หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งแรกที่น่าตื่นเต้น ทั้งฮารุกะและคิชิโระก็ออกเดินสำรวจเหมืองลึกเข้าไปอีกครั้งด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า ไฟฉายของคิชิโระฉายนำทางส่องไปรอบ ๆ เผยให้เห็นโพรงถ้ำที่ซับซ้อนและอุโมงค์ที่ทอดลึกเข้าไปในความมืดมิด กลิ่นสนิมและดินชื้นยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปใกล้ส่วนลึกของเหมือง
"เงียบจังเลยนะ" ฮารุกะกระซิบ เสียงเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน "เงียบกว่าเมื่อกี้อีก" คิชิโระพยักหน้า มือเขากำมีดอาคมแน่น "บางทีพวกมันอาจจะซุ่มโจมตีอยู่ก็ได้ เตรียมตัวให้พร้อมนะฮารุกะ" นาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮารุกะยังคงนิ่งสนิท บ่งบอกว่าไม่มีเงาปีศาจอยู่ใกล้ ๆ ในรัศมีที่ตรวจจับได้ แต่ความรู้สึกอึดอัดและหนักอึ้งในอากาศเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ใช่ความหนาวเย็นธรรมดา แต่เป็นความเย็นเยือกที่แทรกซึมไปถึงกระดูก คล้ายกับมีพลังงานมืดบางอย่างแผ่ออกมา "ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเฝ้ามองเราอยู่นะคิชิโระ" ฮารุกะกล่าว พลางกอดแขนตัวเองแน่นเพื่อคลายความหนาวเย็น "มันไม่ใช่เงาปีศาจตัวเล็ก ๆ แบบเมื่อกี้แน่" คิชิโระหยุดเดินทันที เขาชูไฟฉายขึ้นสูง กวาดไปรอบ ๆ ผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุระยิบระยับ "นายรู้สึกได้เหรอ?" "ใช่...มันเหมือนลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอฉันตลอดเวลาเลย" ฮารุกะตอบ ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระแวง ทันใดนั้น เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของเหมือง มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องแหลมสูงแบบเงาปีศาจตัวแรก แต่เป็นเสียงต่ำ ๆ ทุ้ม ๆ คล้ายเสียงคำรามครางของสัตว์ร้ายที่กำลังตื่นขึ้น เสียงนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโถงถ้ำ ทำให้ก้อนกรวดเล็ก ๆ บนพื้นสั่นกระดิก "นั่นอะไรน่ะ!" คิชิโระอุทาน เขาจับมือฮารุกะแน่นเตรียมพร้อมที่จะวิ่งหรือสู้ เสียงคำรามนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับความรู้สึกกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงจนฮารุกะแทบจะหายใจไม่ออก นาฬิกาอาคมของเธอสว่างวาบขึ้นเป็นสีแดงสดทันที ตัวเลขระยะห่างกระพริบถี่รัว พร้อมกับเสียงเตือนที่ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง: "อันตราย! อันตราย! พลังงานมืดสูงผิดปกติ!" "มันอยู่ใกล้แล้ว! คิชิโระ! พลังงานมันสูงมาก!" ฮารุกะตะโกน เธอเห็นลูกศรบนหน้าปัดนาฬิกาชี้ตรงไปที่อุโมงค์ขนาดใหญ่เบื้องหน้าพวกเขา ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เตรียมตัว ร่างเงาขนาดมหึมาก็พุ่งทะลุความมืดออกมา มันใหญ่โตกว่าเงาปีศาจตัวแรกหลายเท่าตัว รูปร่างของมันคล้ายมนุษย์ แต่สูงใหญ่จนเกือบจะชนเพดานถ้ำ แขนของมันยาวลากพื้น เล็บแหลมคมเป็นประกายสีดำทมิฬ ดวงตาสีแดงก่ำของมันไม่ได้มีเพียงคู่เดียว แต่เป็นดวงตาหลายดวงที่กระจัดกระจายอยู่บนใบหน้าอันบิดเบี้ยว และแต่ละดวงก็ลุกโชนด้วยเพลิงแห่งความอาฆาตมาดร้าย มันส่งเสียงคำรามกึกก้องที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเหมือง "ให้ตายสิ! นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย!" คิชิโระสบถ เขารู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่แผ่ออกมาจากเงาปีศาจตัวนี้ มันต่างจากตัวแรกราวฟ้ากับเหว "นี่คงจะเป็นเงาปีศาจแก่นของที่นี่แน่ ๆ!" ฮารุกะตอบเสียงสั่น เธอพยายามรวบรวมสติ แต่ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้าสู่จิตใจ เงาปีศาจยักษ์พุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แม้จะมีขนาดใหญ่แต่การเคลื่อนไหวกลับว่องไวเกินคาด คิชิโระก้าวขาออกไปยืนขวางหน้าฮารุกะ เขารวมพลังงานสีขาวนวลไว้ที่ฝ่ามือ แล้วอัญเชิญมีดอาคมคู่ใจออกมา มีดเล่มเดิมที่เคยช่วยเขาเอาชนะเงาปีศาจตัวแรก บัดนี้มันเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม ราวกับจะสะท้อนความกล้าหาญของเขา "ฮารุกะ! นายคอยระวังตัวและมองหาโอกาส! ที่เหลือฉันจะจัดการเอง!" คิชิโระตะโกนบอก เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจยักษ์ทันที ไม่รอให้มันเข้าถึงตัวก่อน การโจมตีแบบไม่คาดฝันทำให้เงาปีศาจยักษ์ชะงักไปชั่วขณะ คิชิโระใช้จังหวะนั้นแทงมีดอาคมเข้าใส่แขนของมันอย่างแรง ฉัวะ! เสียงฉีกขาดดังขึ้น ร่างของเงาปีศาจยักษ์กระตุกเล็กน้อย มันส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ แขนที่โดนแทงเริ่มสลายเป็นควันดำ แต่เพียงชั่วพริบตา แขนนั้นก็กลับมารวมตัวกันใหม่เหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บ "อะไรกันเนี่ย!" คิชิโระอุทานด้วยความตกใจ "ฟื้นตัวเร็วขนาดนี้เลยเหรอ!" เงาปีศาจยักษ์ไม่รอช้า มันเงื้อแขนยาวเรียวขึ้นเหนือศีรษะ แล้วฟาดลงมาใส่คิชิโระอย่างรุนแรง คิชิโระกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว แต่แรงลมจากการฟาดแขนของมันก็ทำให้เขาเซถลาไปชนกับผนังถ้ำอย่างจัง "อั๊ก!" คิชิโระรู้สึกจุกไปทั้งตัว เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่ร่างของเงาปีศาจยักษ์ก็เข้าประชิดตัวเขาแล้ว ดวงตาสีแดงก่ำหลายดวงจ้องมองมาที่เขาด้วยความมุ่งร้าย มันยกเท้าขนาดใหญ่ขึ้นเตรียมจะเหยียบย่ำเขา "คิชิโระ! หลบเร็ว!" ฮารุกะกรีดร้อง เธอรีบมองนาฬิกาอาคม หน้าปัดยังคงแสดงระยะห่าง 1 เมตร ชี้ตรงไปที่เงาปีศาจยักษ์ "ทางขวานาย! มีช่องว่าง!" คิชิโระได้ยินเสียงฮารุกะ เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายกลิ้งตัวหลบไปทางขวาอย่างรวดเร็ว เท้าของเงาปีศาจยักษ์กระทบพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นถ้ำสั่นสะเทือน ก้อนหินและฝุ่นผงร่วงหล่นลงมา "ขอบใจนะฮารุกะ เกือบไปแล้ว" คิชิโระหายใจหอบถี่ เขาลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล มือยังคงกำมีดอาคมแน่น "มันฟื้นตัวเร็วเกินไป เราต้องหาจุดอ่อนของมันให้เจอ!" เงาปีศาจยักษ์ไม่สนใจคำพูดของพวกเขา มันพุ่งเข้าใส่คิชิโระอีกครั้ง คราวนี้มันใช้แขนทั้งสองข้างเหวี่ยงเข้าใส่ราวกับแส้ คิชิโระต้องออกแรงปัดป้องและหลบหลีกอย่างเต็มที่ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด คิชิโระพยายามแทงมีดอาคมเข้าใส่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเงาปีศาจ แต่ทุกครั้งที่แทงเข้าไป ร่างของมันก็จะสลายไปชั่วขณะ แล้วก็ฟื้นตัวขึ้นใหม่ ทำให้เขาไม่สามารถทำความเสียหายที่ถาวรได้เลย ฮารุกะพยายามใช้สายตาจับจ้องไปที่เงาปีศาจยักษ์ นาฬิกาอาคมของเธอคอยแจ้งเตือนตำแหน่งและระยะห่างของมันตลอดเวลา เธอสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่เงาปีศาจฟื้นตัว ร่างของมันจะกระพริบแสงสีดำจาง ๆ เพียงเสี้ยววินาที "คิชิโระ! ฟังนะ!" ฮารุกะตะโกนแข่งกับเสียงคำรามของเงาปีศาจ "ตอนที่มันฟื้นตัว ร่างของมันจะกระพริบ! ฉันคิดว่าช่วงนั้นแหละคือจังหวะที่มันอ่อนแอที่สุด!" คิชิโระได้ยินคำพูดของฮารุกะ ดวงตาของเขาเป็นประกาย "จริงเหรอ! งั้นเราต้องโจมตีตอนที่มันกำลังฟื้นตัวสินะ!" เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจอีกครั้ง เขายอมโดนการโจมตีบางส่วนเพื่อให้สามารถเข้าใกล้ได้พอ เงาปีศาจยักษ์ฟาดแขนเข้าใส่ คิชิโระใช้แขนรับแรงกระแทกจากแขนของมัน เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ก็กัดฟันแน่น มีดอาคมในมือเขาเปล่งแสงสว่างวาบ ฉัวะ! คิชิโระแทงมีดอาคมเข้าใส่กลางลำตัวของเงาปีศาจยักษ์อย่างแรง ในจังหวะที่ร่างของมันกำลังกระพริบและสลายตัวไปชั่วขณะพอดี โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก! เสียงกรีดร้องของเงาปีศาจยักษ์ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับแผ่นดินไหว ร่างของมันเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและสลายตัวออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากการสลายตัวเมื่อครู่ มันไม่สามารถรวมตัวกันใหม่ได้อีกแล้ว แขนและขาของมันเริ่มเลือนหายไปในอากาศ ดวงตาสีแดงก่ำของมันหรี่ลงทีละดวงจนดับมืดในที่สุด ภายในไม่กี่วินาที ร่างกายที่ใหญ่โตของเงาปีศาจก็สลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีดำสนิท ขนาดใหญ่กว่าดวงวิญญาณตัวแรกหลายเท่าตัว ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ มันส่องประกายเรืองรองด้วยพลังงานมืดมหาศาล และดูเหมือนกำลังจะระเบิดออกในไม่ช้า "ฮารุกะ! ตอนนี้แหละ! รีบกักเก็บมัน!" คิชิโระตะโกนเสียงแหบพร่า เขาหอบหายใจอย่างหนัก ตัวเขาสั่นเล็กน้อยจากการใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการต่อสู้ ฮารุกะไม่รอช้า เธอรีบหยิบขวดกักเก็บดวงวิญญาณออกมาจากกระเป๋า เธอเปิดฝาออกทันที แสงสีม่วงเข้มพวยพุ่งออกมาจากปากขวด สว่างจ้ายิ่งกว่าตอนกักเก็บวิญญาณตัวแรก เธอร่ายคาถาด้วยเสียงที่มั่นคงและทรงพลัง: "อาตมันแห่งรัตติกาล สู่กาลผนึก! ผูกพันด้วยอำนาจแห่งแสงและเจตจำนง! ขอจงคืนสู่ภาชนะ จงเป็นดั่งที่ฉันบัญชา! โอม... นะโม... สู่ภวังค์... กลับคืน... บัดนี้!" คาถาที่เธอร่ายคราวนี้ยาวกว่าเดิม และพลังงานที่แผ่ออกมาจากตัวเธอก็รุนแรงกว่าที่เคย ดวงวิญญาณสีดำสนิทดิ้นรนอย่างรุนแรง มันแผ่รังสีแห่งความมืดออกมารอบตัว ทำให้ฮารุกะรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดและร่ายคาถาต่อไป ใบหน้าของเธอซีดเผือด แต่ดวงตาของเธอมุ่งมั่น คิชิโระยืนอยู่ข้าง ๆ ฮารุกะ มือเขากำมีดอาคมแน่น คอยระแวงรอบข้างเพื่อป้องกันไม่ให้มีอะไรมาขัดขวางการทำพิธีของฮารุกะ เขาเห็นเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอ และรู้ว่าเธอต้องใช้พลังงานมากแค่ไหนในการควบคุมดวงวิญญาณขนาดใหญ่นี้ ค่อย ๆ ดวงวิญญาณสีดำสนิทก็ถูกดูดเข้าไปในขวดอย่างช้า ๆ มันพยายามต้านทานจนวินาทีสุดท้าย แต่ในที่สุด พลังแห่งคาถาของฮารุกะก็แข็งแกร่งกว่า ดวงวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในขวดจนหมดสิ้น ฮารุกะรีบปิดฝาขวดทันที แสงสีม่วงเข้มก็หรี่ลงและจางหายไป ฮารุกะถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เธอปล่อยขวดวิญญาณออกจากมืออย่างช้า ๆ ก่อนที่ขาทั้งสองข้างของเธอจะอ่อนแรงลง เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง คิชิโระทิ้งมีดอาคมลง เขาโผเข้ากอดฮารุกะทันที กอดของเขาแน่นและเต็มไปด้วยความโล่งใจและความภูมิใจ "ฮารุกะ... นายทำได้แล้ว! เราทำได้แล้ว!" คิชิโระพูดเสียงสั่น เขาเอาใบหน้าซบลงกับไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน ฮารุกะเองก็สวมกอดตอบ เธอซบหน้าลงกับอกของเขา รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วของเขา "เรา...เราทำได้จริง ๆ ด้วยคิชิโระ" ฮารุกะพูดเสียงแผ่ว น้ำตาแห่งความโล่งอกไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอเล็กน้อย "ฉันกลัวแทบแย่เลยนะ" "ฉันก็เหมือนกัน" คิชิโระหัวเราะเบา ๆ "แต่เราก็ผ่านมันมาได้" พวกเขากอดกันแน่นอยู่ครู่ใหญ่ ปล่อยให้ความรู้สึกโล่งใจและชัยชนะไหลเวียนไปทั่วร่าง หลังจากที่ความกลัวและความตึงเครียดได้หายไป การต่อสู้กับเงาปีศาจยักษ์นั้นหนักหนาสาหัสกว่าที่พวกเขาคิดไว้มากนัก แต่ด้วยความร่วมมือและเชื่อใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็สามารถเอาชนะมันได้สำเร็จ เมื่อความรู้สึกดีใจเริ่มจางลง ฮารุกะค่อย ๆ ผละออกจากอ้อมกอดของคิชิโระ ใบหน้าของเธอแม้จะยังมีร่องรอยความเหนื่อยล้า แต่แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้ง "เอาล่ะ เราคงต้องออกไปหาทางอื่นต่อแล้วล่ะ" ฮารุกะกล่าว พลางชูขวดกักเก็บวิญญาณขึ้นมา "วิญญาณตัวนี้คงจะให้เบาะแสอะไรบางอย่างกับเราได้ไม่มากก็น้อย" คิชิโระพยักหน้า เขายื่นมือไปจับมือของฮารุกะแน่นอีกครั้ง "ไปกันเถอะ" คิชิโระพูดด้วยรอยยิ้ม "เราจะกลับบ้านกันให้ได้" ฮารุกะยิ้มตอบ ดวงตาของเธอมุ่งมั่นไม่แพ้กัน ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แม้จะเหนื่อยล้า แต่จิตใจก็เปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมในการก้าวต่อไป พวกเขาออกเดินลึกเข้าไปในเหมืองอีกครั้ง ทิ้งซากความเสียหายและควันดำจาง ๆ ไว้เบื้องหลัง รางรถเข็นที่บิดเบี้ยวและผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนเป็นพยานถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อครู่ พวกเขาไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรอีก แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันทุกสิ่ง เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปหลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งแรกที่น่าตื่นเต้น ทั้งฮารุกะและคิชิโระก็ออกเดินสำรวจเหมืองลึกเข้าไปอีกครั้งด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า ไฟฉายของคิชิโระฉายนำทางส่องไปรอบ ๆ เผยให้เห็นโพรงถ้ำที่ซับซ้อนและอุโมงค์ที่ทอดลึกเข้าไปในความมืดมิด กลิ่นสนิมและดินชื้นยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปใกล้ส่วนลึกของเหมือง"เงียบจังเลยนะ" ฮารุกะกระซิบ เสียงเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน "เงียบกว่าเมื่อกี้อีก"คิชิโระพยักหน้า มือเขากำมีดอาคมแน่น "บางทีพวกมันอาจจะซุ่มโจมตีอยู่ก็ได้ เตรียมตัวให้พร้อมนะฮารุกะ"นาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮารุกะยังคงนิ่งสนิท บ่งบอกว่าไม่มีเงาปีศาจอยู่ใกล้ ๆ ในรัศมีที่ตรวจจับได้ แต่ความรู้สึกอึดอัดและหนักอึ้งในอากาศเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ใช่ความหนาวเย็นธรรมดา แต่เป็นความเย็นเยือกที่แทรกซึมไปถึงกระดูก คล้ายกับมีพลังงานมืดบางอย่างแผ่ออกมา"ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเฝ้ามองเราอยู่นะคิชิโระ" ฮารุกะกล่าว พลางกอดแขนตัวเองแน่นเพื่อคลายความหนาวเย็น "มันไม่ใช่เงาปีศาจตัวเล็ก ๆ แบบเมื่อกี้แน่"คิชิโระหยุดเดินทันที เขาชูไฟฉายขึ้นสูง
ในขณะที่คิชิโระกำลังตั้งรับการโจมตีจากเงาปีศาจที่แตกตัว เงาร่างใหญ่ตัวเดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งจากด้านหลังของเขา มันยกแขนยาวเรียวขึ้นเตรียมจะจู่โจม ฮารุกะเห็นมันพอดี เธอรีบมองไปที่นาฬิกาอาคมของเธอ หน้าปัดของมันสว่างวาบขึ้นมาเป็นสีแดงสด ตัวเลขดิจิทัลแสดงระยะห่าง 5 เมตรพร้อมกับลูกศรชี้ไปทางด้านหลังของคิชิโระ"คิชิโระ! ข้างหลังนาย! 5 เมตร!" ฮารุกะตะโกนเตือนสุดเสียงคิชิโระได้ยินเสียงของฮารุกะ เขาบิดตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด เงาปีศาจโจมตีพลาดเป้า มันส่งเสียงคำรามด้วยความหงุดหงิด"ขอบใจนะ ฮารุกะ!" คิชิโระหอบหายใจ เขาสามารถเรียกมีดอาคมของเขาออกมาจากอากาศได้ มันเป็นมีดสั้นสีเงินวาววับที่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ๆ มีอักขระโบราณสลักอยู่บนใบมีด คิชิโระกระชับด้ามมีดแน่น เขามองไปยังกลุ่มเงาที่กำลังรวมตัวกันอีกครั้ง"ฮารุกะ เตรียมขวดไว้!" คิชิโระสั่ง เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจที่รวมตัวกันเป็นร่างใหญ่ มือขวาถือมีดอาคมพุ่งตรงเข้าใส่ ในขณะที่มือซ้ายปล่อยคลื่นพลังงานสีขาวออกมาเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของมันการต่อสู้ดุเดือดขึ้นทันที คิชิโระเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับพายุ มีดอาคมของเขาสะบัดไปมาอย่างคล่องแคล่ว เขาทั้งฟัน ปัดป
ฮารุกะบีบมือคิชิโระแน่นจนปลายนิ้วซีดขาว ลมหายใจของเธอติดขัดเล็กน้อย แต่แววตาที่มองตรงไปยังประตูข้ามมิติเบื้องหน้ากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ แม้จะมีความหวาดหวั่นแฝงอยู่ลึก ๆ ก็ตาม คิชิโระเองก็จับมือเธอแน่นตอบ เขาส่งยิ้มบาง ๆ ให้ เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความมั่นใจที่ส่งผ่านฝ่ามือเข้ามา ประตูลอยนวลอยู่ตรงหน้าพวกเขา ขอบประตูพร่าเลือนราวกับม่านหมอกสีม่วงที่สั่นระริก ปลายทางคือสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ แต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า"พร้อมนะ?" คิชิโระกระซิบถาม เสียงเขาดังก้องในความเงียบงันฮารุกะพยักหน้าอย่างช้า ๆ "พร้อมเสมอ… ตราบใดที่มีนายอยู่ข้าง ๆ"คำพูดของเธอทำให้มุมปากของคิชิโระยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ตอบอะไร เพียงแค่จูงมือฮารุกะออกก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่ประตูนั้นให้ความรู้สึกราวกับหลุดลอย ร่างกายเบาหวิวเหมือนกำลังลอยอยู่ในกระแสธารที่มองไม่เห็น ภาพเบื้องหน้าบิดเบี้ยวพร่าเลือนจนยากจะจับต้อง แต่เพียงชั่วพริบตา ความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายหายไป สัมผัสถึงพื้นแข็งใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง พร้อมกับความหนาวเย็นที่กัดกินเข้ามาทันทีที่พวกเขาเดินทะลุผ่านประตูมิติออกมา สิ่งแร