LOGINหลังจากจัดการกับฝูงปีศาจและเขาวงกตที่บิดเบี้ยวในโซนเด็กเล่นได้อย่างหวุดหวิด เคนตะและคาซิมิก็นั่งพักเหนื่อยเพียงเล็กน้อยเพื่อฟื้นฟูพลังงานที่เหลืออยู่ คาซิมิใช้คาถาฟื้นฟูพื้นฐานอีกครั้งเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บของเคนตะ แต่ครั้งนี้เธอทำได้เพียงแค่เบาบางเท่านั้น เพราะพลังอาคมของเธอเองก็แทบจะหมดเกลี้ยงแล้ว
“เราต้องรีบไปแล้วคาซิมิ” เคนตะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เขาลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง พลางปรับท่ายืนให้พร้อมต่อสู้ตลอดเวลา “ตอนนี้เราได้ผ้ายันต์แห่งดินมาแล้ว พวกปีศาจคงไม่ปล่อยให้เราได้ผืนที่สองง่ายๆ” คาซิมิพยักหน้า เธอเก็บขวดกักเก็บวิญญาณที่ตอนนี้มีวิญญาณปีศาจเกือบ 20 ดวงเข้าไปแล้วอย่างแน่นหนา “ค่ะเคนตะ...ผ้ายันต์แห่งน้ำ ตามที่คาดไว้มันน่าจะอยู่บนชั้นบนสุดของห้าง ที่มีสระน้ำหรือพื้นที่เกี่ยวกับน้ำ” “ใช่” เคนตะเห็นด้วย “เราต้องมุ่งหน้าไปที่ชั้นบนสุดเท่านั้น” ทั้งคู่เริ่มเดินไปตามทางเดินหลักของห้างร้าง การเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดเป็นการเดินทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกย่างก้าวเงียบงัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเสียงเดียวที่ก้องอยู่ในความมืดมิด มีเพียงแสงจากไฟฉายของเคนตะเท่านั้นที่นำทางไปตามบันไดเลื่อนที่หยุดนิ่งและบันไดที่เต็มไปด้วยฝุ่น “เคนตะ...ฉันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ” คาซิมิกระซิบขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันได “นาฬิกาอาคมของฉันมันไม่เตือนเลย...แต่ฉันรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลา” เคนตะชะงักเท้า “มันกำลังรอจังหวะ” เขาพูดเสียงเบา “พวกมันคงรู้ว่าเราเริ่มอ่อนแรงแล้ว และกำลังวางแผนโจมตีจากจุดที่คาดไม่ถึง” พวกเขาเดินทางต่อไปจนถึงทางเดินโล่งกว้างของชั้นที่สี่ ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายก่อนถึงชั้นดาดฟ้าที่คาดว่าจะมีสระน้ำ เคนตะมองไปที่ทางเดินโล่งๆ นั้นด้วยความระแวง “ทางโล่งแบบนี้อันตรายเกินไป” เคนตะตัดสินใจ “เราต้องหาทางลัด” แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ตัดสินใจทำอะไร... แคว้ก! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา! ทันใดนั้นเอง เงาปีศาจจำนวนมหาศาลก็พุ่งทะยานออกมาจากเงามืดที่อยู่ด้านหลังและด้านข้าง! พวกมันไม่ได้มาแค่ฝูงเล็กๆ แต่มันคือ กองทัพเงา ที่โอบล้อมพวกเขาไว้ทันที “โดนแล้ว!” เคนตะตะโกนลั่น พลางชักมีดอาคมออกมาอย่างรวดเร็ว คาซิมิรีบตั้งท่าป้องกันและเตรียมร่ายคาถา แต่เงาปีศาจเหล่านี้รวดเร็วเกินกว่าที่คาดไว้ 1. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 1: ตะขอดำ (The Shadow Hook) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจเงารูปร่างคล้ายลิงขนาดเล็กที่มีแขนยาวยื่นออกมาพร้อมตะขอขนาดใหญ่ที่ปลายมือ เคลื่อนไหวว่องไว ความสามารถ: ใช้ตะขอเกี่ยวและลากเหยื่ออย่างรวดเร็ว ตะขอดำตัวแรกพุ่งออกมาจากด้านข้าง เคนตะไม่ทันระวังตัว มันใช้ตะขอเกี่ยวแขนของคาซิมิแล้วลากเธอออกไปจากเคนตะอย่างรวดเร็ว “คาซิมิ!” เคนตะร้องด้วยความตกใจ พยายามจะวิ่งตามไปช่วยเธอ แต่ปีศาจตัวอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามาขวางทางเคนตะทันที! “ปล่อยเธอ!” เคนตะคำรามอย่างเดือดดาล พลางหวดมีดอาคมใส่ตะขอดำที่ลากคาซิมิไป แต่ก็ช้ากว่าจังหวะของมัน! 2. