ตอนที่ 4: คนที่ไม่ใช่
แรงบันดาลใจจากเพลง “คนที่ไม่ใช่” – โอปวีร์
เสียงฝนตกกระทบหลังคาดังเป็นจังหวะค่อย ๆ เนิบช้าเหมือนหัวใจของเธอที่กำลังแหลกช้า ๆ ในห้องเงียบ ๆ ที่มีแค่แสงจากหน้าจอมอนิเตอร์ คิมิเอนตัวพิงเก้าอี้เกมเมอร์ สวมหูฟังพร้อมไมค์ จ้องหน้าจอเกม ROV ที่กำลังแข่งแบบจัดอันดับอย่างจริงจัง
“คิมิ! มึงจะป้อมแตกแล้ว! ถอยดิ๊!”
เสียงของ สานฝัน ดังแว่วจากดิสคอร์ด น้ำเสียงคมชัดจนเหมือนแทงเข้าหัวใจคิมิ เกมรอบนี้ดูจะจริงจังกว่าปกติ ฝันเฟื่อง กับ พอล ยังคงอยู่ในทีม ส่วน ปาย ก็อยู่ด้วย แม้จะไม่พูดอะไรเลยตลอดทั้งเกม
คิมิเหลือบดูมินิแมพแล้วกดวาร์ปกลับฐานในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ก่อนที่ตัวละครของเธอจะตายเป็นรอบที่สี่ในเวลาแค่สิบห้านาที
“ขอโทษ...” คิมิพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงราบเรียบเหมือนหัวใจที่ว่างเปล่า
“เฮ้อ พี่คิมิ เล่นอย่างนี้ทุกเกมเลย ไม่ไหวอ่ะ”
ฝันเฟื่อง บ่นเสียงหงุดหงิด น้ำเสียงไม่ได้รุนแรงเท่าพี่สาว แต่กลับเจ็บลึกไม่แพ้กัน
คิมิพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่ไม่มีใครเห็น แล้วเงียบลง นิ้วชะงักไม่แตะมือถืออีกต่อไป สายตาเธอเลื่อนลอยไปที่ภาพตัวละครในเกมที่ยืนอยู่เฉย ๆ อย่างไร้จุดหมาย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายไปจากเกม และจากใจใครบางคน
“อาจจะเพราะเธอไม่ชอบดอกไม้…”
คิมิยังจำวันนั้นได้ดี วันที่เธอยื่น ดอกทานตะวัน ให้สานฝันในวันเกิด — ดอกไม้ที่เธอเลือกด้วยความตั้งใจที่สุด ฝันรับไว้ ยิ้มบาง ๆ แล้ววางไว้บนโต๊ะ เธอไม่ได้แตะมันอีกเลย
“อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ชอบขนมที่ให้...”
บราวนี่ช็อกโกแลตที่คิมิทำด้วยมือเป็นครั้งแรก กลับถูก ปาย เอาไปกินหน้าตาเฉย โดยที่ฝันไม่ได้พูดอะไร
“อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ชอบเพลงที่ฉันร้อง...”
เสียงที่คิมิอัดเพลงลงไลน์ส่งให้ฝัน พร้อมคำอธิบายว่าร้องให้เธอโดยเฉพาะ — กลับมีเพียงสติ๊กเกอร์แมวหน้าตายที่ตอบกลับมาเท่านั้น
“หรือไม่ชอบแหวนที่มอบให้...”
แหวนเงินเรียบ ๆ วงเล็ก ๆ ที่เธอให้ฝันไว้ตอนเรียนปีสอง ฝันรับไว้แต่ไม่เคยสวมใส่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“คิมิ”
เสียงของสานฝัน... คราวนี้ต่างออกไป — นุ่มนวลและอ่อนโยนจนคิมิรู้สึกแปลกใจ
“หืม?” คิมิรับคำเบา ๆ
“เราขอคุยอะไรหน่อย...หลังเกมจบ”
คิมิเงียบไปครู่หนึ่ง รู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่คำชวนคุยเรื่องสกิลหรือไอเทม อย่างเคย แต่มันคือบทสนทนาสำคัญ — บางอย่างที่ค้างคา บางอย่างที่เจ็บ
หลังจบเกม... ห้องดิสคอร์ดที่เคยมีห้าคน เหลือเพียงเธอกับฝัน
ความเงียบแผ่ขยายออกไปชั่วขณะ เหมือนความเงียบก่อนพายุจะมา
จนกระทั่งฝันพูดขึ้น
“คิมิ... เราแต่งงานกับพอลแล้วนะ”
เสียงเธอราบเรียบ แต่สำหรับคิมิ มันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจที่แตกร้าวอยู่แล้ว
คิมิกลืนน้ำลาย ฝืนยิ้ม ทั้งที่ขอบตาร้อนวูบ
เธอรู้มาตลอด รู้ว่าฝันกับพอลคบกัน รู้ว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นคู่ชีวิตของกันและกัน
แต่การได้ยินจากปากฝัน...
มันเหมือนเข็มที่ค่อย ๆ แทงลึกเข้าใจกลางหัวใจ
“เรารักเขา”
คิมิหลับตาแน่น พยายามกั้นไม่ให้เสียงหัวใจตัวเองดังไปถึงไมค์
“เราไม่ได้ไม่เห็นที่คิมิพยายามนะ...” ฝันพูดเสียงเบา “แต่ว่า...”
“แต่สิ่งที่ให้มา... มันมาจากคนที่ไม่ใช่” คิมิต่อคำอย่างแผ่วเบา
ฝันเงียบไปเล็กน้อย ก่อนพูดแผ่วเบาเหมือนลมหายใจ
“ขอโทษนะ...”
คิมิยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ปิดบังน้ำตาไว้เบื้องหลัง
“ไม่ต้องขอโทษหรอก... ฝันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ฝันเฟื่อง กลับเข้าห้องเสียงในดิสคอร์ดอีกครั้ง เสียงของเขาแทรกความเงียบขึ้นมา
“พี่คิมิ อะไรอะ เห็นพี่ฝันเดินออกไปหน้าเครียดเลย”
คิมิยิ้มจาง ๆ เหมือนคนที่เพิ่งผ่านพายุมา
“เฟื่อง... พี่อาจจะไม่ได้เล่นเกมด้วยอีกแล้วนะ”
“อะไรของพี่อะ!” เฟื่องขึ้นเสียงทันที “เรื่องเกมเล่นไม่เก่งมันไม่เห็นเป็นไรเลย ผมยังอยากเล่นกับพี่นะ!”
คิมิหัวเราะเบา ๆ ทั้งน้ำตาที่ซึมอยู่ตรงขอบตา
“พี่ไม่ได้จะเลิกเพราะแพ้หรอกเฟื่อง... พี่แค่รู้แล้วว่า ต่อให้พยายามมากแค่ไหน คนที่ไม่ใช่...ก็เป็นได้แค่นี้”
เสียงในห้องดิสคอร์ดเงียบสนิท ก่อนที่เฟื่องจะพูดเสียงเบา
“แล้วไอ้ที่ผมอยู่ตรงนี้ มันไม่มีค่าเลยเหรอ?”
คิมิชะงักไปทันที เธอหันมองจอทั้งที่ไม่มีอะไรนอกจากชื่อ "เฟื่อง" ติดอยู่ตรงมุมบนของดิสคอร์ด
“มีสิ...”
“งั้นอย่าหายไปนะ...” เฟื่องเสียงสั่น “ผมไม่อยากเสียพี่ไปด้วย”
คิมิสูดหายใจลึก ๆ พยายามไม่ให้เสียงสั่น
“ขอบใจนะเฟื่อง... แต่พี่ต้องออกจากกลุ่มเกมแล้วจริง ๆ ขอโทษด้วยนะ”
คืนนั้น ข้อความจากปายเด้งขึ้นมาในแชทส่วนตัว
“รู้มาตลอดว่าคิมิชอบฝัน”
“แต่ถึงจะรู้... ก็ยังอดหวังไม่ได้อยู่ดี”
คิมิเบือนสายตาออกจากจอ เธอไม่ตอบ เพราะเธอไม่มีแรงจะปลอบใครอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะไม่แคร์ แต่เพราะหัวใจเธอไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว
ห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงพัดลมคอมพิวเตอร์ที่หมุนเบา ๆ คิมินอนจ้องเพดานห้องที่มืดสนิท ความทรงจำเก่า ๆ ค่อย ๆ ไหลกลับมาเหมือนเทปที่กดรีไวน์
เธอหยิบแหวนเงินวงเล็กที่เคยให้ฝันขึ้นมาหมุนบนฝ่ามือ ความเย็นของมันเหมือนเตือนว่าไม่มีอะไรที่ยังอยู่เสมอ
เธอปล่อยมันให้กลิ้งตกโต๊ะลงพื้น โดยไม่ไยดี
“คงเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน
คนที่เธอจะให้ความสำคัญ
แต่ไม่ใช่เรา... ต้องเข้าใจ”
เช้าวันถัดมา
คิมิเข้าดิสคอร์ดกลุ่มเป็นครั้งสุดท้าย กดพิมพ์ข้อความที่เธอฝึกซ้อมในหัวมาตลอดทั้งคืน
“ขอโทษทุกคนนะ เราจะไม่เล่นเกมด้วยแล้ว ขอให้สนุกนะ”
จากนั้นเธอก็กด “Leave Server” ออกไปเงียบ ๆ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีการบอกลา
คิมิเดินไปที่มุมหนึ่งของห้อง เปิดตู้ลิ้นชักเก่า ๆ ที่เคยเก็บการ์ดวันเกิด ดอกไม้แห้ง กล่องขนมที่ยังไม่เปิด และแผ่น CD เพลงที่ไม่เคยถูกฟัง
เธอรวบมันทั้งหมดใส่กล่อง — กล่องความพยายามที่ไม่เคยถูกเห็นค่า
