ในขณะที่คิชิโระกำลังตั้งรับการโจมตีจากเงาปีศาจที่แตกตัว เงาร่างใหญ่ตัวเดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งจากด้านหลังของเขา มันยกแขนยาวเรียวขึ้นเตรียมจะจู่โจม ฮารุกะเห็นมันพอดี เธอรีบมองไปที่นาฬิกาอาคมของเธอ หน้าปัดของมันสว่างวาบขึ้นมาเป็นสีแดงสด ตัวเลขดิจิทัลแสดงระยะห่าง 5 เมตรพร้อมกับลูกศรชี้ไปทางด้านหลังของคิชิโระ
"คิชิโระ! ข้างหลังนาย! 5 เมตร!" ฮารุกะตะโกนเตือนสุดเสียง คิชิโระได้ยินเสียงของฮารุกะ เขาบิดตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด เงาปีศาจโจมตีพลาดเป้า มันส่งเสียงคำรามด้วยความหงุดหงิด "ขอบใจนะ ฮารุกะ!" คิชิโระหอบหายใจ เขาสามารถเรียกมีดอาคมของเขาออกมาจากอากาศได้ มันเป็นมีดสั้นสีเงินวาววับที่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ๆ มีอักขระโบราณสลักอยู่บนใบมีด คิชิโระกระชับด้ามมีดแน่น เขามองไปยังกลุ่มเงาที่กำลังรวมตัวกันอีกครั้ง "ฮารุกะ เตรียมขวดไว้!" คิชิโระสั่ง เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจที่รวมตัวกันเป็นร่างใหญ่ มือขวาถือมีดอาคมพุ่งตรงเข้าใส่ ในขณะที่มือซ้ายปล่อยคลื่นพลังงานสีขาวออกมาเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของมัน การต่อสู้ดุเดือดขึ้นทันที คิชิโระเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับพายุ มีดอาคมของเขาสะบัดไปมาอย่างคล่องแคล่ว เขาทั้งฟัน ปัดป้อง และหลบหลีกการโจมตีจากเงาปีศาจที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกครั้งที่คมมีดอาคมสัมผัสกับเงาปีศาจ มันจะส่งเสียงซ่าเหมือนมีอะไรบางอย่างถูกเผาไหม้ และเงาปีศาจก็จะขาดหายไปบางส่วน แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้มันสลายไปได้โดยสมบูรณ์ "มันเร็วกว่าที่คิดเยอะเลยนะ!" คิชิโระสบถ เขากระโดดหลบเงาปีศาจที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง พลางมองหาช่องว่างที่จะโจมตีไปยัง "หัว" ของมันตามที่เคยฝึกมา ฮารุเสียงกรีดร้องที่ยาวนานและเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วโถงเหมือง ร่างของเงาปีศาจสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันบิดเบี้ยวและแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับหมอกควันสีดำที่ถูกฉีกกระชาก แสงสีแดงก่ำในดวงตาของมันริบหรี่ลง ก่อนจะดับวูบไปในที่สุด ภายในไม่กี่วินาที ร่างของเงาปีศาจก็สลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีเทาหม่น ขนาดเท่ากำปั้นเด็กที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ มันสั่นระริกราวกับกำลังจะสลายหายไปในพริบตา "ฮารุกะ! ตอนนี้แหละ!" คิชิโระตะโกน เขายืนหอบหายใจเล็กน้อยแต่ก็ยังคงจับมีดอาคมมั่นคง คอยระแวงรอบข้างเผื่อจะมีเงาตัวอื่นโผล่มา ฮารุกะไม่รอช้า เธอรีบเปิดฝาขวดกักเก็บดวงวิญญาณออกทันที พร้อมกับร่ายคาถาที่เธอท่องจำขึ้นใจ เสียงของเธอเริ่มแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยพลังงาน: "อาตมันแห่งรัตติกาล สู่กาลผนึก ผูกพันด้วยอำนาจแห่งแสง โปรดกลับคืนสู่ภาชนะ จงเป็นดั่งที่ฉันบัญชา! โอม... นะโม... สู่ภวังค์..." แสงสีม่วงอ่อน ๆ พวยพุ่งออกจากปากขวดและแผ่ขยายออกไปครอบคลุมดวงวิญญาณสีเทาหม่นนั้น แรงดูดมหาศาลจากขวดเริ่มดึงวิญญาณเข้าไปทีละน้อย ดวงวิญญาณต่อต้าน มันดิ้นรนและพยายามหนีออกไป แต่พลังของคาถากักเก็บนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่มันจะต้านทานได้ เพียงไม่นาน ดวงวิญญาณสีเทาหม่นก็ถูกดูดเข้าไปในขวดจนหมดสิ้น ฮารุกะรีบปิดฝาขวดอย่างรวดเร็ว แสงสีม่วงที่เปล่งออกมาจากขวดก็ดับลงพร้อมกับความเงียบที่เข้าปกคลุมอีกครั้ง ฮารุกะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง ขาของเธอแทบจะรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหว คิชิโระเดินเข้ามาหาเธอทันที เขาวางมือบนไหล่ของเธออย่างปลอบโยน "เหนื่อยหน่อยนะ" คิชิโระพูดพลางยื่นมือไปดึงเธอให้ลุกขึ้น "เก่งมากเลยฮารุกะ" ฮารุกะพยักหน้า เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่ยังคงมีความหวาดกลัวแต่ก็แฝงไปด้วยความภูมิใจ "นายก็เหมือนกัน คิชิโระ เกือบไปแล้วไหมล่ะ" "ก็เกือบไปจริง ๆ นั่นแหละ" คิชิโระยิ้มแหย ๆ "ดีนะที่นายตาไว ไม่งั้นฉันคงได้เจ็บตัวไปมากกว่านี้แน่ ๆ" เขาหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง ความมืดมิดในเหมืองดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับเงาปีศาจตัวแรก สัญญาณเตือนในนาฬิกาของฮารุกะยังคงนิ่งสนิท แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น "ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะโผล่มาเร็วขนาดนี้" ฮารุกะพูด พลางกำขวดกักเก็บวิญญาณแน่น "แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันมาจากไหนกันแน่" คิชิโระมองไปยังความมืดเบื้องลึกของเหมือง "คงต้องเข้าไปข้างในให้ลึกกว่านี้แหละมั้ง หวังว่าวิญญาณตัวนี้จะให้เบาะแสอะไรบางอย่างกับเราได้นะ" พวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นและเสียงลมหายใจของพวกเขาเท่านั้นที่ดังแผ่ว ๆ ในความมืดมิด บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอาจจะน่ากลัวกว่าที่พวกเขาเพิ่งเจอมาหลายเท่า "เอาล่ะ พักกันสักครู่ แล้วไปต่อกัน" คิชิโระตัดสินใจ เขาหันไปส่งยิ้มให้ฮารุกะอีกครั้ง พยายามจะสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเธอ "เราต้องผ่านมันไปให้ได้ เพื่อกลับบ้าน..." ฮารุกะพยักหน้าอย่างแน่วแน่ เธอวางขวดวิญญาณลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง แม้จะเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะหาทางกลับบ้านก็เป็นแรงผลักดันให้เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เคียงข้างเพื่อนสนิทของเธอ "เพื่อกลับบ้าน..." ฮารุกะทวนคำแผ่วเบา ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดินลึกเข้าไปในความมืดมิดของเหมืองร้างอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอะไรจะรอพวกเขาอยู่ในส่วนลึกของเหมืองแห่งนี้ แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากะจ้องมองการต่อสู้ด้วยความเป็นห่วง เธอหยิบขวดกักเก็บดวงวิญญาณออกมาจากกระเป๋าสะพายของเธอ ขวดแก้วใสเปล่งประกายสีม่วงอ่อน ๆ เธอพร้อมที่จะทำหน้าที่ของเธอทันทีที่คิชิโระสามารถจัดการกับมันได้ จู่ ๆ เงาปีศาจก็เปลี่ยนกลยุทธ์ มันไม่พุ่งเข้าหาคิชิโระตรง ๆ อีกต่อไป แต่มันเริ่มเคลื่อนไหวเป็นวงกว้างในความมืด ทำให้ยากที่จะจับทิศทาง คิชิโระเริ่มหอบหายใจ การต่อสู้ต่อเนื่องมาสักพักแล้ว และเขาก็เริ่มเหนื่อยล้า เขาพยายามใช้ไฟฉายส่องหาหัวของมัน แต่เงาปีศาจก็ว่องไวเกินไป "ฮารุกะ! นายเห็นหัวมันไหม!" คิชิโระตะโกนถามพลางใช้มีดอาคมปัดป้องเงาที่พุ่งมาทางเขา ฮารุกะจ้องเขม็งไปที่เงาปีศาจ เธอใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเธอพยายาม "มองเห็น" ในความมืด เธอสังเกตเห็นว่าแม้เงาปีศาจจะเคลื่อนไหวรวดเร็วแค่ไหน แต่ก็มีจุดหนึ่งที่ดู "หนาแน่น" กว่าจุดอื่น ๆ เล็กน้อย คล้ายกับเป็นแก่นกลางของมัน และนาฬิกาอาคมของเธอก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนที่รุนแรงขึ้นเมื่อเธอเพ่งความสนใจไปที่จุดนั้น "เห็นแล้ว! คิชิโระ! มันอยู่เหนือไหล่ขวาของมัน! มันพยายามปกปิดเอาไว้!" ฮารุกะตะโกนบอกอย่างตื่นเต้น เสียงเธอสั่นเล็กน้อยแต่ก็ชัดเจน คิชิโระรับข้อมูล เขากัดฟันแน่น "ได้เลย!" เขากระโดดตีลังกาหลบการโจมตีของเงาปีศาจ จากนั้นใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งตัวเข้าใส่มันอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ มือที่ถือมีดอาคมพุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่ฮารุกะบอก ด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง เงาปีศาจไม่สามารถหลบได้ทัน คิชิโระแทงมีดอาคมเข้าไปที่จุดนั้นอย่างแม่นยำ! โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก! เสียงกรีดร้องที่ยาวนานและเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วโถงเหมือง ร่างของเงาปีศาจสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันบิดเบี้ยวและแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับหมอกควันสีดำที่ถูกฉีกกระชาก แสงสีแดงก่ำในดวงตาของมันริบหรี่ลง ก่อนจะดับวูบไปในที่สุด ภายในไม่กี่วินาที ร่างของเงาปีศาจก็สลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีเทาหม่น ขนาดเท่ากำปั้นเด็กที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ มันสั่นระริกราวกับกำลังจะสลายหายไปในพริบตา "ฮารุกะ! ตอนนี้แหละ!" คิชิโระตะโกน เขายืนหอบหายใจเล็กน้อยแต่ก็ยังคงจับมีดอาคมมั่นคง คอยระแวงรอบข้างเผื่อจะมีเงาตัวอื่นโผล่มา ฮารุกะไม่รอช้า เธอรีบเปิดฝาขวดกักเก็บดวงวิญญาณออกทันที พร้อมกับร่ายคาถาที่เธอท่องจำขึ้นใจ เสียงของเธอเริ่มแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยพลังงาน: "อาตมันแห่งรัตติกาล สู่กาลผนึก ผูกพันด้วยอำนาจแห่งแสง โปรดกลับคืนสู่ภาชนะ จงเป็นดั่งที่ฉันบัญชา! โอม... นะโม... สู่ภวังค์..." แสงสีม่วงอ่อน ๆ พวยพุ่งออกจากปากขวดและแผ่ขยายออกไปครอบคลุมดวงวิญญาณสีเทาหม่นนั้น แรงดูดมหาศาลจากขวดเริ่มดึงวิญญาณเข้าไปทีละน้อย ดวงวิญญาณต่อต้าน มันดิ้นรนและพยายามหนีออกไป แต่พลังของคาถากักเก็บนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่มันจะต้านทานได้ เพียงไม่นาน ดวงวิญญาณสีเทาหม่นก็ถูกดูดเข้าไปในขวดจนหมดสิ้น ฮารุกะรีบปิดฝาขวดอย่างรวดเร็ว แสงสีม่วงที่เปล่งออกมาจากขวดก็ดับลงพร้อมกับความเงียบที่เข้าปกคลุมอีกครั้ง ฮารุกะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง ขาของเธอแทบจะรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหว คิชิโระเดินเข้ามาหาเธอทันที