแสดงถึงตัวตนมากเท่านั้น

“รู้จักกันเอาไว้ ต่อไปก็ต้องเรียนที่เดียวกันแล้ว มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน”

“ยายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” หวังหลินถามตาโต

“ก็หมายความว่าพี่เสี่ยวเหลียนสอบเข้าโรงเรียนระดับสองของเราได้แล้วยังไงล่ะ อีกไม่กี่วันก็ต้องไปสอบเลือกห้องแล้วไม่ใช่เหรอ วันนั้นอย่าลืมมารับพี่เขาไปด้วยล่ะ เผื่อโชคดีจะได้อยู่ห้องเดียวกัน”

“ฉันเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนประจำจังหวัดของเรามาตรฐานต่ำขนาดนี้แล้ว แม้แต่คนชนบทก็มีสิทธิ์สอบเข้าได้ เหลือเชื่อจริงๆ” หญิงสาวเบ้ปากเมื่อได้ยินว่าญาติชนบทได้เข้าเรียนโรงเรียนอันดับต้นๆ ของในเมือง

“คนชนบทที่ไหนกันล่ะ พี่เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่ทะเบียนบ้านของพวกเราแล้ว กลายเป็นคนบ้านหลี่โดยสมบูรณ์” ย่าหลี่ยิ้มเจื่อน พยายามอธิบายอย่างในเย็นให้หลานนอกคนนี้ฟัง

“ดีจริงๆ เลยนะคะ ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ แม่ขอให้ยายโอนชื่อฉันมาอยู่ที่ทะเบียนบ้านเขตนี้เพราะโรงเรียนประถมเขตนี้สอนดีกว่า แต่ยายบอกว่าฉันแซ่หวัง ก็สมควรอยู่ที่ทะเบียนบ้านหวัง แล้วขอถามหน่อยว่าหล่อนแซ่อะไร ถึงมีสิทธิ์ย้ายเข้ามาอยู่”

“หึ” สะใภ้รองแสยะยิ้ม เห็นด้วยกับคำพูดที่แม้จะไร้มารยาทของหลานสาว นึกในใจคนเดียวว่า แม่ลูกคู่นี้ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยนเลยจริงๆ

“หลินเอ๋อร์” หลี่เจียงตำหนิหลานสาวกลายๆ ถึงยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้คนอื่นรังแก

“นับวันยิ่งพูดจาเลอะเทอะเข้าไปใหญ่ เสียวเหลียนเป็นลูกสาวของลุงใหญ่ก็ถูกต้องแล้วถ้าจะย้ายชื่อมาอยู่ที่ทะเบียนบ้านนี้ ส่วนเธอแซ่หวังก็ต้องอยู่ที่บ้านหวัง การศึกษาไม่ได้ขึ้นอยู่ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียวหรอก ดูจากวันนี้ก็รู้แล้วว่าคนที่สอบเข้าโรงเรียนอันดับต้นๆ ได้ก็ใช่ว่าจะดี” อาสี่พูดนิ่มๆ แต่ทำเอาคนฟังหน้าชาไปตามๆ กัน

“น้าสี่ นี่น้ากำลังด่าฉันอยู่เหรอ ฉันบอกแม่แล้วว่าคนที่นี่ไม่มีใครอยากต้อนรับ พวกเขามองว่าฉันเป็นคนนอก แม่ก็ยังจะดันทุรังให้ฉันมา ฉันแซ่หวังไม่ใช่แซ่หลี่” หวังหลินถูกปู่ย่าตามใจจนเคยตัว อีกทั้งเธอไม่คิดเกรงกลัวผู้เป็นแม่เลยสักนิด ถูกต่อว่าต่อหน้าคนมากมายมีเหรอที่จะทนไหว

ย่าหลี่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า โชคทีท่านยังไม่พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของลูกสาว ไม่อย่างนั้นแต่งเข้าครอบครัวทหารไปมีแต่จะทำให้ขายหน้าเปล่าๆ

