(แรงบันดาลใจจากเพลง ที่ไม่รัก – PROXIE)
เสียงฝนตกพรำๆ เคาะหน้าต่างห้องของคิมิอย่างแผ่วเบา ละอองน้ำไหลเป็นเส้นบางเฉียบบนกระจก เหมือนร่องรอยน้ำตาที่ไม่มีใครได้เห็น
ภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงพัดลมจากโน้ตบุ๊กและเสียงพิมพ์เบาๆ ที่คิมิใช้ตอบแชท ปลายนิ้วเธอวางค้างอยู่บนคีย์บอร์ด หน้าจอแสดงภาพเกม Project Zomboid ที่กำลังโหลดเข้าเซิร์ฟเวอร์ที่นัดกันไว้
เวลาสามทุ่มครึ่ง
วันนี้เธอมีนัดเล่นเกมกับเพื่อนๆ ในDiscord ฝัน, เฟื่อง, ปาย และพอล เหมือนคืนวันศุกร์ธรรมดาที่เคยสนุกแต่คืนนี้กลับไม่เหมือนเดิมเลย
ไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัว เสียงแจ้งเตือนจาก Discord ดังขึ้นพร้อมแชทส่วนตัวที่โผล่ขึ้นมา
ปาย: “คิมิ… เราคุยกันหน่อยได้มั้ย”
คิมิมือเย็นเฉียบ แสงหน้าจอสะท้อนบนแก้มที่ซีดเผือด เธอรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ได้สิ…” เธอตอบกลับไป พยายามไม่ให้มือสั่นแม้หัวใจจะเต้นโครมคราม
เสียงปายเปิดไมค์ทันที เสียงหายใจของอีกฝ่ายลอดเข้ามาผ่านหูฟังอย่างชัดเจน น้ำเสียงยังเป็นปายคนเดิม อ่อนโยน ชัดเจน ไม่ลังเล แต่เนื้อหาที่พูดออกมานั้นเปลี่ยนทุกอย่าง
“เราอยากบอกคิมิมานานแล้ว…ว่าเราชอบคิมิ เราไม่ได้แค่รู้เรื่องที่คิมิชอบฝันนะ เราเข้าใจ แต่เราก็ยังเลือกจะชอบคิมิอยู่ดี”
คิมิใจหายวาบ โลกทั้งใบชะงักงัน หูอื้อไปชั่วครู่ ความเงียบกลืนกินสติของเธอจนเหลือเพียงคำถามเดียวในหัวว่า "ทำไมต้องเป็นตอนนี้..."
“…เราขอโทษปายนะ แต่เราไม่ได้รู้สึกกับปายแบบนั้น”
เธอพูดอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้คำพูดของตัวเองบาดลึก แต่ก็รู้ดีว่า…มันเลี่ยงไม่ได้
“เรารู้ เราแค่หวังว่า ถ้าคิมิได้ยินจากปากเรา อะไรๆ อาจจะเปลี่ยนได้บ้างแต่มันไม่ใช่เลยใช่มั้ย”
“ใช่…”
ความเงียบโอบล้อมทั้งสองฝั่งของสายสนทนา ไม่มีเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงฝนที่เหมือนจะตกแรงขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนจะวางสาย ปายพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใช่เสียงของคนอกหัก แต่มันเย็นชาเกินไปจนคิมิขนลุก
“งั้นเราจะบอกทุกคนให้รู้ โดยเฉพาะพอล ว่าคิมิชอบฝัน...”