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 2: ผนึกน้ำ (The Water Binder) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างผอมสูง มีสีดำขลับราวกับน้ำหมึก ความสามารถ: สามารถสร้างโซ่หรือใยที่ทำจากน้ำที่สกปรกเพื่อพันธนาการเหยื่อ ก่อนที่คาซิมิจะถูกลากไปไกล ผนึกน้ำก็ปรากฏตัวขึ้น มันใช้ใยที่ทำจากน้ำหมึกสีดำข้นพันธนาการร่างของคาซิมิไว้กับเสาต้นใหญ่ในบริเวณนั้นอย่างแน่นหนา “อ๊าก! ปล่อยฉันนะ!” คาซิมิพยายามดิ้นรน แต่ใยน้ำหมึกนั้นเหนียวแน่นและแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เธอถูกตรึงไว้กับเสา ไม่สามารถขยับตัวได้ และถูกจับตามองโดยปีศาจอีกหลายตัว “คาซิมิ!” เคนตะตะโกนสุดเสียง ความโกรธที่เห็นคนรักถูกทำร้ายพุ่งขึ้นสู่ขีดสุด ทำให้พลังอาคมของเขาปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เคนตะรู้ดีว่าตอนนี้เขาต้องต่อสู้เพียงลำพัง และเป้าหมายของเขาคือ ทำลายปีศาจเก้าตัวที่ขวางทางอยู่ เพื่อไปช่วยเหลือคาซิมิ “พวกแกกล้าทำกับเธอได้ยังไง!” เคนตะคำรามลั่นราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนจนมุม 3. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 3: ยักษ์หิน (The Stone Titan) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจเงาขนาดใหญ่ที่ทำจากเศษซากหินและปูนที่พังทลาย สูงกว่า 6 เมตร ความสามารถ: มีพละกำลังมหาศาลและสร้างคลื่นกระแทกจากพื้นดินได้ ยักษ์หินพุ่งเข้ามาเป็นตัวแรก มันยกเท้าขนาดมหึมาขึ้นแล้วกระทืบลงพื้นอย่างแรง! โครมมมม! เคนตะกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด คลื่นกระแทกจากพื้นดินทำให้เขาเซถลา “อย่าคิดว่าจะหยุดฉันได้!” เคนตะพุ่งเข้าใส่เท้าของยักษ์หินอย่างรวดเร็ว มีดอาคมของเขาฟันเข้าที่ข้อต่อของมันอย่างจัง แคว๊ก! ยักษ์หินเซถลาไปด้านข้าง เคนตะฉวยโอกาสกระโดดขึ้นไปบนหลังของมันแล้ววิ่งขึ้นไปยังหัวของมันอย่างรวดเร็ว! “ต้องหัวเท่านั้น!” เคนตะแทงมีดอาคมเข้าที่กลางศีรษะของยักษ์หินอย่างสุดแรงเกิด! ฉัวะ! ร่างของยักษ์หินสลายตัวเป็นวิญญาณขนาดใหญ่ที่ลอยเคว้งอยู่เหนือเคนตะ แต่เขาไม่มีเวลาเก็บมัน “คาซิมิ! อย่าเพิ่งเปิดขวดนะ! ฉันไม่มีเวลา!” เคนตะตะโกนบอก พลางลงจากซากของยักษ์หิน 4. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 4: กระจกมาร (The Mirror Fiend) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างคล้ายแผ่นกระจกขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ความสามารถ: สามารถสะท้อนพลังอาคมที่โจมตีเข้ามากลับไปหาผู้ใช้ได้ กระจกมารลอยเข้ามาด้านหน้าเคนตะทันที มันปล่อยแสงสะท้อนที่ทำให้เคนตะต้องหรี่ตา เคนตะรู้ว่าเขาไม่สามารถใช้พลังอาคมโจมตีตรงๆ ได้ เขาจึงตัดสินใจโจมตีด้วยกำลังกายล้วนๆ! เคนตะพุ่งตัวเข้าใส่กระจกมาร! “แกไม่มีวันสะท้อนหมัดของฉันได้หรอก!” เคนตะชกเข้าไปที่กลางกระจกมารอย่างแรง! เพล้ง! กระจกมารแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของมันสลายตัวเป็นวิญญาณอีกดวง! 5. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 5: หมอกพิษ (The Toxic Mist) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจเงาที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน มันลอยตัวเหมือนหมอกควันสีเขียวขุ่น ความสามารถ: สามารถปล่อยพิษที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงและพลังอาคมเสื่อมสลาย ทันทีที่กระจกมารแตก หมอกพิษก็ลอยเข้ามาหาเคนตะอย่างรวดเร็ว หมอกควันสีเขียวขุ่นเริ่มแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของเคนตะ ทำให้เขารู้สึกวิงเวียนและอ่อนแรงลงทันที “แค่ก! แค่ก! นี่มัน...” เคนตะพยายามโบกมีดอาคมเพื่อปัดเป่าหมอก แต่ก็ไม่ได้ผล คาซิมิที่ถูกมัดอยู่กับเสา เห็นเคนตะกำลังทรุดตัวลงด้วยพิษร้าย เธอต้องทำอะไรบางอย่าง! “คาถา! ขับไล่พิษ!” คาซิมิร่ายคาถา แม้ว่าจะถูกมัดอยู่กับเสา! แสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกมาจากตัวเธอแล้วเข้าโอบล้อมเคนตะ พลังอาคมสีเขียวนั้นช่วยขับพิษออกจากร่างกายของเคนตะได้ทันท่วงที “ขอบคุณคาซิมิ!” เคนตะได้กำลังใจกลับคืนมา เขาพุ่งเข้าไปหาหมอกพิษและแทงมีดอาคมเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของหมอก! ฉัวะ! หมอกพิษสลายตัว 6. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 6: หุ่นกระบอกเงา (The Shadow Doll) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างคล้ายเด็กผู้หญิงขนาดเล็ก แต่มีแววตาที่น่ากลัวและรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว ความสามารถ: สามารถทำให้เหยื่อเห็นภาพคนที่รักถูกทำร้าย (Illusion of Pain) ขณะที่เคนตะกำลังหันไปมองคาซิมิ หุ่นกระบอกเงาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง! มันยิงพลังงานสีดำเข้าใส่คาซิมิที่ถูกมัดอยู่ ทันใดนั้น ภาพลวงตาก็เกิดขึ้นในความคิดของเคนตะ เขาเห็นคาซิมิกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอกำลังขอให้เขาช่วย แต่เขาไม่สามารถขยับตัวได้ “ไม่จริง! นี่มันภาพลวงตา!” เคนตะกัดฟันแน่น เขารู้ว่านี่คือความพยายามที่จะทำลายสมาธิของเขา เคนตะจำได้ว่าหุ่นกระบอกเงาจะต้องมีจุดอ่อนที่หัวใจของมัน เขาใช้พลังอาคมของเขาสร้างคลื่นกระแทกขนาดเล็กที่พื้นเพื่อหาตำแหน่งของมัน ปัง! คลื่นกระแทกปะทะเข้ากับหุ่นกระบอกเงา ทำให้มันเผยตัวออกมา เคนตะฉวยโอกาสพุ่งมีดเข้าแทงที่หัวใจของมัน! ฉัวะ! หุ่นกระบอกเงาสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว 7. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 7: อสูรโซ่ (The Chain Demon) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีโซ่ขนาดใหญ่พันธนาการอยู่รอบตัว ความสามารถ: สามารถยืดโซ่ออกไปเพื่อโจมตีและพันธนาการเหยื่อ อสูรโซ่พุ่งเข้าใส่เคนตะทันที มันเหวี่ยงโซ่ขนาดใหญ่เข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง! เคนตะพยายามหลบโซ่ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกโซ่บาดเข้าที่แขนและขาหลายแห่ง “เคนตะ! โซ่ของมันแข็งแกร่งมาก! คุณต้องทำลายมันให้ขาดก่อน!” คาซิมิเตือน เคนตะมองไปที่โซ่ที่พันรอบตัวอสูรโซ่ เขาตัดสินใจรวบรวมพลังอาคมทั้งหมดไว้ที่ปลายมีด แล้วปล่อยคลื่นพลังอาคมเข้าใส่โซ่ แคร้ง! โซ่เหล่านั้นขาดสะบั้นด้วยพลังอาคมของเคนตะ อสูรโซ่เสียหลัก เคนตะไม่ปล่อยโอกาส พุ่งมีดเข้าแทงที่หัวมันทันที! ฉัวะ! 8. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 8: พรายน้ำตา (The Crying Wraith) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างคล้ายผู้หญิงที่ร้องไห้ไม่หยุด มีขนาด 3 เมตร ลอยอยู่กลางอากาศ ความสามารถ: ปล่อยน้ำตาอาคมที่ทำให้เหยื่อสูญเสียความสามารถในการใช้พลังอาคม พรายน้ำตาลอยเข้ามาด้านหน้าเคนตะ มันปล่อยน้ำตาอาคมเข้าใส่เขา น้ำตาเหล่านั้นเมื่อสัมผัสกับผิวหนังก็ทำให้พลังอาคมในร่างกายของเคนตะเริ่มเสื่อมสลาย! “แย่แล้ว! ฉันใช้พลังอาคมไม่ได้!” เคนตะรู้สึกเหมือนไฟในตัวดับวูบลงไป เคนตะรู้ว่าเขาต้องจบเรื่องนี้ด้วยกำลังกายล้วนๆ! เคนตะวิ่งเข้าใส่พรายน้ำตาอย่างรวดเร็ว เขาใช้มีดอาคมที่ยังคงเป็นอาวุธกายภาพที่ทรงพลัง แทงเข้าไปที่กลางศีรษะของมัน! ฉัวะ! 9. มอนสเตอร์เงาตัวที่ 9: เงาผู้นำ (The Shadow Commander) ลักษณะ/ขนาด: ปีศาจรูปร่างคล้ายนายทหารที่สวมชุดเกราะเต็มยศ มีขนาด 2.5 เมตร ความสามารถ: สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของปีศาจทั้งหมดในบริเวณนั้น และฟื้นฟูพลังของพวกมันได้ เงาผู้นำปรากฏตัวเป็นตัวสุดท้าย! มันพุ่งเข้ามาหาเคนตะอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพลังงานที่แผ่ออกมาทำให้ปีศาจที่ถูกทำลายไปแล้วหลายตัวเริ่มรวมตัวกันใหม่! “บ้าเอ๊ย! มันฟื้นฟูพวกมันได้!” เคนตะสบถ เขารู้ว่าถ้าปล่อยให้ตัวนี้รอด พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจอีกครั้ง เคนตะและเงาผู้นำปะทะกันอย่างดุเดือด มีดอาคมปะทะกับดาบเงาของผู้นำอย่างรุนแรง เคนตะใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เข้าปะทะ เขาต้องจบการต่อสู้นี้ให้ได้! “ฉันไม่มีทางแพ้ให้กับแกหรอก!” เคนตะคำราม เขาใช้มีดอาคมสลับจากมือซ้ายไปมือขวาอย่างรวดเร็ว สร้างจังหวะหลอกล่อให้เงาผู้นำเสียการทรงตัว แล้วพุ่งมีดเข้าแทงที่หัวมัน! ฉัวะ! เงาผู้นำสลายตัวไปในที่สุด พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ยาวนานที่สุดในบรรดาปีศาจทั้งหมด การปลดปล่อย เมื่อเงาผู้นำสลายตัวไป ปีศาจที่เริ่มรวมตัวกันใหม่ก็พลันสลายตัวตามไปด้วย ความมืดมิดในบริเวณนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด เคนตะยืนหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากการต่อสู้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง แต่สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่คาซิมิที่ถูกมัดอยู่กับเสา “คาซิมิ! ฉันมาแล้ว!” เคนตะพยายามรวบรวมพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อลุกขึ้น เคนตะเดินโซซัดโซเซไปยังเสาที่คาซิมิถูกมัดอยู่ เขาพยายามจะใช้มีดอาคมตัดใยน้ำหมึกของผนึกน้ำ แต่ใยเหล่านั้นแข็งแกร่งมาก “อย่าทำร้ายตัวเองเลยเคนตะ” คาซิมิพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณใช้พลังทั้งหมดไปแล้ว” “ไม่! ฉันต้องช่วยเธอให้ได้!” เคนตะพูด เขาใช้พลังอาคมที่เหลืออยู่เล็กน้อยรวบรวมไว้ที่ปลายมีด แล้วค่อยๆ ตัดใยน้ำหมึกออกทีละเส้น แคว๊ก! แคว๊ก! ในที่สุด ใยน้ำหมึกสุดท้ายก็ขาดสะบั้นลง คาซิมิล้มลงในอ้อมแขนของเคนตะอย่างอ่อนแรง “เคนตะ...” คาซิมิเงยหน้ามองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย “ไม่เป็นไรนะคาซิมิ...