แชร์

ปีศาจยามเฝ้าเขาวงกต

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-31 22:33:19

มอนสเตอร์เงาตัวที่ 1: นักเชิดใย (The Puppet Master)

ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างผอมเกร็งราวกับหุ่นเชิด มีด้ายเงาบางๆ นับไม่ถ้วนห้อยระโยงระยางจากปลายนิ้วของมัน ขนาดยาว 2 เมตร

ความสามารถ: สามารถใช้ด้ายเงาพันธนาการเหยื่อและควบคุมการเคลื่อนไหวของตู้เกมเก่าๆ ให้ลุกขึ้นมาเป็นทหารเฝ้า

นักเชิดใยพุ่งออกมาจากเงามืดด้านหลัง มันปล่อยด้ายเงาเข้าพันขาของเคนตะอย่างรวดเร็ว

“อุ๊บ!” เคนตะล้มลง พยายามใช้มีดอาคมฟันด้ายเงา แต่ด้ายเหล่านั้นเหนียวแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ

ขณะที่เคนตะกำลังต่อสู้กับด้ายเงา นักเชิดใยก็เริ่มชักใย! ตู้เกมเก่าๆ ที่วางอยู่ตามทางเดินเริ่มสั่นสะเทือน แกรก! แกรก! ตู้เกมสามตู้ถูกด้ายเงาดึงขึ้นมา ตั้งตรงราวกับมีชีวิต พวกมันเริ่มเดินเข้าหาเคนตะอย่างช้าๆ

“คาซิมิ! ใช้คาถาขับไล่เงา! ด้ายพวกนี้มันเป็นเหมือนเงา!” เคนตะตะโกน

คาซิมิรีบร่ายคาถาขับไล่เงาอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกไปปะทะกับด้ายเงาที่พันธนาการเคนตะ ซู่! ด้ายเงาเหล่านั้นถูกเผาไหม้และสลายตัวไป เคนตะรีบหลุดออกจากการพันธนาการ

“ขอบคุณ! จัดการตู้เกมก่อน!” เคนตะพุ่งเข้าใส่ตู้เกมที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาแทงมีดอาคมเข้าที่จุดเชื่อมต่อของด้ายเงาในตู้เกม ฉัวะ! ตู้เกมล้มลงอย่างไม่มีชีวิตชีวา

2. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 2: ปีกสีรุ้ง (The Glitch Wing)

ลักษณะ/ขนาด: เป็นเงาปีศาจรูปร่างนกขนาดใหญ่ มีปีกที่ทำจากแสงไฟและเงาที่กระพริบไม่หยุด ขนาดยาว 3 เมตร

ความสามารถ: สามารถสร้างภาพลวงตาทางสายตาที่รุนแรงและปั่นป่วนทิศทางของเขาวงกต

ทันใดนั้นเอง ปีกสีรุ้งก็บินทะยานลงมาจากเพดาน! ปีกของมันกระพืออย่างรุนแรง ทำให้แสงไฟนีออนในเขาวงกตกระพริบถี่ขึ้นจนน่าเวียนหัว

“ภาพมันเบลอไปหมดแล้วเคนตะ!” คาซิมิร้องออกมา การมองเห็นด้วยคาถา ‘นิมิต’ ของเธอก็เริ่มบิดเบือนตามไปด้วย

เคนตะพยายามตั้งสติ “อย่ามองที่แสงคาซิมิ! หลับตาแล้วบอกทิศทางฉัน!”

คาซิมิหลับตาลง เธอต้องเชื่อในสัมผัสอาคมล้วนๆ “มันอยู่...ตรงหน้าคุณค่ะ! มันกำลังจะพุ่งเข้ามา!”

เคนตะใช้สัญชาตญาณหลบการโจมตีจากปีกสีรุ้งได้อย่างหวุดหวิด เขาใช้มีดอาคมแทงสวนกลับไป แต่พลาด!

“คุณแทงพลาดค่ะ! มันบินเร็วเกินไป!” คาซิมิเตือน

เคนตะตะโกนกลับไป “คาซิมิ! ใช้คาถาพันธนาการกับมัน! แค่ชั่วครู่ก็พอ!”

คาซิมิเปิดตาขึ้น เธอมองเห็นปีศาจที่กำลังพุ่งเข้ามาในภาพที่บิดเบือน เธอรวบรวมพลังอาคมและปล่อยโซ่แสงสีฟ้าอ่อนๆ ออกไป! วิ้ง! โซ่แสงพันธนาการปีกของมันไว้ได้

เคนตะไม่รอช้า พุ่งมีดเข้าแทงที่หัวมันทันที! ฉัวะ!

“เก็บวิญญาณ!”

การผ่าเขาวงกต

วิญญาณของปีศาจถูกกักเก็บอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่เหนื่อยหอบจากการต่อสู้และการถูกปั่นประสาท แต่พวกเขาก็ต้องรีบไปต่อ

“ผ้ายันต์...อยู่ใกล้กว่าเดิมแล้วค่ะเคนตะ!” คาซิมิบอกขณะที่นาฬิกาอาคมสั่นเตือนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ดี! เรายังต้องไปในทิศทางตรงกันข้ามใช่ไหม?” เคนตะถาม

“ใช่ค่ะ! ตอนนี้ผ้ายันต์อยู่ด้านขวาของเรา! เราต้องวิ่งไปทางด้านซ้าย!”

ทั้งคู่พุ่งไปทางด้านซ้ายสุดแรงเกิด และตามที่คาดไว้ กำแพงด้านซ้ายที่เคยเป็นทางตันก็เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นทางเดินที่ว่างเปล่า

พวกเขาต้องวิ่งและหันหลังกลับอย่างกะทันหันหลายครั้งเพื่อหลอกให้เขาวงกตเปิดทางเดินที่แท้จริงให้ โดยต้องเผชิญหน้ากับกลไกป้องกันของเขาวงกตหลายรูปแบบ

* กับดักที่ 1: พื้นทางเดินกลายเป็นพื้นผิวลื่นราวกับน้ำแข็ง

* กับดักที่ 2: แสงไฟทั้งหมดดับลง ทำให้พวกเขากลับเข้าสู่ความมืดสนิท

* กับดักที่ 3: เครื่องเล่นม้าหมุนเก่าๆ เริ่มหมุนด้วยความเร็วสูง สร้างกระแสลมหมุนที่รุนแรงจนแทบยืนไม่อยู่

“เคนตะ! อีกนิดเดียวค่ะ! ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานของผ้ายันต์แล้ว!” คาซิมิตะโกน

ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงห้องโถงเล็กๆ ที่อยู่ใจกลางเขาวงกต มันเป็นห้องโถงที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาที่ถูกทำลายและของเล่นที่แตกหัก กลางห้องมีแท่นหินเล็กๆ ตั้งอยู่ และบนแท่นนั้นมี ผ้ายันต์สีเหลือง ที่เขียนด้วยอักษรอาคมโบราณกำลังเรืองแสงอย่างอ่อนโยน มันคือ ผ้ายันต์แห่งดิน

เคนตะและคาซิมิยิ้มให้กันด้วยความโล่งใจ แต่ทันใดนั้น...

ครืนนนนน!

กำแพงห้องโถงเริ่มยุบตัวและเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นทางเดินที่มุ่งตรงไปยังทางออกของโซนเด็กเล่น และมีเงาปีศาจจำนวนมหาศาลยืนเรียงรายอยู่

“มันยอมแพ้แล้วค่ะ! มันกำลังเปิดทางออกให้เรา!” คาซิมิบอก

เคนตะส่ายหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ไม่หรอกคาซิมิ...มันไม่ได้ยอมแพ้”

“คุณหมายความว่ายังไงคะ?”

“มันรู้ว่าเรามาถึงผ้ายันต์แล้ว” เคนตะพูดพลางมองไปยังผ้ายันต์บนแท่นหิน “นี่คือ การทดสอบสุดท้าย ก่อนที่เราจะครอบครองมัน”

ม่านแห่งเงา (The Shadow Curtain)

เคนตะและคาซิมิหันหลังชนกัน เผชิญหน้ากับกองทัพเงาปีศาจที่ไม่ยอมลดจำนวน

“พวกมันให้เราพักพอแล้ว” เคนตะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เตรียมตัวนะคาซิมิ...เราต้องจัดการพวกมันทั้งหมดก่อนที่เราจะเก็บผ้ายันต์ได้”

เคนตะและคาซิมิเริ่มการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในเขาวงกต!

3. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 3: กำแพงเงา (The Shadow Wall)

ลักษณะ/ขนาด: เงาปีศาจรูปร่างกำแพงที่เคลื่อนไหวได้ช้าๆ ขนาดกว้าง 4 เมตร

ความสามารถ: สามารถป้องกันการโจมตีอาคมและการโจมตีกายภาพได้

4. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 4: นักลอบสังหาร (The Stalker)

ลักษณะ/ขนาด: เงาปีศาจที่มองไม่เห็น มีรูปร่างผอมเพรียวเหมือนใบมีด

ความสามารถ: สามารถแอบแฝงตัวในเงาและโจมตีจากจุดที่คาดไม่ถึงได้

5. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 5: พายุเงา (The Shadow Storm)

ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจที่เกิดจากการรวมตัวกันของเงาขนาดเล็กนับร้อย เคลื่อนไหวเหมือนพายุหมุน

ความสามารถ: สามารถสร้างลมหมุนที่ดูดพลังอาคมของเหยื่อ

6. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 6: หุ่นยักษ์ (The Giant Puppet)

ลักษณะ/ขนาด: รูปร่างของตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ที่ถูกทำลาย สูง 5 เมตร เคลื่อนไหวช้า

ความสามารถ: มีพละกำลังมหาศาล สามารถทุบพื้นดินให้แตกได้

7. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 7: กายแสง (The Light Flicker)

ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจเงาที่สามารถเปลี่ยนเป็นแสงจ้าและเงาได้สลับกันไปอย่างรวดเร็ว

ความสามารถ: สร้างความสับสนทางสายตาและหลอกให้เหยื่อโจมตีผิดที่

8. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 8: เครื่องดูดวิญญาณ (The Soul Sucker)

ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจที่มีแต่ปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟันคม มีขนาด 2 เมตร

ความสามารถ: สามารถพยายามดูดวิญญาณที่ถูกกักเก็บในขวดของคาซิมิ

9. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 9: นักวางกับดัก (The Trapper)

ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างเหมือนแมงมุมขนาดใหญ่ที่มีขาเงาหลายคู่

ความสามารถ: สามารถสร้างกับดักเงาบนพื้นดินเพื่อตรึงเหยื่อ

10. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 10: สุภาพบุรุษเงา (The Shadow Gentleman)

ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างคล้ายชายหนุ่มที่สวมชุดสูทโบราณ มีใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด

ความสามารถ: สามารถควบคุมอารมณ์ของเหยื่อให้เกิดความโกรธหรือความกลัวอย่างรุนแรง

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนานและเหน็ดเหนื่อย เคนตะและคาซิมิต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่พวกเขามี การโจมตีด้วยมีดอาคมของเคนตะผสมผสานกับการสนับสนุนและการป้องกันด้วยคาถาของคาซิมิ พวกเขาต้องทำงานเป็นทีมอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเอาชนะปีศาจทั้งสิบตัวที่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน

เคนตะต้องใช้แรงทั้งหมดในการฟันกำแพงเงาให้แตก ทันทีที่กำแพงแตก คาซิมิก็ต้องใช้คาถาไฟเผาทำลายใยเงาที่นักวางกับดักปล่อยออกมา เคนตะต้องต่อสู้กับหุ่นยักษ์อย่างดุเดือดจนร่างกายบาดเจ็บซ้ำอีกครั้ง คาซิมิต้องร่ายคาถาป้องกันเพื่อไม่ให้เครื่องดูดวิญญาณดูดพลังงานจากขวดวิญญาณของพวกเขาไป

ในที่สุด หลังจากใช้เวลาและพลังงานไปจนเกือบหมดสิ้น และบาดแผลใหม่ๆ เริ่มปรากฏบนร่างของเคนตะ เงาปีศาจทั้งสิบตัวก็ถูกจัดการและวิญญาณทั้งหมดถูกกักเก็บในขวดของคาซิมิ

ทั้งคู่นั่งลงข้างแท่นหิน หายใจหอบถี่ เคนตะยื่นมือไปหยิบผ้ายันต์สีเหลืองขึ้นมา

“เราทำสำเร็จแล้วคาซิมิ...ผ้ายันต์แห่งดิน” เคนตะกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความภาคภูมิใจ

ผ้ายันต์นั้นเรืองแสงจางๆ ในมือของเคนตะ เมื่อเขาถือมันไว้ เขาวงกตที่บิดเบี้ยวรอบตัวพวกเขาก็เริ่มสั่นสะเทือนและคลายตัว กำแพงอิฐกลับไปเป็นตู้เกมที่ถูกคลุมด้วยผ้าใบตามเดิม เสียงดนตรีที่ผิดเพี้ยนก็หายไป เหลือไว้เพียงความเงียบงันและความมืดมิดของห้างร้าง

“ตอนนี้...เราเหลืออีกสี่ผืน” คาซิมิกล่าวพลางมองไปที่ผ้ายันต์ในมือเคนตะ “ผืนต่อไปจะเป็นอะไรคะ?”