เขาวางมือบนไหล่ของเธออย่างปลอบโยน "เหนื่อยหน่อยนะ" คิชิโระพูดพลางยื่นมือไปดึงเธอให้ลุกขึ้น "เก่งมากเลยฮารุกะ" ฮารุกะพยักหน้า เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่ยังคงมีความหวาดกลัวแต่ก็แฝงไปด้วยความภูมิใจ "นายก็เหมือนกัน คิชิโระ เกือบไปแล้วไหมล่ะ" "ก็เกือบไปจริง ๆ นั่นแหละ" คิชิโระยิ้มแหย ๆ "ดีนะที่นายตาไว ไม่งั้นฉันคงได้เจ็บตัวไปมากกว่านี้แน่ ๆ" เขาหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง ความมืดมิดในเหมืองดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับเงาปีศาจตัวแรก สัญญาณเตือนในนาฬิกาของฮารุกะยังคงนิ่งสนิท แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น "ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะโผล่มาเร็วขนาดนี้" ฮารุกะพูด พลางกำขวดกักเก็บวิญญาณแน่น "แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันมาจากไหนกันแน่" คิชิโระมองไปยังความมืดเบื้องลึกของเหมือง "คงต้องเข้าไปข้างในให้ลึกกว่านี้แหละมั้ง หวังว่าวิญญาณตัวนี้จะให้เบาะแสอะไรบางอย่างกับเราได้นะ" พวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นและเสียงลมหายใจของพวกเขาเท่านั้นที่ดังแผ่ว ๆ ในความมืดมิด บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอาจจะน่ากลัวกว่าที่พวกเขาเพิ่งเจอมาหลายเท่า "เอาล่ะ พักกันสักครู่ แล้วไปต่อกัน" คิชิโระตัดสินใจ เขาหันไปส่งยิ้มให้ฮารุกะอีกครั้ง พยายามจะสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเธอ "เราต้องผ่านมันไปให้ได้ เพื่อกลับบ้าน..." ฮารุกะพยักหน้าอย่างแน่วแน่ เธอวางขวดวิญญาณลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง แม้จะเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะหาทางกลับบ้านก็เป็นแรงผลักดันให้เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เคียงข้างเพื่อนสนิทของเธอ "เพื่อกลับบ้าน..." ฮารุกะทวนคำแผ่วเบา ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดินลึกเข้าไปในความมืดมิดของเหมืองร้างอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอะไรจะรอพวกเขาอยู่ในส่วนลึกของเหมืองแห่งนี้ แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าหลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งแรกที่น่าตื่นเต้น ทั้งฮารุกะและคิชิโระก็ออกเดินสำรวจเหมืองลึกเข้าไปอีกครั้งด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า ไฟฉายของคิชิโระฉายนำทางส่องไปรอบ ๆ เผยให้เห็นโพรงถ้ำที่ซับซ้อนและอุโมงค์ที่ทอดลึกเข้าไปในความมืดมิด กลิ่นสนิมและดินชื้นยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปใกล้ส่วนลึกของเหมือง"เงียบจังเลยนะ" ฮารุกะกระซิบ เสียงเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน "เงียบกว่าเมื่อกี้อีก"คิชิโระพยักหน้า มือเขากำมีดอาคมแน่น "บางทีพวกมันอาจจะซุ่มโจมตีอยู่ก็ได้ เตรียมตัวให้พร้อมนะฮารุกะ"นาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮารุกะยังคงนิ่งสนิท บ่งบอกว่าไม่มีเงาปีศาจอยู่ใกล้ ๆ ในรัศมีที่ตรวจจับได้ แต่ความรู้สึกอึดอัดและหนักอึ้งในอากาศเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ใช่ความหนาวเย็นธรรมดา แต่เป็นความเย็นเยือกที่แทรกซึมไปถึงกระดูก คล้ายกับมีพลังงานมืดบางอย่างแผ่ออกมา"ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเฝ้ามองเราอยู่นะคิชิโระ" ฮารุกะกล่าว พลางกอดแขนตัวเองแน่นเพื่อคลายความหนาวเย็น "มันไม่ใช่เงาปีศาจตัวเล็ก ๆ แบบเมื่อกี้แน่"คิชิโระหยุดเดินทันที เขาชูไฟฉายขึ้นสูง
ในขณะที่คิชิโระกำลังตั้งรับการโจมตีจากเงาปีศาจที่แตกตัว เงาร่างใหญ่ตัวเดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งจากด้านหลังของเขา มันยกแขนยาวเรียวขึ้นเตรียมจะจู่โจม ฮารุกะเห็นมันพอดี เธอรีบมองไปที่นาฬิกาอาคมของเธอ หน้าปัดของมันสว่างวาบขึ้นมาเป็นสีแดงสด ตัวเลขดิจิทัลแสดงระยะห่าง 5 เมตรพร้อมกับลูกศรชี้ไปทางด้านหลังของคิชิโระ"คิชิโระ! ข้างหลังนาย! 5 เมตร!" ฮารุกะตะโกนเตือนสุดเสียงคิชิโระได้ยินเสียงของฮารุกะ เขาบิดตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด เงาปีศาจโจมตีพลาดเป้า มันส่งเสียงคำรามด้วยความหงุดหงิด"ขอบใจนะ ฮารุกะ!" คิชิโระหอบหายใจ เขาสามารถเรียกมีดอาคมของเขาออกมาจากอากาศได้ มันเป็นมีดสั้นสีเงินวาววับที่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ๆ มีอักขระโบราณสลักอยู่บนใบมีด คิชิโระกระชับด้ามมีดแน่น เขามองไปยังกลุ่มเงาที่กำลังรวมตัวกันอีกครั้ง"ฮารุกะ เตรียมขวดไว้!" คิชิโระสั่ง เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจที่รวมตัวกันเป็นร่างใหญ่ มือขวาถือมีดอาคมพุ่งตรงเข้าใส่ ในขณะที่มือซ้ายปล่อยคลื่นพลังงานสีขาวออกมาเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของมันการต่อสู้ดุเดือดขึ้นทันที คิชิโระเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับพายุ มีดอาคมของเขาสะบัดไปมาอย่างคล่องแคล่ว เขาทั้งฟัน ปัดป
ฮารุกะบีบมือคิชิโระแน่นจนปลายนิ้วซีดขาว ลมหายใจของเธอติดขัดเล็กน้อย แต่แววตาที่มองตรงไปยังประตูข้ามมิติเบื้องหน้ากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ แม้จะมีความหวาดหวั่นแฝงอยู่ลึก ๆ ก็ตาม คิชิโระเองก็จับมือเธอแน่นตอบ เขาส่งยิ้มบาง ๆ ให้ เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความมั่นใจที่ส่งผ่านฝ่ามือเข้ามา ประตูลอยนวลอยู่ตรงหน้าพวกเขา ขอบประตูพร่าเลือนราวกับม่านหมอกสีม่วงที่สั่นระริก ปลายทางคือสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ แต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า"พร้อมนะ?" คิชิโระกระซิบถาม เสียงเขาดังก้องในความเงียบงันฮารุกะพยักหน้าอย่างช้า ๆ "พร้อมเสมอ… ตราบใดที่มีนายอยู่ข้าง ๆ"คำพูดของเธอทำให้มุมปากของคิชิโระยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ตอบอะไร เพียงแค่จูงมือฮารุกะออกก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่ประตูนั้นให้ความรู้สึกราวกับหลุดลอย ร่างกายเบาหวิวเหมือนกำลังลอยอยู่ในกระแสธารที่มองไม่เห็น ภาพเบื้องหน้าบิดเบี้ยวพร่าเลือนจนยากจะจับต้อง แต่เพียงชั่วพริบตา ความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายหายไป สัมผัสถึงพื้นแข็งใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง พร้อมกับความหนาวเย็นที่กัดกินเข้ามาทันทีที่พวกเขาเดินทะลุผ่านประตูมิติออกมา สิ่งแร