หลิวซือเห็นแบบนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งออก ลืมไปสนิทเลยว่าหวังหลินเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ และเชื่อว่าสามีเองก็เห็นข้อเสียของหลานสาวเรื่องนี้ เขาเลยไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่จะให้หลานสาวของตัวเองแต่งกับครอบครัวผู้พัน เพราะเขาเป็นคนที่รักในชื่อเสียงของตระกูลมาก

เรื่องราวจบลงด้วยการที่หวังหลินขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่เสี่ยวเหลียนก่อน เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะพูดกับคนไม่มีสมองพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ

ก่อนนอนคืนนั้นหลิวซือเข้ามาในห้องของลูกสาว พยายามพูดจาหว่านล้อมให้คำนึงข้อดีข้อเสียของการแต่งงานในครั้งนี้

“แกเห็นแล้วนะว่าอาสามจ้องจะงาบผู้พันไปเป็นลูกเขย"

“ตรงไหนคะ ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง” เสี่ยวเหลียนหัวเราะเบาๆ กับความคิดของผู้เป็นแม่

“เหลียนเอ๋อร์ แม่รู้ว่าแกอยากจะเรียนต่อ แต่แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อชื่อเสียงของแกมันเสียไปแล้ว เรียนจบออกมาบ้านไหนจะอยากรับเป็นลูกสะใภ้ ต่อไปจะไม่ต้องอยู่เป็นโสดไปจนตายเหรอ”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ฉันกับผู้พันจางก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาทำดีช่วยเหลือคนก็ไม่ควรต้องมารับผิดชอบเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ แม่เองก็มีประสบการณ์มาแล้ว แต่งงานที่ปราศจากความรักมันลงเอยแบบไหน”

หลิวซือได้ยินแบบนั้นก็สะอึกจนพูดไม่ออก เธอยอมรับว่าหลงในหน้าตาของพ่อเสี่ยวเหลียนจริง แต่จะเอาคนพรรค์นั้นมาเปรียบเทียบกับผู้พันมันเทียบกันได้ที่ไหนกันล่ะ

“ถ้ายายแกอยู่ ฉันเชื่อว่ายังไงก็ต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้”

“ถ้างั้นแม่ก็รอให้ยายกลับมาก่อนสิคะแล้วค่อยว่ากัน ผู้พันเองก็ไปปฏิบัตินอกพื้นที่ไม่รู้ว่าจะกลับวันไหน แล้วถ้าเกิดเขาไม่ได้กลับมาเร็วๆ นี้ฉันจะทำยังไง อนาคตของฉันไม่ต้องเสียไปเปล่าๆ เหรอ”

ได้ยินลูกสาวพูดแบบนี้หลิวซือก็ตาสว่าง เธอเอาแต่คิดว่าจะยอมให้หลี่เซียนมาชุบมือเปิบเอาลูกเขยของตนเองไปไม่ได้ แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้

“อืม ที่แกพูดมาก็มีเหตุผล อีกไม่กี่วันก็จะสอบเลือกห้องแล้ว ถ้าอย่างนั้นแกก็ทำตามปกติไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้ผู้ใหญ่จัดการกันเอง”

“หมายความว่ายังไงให้ผู้ใหญ่จัดการ ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าถ้าฉันได้เรียนแล้วก็ไม่มีทางลาออกกลางคันแน่นอน ถ้าพวกเขาอยากจะรับผิดชอบจริงๆ ก็ต้องรอให้ฉันเรียนจบได้ก่อนได้ แต่ถ้ารอไม่ได้ก็ถือว่าฉันกับเขาไม่มีวาสนาต่อกัน แม่ออกไปได้แล้วล่ะค่ะฉันง่วงนอนแล้ว”

เสี่ยวเหลียนคลุมโปง ไม่สนใจผู้เป็นแม่ที่อ้าปากเตรียมจะพูดโน้มน้าวตนเองอีก

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status