“แม้จะพยายามมากสักแค่ไหน
ฉันคงเป็นแค่ฝุ่น... ไม่มีแม้ค่าใด
เมื่อคนที่ไม่ใช่... ก็ได้เท่านี้”
คิมิไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว แต่ความเจ็บก็ยังอยู่
เธอหันกลับไปมองจอคอมพิวเตอร์ที่เคยมีเสียงหัวเราะของเพื่อน... ตอนนี้เงียบราวกับไม่เคยมีเสียงใด ๆ อยู่ตรงนั้นมาก่อน
ตอนที่ 9: อีกไกลแค่ไหนคือใกล้ (วันที่ 2 ของ 21 วัน) ประกอบเพลง: ไกลแค่ไหนคือใกล้ – Getsunova“วันนี้มีเวลาไหม เราอยากคุยกับแก”ข้อความจากคิมิส่งผ่านแชท LINE ไปยังน้ำในช่วงค่ำวันเสาร์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างวาบขึ้นในห้องที่มีเพียงเสียงพัดลมตั้งโต๊ะหมุนเอื่อย ๆ กับลมหายใจเบา ๆ ของคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงคิมิส่งข้อความไปแล้วก็กอดเข่าตัวเองแน่น ก้มหน้าหลบสายตาจอโทรศัพท์ราวกับกลัวมันจะตอบกลับมาด้วยความเงียบ ความเงียบนั่นแหละ...ที่เธอกลัวที่สุดแต่เพียงไม่กี่นาทีต่อมา...&ldqu
(แรงบันดาลใจจากเพลง “เธอ ๆ เพื่อนเราชอบ”)“มันจะมีเพื่อนคนนึงที่พอไปรักใคร ก็ไม่เคยทักไป มันจะมีเพื่อนคนนึงที่กินแห้วมาตลอด มันจะมีเพื่อนคนนึงที่เธอไม่สนใจ ที่เธอมองข้ามไป เพื่อนคนนี้ไม่เคยจะอยู่ในสายตาเธอเลย…”เสียงจากนิยายเสียงดังแผ่วเบาผ่านไมค์คอนเดนเซอร์สีพาสเทลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ในห้องนอนของคิมิ เธอกำลังบันทึกตอนใหม่ในช่อง YouTube ชื่อ Kimi.Fuku.Yumeเสียงของเธอในนิยายเสียงตอนนั้น ไม่ได้อ่านจาก
ตอนที่ 7 – หนังสือรุ่นของเราเสียงฝนปรอยเบา ๆ กระทบขอบหน้าต่างในยามเช้า ราวกับเคาะประตูหัวใจที่ยังเปิดค้างไว้ คิมินั่งอยู่บนพื้นห้องใต้ห่มผ้านวมบาง ๆ มือยังจับแก้วโกโก้ที่อุ่นเพียงน้อย แต่กลับไม่ได้ยกดื่ม เธอเอาแต่จ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กที่กำลังเปิดโปรเจกต์ตัดต่อเสียงพากย์นิยายเสียงเรื่อง รักวุ่น ๆ ของจริงใจ ตอนล่าสุดอยู่เสียงของเธอที่พากย์เป็น “จริงใจ” ดังแผ่วในห้อง“รูปถ่ายเก่า ๆ มันไม่ได้แค่บันทึกภาพ แต่มันบันทึกใจ บันทึกวันเวลาที่... ไม่ย้อนกลับมาแล้ว”เธอกดหยุดเสียงพากย์ตรงจุดนั้น หัวใจเหมือนถูกดึงกลับไปในอดีตพร้อมเสียงของตัวเอง ภาพในหัวไม่ได้เป็นฉากนิยาย แต่เป็นภาพของเธอ…เมื่อหลายปีก่อนคิมิถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้อง ที่ตรงนั้นเธอไม่เคยแตะต้องมันมานาน ตู้ไม้เก่าใบหนึ่งที่เธอใช้เก็บของที่ “ไม่จำเป็นตอนนี้” ไว้เธอเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุด หยิบกล่องพลาสติกเก่า ๆ ออกมาวางบนพื้น แล้วไล่เปิดดูของด้านในกล่องที่มีทั้งกล่องดินสอเก่าๆ, กล้องฟิล์มที่ใช้ไม่ได้แล้ว, สมุดโน้ตจดคำพูดของเพื่อน ๆ ในห้องเรียน และสิ่งหนึ่งที่อยู่ล่างสุด — หนังสือรุ่นของ ม.6เธอหยิบมันขึ้นมา
ตอนที่ 6: กล่องหนึ่งใบ กับความทรงจำที่ยังไม่ลบเลือนเสียงฝนโปรยปรายลงบนกระจกหน้าต่างห้องนอนราวกับกำลังเคาะเรียกหัวใจใครบางคนในยามเย็น คิมิยกแก้วโกโก้ร้อนจิบเบา ๆ กลิ่นหอมหวานคุ้นเคยอวลคลุ้งอยู่รอบตัว แต่กลับไม่สามารถอุ่นหัวใจเธอได้ทั้งหมด หัวใจของเธอ...เหมือนกำลังเรียกร้องบางอย่าง บางอย่างที่เธอไม่ได้แตะต้องมานานหลายปีเธอวางแก้วลง ก่อนจะเดินตรงไปยังมุมห้องที่ไม่ได้แตะต้องมานาน มือเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้าไม้เก่า ล้วงผ่านผ้าห่มหนาที่พับทับกันอยู่ด้านล่างสุด แล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมา กล่องธรรมดาใบเล็กที่ฝุ่นจับหนาจนบอกเวลาได้ แต่สิ่งที่สะดุดตาคือ...ลายมือแบบเด็ก ๆ บนฝา“กล่องความทรงจำของคิมิ”เธอวางกล่องลงบนเตียงช้า ๆ ใช้ฝ่ามือลูบฝาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมัน กลิ่นเก่าของกระดาษเก่า ๆ ลอยขึ้นแตะปลายจมูกสิ่งแรกที่เ
ตอนที่ 5“แค่เพื่อนที่ไม่ควรมีหัวใจ”“ถ้าเป็นได้แค่เพื่อนเธอ... ทำไมไม่บอกฉันตอนนั้น” เสียงเพลงที่ดังแผ่วจากลำโพง บาดลึกลงตรงกลางหัวใจ เธอก็แค่เพื่อน... ที่ไม่ควรหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มของเธอคิมินั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่มืดสลัว มีเพียงแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าโปรเจกต์นิยายค้างไว้เหมือนเดิม สมุดบันทึกเล่มเดิมวางอยู่ข้าง ๆ กล่องโกโก้ที่ละลายไปครึ่งแก้ว เธอมองมันราวกับจะใช้มันเป็นข้ออ้างไม่ให้เขียนต่อวันนี้... เธอเขียนไปเพียงไม่กี่ประโยค แต่กลับใช้เวลาเกือบชั่วโมง“จริงใจยืนอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ มองเงาไม้ทอดบนพื้นหญ้า
ตอนที่ 4: คนที่ไม่ใช่แรงบันดาลใจจากเพลง “คนที่ไม่ใช่” – โอปวีร์เสียงฝนตกกระทบหลังคาดังเป็นจังหวะค่อย ๆ เนิบช้าเหมือนหัวใจของเธอที่กำลังแหลกช้า ๆ ในห้องเงียบ ๆ ที่มีแค่แสงจากหน้าจอมอนิเตอร์ คิมิเอนตัวพิงเก้าอี้เกมเมอร์ สวมหูฟังพร้อมไมค์ จ้องหน้าจอเกม ROV ที่กำลังแข่งแบบจัดอันดับอย่างจริงจัง“คิมิ! มึงจะป้อมแตกแล้ว! ถอยดิ๊!”เสียงของ สานฝัน ดังแว่วจากดิสคอร์ด น้ำเสียงคมชัดจนเหมือนแทงเข้าหัวใจคิมิ เกมรอบนี้ดูจะจริงจังกว่าปกติ ฝันเฟื่อง กับ พอล ยังคงอยู่ในทีม ส่วน ปาย ก็อยู่ด้วย แม้จะไม่พูดอะไรเลยตลอดทั้งเกมคิมิเหลือบดูมินิแมพแล้วกดวาร์ปกลับฐานในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ก่อนที่ตัวละครของเธอจะตายเป็นรอบที่สี่ในเวลาแค่สิบห้านาที“ขอโทษ...” คิมิพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงราบเรียบเหมือนหัวใจที่ว่างเปล่า“เฮ้อ พี่คิมิ เล่นอย่างนี้ทุกเกมเลย ไม่ไหวอ่ะ”ฝันเฟื่อง บ่นเสียงหงุดหงิด น้ำเสียงไม่ได้รุนแรงเท่าพี่สาว แต่กลับเจ็บลึกไม่แพ้กันคิมิพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่ไม่มีใครเห็น แล้วเงียบลง นิ้วชะงักไม่แตะมือถืออีกต่อไป สายตาเธอเลื่อนลอยไปที่ภาพตัวละครในเกมที่ยืนอยู่เฉย ๆ อย่างไร้จุดหมาย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลัง