Share

14

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-12 11:53:47

อาสามได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มค้าง ส่วนหลิวซือนั้นได้แต่นั่งนิ่งพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดูดีขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าเป็นชนชั้นแรงงานเหมือนกันเสียอีก

“ไอหยาคุณนายอย่าเพิ่งใจร้อนไปสิคะ ทำความรู้จักกันก่อน” อาสามพูดแก้สถานการณ์ เห็นการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเป็นคนมีเงิน เพราะแบบนี้ถึงได้บอกให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ

“เย็นไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ เสียงพูดถึงหนูเสี่ยวเหลียนดังเข้าหูมาทุกวัน กว่าที่ฉันจะติดต่อพวกคุณได้ไม่ใช่ง่าย” คนที่แนะนำตัวว่าเป็นหยางเถาฮวาพูดขึ้น

เธอเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้แล้วก็พยักหน้าพอใจ ก่อนหน้าที่ลูกชายจะไปทำงานได้บอกแล้วว่าไปล่วงเกินสาวคนหนึ่งเข้า ไม่รู้ว่าทางนั้นจะมาเอาเรื่องหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็รับปากรับผิดชอบไป เพราะตนล่วงเกินอีกฝ่ายจริง

“เดี๋ยวก่อนนะคะ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน” เสี่ยวเหลียนได้กลิ่นไม่ดีเลยถามออกไปอย่างงุนงง

“เสี่ยวเหลียนจ๊ะ ผู้ใหญ่คุยกันเด็กอย่าเพิ่งพูดแทรก เดี๋ยวก็รู้เองแหละว่าเรื่องอะไร” คำพูดของอาสามทำเอาหยางเถาฮวาที่กำลังจะอ้าปากอธิบายต้องกลืนคำพูดลงท้องของตัวเองไป

“นั่นสิ รอให้อาสามพูดจบก่อน” หลิวซือพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาวสามี

“ก่อนอื่นต้องขอแนะนำอย่าเป็นทางการนะคะคุณนาย ฉันชื่อหลี่เซียน เป็นอาสามของเด็กคนนี้ค่ะ ส่วนคนนี้คือพี่สะใภ้ใหญ่ของฉัน หลิวซือ แล้วก็จ้าวเสี่ยวเหลียน ตัวต้นเหตุของเรื่องนี้”

หยางเถาฮวาหน้าเจื่อน ไม่รู้ว่าจะอึ้งกับคำไหนก่อนดี สามคนแต่กลับแซ่ไม่เหมือนกันเลย หรือจะอึ้งกับคำพูดเหน็บแนมของคนที่แนะนำตัวเองว่าเป็นอา ทว่าคำพูดคำจากลับไม่ให้เกียรติหลานสาวของตัวเองเลย

“สวัสดีจ้ะ ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษแม่เสี่ยวเหลียนแทนลูกชายของฉันด้วยที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เดิมทีเขาก็พูดเรื่องนี้กับฉันแล้วล่ะ เป็นฉันเองที่ไม่เอาไหน ปล่อยให้เรื่องนี้ถูกคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องพูดถึงเป็นวงกว้าง จนต้องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้”

ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ตนไม่ได้อยู่แถวตรอกซอยนี้ อีกทั้งยังไม่ใช่สังคมโรงงาน ทำให้ไม่รู้ข่าวซุบซิบ แต่ที่รู้เรื่องเพราะแม่บ้านมาจ่ายตลาดและลูกชายของตนเองถูกพาดพิง เลยให้คนมาสืบถึงได้รู้ว่าเรื่องที่ลูกชายฝากฝังก่อนจะไปทำงานนั้นเป็นเรื่องจริง

“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกหรอกค่ะ ความจริงเราต้องขอบคุณลูกชายของคุณนายด้วยซ้ำที่ช่วยชีวิตลูกสาวของฉันเอาไว้” หลิวซือไม่คิดโทษอีกฝ่าย พอเธอมานั่งนึกดูอีกทีก็เหมือนจะเห็นผู้ชายตัวเปียกโชกคนหนึ่งจริงๆ แต่จังหวะนั้นเป็นห่วงลูกสาวมากเกินกว่าจะนึกถึงคนอื่น

“เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ” อาสามเห็นสองคนขอโทษกันไปมา แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกันสักที

“ตายจริง นี่เป็นประวัติของลูกชายฉันค่ะ” หยางเถาฮวายื่นประวัติของลูกชายที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจทำขึ้นมายื่นให้กับหญิงสาวที่นั่งทำตาปริบๆ

ทว่ากลับถูกอาสามคว้าเอาไปเสียก่อน แต่พอได้เห็นรูปเต็มตัวของอีกฝ่ายแล้วถึงกับอ้าปากค้าง เพราะต่อให้จะเป็นภาพขาวดำ แต่ความหล่อก็ทะลุมาแต่ไกล รูปร่างสูงโปร่งมีภูมิฐาน ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีการศึกษาดี แล้วยิ่งเห็นว่าเรียนจบจากโรงเรียนทหารโดยตรงก็อึ้งเข้าไปใหญ่

“พันตรีอย่างนั้นเหรอคะ” อาสามทวนยศของอีกฝ่าย

“ใช่แล้วล่ะค่ะ เขาเข้าเรียนโรงเรียนทหารตั้งแต่อายุ 15 ปี พออายุ 17 ปีก็สอบเทียบเรียนจบแล้วก็เข้ารับราชการทหารสังกัดมณฑลเลย ตอนนี้อายุ 22 ปีพอดี เพิ่งเข้ารับตำแหน่งพันตรีเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ” คนเป็นแม่พูดถึงลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ

หลิวซือได้ยินน้องสาวสามีพูดถึงตำแหน่งของอีกฝ่ายก็ไม่รอช้า รีบหยิบประวัติขึ้นมาอ่านคร่าวๆ ภายในใจที่หนักอึ้งรู้สึกเบาสบายเหมือนยกภูเขาออกจากอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผู้ชายไม่เอาไหนที่ไหน แต่เป็นถึงผู้พันที่มาช่วยชีวิตลูกสาวของเธอเอาไว้ได้

เสี่ยวเหลียนเห็นแม่กรอกสายตาอ่านประวัติแล้วฉีกยิ้ม ก็อดไม่ได้ที่จะสะกิดขอดู ตอนนี้เธอพอจะเดาได้แล้วว่าที่แม่พามานั่งตรงนี้จุดประสงค์คืออะไร

ไม่ใช่การดูตัว แต่เป็นเพราะข่าวลือในตอนที่เธอตกน้ำ เธอเข้าใจผิดมาตลอดว่าคนที่ช่วยชีวิตคือพ่อเลี้ยง แต่ความจริงแล้วกลับกลายเป็นผู้ชายหน้านิ่งในภาพที่ใส่ชุดทหารเต็มยศ ถ่ายคู่กับปืนคู่ใจที่ใครเห็นแล้วเป็นต้องใจสั่นรวมถึงเธอด้วย นี่มันจางฮั่นชัดๆ หล่อแบบดิบเถื่อนนิดๆ หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย

“เอ่อ คุณนายคะบอกตามตรงว่าทางเราคงไม่อาจเอื้อม” อาสามพูดขึ้น ทำเอาหลิวซือหันไปมองหน้าน้องสามีตาขวาง

เธอเป็นแม่แท้ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ แล้วเรื่องอะไรที่คนอื่นจะมาออกความเห็น เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมมันใช่เรื่องที่จะพูดออกมาต่อหน้าอีกฝ่ายอย่างนั้นเหรอ

“อาสาม” หลิวซือเรียกเบาๆ ทว่าหลี่เซียนกลับทำหูทวนลมไม่ได้ยิน

ตอนแรกที่ตกลงมาเป็นเพื่อน เพราะอยากจะเห็นหน้าผู้ชายที่ช่วยชีวิตจ้าวเสี่ยวเหลียนเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่อีกฝ่ายจะดูดีขนาดนี้ นี่มันลูกเขยในอุดมการณ์ของเธอชัดๆ ไม่สู้เก็บเอาไว้เป็นตัวเลือกให้ลูกสาวตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ ใครจะไปยอมยกให้หลานนอกสายเลือดกันล่ะ

“อาสามพูดถูกนะคะ คุณนายคะ ข่าวลือพวกนั้นฉันไม่สนใจหรอกค่ะ อีกอย่างฉันก็กำลังเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน” เสี่ยวเหลียนพยักหน้าเห็นด้วย

เธอรู้ว่าตอนนี้แม่แทบอยากจะยกเธอใส่พานให้กับอีกฝ่าย แต่สำหรับคนที่ผ่านโลกมาเยอะพอสมควรอย่างเธอแล้ว รู้ดีว่ายังมีผู้ชายอีกมากที่ดีกว่าหนุ่มหล่อคนนี้ สำคัญที่สุดคือนิสัยต้องเข้ากันได้ เพราะต่อให้หน้าตาดี ฐานะดีแค่ไหน ถ้านิสัยไม่ดีก็เท่านั้น

“เอางั้นเหรอ” หยางเถาฮวาพูดอะไรไม่ออก

ตนเดินทางมาเจรจาคนเดียว ไม่ได้พาแม่สื่อมาด้วย เพราะมั่นใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็ต้องตอบรับลูกชาย แต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายกลับปฏิเสธโดยไม่ทันได้ปรึกษากันก่อนเสียด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกอับอายอยู่เล็กน้อย

“ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะคะ แกยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าอะไรคือชื่อเสียง แต่ถึงยังไงฉันก็คงต้องขอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาสามีดูก่อน แล้วถ้าเกิดว่าทางฝั่งบ้านคุณนายไม่รังเกียจที่ลูกสาวฉันมาจากชนบท แล้วครอบครัวของพวกเราก็เป็นเพียงชนชั้นแรงงาน ถึงตอนนั้นก็ส่งแม่สื่อมาพูดคุยกันให้ถูกต้องตามธรรมเนียมจะดีกว่านะคะ”

หลิวซือพูดพร้อมทั้งยื่นประวัติลูกสาวที่มีรูปเธอขณะที่กำลังยิ้มอยู่ส่งไปให้

เสี่ยวเหลียนไม่รู้ว่ารูปนี้ถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ น่าจะถ่ายตอนที่ร่างนี้มาในเมืองแล้ว เพราะเธอจำสะพานตรงนี้ได้ มันก็คือสะพานเดียวกับที่เจ้าของร่างกระโดดน้ำนั่นเอง

“ดี แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ” หยางเถาฮวาพยักเห็นด้วยกับคำพูดของหลิวซือ

อาสามอ้าปากเตรียมจะพูด แต่กลับถูกหลิวซือพูดดักขึ้นเสียก่อน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวก่อน บอกตามตรงว่าฉันเองก็ถูกทางโรงงานถามเรื่องนี้มาเหมือนกัน แต่ก็จนใจเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อหนุ่มที่ช่วยชีวิตลูกสาวคือผู้พัน จางเสวี่ยอวี้”

“ลำบากน้องหลิวแล้วล่ะ”

สุดท้ายแล้วการพบปะพูดคุยจบด้วยการจะส่งแม่สื่อมาทาบทามอีกที จ้าวเสี่ยวเหลียนขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด รวมถึงอาสามด้วย เพราะตอนนี้เธอเริ่มมีความคิดอยากจะได้ผู้ชายของหลานสาวมาเป็นลูกเขยของตัวเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status