หัวใจของคิมิหล่นวูบลงในหลุมมืด มือเธอสั่นจนเผลอกดปิดไมค์โดยอัตโนมัติ ดวงตาจ้องจอเกมที่ยังค้างอยู่ตรงหน้าต่าง Join Server อย่างเลื่อนลอย
“พี่คิมิ เข้ามายังอะ น้องรอพี่ฝันกับพี่พอลอยู่”
เสียงของเฟื่องดังขึ้นพอดี ผ่านเสียงแจ้งเตือนในห้อง Discord คิมิตั้งสติ กลืนน้ำลายลงคอ ตอบกลับไปด้วยเสียงที่เบาและแหบ
“อืม กำลังเข้าอยู่”
เกมเริ่มโหลดเข้าเซิร์ฟเวอร์ เสียงฝนในหูฟังกลมกลืนกับฝนจริงที่ตกนอกหน้าต่าง ราวกับโลกสองใบกำลังซ้อนทับกัน ไม่กี่วินาทีต่อมา พอลและฝันก็เข้ามาในห้องเสียง
“คิมิ เข้ามาแล้วเหรอ เราเล่นด่านหาของกันก่อนดีมั้ย พอลจะหายาปฐมพยาบาล เฟื่องไปหาน้ำ ส่วนคิมิกับเราไปหา กระป๋องอาหารนะ”
เสียงของฝันเต็มไปด้วยพลังอย่างเคย แต่ในใจของคิมิ มันเหมือนกำแพงสูงที่ไม่มีวันข้ามไปได้อีกแล้ว
“ได้...” คิมิตอบเบาๆ
เกมเริ่มต้นอย่างช้าๆ ตัวละครทั้งสี่กระจายตัวออกไปตามหน้าที่ในเมืองร้างที่เต็มไปด้วยซอมบี้ แสงจากจอทำให้ใบหน้าของคิมิถูกย้อมด้วยแสงสีหม่น เธอมองตัวละครของฝันเดินนำไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขณะที่เธอวิ่งตามอยู่ห่างๆ
ระยะห่างในเกมดูน้อยนิด...แต่มันไกลเกินเอื้อมในชีวิตจริง
ไม่นานนัก เสียงของปายก็กลับมาในห้องเสียง
“สวัสดีทุกคน ขอโทษที่มาช้า”
น้ำเสียงราบเรียบเหมือนทุกครั้ง แต่คิมิสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเหมือนระเบิดที่กำลังนับถอยหลัง
“มาพอดีเลย เรากำลังหาฐานใหม่ ใครมีแผนที่บ้าง” พอลถามขึ้น
“เราๆ เรามี พี่ฝันดูนี่ดิ ตรงนี้น่าจะดีนะ” เฟื่องเสนออย่างร่าเริง
“คิมิว่าไงอะ ตรงนั้นโอเคมั้ย” ฝันถาม
“...ก็ดีนะ ล้อมรั้วไว้หน่อยก็ดี”
คำตอบของคิมิเบากว่าทุกครั้ง ไม่มีใครถามซ้ำ ไม่มีใครทักท้วง เพราะพวกเขาคงยังไม่รู้ว่าความเงียบของคิมิไม่ใช่เพราะเบื่อแต่มันคือเสียงของหัวใจที่กำลังแตกร้าว
เมื่อเล่นเกมไปได้ครู่หนึ่ง ทุกคนกลับมารวมตัวที่บ้านหลังหนึ่งในเกมเพื่อเตรียมพักค้างคืน แต่ปายกลับพูดขึ้นมา
“เราอยากพูดอะไรบางอย่างนะเกี่ยวกับคิมิ”
ทั้งห้องเงียบกริบ คิมิแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมคราม
“ทุกคนรู้ใช่มั้ย ว่าคิมิไม่เคยมีแฟน”
“อืม แล้วไงเหรอ?” พอลตอบเหมือนไม่เข้าใจ
“เราคิดว่า คิมิไม่ได้ไม่มีคนที่ชอบ แต่เขาแค่ไม่กล้าพูด เพราะคนที่เขาชอบน่ะมีแฟนอยู่แล้ว”
“หือ…?” เสียงฝันแทรกขึ้นมาอย่างงงงัน
คิมิกลืนน้ำลาย รีบแทรกทันที
“พอเถอะปาย!!”
“ทำไม? หรือเพราะมันคือเรื่องจริง?”
เงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอีก ราวกับทุกอย่างหยุดหายใจ
“พี่คิมิ มันจริงเหรอ?” เฟื่องถามเสียงเบา
“...ขอโทษนะเฟื่อง…”
คิมิตัดสินใจพูดด้วยตัวเอง เธอจะไม่ยอมให้ใครลากความลับของเธอไปเหยียบย่ำอีก
“…ใช่ เราชอบฝัน…เราชอบฝันมานานแล้ว แต่เราไม่เคยคิดจะบอก เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ฝันมีพอลอยู่แล้ว เรารู้ว่าเราไม่มีทางเข้าไปแทนที่ใครได้”
ฝันเงียบไปนาน พอลเองก็ไม่พูดอะไร เฟื่องไม่แม้แต่จะส่งเสียง
“เราจะออกจากเกมก่อนนะ…”
และโดยไม่รอคำตอบ คิมิก็กดออกจากเกมและ Discord ทันที ปล่อยให้เพื่อนๆ อยู่ในความเงียบและความอึดอัดที่ตัวเองสร้างขึ้น
คืนนั้น
คิมินั่งนิ่งอยู่บนเตียง มือยังคงสั่น หัวใจยังเต้นแรงเหมือนเพิ่งวิ่งหนีฝูงซอมบี้
เสียงฝนตกไม่หยุด...หยดลงบนหลังคา...หยดลงในใจ
เธอเปิดเพลงหนึ่งในหูฟัง — เพลงที่เหมือนพูดแทนใจ
“เพื่อนที่เธอไม่รัก รักเธอ รักเธอ
คนที่เธอไม่เคย สนใจ สนใจ เขาไม่เคยมองผ่านเธอ ถึงเธอมองผ่านไป กว่าจะพูดออกมาได้ มันก็สายเหลือเกิน…”คิมิยกมือขึ้นปิดหน้า ร่างกายสะท้านไหว น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีเสียงสะอื้น
“สายไปแล้วสินะ…”
เสียงฝนยังคงตก เสียงหัวใจยังคงแตก...และในความเงียบของคืนฝนพรำ ไม่มีใครรู้เลยว่ามีหัวใจของใครคนหนึ่ง...เพิ่งพังลงอย่างสมบูรณ์
ตอนพิเศษ 3 — มุมของคิมิหลังจากพิมพ์คำว่า "โอเค" ในหน้าจอแชต โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ ใจมันหนักอึ้ง แค่ตัวอักษรสองตัวที่ปลายนิ้วกดส่งออกไป แต่กลับทำให้ความเงียบกดทับลงมาบนหัวใจอย่างแรงจนแทบหายใจไม่ออกคิมินั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนอน เสียงพัดลมเพดานหมุนเอื่อย ๆ แทบจะเป็นเสียงเดียวที่ดังชัดเจนในความว่างเปล่า น้ำตาไม่ไหลพรากออกมาเป็นสาย แต่มันไหลช้า ๆ จนรู้สึกได้ว่ากำลังอุ่นตรงแก้ม ความรู้สึกมันไม่ได้พรั่งพรู แต่มันกัดกินในใจ เหมือนรอยแผลที่กดซ้ำ ๆหนึ่งชั่วโมงเต็มที่คิมินั่งจมอยู่กับความเศร้า ไม่ได้จับมือถือ ไม่ได้ลุกไปไหน เพียงแค่จ้องหน้าจอค้างไว้เหมือนหวังให้ข้อความใหม่ปรากฏขึ้นมา ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า... มันจะไม่มี"โอเค... ง่ายดีเนอะ" เธอพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงขื่น ๆ ปนหัวเราะแผ่วเหมือนคนก
ตอนพิเศษที่ 2 — มุมของน้ำเสียงพิมพ์แป้นเบา ๆ ในห้องเงียบ ๆ ช่วงดึก กลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่อยู่ข้างน้ำในคืนนั้น นาฬิกาบนผนังชี้เกือบจะห้าทุ่ม แต่หัวใจเธอกลับไม่ยอมพัก เหมือนมันยังรอใครบางคนตอบกลับมาสักอย่างคิมิ…ชื่อที่เธอคุ้นตา คุ้นเสียง และคุ้นกับความเงียบที่อีกฝ่ายมักฝากไว้ให้เสมอ หลังจากผ่าน “21 วัน” แรกที่ตกลงคุยกันทุกวันโดยไม่ขาด น้ำยังคงอยู่ในวงโคจรของคิมิ—วงโคจรที่บางครั้งก็ใกล้จนเหมือนจะชนกัน แต่บางครั้งก็ห่างจนเหมือนอยู่กันคนละจักรวาลจาก 21 วัน กลายเป็น 68 วันหากเล่าให้ใครฟัง คงมีแต่คนบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน แต่สำหรับน้ำ มันคือระยะทางของหัวใจที่ยืดหดสลับไปมา ระหว่างความสุข ความเหนื่อย และความพยายามที่จะเข้าใจใครบ