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” เคนตะพูดพลางกอดเธอแน่น เขาก้มลงจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน คาซิมิยิ้มให้กับเคนตะอย่างจริงใจ “เราต้องรีบไปแล้วค่ะเคนตะ...ก่อนที่พวกมันจะกลับมา” เคนตะพยักหน้า เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีเวลาพักแล้ว พวกเขายังเหลือวิญญาณปีศาจอีก 9 ดวงที่ต้องเก็บกู้ และผ้ายันต์แห่งน้ำที่ต้องหาให้เจอ “ไปกันเถอะคาซิมิ” เคนตะกล่าว “เราต้องไปให้ถึงชั้นดาดฟ้า”หลังจากที่เคนตะกำจัดราชันย์แห่งวิญญาณบาปได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็ยืนอยู่หน้า ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ สีทองอร่าม มันลอยอยู่เหนือพื้นเบื้องหน้ารอยแยกมิติสีม่วงเข้ม ผ้ายันต์ผืนนี้ไม่ได้แผ่พลังธาตุที่รุนแรงเหมือนผืนอื่น แต่มันแผ่ ความสงบและความว่างเปล่า ที่น่าขนลุกออกมาเคนตะเดินเข้าไปใกล้ผ้ายันต์อย่างระมัดระวัง เมื่อเขาแตะมัน พลังอาคมจากผ้ายันต์ทั้งสี่ผืน ที่เขาครอบครองอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!> เคนตะ: “คาซิมิ...ฉันรู้สึกว่าพลังงานทั้งหมดกำลัง หลอมรวม กัน! มัน...สมบูรณ์แล้ว!”> ทันใดนั้น ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ ก็เรืองแสงจ้าขึ้น แล้ว เสียงทุ้มลึก ก็ดังก้องอยู่ในหัวของพวกเขา!> เสียงปริศนา: “ยินดีต้อนรับ...ผู้แสวงหาพลังแห่งการผนึก...แต่พลังแห่งวิญญาณนี้...ไม่สามารถถูกนำไปได้โดยง่าย”> การปรากฏตัวของผู้พิทักษ์จากรอยแยกมิติสีม่วงเข้ม ร่างโปร่งใส ก็ปรากฏตัวขึ้น มันดูเหมือนมนุษย์ แต่ร่างกายของมันหมุนวนราวกับ ฝุ่นดาวและแสง ที่ถูกบิดเบือน!ผู้พิทักษ์: มิธรัส (Mithras - The Guardian of Null)ลักษณะ/ขนาด: ร่างโปร่งแสงที่สูงประมาณ 2 เมตร ไม่มีเพศที่ชัดเจน ร่างกายประกอบด้วยแสงที่สั่นไหว มีดวงตาสองดวงท
เคนตะและคาซิมิใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงในการปีนขึ้นสู่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า พวกเขาใช้ พลังแห่งลม (ผ้ายันต์ที่ 4) เพื่อเพิ่มความว่องไว และ พลังแห่งเงา (คาซิมิ) เพื่อหลีกเลี่ยงปีศาจที่ลาดตระเวนอยู่ตามทางเมื่อพวกเขามาถึง ห้องควบคุมระบบศูนย์กลาง ที่ชั้นบนสุด พวกเขาก็ต้องหยุดชะงัก ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ถูกทำลายจนหมดสิ้น กลางห้องมี รอยแยกมิติสีม่วงเข้ม ที่แผ่พลังงานมหาศาลออกมา!และที่ด้านหน้าของรอยแยกมิตินั้น ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ ก็กำลังเรืองแสงอย่างเจิดจ้า!แต่ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเข้าไป กลิ่นอายของพลังปีศาจที่รุนแรงที่สุด ก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา!“คาซิมิ! ระวัง!” เคนตะคำรามจากเงามืดและซากปรักหักพัง ปีศาจทั้งหมด 15 ตัว ก็พุ่งเข้าล้อมพวกเขาไว้! พวกมันคือ อสุรกายที่ถูกส่งมาโดยตรงจากมิติปีศาจ เพื่อปกป้องผ้ายันต์แห่งวิญญาณ!การปะทะครั้งใหญ่: การหลอมรวมเพื่อเอาชีวิตรอดเคนตะและคาซิมิอยู่กลางวงล้อม ปีศาจ 15 ตัวที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าล้วนมีความสามารถที่ซับซ้อนและแข็งแกร่งกว่าปีศาจตัวก่อนๆ ที่เคยเจอมา> เคนตะ: “คาซิมิ! ใช้ นิมิต หาจุดอ่อนที่ซับซ้อนที่สุดของพวกมัน!
ทันทีที่คาซิมิและเคชิกลับมาถึงที่ซ่อน ป้าซาเอะก็เริ่มพิธีรักษาเคนตะทันที ป้าซาเอะใช้ คาถาหลอมรวมแสง ของเธอเพื่อหลอมรวมแร่รัตนากาลเข้ากับพลังอาคมฟื้นฟูแสงสีทองอ่อนๆ ห่อหุ้มร่างของเคนตะ บาดแผลไฟไหม้ที่แขนของเขาค่อยๆ สมานตัวลงอย่างรวดเร็ว พลังอาคมที่เคยแห้งเหือดก็กลับมาเติมเต็มอีกครั้งในอัตราที่น่าอัศจรรย์หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เคนตะก็ลืมตาขึ้น เขาขยับแขนขวาได้อย่างคล่องแคล่วและรู้สึกแข็งแกร่งกว่าเดิม> เคนตะ: “ฉันรู้สึกดีกว่าที่เคยเป็นมา...นี่คือพลังของแร่รัตนากาลสินะ”> คาซิมิ: “ใช่ค่ะเคนตะ...คุณต้องขอบคุณเคชิและป้าซาเอะ”> เคนตะมองไปที่คาซิมิที่ใบหน้ายังซีดเซียว และเคชิที่เหนื่อยล้า “ขอบคุณมากจริงๆ ฉันจะไม่ทำให้การเสียสละของพวกคุณสูญเปล่า”คำสั่งสุดท้ายก่อนการเดินทางเมื่อเคนตะฟื้นตัวเต็มที่ ป้าซาเอะก็เรียกเขากับคาซิมิมาพบอีกครั้ง> ป้าซาเอะ: “ตอนนี้เจ้ามีพลังอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลเจ้าแล้วเคนตะ และหนูคาซิมิ...ก็มีพลังจิตที่ได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุด”> ป้าซาเอะ: “แต่การต่อสู้ที่รอพวกเจ้าอยู่ข้างหน้าคือ การต่อสู้ทางกายภาพที่แท้จริง! ผ้ายันต์แห่งวิญญาณ
เคนตะและคาซิมิกลับมาถึงที่ซ่อนของผู้รอดชีวิตในสภาพที่ย่ำแย่ คาซิมิอ่อนล้าจากการใช้พลังอาคมคนเดียว ส่วนเคนตะก็ทรุดหนักจากการบาดเจ็บที่แขนขวาและภาวะพลังงานอาคมพร่องป้าซาเอะรีบเข้าตรวจอาการเคนตะทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด> ป้าซาเอะ: “บาดแผลไฟไหม้ที่แขนขวาของเคนตะลึกมาก...มันไม่ใช่แค่ไฟธรรมดา แต่เป็นการกัดกินของ พลังงานอาคมร้อน ที่ทำลายแกนพลังงานของเขา”> คาซิมิ: “แล้วเราจะทำยังไงดีคะป้าซาเอะ?”> ป้าซาเอะ: “ข้าสามารถเยียวยาบาดแผลภายนอกได้ แต่การซ่อมแซมแกนพลังงานที่เสียหายนั้น...ต้องใช้ แร่รัตนากาล (Chronos Ore)”> แร่รัตนากาลเป็นแร่ในตำนานที่เชื่อกันว่ามีพลังในการฟื้นฟูอาคมบริสุทธิ์และสามารถเร่งการเติบโตของพลังงานอาคมได้> เคชิ: “แร่รัตนากาล...ผมจำได้! มันเป็นแร่ที่ถูกใช้ตกแต่งใน ห้องจัดแสดงอัญมณี ของห้างสรรพสินค้า! มันอยู่ในกล่องนิรภัยเหล็กกล้าที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์!”> ป้าซาเอะ: “ใช่! แต่การจะสกัดแร่นั้นออกมาใช้ได้ ต้องใช้ คาถาหลอมรวมแสง ของข้า...และเราต้องมีแร่นั้นก่อน”> ทุกคนรู้ดีว่าห้องจัดแสดงอัญมณีเป็นพื้นที่เปิดกว้างและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในห้าง> คาซิมิ: “ฉันจะไปเองค่ะ! ฉันยัง
เคนตะและคาซิมิออกจากห้องเตาหลอมพร้อมกับ ผ้ายันต์แห่งลม ในมือ แม้จะได้รับชัยชนะ แต่เคนตะก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถ่ายโอนพลังป้องกันในช่วงท้ายของการต่อสู้ แขนขวาของเขาถูกไอความร้อนกัดกินจนเป็นรอยไหม้พุพอง และร่างกายของเขาก็อ่อนแรงจากการใช้ธาตุคู่เกินขีดจำกัด“เราต้องกลับไปหาเคชิเดี๋ยวนี้เคนตะ!” คาซิมิกล่าวด้วยความเป็นห่วง เธอพยุงร่างของเคนตะไว้เคนตะกัดฟันแน่น “ฉันไหวคาซิมิ...รีบไปกันเถอะ ก่อนที่ปีศาจตัวอื่นจะได้กลิ่นเลือดของเรา”ทั้งคู่ใช้พลังอาคมที่เหลืออยู่ของคาซิมิสร้าง เกราะพรางตัว (Stealth Cloak) ที่มองไม่เห็นและปราศจากกลิ่น เพื่อพยายามหลบหนีออกจากชั้นใต้ดินที่เต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาเดินตามทางที่เคชิเคยให้ไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไกลออกไป แต่ปลอดภัยที่สุดกับดักที่คาดไม่ถึงพวกเขาเดินทางผ่านซอกหลืบของโกดังสินค้าที่มืดมิดและเย็นชื้นอย่างเงียบๆ คาซิมิใช้ ‘นิมิต’ สแกนทุกตารางนิ้วของการเดินทาง เธอรู้ดีว่าในสภาพที่เคนตะบาดเจ็บ พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้วเมื่อพวกเขามาถึงทางแยกสุดท้ายก่อนจะถึงทางเข้าลับของที่ซ่อน คาซิมิก็หยุดชะงักทันที!“เคนตะ...หยุดค่ะ” เธอสั่งเสียงกระซิบอย่างตื่นตร
เคนตะและคาซิมิมาถึงหน้าห้องเตาหลอมที่ลึกที่สุดของห้างสรรพสินค้า ประตูเหล็กบานใหญ่ที่ปิดอยู่แผ่รังสี ความร้อนที่แผดเผา ออกมาอย่างรุนแรงเคนตะใช้ผ้ายันต์แห่งดิน (ผืนที่ 1) แตะที่ประตูเหล็ก ครืนนน! พลังแห่งดินทำให้ประตูเหล็กเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็น ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวไฟและไอร้อน * สภาพแวดล้อม: ห้องโถงนี้ดูเหมือนเป็นโรงงานเก่าที่ถูกทิ้งร้าง มีเตาหลอมขนาดมหึมาสามเตาตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งส่งแสงสีส้มแดงออกมาอย่างบ้าคลั่ง อากาศร้อนอบอ้าวและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นไหม้และกำมะถัน * เป้าหมาย: ผ้ายันต์แห่งลม (ผืนที่ 4) คาดว่าจะถูกซ่อนอยู่ใน แกนควบคุมความดัน ที่อยู่เหนือเตาหลอมกลาง“ความร้อนสูงมากเคนตะ!” คาซิมิกล่าวพลางใช้มือป้องใบหน้าจากความร้อนเคนตะหยิบผ้ายันต์แห่งน้ำ (ผืนที่ 2) ออกมา เขารวบรวมพลังอาคมแล้วร่าย คาถา ‘ม่านไอน้ำเย็น’ อย่างรวดเร็ว ฟู่! ไอน้ำเย็นก่อตัวเป็นม่านบางๆ รอบตัวพวกเขา ทำให้ความร้อนที่เข้ามาบรรเทาลงได้ชั่วคราว“เราต้องเร็วคาซิมิ! ม่านไอน้ำจะอยู่ได้ไม่นานในความร้อนขนาดนี้!”การต้อนรับของอสุรกายแห่งความร้อนทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องโถง เสียงโหยหวน ก็ดังขึ้นจา