เคนตะเก็บผ้ายันต์แห่งดินไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง เขายิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ผืนต่อไป...คือ ผ้ายันต์แห่งน้ำ” เคนตะกล่าว “และถ้าตามตรรกะเดิม...มันต้องอยู่ที่ แหล่งน้ำ หรือสถานที่ที่ชำระล้าง”

คาซิมิเบิกตากว้าง “ห้องน้ำรวม หรือไม่ก็โซนจำหน่ายสุขภัณฑ์และสระน้ำบนชั้นดาดฟ้า...”

เคนตะพยักหน้า “และฉันมั่นใจว่าการได้มันมา...คงไม่ง่ายเหมือนผืนแรกแน่นอน”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ

    หลังจากที่เคนตะกำจัดราชันย์แห่งวิญญาณบาปได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็ยืนอยู่หน้า ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ สีทองอร่าม มันลอยอยู่เหนือพื้นเบื้องหน้ารอยแยกมิติสีม่วงเข้ม ผ้ายันต์ผืนนี้ไม่ได้แผ่พลังธาตุที่รุนแรงเหมือนผืนอื่น แต่มันแผ่ ความสงบและความว่างเปล่า ที่น่าขนลุกออกมาเคนตะเดินเข้าไปใกล้ผ้ายันต์อย่างระมัดระวัง เมื่อเขาแตะมัน พลังอาคมจากผ้ายันต์ทั้งสี่ผืน ที่เขาครอบครองอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!> เคนตะ: “คาซิมิ...ฉันรู้สึกว่าพลังงานทั้งหมดกำลัง หลอมรวม กัน! มัน...สมบูรณ์แล้ว!”> ทันใดนั้น ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ ก็เรืองแสงจ้าขึ้น แล้ว เสียงทุ้มลึก ก็ดังก้องอยู่ในหัวของพวกเขา!> เสียงปริศนา: “ยินดีต้อนรับ...ผู้แสวงหาพลังแห่งการผนึก...แต่พลังแห่งวิญญาณนี้...ไม่สามารถถูกนำไปได้โดยง่าย”> การปรากฏตัวของผู้พิทักษ์จากรอยแยกมิติสีม่วงเข้ม ร่างโปร่งใส ก็ปรากฏตัวขึ้น มันดูเหมือนมนุษย์ แต่ร่างกายของมันหมุนวนราวกับ ฝุ่นดาวและแสง ที่ถูกบิดเบือน!ผู้พิทักษ์: มิธรัส (Mithras - The Guardian of Null)ลักษณะ/ขนาด: ร่างโปร่งแสงที่สูงประมาณ 2 เมตร ไม่มีเพศที่ชัดเจน ร่างกายประกอบด้วยแสงที่สั่นไหว มีดวงตาสองดวงท

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   การปีนขึ้นสู่ชั้นบนสุด

    เคนตะและคาซิมิใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงในการปีนขึ้นสู่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า พวกเขาใช้ พลังแห่งลม (ผ้ายันต์ที่ 4) เพื่อเพิ่มความว่องไว และ พลังแห่งเงา (คาซิมิ) เพื่อหลีกเลี่ยงปีศาจที่ลาดตระเวนอยู่ตามทางเมื่อพวกเขามาถึง ห้องควบคุมระบบศูนย์กลาง ที่ชั้นบนสุด พวกเขาก็ต้องหยุดชะงัก ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ถูกทำลายจนหมดสิ้น กลางห้องมี รอยแยกมิติสีม่วงเข้ม ที่แผ่พลังงานมหาศาลออกมา!และที่ด้านหน้าของรอยแยกมิตินั้น ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ ก็กำลังเรืองแสงอย่างเจิดจ้า!แต่ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเข้าไป กลิ่นอายของพลังปีศาจที่รุนแรงที่สุด ก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา!“คาซิมิ! ระวัง!” เคนตะคำรามจากเงามืดและซากปรักหักพัง ปีศาจทั้งหมด 15 ตัว ก็พุ่งเข้าล้อมพวกเขาไว้! พวกมันคือ อสุรกายที่ถูกส่งมาโดยตรงจากมิติปีศาจ เพื่อปกป้องผ้ายันต์แห่งวิญญาณ!การปะทะครั้งใหญ่: การหลอมรวมเพื่อเอาชีวิตรอดเคนตะและคาซิมิอยู่กลางวงล้อม ปีศาจ 15 ตัวที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าล้วนมีความสามารถที่ซับซ้อนและแข็งแกร่งกว่าปีศาจตัวก่อนๆ ที่เคยเจอมา> เคนตะ: “คาซิมิ! ใช้ นิมิต หาจุดอ่อนที่ซับซ้อนที่สุดของพวกมัน!

