เสียงฝนโปรยปรายลงบนกระจกหน้าต่างห้องนอนราวกับกำลังเคาะเรียกหัวใจใครบางคนในยามเย็น คิมิยกแก้วโกโก้ร้อนจิบเบา ๆ กลิ่นหอมหวานคุ้นเคยอวลคลุ้งอยู่รอบตัว แต่กลับไม่สามารถอุ่นหัวใจเธอได้ทั้งหมด หัวใจของเธอ...เหมือนกำลังเรียกร้องบางอย่าง บางอย่างที่เธอไม่ได้แตะต้องมานานหลายปี
เธอวางแก้วลง ก่อนจะเดินตรงไปยังมุมห้องที่ไม่ได้แตะต้องมานาน มือเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้าไม้เก่า ล้วงผ่านผ้าห่มหนาที่พับทับกันอยู่ด้านล่างสุด แล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมา กล่องธรรมดาใบเล็กที่ฝุ่นจับหนาจนบอกเวลาได้ แต่สิ่งที่สะดุดตาคือ...ลายมือแบบเด็ก ๆ บนฝา
“กล่องความทรงจำของคิมิ”
เธอวางกล่องลงบนเตียงช้า ๆ ใช้ฝ่ามือลูบฝาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมัน กลิ่นเก่าของกระดาษเก่า ๆ ลอยขึ้นแตะปลายจมูก
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือสมุดไดอารี่เล่มบาง ปกสีฟ้าอ่อน มีรอยขาดที่มุม ด้านในเต็มไปด้วยลายมือไม่เรียบร้อยของเด็กประถม
“วันนี้เราเล่นขายของกับปลาอีกแล้ว เราทำร้านข้าวแกง ส่วนเขาเปิดร้านไอศกรีม ปลาหัวเราะตลอดเวลาเวลาเราทำหน้าเครียด ใครจะคิดว่าเธอจะกลายเป็นคนแรกที่เรานึกถึง…”
คิมิหลับตาเบา ๆ เสียงหัวเราะของปลาในวันนั้นยังชัดเจน รอยยิ้มในวันวานยังแฝงอยู่ในเสียงฝน
♪ “ใครคนหนึ่งคนนั้น ในวันหนึ่งวันนั้น
เคยผูกพันกันซะมากมาย…” ♪ท่อนเพลงเก่าลอยผ่านเข้ามาในห้วงความคิด
ปลา — เพื่อนสนิทคนแรกของคิมิ เด็กสาวตัวเล็กที่บ้านอยู่ตรงข้ามกัน ทุกวันหลังเลิกเรียนจะมานั่งเล่นใต้ต้นชมพู่หน้าบ้าน คำว่า “ขายของ” ในวัยเด็กคือการแบ่งดินเหนียวกับกล่องข้าวว่างเปล่ามาจำลองเป็นร้านรวง เธอคิดถึงปลาในแบบที่เกินกว่าเพื่อน แต่ไม่เคยเข้าใจมันในเวลานั้น
คิมิหยิบสมุดสเก็ตช์อีกเล่มจากในกล่อง เปิดไปหน้ากลาง ๆ บนหน้ากระดาษเขียนด้วยดินสอหางยาวว่า…
"รักวุ่น ๆ ของจริงใจ ภาคประถม"
เธอเริ่มเขียนมันหลังเรียนจบมัธยมปลาย เป็นนิยายยูริเรื่องแรกที่เธอกล้าแต่งจริงจัง เธอซ่อนตัวเองไว้ในตัวละคร “จริงใจ” เด็กสาวผมสั้นหน้าม้าที่มักโดนล้อเรื่องพุงเล็ก ๆ และความเปิ่นของตัวเอง ส่วน “ปาร์ค” — คือปลาในเวอร์ชันนิยาย เด็กสาวตัวเล็กผิวขาวที่มักจะลากจริงใจไปเล่นขายของใต้ต้นชมพู่หลังเลิกเรียน
“จริงใจ…วันนี้เธอขายอะไรล่ะ?”
“วันนี้ขายข้าวไข่เจียว แต่ของเธอเหม็นมากเลยอ่ะ!” “ก็เป็นร้านหมูยอแบบไม่มีหมูยอไง โง่จัง!”แม้จะเป็นบทสนทนาในนิยาย แต่มันคือความทรงจำจริงในชีวิตที่เธอไม่อยากลืม คิมิหลุดหัวเราะกับตัวเองในห้องเงียบ ๆ ไม่มีใครได้ยิน นอกจากเธอกับอดีต
ในกล่องเดียวกันนั้น เธอเห็นการ์ดวันเกิดเก่าที่ถูกพับเก็บไว้ มุมปากการ์ดเปื้อนรอยช็อกโกแลต
“จากเอก เพื่อนบ้านที่ยอมแลกขนมกับเกมให้นะ!”
เธอหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เอก — เด็กชายผิวขาว ตัวเล็กกว่าคนอื่นในละแวกบ้านแต่กล้าหาญที่สุด ชอบร้องเพลงออกลำโพงตั้งแต่ 6 โมงเย็น พ่อแม่คิมิถึงขั้นต้องไปบอกให้เบาเสียง
เธอเปลี่ยนเอกให้กลายเป็น “กิมเล้ง” ในโลกนิยาย เด็กชายตี๋ที่มีเสียงหวานอย่างเหลือเชื่อ เป็นนักร้องประจำโรงเรียนและเพื่อนสนิทของจริงใจ
"กิมเล้งมีเสียงที่อบอุ่นเหมือนโกโก้ยามค่ำคืน
และเป็นเพื่อนคนแรกที่ทำให้จริงใจอยากร้องเพลง..."จากเรื่องในวัยเด็ก เธอเริ่มนึกถึงวัยมัธยมต้น กล่องไม้ใบนี้ยังเก็บภาพถ่ายเก่าไว้ด้วย — รูปถ่ายกลุ่มที่ถ่ายกันตอน ม.2 ที่ขอบภาพเริ่มเปลี่ยนสี ขอบม้วนงอเหมือนกำลังบอกว่า “ความทรงจำนี้เก่าแล้วนะ”
“ตาล… มด…”
ตาล — เด็กสาวห้าว ร่างเล็ก ผิวเข้ม ตะโกนด่าเพื่อนประจำห้อง แต่กลับแบ่งข้าวปั้นให้ทุกเช้า ส่วนมด — เด็กสาวเงียบ ๆ ชอบวาดการ์ตูน และเป็นคนเดียวที่ไม่เคยหัวเราะเวลาเธอโดนเพื่อนล้อ
คิมิแปลง “ตาล” ให้กลายเป็น “ติ๊ก” — เด็กสาวนักกีฬาเซปักตะกร้อที่มักแอบวางโกโก้ไว้บนโต๊ะของจริงใจทุกเช้า ส่วน “มด” กลายเป็น “มิลค์” — เด็กสาวเงียบ ๆ ที่ชอบนั่งวาดภาพเงียบ ๆ คนเดียว และคอยช่วยการบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ
"บางที...บางคนไม่ได้อยู่ข้างเราไปตลอดชีวิต
แต่เขาเคยอยู่ในวันที่สำคัญกับเรา..."♪
เสียงเพลงคลอเบา ๆ จากลำโพงลอยมาพร้อมสายฝน เพลงที่เธอเปิดทุกครั้งเวลาคิดถึงใครสักคน — เพลง “ความทรงจำสีจาง” ของปาล์มมี่ เพลงที่กลั่นกรองภาพอดีตออกมาเป็นคำ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอปนิยาย เปิดไฟล์ที่ชื่อว่า
“21 วันฉันรักเธอ”
ทุกบท ทุกตอน ไม่ใช่เพียงเรื่องแต่ง แต่เป็นเศษเสี้ยวหัวใจที่เธออยากมอบให้กับผู้อ่านคนหนึ่ง — คนที่อาจไม่รู้จักเธอ แต่สัมผัสหัวใจเธอผ่านตัวอักษร
คิมิขยับตัวไปนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ หยิบไมโครโฟนคู่ใจมาเสียบ ต่อหูฟัง เปิดโปรแกรมบันทึกเสียง
ลมหายใจเธอสั่นนิด ๆ ก่อนกดปุ่มบันทึก
“สวัสดีค่ะทุกคน… ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ‘Kimi Audiobook’
วันนี้ฉันจะมาเล่านิยายเรื่อง ‘รักวุ่น ๆ ของจริงใจ ภาคประถม’ เรื่องราวของเด็กสาวชื่อจริงใจ และเพื่อนบ้านชื่อปาร์ค พวกเขาเคยผูกพันกันมากมาย แต่เมื่อโตขึ้น เวลากลับพาเราแยกย้ายกันไป…”น้ำเสียงเธอสั่นน้อย ๆ คำบางคำกระทบใจเธอเองจนต้องหยุดกลั้นน้ำตา หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ในโลกแห่งความเป็นจริง เราอาจลืมใครบางคนไปแล้ว
แต่ในโลกของนิยาย... บางคนจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนี้ ในภาพทรงจำสีจาง ๆ ของเรา…”กล่องความทรงจำยังคงวางอยู่ข้างตัว สมุดยังไม่ปิดลง แต่สิ่งหนึ่งที่ปิดไม่ลงกว่าคือหัวใจที่ยังจำ...แม้จะผ่านมากี่ปี แม้โลกจะหมุนไปไกลเพียงไหน
คิมิยังไม่ลืม... และเธอคงไม่อยากลืม
แม้วันหนึ่งเวลาของเธอจะหมดลง... เธอเชื่อว่าเรื่องราวของ “จริงใจ” จะยังคงมีคนเปิดฟังในวันฝนตกวันหนึ่งในอนาคต และอาจมีใครบางคน หยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ขึ้นมาบันทึกหัวใจตัวเองไว้เช่นกัน
เพราะ...ความทรงจำ ไม่เคยหายไปไหนเลย
ตอนที่ 9: อีกไกลแค่ไหนคือใกล้ (วันที่ 2 ของ 21 วัน) ประกอบเพลง: ไกลแค่ไหนคือใกล้ – Getsunova“วันนี้มีเวลาไหม เราอยากคุยกับแก”ข้อความจากคิมิส่งผ่านแชท LINE ไปยังน้ำในช่วงค่ำวันเสาร์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างวาบขึ้นในห้องที่มีเพียงเสียงพัดลมตั้งโต๊ะหมุนเอื่อย ๆ กับลมหายใจเบา ๆ ของคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงคิมิส่งข้อความไปแล้วก็กอดเข่าตัวเองแน่น ก้มหน้าหลบสายตาจอโทรศัพท์ราวกับกลัวมันจะตอบกลับมาด้วยความเงียบ ความเงียบนั่นแหละ...ที่เธอกลัวที่สุดแต่เพียงไม่กี่นาทีต่อมา...&ldqu
(แรงบันดาลใจจากเพลง “เธอ ๆ เพื่อนเราชอบ”)“มันจะมีเพื่อนคนนึงที่พอไปรักใคร ก็ไม่เคยทักไป มันจะมีเพื่อนคนนึงที่กินแห้วมาตลอด มันจะมีเพื่อนคนนึงที่เธอไม่สนใจ ที่เธอมองข้ามไป เพื่อนคนนี้ไม่เคยจะอยู่ในสายตาเธอเลย…”เสียงจากนิยายเสียงดังแผ่วเบาผ่านไมค์คอนเดนเซอร์สีพาสเทลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ในห้องนอนของคิมิ เธอกำลังบันทึกตอนใหม่ในช่อง YouTube ชื่อ Kimi.Fuku.Yumeเสียงของเธอในนิยายเสียงตอนนั้น ไม่ได้อ่านจาก
ตอนที่ 7 – หนังสือรุ่นของเราเสียงฝนปรอยเบา ๆ กระทบขอบหน้าต่างในยามเช้า ราวกับเคาะประตูหัวใจที่ยังเปิดค้างไว้ คิมินั่งอยู่บนพื้นห้องใต้ห่มผ้านวมบาง ๆ มือยังจับแก้วโกโก้ที่อุ่นเพียงน้อย แต่กลับไม่ได้ยกดื่ม เธอเอาแต่จ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กที่กำลังเปิดโปรเจกต์ตัดต่อเสียงพากย์นิยายเสียงเรื่อง รักวุ่น ๆ ของจริงใจ ตอนล่าสุดอยู่เสียงของเธอที่พากย์เป็น “จริงใจ” ดังแผ่วในห้อง“รูปถ่ายเก่า ๆ มันไม่ได้แค่บันทึกภาพ แต่มันบันทึกใจ บันทึกวันเวลาที่... ไม่ย้อนกลับมาแล้ว”เธอกดหยุดเสียงพากย์ตรงจุดนั้น หัวใจเหมือนถูกดึงกลับไปในอดีตพร้อมเสียงของตัวเอง ภาพในหัวไม่ได้เป็นฉากนิยาย แต่เป็นภาพของเธอ…เมื่อหลายปีก่อนคิมิถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้อง ที่ตรงนั้นเธอไม่เคยแตะต้องมันมานาน ตู้ไม้เก่าใบหนึ่งที่เธอใช้เก็บของที่ “ไม่จำเป็นตอนนี้” ไว้เธอเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุด หยิบกล่องพลาสติกเก่า ๆ ออกมาวางบนพื้น แล้วไล่เปิดดูของด้านในกล่องที่มีทั้งกล่องดินสอเก่าๆ, กล้องฟิล์มที่ใช้ไม่ได้แล้ว, สมุดโน้ตจดคำพูดของเพื่อน ๆ ในห้องเรียน และสิ่งหนึ่งที่อยู่ล่างสุด — หนังสือรุ่นของ ม.6เธอหยิบมันขึ้นมา
