คืนวันศุกร์ที่สู้ชีวิตของอีฟได้ผ่านไป..จนถึง
สายของวันเสาร์ร่างเพลียยังนอนนิ่งในห้องแคบ ๆบนอะพาร์ตเมนต์ เสียงเคาะประตูห้องดังก้องขึ้นปลุกเธอให้ตื่นเกือบทุกวันเวลาเดิม ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “อีฟ” แนนซี่ส่งเสียงเรียก แนนซี่คือเพื่อนสนิทเรียนด้วยกันเป็นเด็กต่างจังหวัดลูกสาวเจ้าของสวนยางเช่าห้องบนอะพาร์ตเมนต์เดียวกับเธอ “อีฟ ตื่นเร็วข่าวด่วนๆ” “จ้าแนนซี่” อีฟลืมตาที่ยังงัวเงียออกไปเปิดประตูหรี่ตาจากแสงที่สาด มองแนนซี่ที่ทำตาโตราวกับมีเรื่องใหญ่โต “มีอะไรเหรอ แนนซี่” “เนี่ยแฟนเก่าเธอ ไอวา มากับยัยลิซซี่ขับเบนซ์มาอยู่ลานจอดรถ” เมื่อได้ยินที่แนนซี่พูด อีฟสร่างขึ้นมาทันที ปรี่ออกไปตรงระเบียงห้องด้านหน้าทางเดินอะพาร์ตเมนต์เห็นได้ชัดจากชั้น2 ไอวาแฟนเก่าที่เรียนรั้วมหาลัยเดียวกันควงมากับ ลิซซี่สาวสวยห้องเรียนเดียวกับเธอซึ่งเป็นดาวคณะ กำลังตรงเข้าอะพาร์ตเมนต์ อีฟที่ยังอยู่ในชุดนอนผมเผ้ากระเซิงกลิ่นเหล้าโชยอ่อนๆ ยืนอึ้งอยู่หน้าห้องเมื่อเห็น เขาทั้งสองมาด้วยกันเดินตรงมาที่ห้องเธอ “อีฟ เรามาเก็บของที่ฝากไว้อะ ขอเข้าห้องไปเก็บได้ไหม” ไอวาหนุ่มหล่อหน้าคมเข้มมาดแบดบอยเคยคบหาไปมาหาสู่กับอีฟได้สักพักใหญ่ “เชิญ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงห้วน ๆพลางเอียงหน้ามองไปทางอื่น แนนซี่มองทั้งคู่ที่ควงกันมาด้วยสายตาเคืองขุ่นไม่คิดว่าไอวาจะกล้าพายัยลิซซี่เข้ามาเหยียบย้ำหัวใจอีฟถึงที่แม้จะเลิกรากันไปแล้วก็ตาม เพราะตัวเธอเองกับอีฟ ไม่ค่อยจะกินเส้นกับกลุ่มยัยลิซซี่กันซักเท่าไหร่นัก เหมือนเอาเท้ามาเหยียบหน้าเธอเพราะปากหล่อนชอบหาเรื่องถึงแม้จะอาศัยบารมีว่าเป็นลูกสาว นักการเมืองก็เถอะ สวยแต่รูปแต่จูบไม่หอม “เหม็นกลิ่นเหล้าราคาถูก กลิ่นสาบคนจนสงสัยเมื่อคืนคงจัดหนักละสิ ดูสภาพหล่อนสิ ดูทุเรศ” ลิซซี่พูดด้วยน้ำเสียงกระแทกเหล่ตามองอีฟพลางเบะปากเชิดคอเพราะหล่อนคงจะหึงหวงไอวาไม่น้อยที่เคยเป็นแฟนกับอีฟ “พูด ดีๆ นะ อีลิซซี่ เดี๋ยวกูตบปากแตกเลย” แนนซี่รีบชิงตอบแทนทันควันทำให้ลิซซี่ลดท่าทางอวดดีลง ไอวา ที่เข้าไปเก็บของที่แพ็กไว้แล้ว ก็เดินออกมา เอ่ยเพียงคำว่า "ขอบคุณ" “มันไปคบกันตอนไหนวะ แต่ช่างเถอะดูแล้วก็เหมาะสมกันดีผีเน่ากับโลงผุ เชอะ” แนนซี่พูดพลางมองตามหลังสองคนนั้นเดินไป แล้ว แนนซี่ก็เข้ามาโอบไหล่ อีฟ พลางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นไงบ้างเพื่อนเมื่อคืน ไปทำงานกับเจ๊แตงวันแรกอะ เออแต่เงินที่ยืมเราไปไม่ต้องรีบคืนนะ” แนนซี่เห็นแล้วว่านางน่าจะสู้ชีวิตน่าดูเลยช่วงนี้รู้สึกเป็นห่วง “ก็ดี” เธอตอบเพียงสั้นๆ “นี่ เดือนหน้าฉันก็จะกลับบ้านที่ ตจว. อีฟไปเที่ยวด้วยกันไหม” “ยังไปไม่ได้หรอกเพื่อน” “มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เราเป็นเพื่อนกันนะ” “ไปทานข้าวกันเถอะ ที่ร้านอาหารตามสั่งข้างหอ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองอีฟ” “โอเค ไปก็ไปสิ ขออาบน้ำแต่งตัวแป๊บ” แนนซี่คือเพื่อนสนิทของอีฟคอยซัปพอร์ตช่วยเหลือตลอด หลังจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ไอวา พาลิซซี่เข้ามาอดีตรังรัก ของเธอและเขา ปากที่บอกว่าไม่เป็นไรแต่ ในหัวใจเธอก็เจ็บใช่น้อยเพราะช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดเขากลับทิ้งเธอไป บนโต๊ะอาหาร ข้าวผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวที่อีฟจ้องมองใช้ช้อนเขี่ยไปมา “อีฟ เป็นไรป้าว” “เปล่า” ไม่ทันไรน้ำตาก็ร่วงหล่น แนนซี่เข้าใจสถานการณ์เพื่อนตอนนี้ดี “เอาน่า เดี๋ยวก็ดีขึ้นเพื่อน” “กินๆ ดูเธอสิผอมแห้งเกินไปนะ” “ขอบใจเพื่อน” อีฟพูดพลางตักแบ่งข้าวในจานให้เพื่อนที่รูปร่างสมบูรณ์อย่างแนนซี่ “งั้นช่วยฉันกินด้วยละกัน” เธอเป็นคนเข้มแข็งแม้จะมีน้ำตาแต่แค่ต้องการระบายแค่นั้น บนคอนโดใจกลางกรุง แซมหนุ่มโปรแกรมเมอร์กำลังนั่งจ้องจอสี่เหลี่ยมบนเตียงนอนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมกับโปรเจ็กต์ใหญ่ที่เขากำลังวางไว้ซึ่งพึ่งจะเริ่มต้นสำหรับเขาในการใช้ชีวิตให้ชินในเมืองไทย รู้สึกสมองมึนคิดไม่ออก ลุกขึ้นไป เปิดขวดเบียร์ในตู้เย็น กระดกขึ้นดื่ม แสงแดดส่องกระทบร่างสูงขาวผมสีบลอนด์ ดวงตาสีฟ้า ราวกับนายแบบ หยิบกระดาษบนหลังตู้เย็น พิมพ์ข้อความหาอีฟพลางเดินออกไปรับแดดที่นอกระเบียง “Hi eve” (สวัสดี อีฟ) “Can I see you tonight ?” (คืนนี้ ผมเจอคุณได้ไหม) อีฟกับแนนซี่เมื่อทานข้าวอิ่มก็เดินกลับขึ้นห้อง “เออ อีฟคืนนี้จะให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหมอะ ฉันเป็นห่วงแก” “ไม่เป็นไรแนนซี่ ไว้วันอื่นก็ได้เพื่อน วันไหนที่เธอเบื่อ” ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันที่ตัวแทบจะติดกันเลย “ไว้เจอกัน” อีฟพอเข้าถึงห้องก็หยิบบิลมารวมนับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดวงตาเลื่อนมองมือถือที่วางไว้มีข้อความส่งมา เธอหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน ข้อความส่งมาจากแซม เธอพอนึกออก ว่าหนุ่มฝรั่งคนเมื่อคืน “Sure, and See you tonight” (ได้ค่ะ,เจอกันคืนนี้ค่ะ) เธอตอบสั้นๆ เพราะคืนนี้เธอต้องไปทำงานที่ร้านจัดงานวันวาเลนไทน์ซึ่งรับปากกับเจ๊แตงเอาไว้อย่างมั่นเหมาะจะผิดคำพูดไม่ได้ มองดูเวลาก็พอมีเวลาให้เปิดอ่านหนังสือทบทวนนิดหน่อยแม้จะเปิดผ่านตาก็ยังดีเพราะสมองเธอไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่นัก จวนใกล้เวลานัดกับเจ๊แตงเอาไว้ เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวแต่คืนเธอสละคราบสาวที่สดใสออกไปอย่างสิ้นเชิงแปลงร่างจัดเต็มในชุดเดรสเกาะอกสั้นเสมอท่อนขาบนรองเท้าส้นสูง อาจจะเรียกว่าชุดแก้แค้นแฟนเก่าก็ว่าได้ เธอจ้องใบหน้าตัวเองผ่านกระจกถือลิปสติกทาลงบนริมปากพลางนึกถึงภาพเมื่อเช้าวันนี้ที่ยังติดตาเธออยู่ ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พร้อมยังจ๊ะ คนสวย” เจ๊แตงมาตรงเวลาพอดีเปล่งเสียงอยู่หน้าห้อง “ค่ะ”สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั
ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น