ตอนพิเศษที่ 1 : ถ้าหากถ้าหาก... ถ้าหากวันหนึ่งคิมิไม่ได้ป่วย ไม่ได้ถูกจำกัดเวลาชีวิตไว้เพียง 30 วัน ไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวเองต้องเร่งรีบวิ่งไล่ตามความสุขที่หล่นหาย... ชีวิตของเธอและน้ำอาจเป็นอีกแบบหนึ่งแต่ใช่ว่ามันจะเป็น "ดีกว่า" หรือ "แย่กว่า" เพราะความสัมพันธ์ของคนสองคน บางครั้งมันไม่ได้พังเพราะโรคภัย ไม่ได้จบเพราะความตาย มันอาจจบเพียงเพราะ... ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันได้และนี่คือเรื่องราว "ถ้าหาก" ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องราวของคิมิและน้ำ หลังจากผ่านไป 68 วัน ที่พวกเธอยังคงพิมพ์คุยกันต่อจาก "21 วัน"เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นเบา ๆ ในห้องนอนที่มีเพียงไฟตั้ง
ตอนที่31 –ท้องฟ้า[ก่อนคิมิเดินทางไปหาน้ำที่ปากช่อง]เสียงรถเมล์สายเดิมที่แล่นผ่านหน้าปากซอยในบ่ายแก่ ๆ ดังแทรกเข้ามาในความเงียบของร้านข้าวแกงเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ข้างบ้าน ฟ้ายืนเช็ดโต๊ะอย่างใจเย็นเหมือนทุกวัน ร้านนี้ไม่หรูหราแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และเป็นที่ที่คิมิชอบแวะมาเสมอ เวลาที่อยากหลบจากโลกภายนอกบ่ายวันนั้นคิมิปรากฏตัวขึ้น เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวบางสีซีดกับกางเกงยีนส์เก่า ๆ ที่ดูหลวมกว่าปกติเล็กน้อย ร่างกายซูบลงจนฟ้าสังเกตได้ทันที เส้นผมดำยาวถูกรวบไว้ต่ำ ๆ อย่างลวก ๆ ใต้ดวงตาสีน้ำตาลยังคงมีประกาย แต่ก็ปนด้วยความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน“ไง คิมิ…” ฟ้าเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม “ทำไมวันนี้มาเร็วจัง ปกติจะมาตอนเย็น ๆ หลังไลฟ์เสร็จนี่”คิมิยกมือไหว ๆ แบบไม่ค่อยมีแรง เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะถอนหายใจยาว “เรา…อ
ตอนที่ 30 – ได้ยินไหม ประกอบเพลง “ได้ยินไหม – ดา เอ็นโดรฟิน”เสียงเครื่องช่วยหายใจในห้องไอซียูยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ “ปี๊… ปี๊… ปี๊…”แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านบาง เข้าตกกระทบใบหน้าซีดขาวของ คิมิ เธอนอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาที่เคยเป็นประกายแห่งชีวิตปิดสนิท เหลือเพียงลมหายใจที่อ่อนแรงผ่านท่อเล็ก ๆ จากเครื่องช่วยหายใจฟ้า นั่งอยู่ข้างเตียง มือหนึ่งกุมชายผ้าห่มแน่น อีกมือคอยเช็ดเหงื่อให้เพื่อนที่ไม่รู้สึกตัวมาหลายชั่วโมงแล้ว
ตอนที่ 29 – เพลงเพราะ...เพราะเธอวันที่ 22 จาก 30 วัน“คิมิ แกอยู่ไหนแล้ว?”“คิมิยังอยู่ปากช่องป่าว?”ข้อความที่น้ำพิมพ์ไปเมื่อเย็นวันที่ 21 ยังขึ้นสถานะ “ยังไม่อ่าน” เธอรีเฟรชหน้าจอซ้ำไปมาเป็นสิบรอบ คำถามค่อย ๆ ปะทุในใจทำไมคิมิไม่ตอบ?น้ำไม่รู้ว่าอีกฟากหนึ่งของเมือง มีใครบางคนกำลังฝากคำตอบไว้ในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวอักษร แต่คือเสียงของหัวใจทั้งหมด…เช้าวันที่ 22 เสียงจักรยานยนต์จากบริษัทข