ตอนที่ 6: กล่องหนึ่งใบ กับความทรงจำที่ยังไม่ลบเลือนเสียงฝนโปรยปรายลงบนกระจกหน้าต่างห้องนอนราวกับกำลังเคาะเรียกหัวใจใครบางคนในยามเย็น คิมิยกแก้วโกโก้ร้อนจิบเบา ๆ กลิ่นหอมหวานคุ้นเคยอวลคลุ้งอยู่รอบตัว แต่กลับไม่สามารถอุ่นหัวใจเธอได้ทั้งหมด หัวใจของเธอ...เหมือนกำลังเรียกร้องบางอย่าง บางอย่างที่เธอไม่ได้แตะต้องมานานหลายปีเธอวางแก้วลง ก่อนจะเดินตรงไปยังมุมห้องที่ไม่ได้แตะต้องมานาน มือเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้าไม้เก่า ล้วงผ่านผ้าห่มหนาที่พับทับกันอยู่ด้านล่างสุด แล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมา กล่องธรรมดาใบเล็กที่ฝุ่นจับหนาจนบอกเวลาได้ แต่สิ่งที่สะดุดตาคือ...ลายมือแบบเด็ก ๆ บนฝา“กล่องความทรงจำของคิมิ”เธอวางกล่องลงบนเตียงช้า ๆ ใช้ฝ่ามือลูบฝาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมัน กลิ่นเก่าของกระดาษเก่า ๆ ลอยขึ้นแตะปลายจมูกสิ่งแรกที่เ
ตอนที่ 5“แค่เพื่อนที่ไม่ควรมีหัวใจ”“ถ้าเป็นได้แค่เพื่อนเธอ... ทำไมไม่บอกฉันตอนนั้น” เสียงเพลงที่ดังแผ่วจากลำโพง บาดลึกลงตรงกลางหัวใจ เธอก็แค่เพื่อน... ที่ไม่ควรหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มของเธอคิมินั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่มืดสลัว มีเพียงแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าโปรเจกต์นิยายค้างไว้เหมือนเดิม สมุดบันทึกเล่มเดิมวางอยู่ข้าง ๆ กล่องโกโก้ที่ละลายไปครึ่งแก้ว เธอมองมันราวกับจะใช้มันเป็นข้ออ้างไม่ให้เขียนต่อวันนี้... เธอเขียนไปเพียงไม่กี่ประโยค แต่กลับใช้เวลาเกือบชั่วโมง“จริงใจยืนอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ มองเงาไม้ทอดบนพื้นหญ้า
ตอนที่ 4: คนที่ไม่ใช่แรงบันดาลใจจากเพลง “คนที่ไม่ใช่” – โอปวีร์เสียงฝนตกกระทบหลังคาดังเป็นจังหวะค่อย ๆ เนิบช้าเหมือนหัวใจของเธอที่กำลังแหลกช้า ๆ ในห้องเงียบ ๆ ที่มีแค่แสงจากหน้าจอมอนิเตอร์ คิมิเอนตัวพิงเก้าอี้เกมเมอร์ สวมหูฟังพร้อมไมค์ จ้องหน้าจอเกม ROV ที่กำลังแข่งแบบจัดอันดับอย่างจริงจัง“คิมิ! มึงจะป้อมแตกแล้ว! ถอยดิ๊!”เสียงของ สานฝัน ดังแว่วจากดิสคอร์ด น้ำเสียงคมชัดจนเหมือนแทงเข้าหัวใจคิมิ เกมรอบนี้ดูจะจริงจังกว่าปกติ ฝันเฟื่อง กับ พอล ยังคงอยู่ในทีม ส่วน ปาย ก็อยู่ด้วย แม้จะไม่พูดอะไรเลยตลอดทั้งเกมคิมิเหลือบดูมินิแมพแล้วกดวาร์ปกลับฐานในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ก่อนที่ตัวละครของเธอจะตายเป็นรอบที่สี่ในเวลาแค่สิบห้านาที“ขอโทษ...” คิมิพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงราบเรียบเหมือนหัวใจที่ว่างเปล่า“เฮ้อ พี่คิมิ เล่นอย่างนี้ทุกเกมเลย ไม่ไหวอ่ะ”ฝันเฟื่อง บ่นเสียงหงุดหงิด น้ำเสียงไม่ได้รุนแรงเท่าพี่สาว แต่กลับเจ็บลึกไม่แพ้กันคิมิพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่ไม่มีใครเห็น แล้วเงียบลง นิ้วชะงักไม่แตะมือถืออีกต่อไป สายตาเธอเลื่อนลอยไปที่ภาพตัวละครในเกมที่ยืนอยู่เฉย ๆ อย่างไร้จุดหมาย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลัง