“แค่เพื่อนที่ไม่ควรมีหัวใจ”
“ถ้าเป็นได้แค่เพื่อนเธอ... ทำไมไม่บอกฉันตอนนั้น”
เสียงเพลงที่ดังแผ่วจากลำโพง บาดลึกลงตรงกลางหัวใจ เธอก็แค่เพื่อน... ที่ไม่ควรหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มของเธอคิมินั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่มืดสลัว มีเพียงแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าโปรเจกต์นิยายค้างไว้เหมือนเดิม สมุดบันทึกเล่มเดิมวางอยู่ข้าง ๆ กล่องโกโก้ที่ละลายไปครึ่งแก้ว เธอมองมันราวกับจะใช้มันเป็นข้ออ้างไม่ให้เขียนต่อ
วันนี้... เธอเขียนไปเพียงไม่กี่ประโยค แต่กลับใช้เวลาเกือบชั่วโมง
“จริงใจยืนอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ มองเงาไม้ทอดบนพื้นหญ้า
มือหนึ่งถือกล่องโกโก้ อีกมือหนึ่งกำลังยกสมุดขึ้นเขียนชื่อของ ‘เธอ’ เธอที่เคยเป็นแรงบันดาลใจ แต่ไม่เคยเป็นความรักของเราจริง ๆ สักที…”คิมิหยุดเขียนทันทีที่ถึงคำว่า “แรงบันดาลใจ”
หัวใจเธอเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะเหมือนอยากขัดขืนความรู้สึกที่มันไม่ควรเกิดในหน้าจอคอมพิวเตอร์ นิยายเรื่อง รักวุ่น ๆ ของจริงใจ ยังอยู่ที่บทที่ 5
ตัวละคร “สานฝัน” ยังไม่เปลี่ยนชื่อ “พอล” ยังคงเป็นแฟนของฝัน ไม่ต่างจากชีวิตจริง “ฝันเฟื่อง” คือคนเดียวที่ยังคุยกับเธอในดิสคอร์ดแบบไม่เปลี่ยนไป “ปาย” ก็ยังเป็นคนเงียบ ๆ ที่รู้อะไรเกินกว่าที่ใครจะคิดนิยายตอนที่ 1 ถึง 5 ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อใคร
แต่มันคือการบันทึกความทรงจำที่ไม่อยากให้หายไปเธอหลับตาลงเบา ๆ
ให้เสียงฝนตกนอกหน้าต่างกล่อมใจแทนเสียงใครบางคนที่เคยพูดว่า...“ก็แค่เล่นเกมกันเฉย ๆ อย่าคิดอะไรเกินเลยนะคิมิ”
นั่นคือคำที่ฝันพูดไว้เมื่อหลายเดือนก่อน
ในคืนที่คิมิอดไม่ได้ที่จะเผลอพิมพ์ว่า “เราชอบเธอ” ลงไปในแชต… คำตอบของฝันสั้นและเย็นเฉียบเหมือนฝนที่สาดเข้ากระจกหน้าต่าง “อย่าทำแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันนะ”นั่นแหละ... จุดที่คิมิรู้ว่า เธอไม่ใช่ใครสักคนในหัวใจของฝันเลย
แค่เพื่อน... ที่ไม่ควรมีหัวใจเย็นวันนั้น คิมิกดเข้า TikTok ตามนิสัย
เธอเห็นไลฟ์ของ “ฝันเฟื่อง” กำลังขึ้นฟีดเฟื่องนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม สายตาเรียบนิ่งแต่แฝงความคิดถึง
เสียงพูดของเขาเบาและตรง“พี่คิมิเข้ามารึเปล่านะ...”
เขาหยุดเล็กน้อย เหมือนพยายามกลั้นอะไรไว้ในใจ “วันนี้ผมจะเล่นเพลงที่ผมเคยเปิดตอนเรานั่งเล่นเกมกันครับ ชื่อเพลงว่า อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอ ของ FFK”คิมิรีบพิมพ์ลงในคอมเมนต์
“ยังดูอยู่เสมอ :) สู้ ๆ นะเฟื่อง”
ฝันเฟื่องชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มจาง ๆ ให้กล้อง
“เห็นแล้วครับ พี่คิมิยังเหมือนเดิมเลย ขอบคุณนะครับที่ยังอยู่ตรงนี้”เสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้นเบา ๆ ตามด้วยท่อนแรกของเพลง
♪… เมื่อไม่มีสิทธิ์หวง จะไม่หวง จะไม่ห่วงเธอสักวัน…♪คิมิกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป
เธอร้องไห้เงียบ ๆ ทั้งที่ไม่มีใครเห็น แม้แต่เฟื่องในไลฟ์ที่กำลังร้องเพลงอยู่ตรงนั้นหลังจากปิดไลฟ์ คิมิกลับมาที่หน้าจอโปรเจกต์นิยายอีกครั้ง
เธอพิมพ์บันทึกทิ้งท้ายลงในตอนที่ 5“ฉันแต่งนิยายไม่ใช่เพราะอยากให้ใครอ่าน
แต่เพราะอยากบอกคนบางคนในแบบที่เขาไม่ต้องตอบกลับก็ได้ เพราะบางที... ความรัก ไม่ต้องมีปลายทางก็ได้ แค่ได้เดินไปกับความทรงจำ มันก็พอแล้ว”คิมิยิ้มบาง ๆ ในความเงียบของห้องแสงจากจอคอมพิวเตอร์สะท้อนใบหน้าที่ซูบซีดลงทุกวันเหมือนร่างกายกำลังแบกรับความรู้สึกที่เธอไม่เคยยอมรับ
“เมื่อไม่มีสิทธิ์จะฝัน... ก็จะไม่ฝัน
แต่จะยังคงจำเธอเสมอ...ในบทหนึ่งของนิยาย”วันรุ่งขึ้น คิมิเปิดไลฟ์ของตัวเองบ้าง
เธอใส่หูฟังตั้งโต๊ะ พูดกับหน้าจอแบบไม่เปิดหน้า เสียงของเธอนุ่มและสั่นน้อย ๆ“วันนี้...ขออ่านนิยายบทสุดท้ายที่เขียนถึงความรักในอดีตนะคะ”
เสียงพลิกหน้ากระดาษดังเบา ๆ“จริงใจนั่งอยู่ข้างต้นกัลปพฤกษ์ ดอกสีชมพูร่วงลงพื้น
เธอยิ้มให้กับกล่องโกโก้ในมือ ทั้งที่ใจอยากร้องไห้ ชื่อของ ‘เธอ’ ยังคงอยู่ในสมุดเล่มเดิม แต่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะเขียนถึง... เพราะจากนี้ไป... นิยายบทต่อไป จะเป็นของคนใหม่ คนที่เธอจะรักอย่างไม่ต้องฝืนใจตัวเองอีกต่อไป”เมื่อคิมิพูดจบ
เธอหลับตาแน่น หยดน้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่ต้องกลั้นอีก“ฝัน... ถ้าเธอเคยแค่รู้สึกนิดเดียวกับฉัน...
เธอคงไม่พูดคำว่า ‘เพื่อน’ ซ้ำ ๆ แบบนั้นใช่ไหม…”นิยายตอนที่ 6 จะเริ่มต้นใหม่
ด้วยตัวละครใหม่ ชื่อ “น้ำ” ผู้หญิงที่ไม่เคยทำให้คิมิรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าเพราะความรักของคิมิกับน้ำ คือของขวัญสุดท้าย
ก่อนที่เวลา 21 วันที่เหลืออยู่จะหมดไปในคืนเงียบสงัด คิมิเขียนประโยคสุดท้ายของตอนที่ 5 ลงไป
“ถ้าเราเจอกันในเวลาที่เหมาะสมกว่านี้
บางที...เราอาจได้รักกันจริง ๆ แต่ในเมื่อเธอไม่เคยรู้สึกแบบนั้น ฉันจะไม่ขออะไรอีกเลย นอกจากให้เธอมีความสุข กับคนที่เธอเลือกแล้วจริง ๆ”คิมิหลับตาลงอีกครั้ง
ปลายนิ้วกดปุ่ม “บันทึก” อย่างแผ่วเบา เสียงเพลง “อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอ” ยังเล่นคลอในหูฟังรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียว
ราวกับจะบอกตัวเองว่า… “แค่ครั้งนี้... ขอให้ฉันยอมรับมันได้อย่างสงบก็พอแล้ว”ตอนพิเศษ 3 — มุมของคิมิหลังจากพิมพ์คำว่า "โอเค" ในหน้าจอแชต โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ ใจมันหนักอึ้ง แค่ตัวอักษรสองตัวที่ปลายนิ้วกดส่งออกไป แต่กลับทำให้ความเงียบกดทับลงมาบนหัวใจอย่างแรงจนแทบหายใจไม่ออกคิมินั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนอน เสียงพัดลมเพดานหมุนเอื่อย ๆ แทบจะเป็นเสียงเดียวที่ดังชัดเจนในความว่างเปล่า น้ำตาไม่ไหลพรากออกมาเป็นสาย แต่มันไหลช้า ๆ จนรู้สึกได้ว่ากำลังอุ่นตรงแก้ม ความรู้สึกมันไม่ได้พรั่งพรู แต่มันกัดกินในใจ เหมือนรอยแผลที่กดซ้ำ ๆหนึ่งชั่วโมงเต็มที่คิมินั่งจมอยู่กับความเศร้า ไม่ได้จับมือถือ ไม่ได้ลุกไปไหน เพียงแค่จ้องหน้าจอค้างไว้เหมือนหวังให้ข้อความใหม่ปรากฏขึ้นมา ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า... มันจะไม่มี"โอเค... ง่ายดีเนอะ" เธอพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงขื่น ๆ ปนหัวเราะแผ่วเหมือนคนก
ตอนพิเศษที่ 2 — มุมของน้ำเสียงพิมพ์แป้นเบา ๆ ในห้องเงียบ ๆ ช่วงดึก กลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่อยู่ข้างน้ำในคืนนั้น นาฬิกาบนผนังชี้เกือบจะห้าทุ่ม แต่หัวใจเธอกลับไม่ยอมพัก เหมือนมันยังรอใครบางคนตอบกลับมาสักอย่างคิมิ…ชื่อที่เธอคุ้นตา คุ้นเสียง และคุ้นกับความเงียบที่อีกฝ่ายมักฝากไว้ให้เสมอ หลังจากผ่าน “21 วัน” แรกที่ตกลงคุยกันทุกวันโดยไม่ขาด น้ำยังคงอยู่ในวงโคจรของคิมิ—วงโคจรที่บางครั้งก็ใกล้จนเหมือนจะชนกัน แต่บางครั้งก็ห่างจนเหมือนอยู่กันคนละจักรวาลจาก 21 วัน กลายเป็น 68 วันหากเล่าให้ใครฟัง คงมีแต่คนบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน แต่สำหรับน้ำ มันคือระยะทางของหัวใจที่ยืดหดสลับไปมา ระหว่างความสุข ความเหนื่อย และความพยายามที่จะเข้าใจใครบ
ตอนพิเศษที่ 1 : ถ้าหากถ้าหาก... ถ้าหากวันหนึ่งคิมิไม่ได้ป่วย ไม่ได้ถูกจำกัดเวลาชีวิตไว้เพียง 30 วัน ไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวเองต้องเร่งรีบวิ่งไล่ตามความสุขที่หล่นหาย... ชีวิตของเธอและน้ำอาจเป็นอีกแบบหนึ่งแต่ใช่ว่ามันจะเป็น "ดีกว่า" หรือ "แย่กว่า" เพราะความสัมพันธ์ของคนสองคน บางครั้งมันไม่ได้พังเพราะโรคภัย ไม่ได้จบเพราะความตาย มันอาจจบเพียงเพราะ... ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันได้และนี่คือเรื่องราว "ถ้าหาก" ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องราวของคิมิและน้ำ หลังจากผ่านไป 68 วัน ที่พวกเธอยังคงพิมพ์คุยกันต่อจาก "21 วัน"เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นเบา ๆ ในห้องนอนที่มีเพียงไฟตั้ง
ตอนที่31 –ท้องฟ้า[ก่อนคิมิเดินทางไปหาน้ำที่ปากช่อง]เสียงรถเมล์สายเดิมที่แล่นผ่านหน้าปากซอยในบ่ายแก่ ๆ ดังแทรกเข้ามาในความเงียบของร้านข้าวแกงเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ข้างบ้าน ฟ้ายืนเช็ดโต๊ะอย่างใจเย็นเหมือนทุกวัน ร้านนี้ไม่หรูหราแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และเป็นที่ที่คิมิชอบแวะมาเสมอ เวลาที่อยากหลบจากโลกภายนอกบ่ายวันนั้นคิมิปรากฏตัวขึ้น เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวบางสีซีดกับกางเกงยีนส์เก่า ๆ ที่ดูหลวมกว่าปกติเล็กน้อย ร่างกายซูบลงจนฟ้าสังเกตได้ทันที เส้นผมดำยาวถูกรวบไว้ต่ำ ๆ อย่างลวก ๆ ใต้ดวงตาสีน้ำตาลยังคงมีประกาย แต่ก็ปนด้วยความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน“ไง คิมิ…” ฟ้าเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม “ทำไมวันนี้มาเร็วจัง ปกติจะมาตอนเย็น ๆ หลังไลฟ์เสร็จนี่”คิมิยกมือไหว ๆ แบบไม่ค่อยมีแรง เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะถอนหายใจยาว “เรา…อ
ตอนที่ 30 – ได้ยินไหม ประกอบเพลง “ได้ยินไหม – ดา เอ็นโดรฟิน”เสียงเครื่องช่วยหายใจในห้องไอซียูยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ “ปี๊… ปี๊… ปี๊…”แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านบาง เข้าตกกระทบใบหน้าซีดขาวของ คิมิ เธอนอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาที่เคยเป็นประกายแห่งชีวิตปิดสนิท เหลือเพียงลมหายใจที่อ่อนแรงผ่านท่อเล็ก ๆ จากเครื่องช่วยหายใจฟ้า นั่งอยู่ข้างเตียง มือหนึ่งกุมชายผ้าห่มแน่น อีกมือคอยเช็ดเหงื่อให้เพื่อนที่ไม่รู้สึกตัวมาหลายชั่วโมงแล้ว
ตอนที่ 29 – เพลงเพราะ...เพราะเธอวันที่ 22 จาก 30 วัน“คิมิ แกอยู่ไหนแล้ว?”“คิมิยังอยู่ปากช่องป่าว?”ข้อความที่น้ำพิมพ์ไปเมื่อเย็นวันที่ 21 ยังขึ้นสถานะ “ยังไม่อ่าน” เธอรีเฟรชหน้าจอซ้ำไปมาเป็นสิบรอบ คำถามค่อย ๆ ปะทุในใจทำไมคิมิไม่ตอบ?น้ำไม่รู้ว่าอีกฟากหนึ่งของเมือง มีใครบางคนกำลังฝากคำตอบไว้ในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวอักษร แต่คือเสียงของหัวใจทั้งหมด…เช้าวันที่ 22 เสียงจักรยานยนต์จากบริษัทข