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   การฟื้นตัวด้วยแร่รัตนากาล

    ทันทีที่คาซิมิและเคชิกลับมาถึงที่ซ่อน ป้าซาเอะก็เริ่มพิธีรักษาเคนตะทันที ป้าซาเอะใช้ คาถาหลอมรวมแสง ของเธอเพื่อหลอมรวมแร่รัตนากาลเข้ากับพลังอาคมฟื้นฟูแสงสีทองอ่อนๆ ห่อหุ้มร่างของเคนตะ บาดแผลไฟไหม้ที่แขนของเขาค่อยๆ สมานตัวลงอย่างรวดเร็ว พลังอาคมที่เคยแห้งเหือดก็กลับมาเติมเต็มอีกครั้งในอัตราที่น่าอัศจรรย์หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เคนตะก็ลืมตาขึ้น เขาขยับแขนขวาได้อย่างคล่องแคล่วและรู้สึกแข็งแกร่งกว่าเดิม> เคนตะ: “ฉันรู้สึกดีกว่าที่เคยเป็นมา...นี่คือพลังของแร่รัตนากาลสินะ”> คาซิมิ: “ใช่ค่ะเคนตะ...คุณต้องขอบคุณเคชิและป้าซาเอะ”> เคนตะมองไปที่คาซิมิที่ใบหน้ายังซีดเซียว และเคชิที่เหนื่อยล้า “ขอบคุณมากจริงๆ ฉันจะไม่ทำให้การเสียสละของพวกคุณสูญเปล่า”คำสั่งสุดท้ายก่อนการเดินทางเมื่อเคนตะฟื้นตัวเต็มที่ ป้าซาเอะก็เรียกเขากับคาซิมิมาพบอีกครั้ง> ป้าซาเอะ: “ตอนนี้เจ้ามีพลังอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลเจ้าแล้วเคนตะ และหนูคาซิมิ...ก็มีพลังจิตที่ได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุด”> ป้าซาเอะ: “แต่การต่อสู้ที่รอพวกเจ้าอยู่ข้างหน้าคือ การต่อสู้ทางกายภาพที่แท้จริง! ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   การรักษาที่วิกฤต

    เคนตะและคาซิมิกลับมาถึงที่ซ่อนของผู้รอดชีวิตในสภาพที่ย่ำแย่ คาซิมิอ่อนล้าจากการใช้พลังอาคมคนเดียว ส่วนเคนตะก็ทรุดหนักจากการบาดเจ็บที่แขนขวาและภาวะพลังงานอาคมพร่องป้าซาเอะรีบเข้าตรวจอาการเคนตะทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด> ป้าซาเอะ: “บาดแผลไฟไหม้ที่แขนขวาของเคนตะลึกมาก...มันไม่ใช่แค่ไฟธรรมดา แต่เป็นการกัดกินของ พลังงานอาคมร้อน ที่ทำลายแกนพลังงานของเขา”> คาซิมิ: “แล้วเราจะทำยังไงดีคะป้าซาเอะ?”> ป้าซาเอะ: “ข้าสามารถเยียวยาบาดแผลภายนอกได้ แต่การซ่อมแซมแกนพลังงานที่เสียหายนั้น...ต้องใช้ แร่รัตนากาล (Chronos Ore)”> แร่รัตนากาลเป็นแร่ในตำนานที่เชื่อกันว่ามีพลังในการฟื้นฟูอาคมบริสุทธิ์และสามารถเร่งการเติบโตของพลังงานอาคมได้> เคชิ: “แร่รัตนากาล...ผมจำได้! มันเป็นแร่ที่ถูกใช้ตกแต่งใน ห้องจัดแสดงอัญมณี ของห้างสรรพสินค้า! มันอยู่ในกล่องนิรภัยเหล็กกล้าที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์!”> ป้าซาเอะ: “ใช่! แต่การจะสกัดแร่นั้นออกมาใช้ได้ ต้องใช้ คาถาหลอมรวมแสง ของข้า...และเราต้องมีแร่นั้นก่อน”> ทุกคนรู้ดีว่าห้องจัดแสดงอัญมณีเป็นพื้นที่เปิดกว้างและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในห้าง> คาซิมิ: “ฉันจะไปเองค่ะ! ฉันยัง

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   บาดแผลและการล่าถอย

    เคนตะและคาซิมิออกจากห้องเตาหลอมพร้อมกับ ผ้ายันต์แห่งลม ในมือ แม้จะได้รับชัยชนะ แต่เคนตะก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถ่ายโอนพลังป้องกันในช่วงท้ายของการต่อสู้ แขนขวาของเขาถูกไอความร้อนกัดกินจนเป็นรอยไหม้พุพอง และร่างกายของเขาก็อ่อนแรงจากการใช้ธาตุคู่เกินขีดจำกัด“เราต้องกลับไปหาเคชิเดี๋ยวนี้เคนตะ!” คาซิมิกล่าวด้วยความเป็นห่วง เธอพยุงร่างของเคนตะไว้เคนตะกัดฟันแน่น “ฉันไหวคาซิมิ...รีบไปกันเถอะ ก่อนที่ปีศาจตัวอื่นจะได้กลิ่นเลือดของเรา”ทั้งคู่ใช้พลังอาคมที่เหลืออยู่ของคาซิมิสร้าง เกราะพรางตัว (Stealth Cloak) ที่มองไม่เห็นและปราศจากกลิ่น เพื่อพยายามหลบหนีออกจากชั้นใต้ดินที่เต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาเดินตามทางที่เคชิเคยให้ไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไกลออกไป แต่ปลอดภัยที่สุดกับดักที่คาดไม่ถึงพวกเขาเดินทางผ่านซอกหลืบของโกดังสินค้าที่มืดมิดและเย็นชื้นอย่างเงียบๆ คาซิมิใช้ ‘นิมิต’ สแกนทุกตารางนิ้วของการเดินทาง เธอรู้ดีว่าในสภาพที่เคนตะบาดเจ็บ พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้วเมื่อพวกเขามาถึงทางแยกสุดท้ายก่อนจะถึงทางเข้าลับของที่ซ่อน คาซิมิก็หยุดชะงักทันที!“เคนตะ...หยุดค่ะ” เธอสั่งเสียงกระซิบอย่างตื่นตร

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   การเข้าสู่แดนเพลิง

    เคนตะและคาซิมิมาถึงหน้าห้องเตาหลอมที่ลึกที่สุดของห้างสรรพสินค้า ประตูเหล็กบานใหญ่ที่ปิดอยู่แผ่รังสี ความร้อนที่แผดเผา ออกมาอย่างรุนแรงเคนตะใช้ผ้ายันต์แห่งดิน (ผืนที่ 1) แตะที่ประตูเหล็ก ครืนนน! พลังแห่งดินทำให้ประตูเหล็กเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็น ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวไฟและไอร้อน * สภาพแวดล้อม: ห้องโถงนี้ดูเหมือนเป็นโรงงานเก่าที่ถูกทิ้งร้าง มีเตาหลอมขนาดมหึมาสามเตาตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งส่งแสงสีส้มแดงออกมาอย่างบ้าคลั่ง อากาศร้อนอบอ้าวและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นไหม้และกำมะถัน * เป้าหมาย: ผ้ายันต์แห่งลม (ผืนที่ 4) คาดว่าจะถูกซ่อนอยู่ใน แกนควบคุมความดัน ที่อยู่เหนือเตาหลอมกลาง“ความร้อนสูงมากเคนตะ!” คาซิมิกล่าวพลางใช้มือป้องใบหน้าจากความร้อนเคนตะหยิบผ้ายันต์แห่งน้ำ (ผืนที่ 2) ออกมา เขารวบรวมพลังอาคมแล้วร่าย คาถา ‘ม่านไอน้ำเย็น’ อย่างรวดเร็ว ฟู่! ไอน้ำเย็นก่อตัวเป็นม่านบางๆ รอบตัวพวกเขา ทำให้ความร้อนที่เข้ามาบรรเทาลงได้ชั่วคราว“เราต้องเร็วคาซิมิ! ม่านไอน้ำจะอยู่ได้ไม่นานในความร้อนขนาดนี้!”การต้อนรับของอสุรกายแห่งความร้อนทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องโถง เสียงโหยหวน ก็ดังขึ้นจา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status