รถเก๋งสีขาวขับมาจอดเทียบที่หน้าบ้านสไตล์มินิมอลขนาดกลางชั้นเดียวรอบบ้านทาสีครีมหลังคาสีน้ำตาล รอบๆ บ้านเป็นสนามหญ้ารายล้อมด้วยดอกกุหลาบที่ปลูกเป็นรั้ว
บ้านหลังนี้สร้างขึ้นได้สองปีกว่าแล้ว ด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้าเอยทุกบาททุกสตางค์ เธอจึงรักบ้านหลังนี้มากๆ เพราะเป็นที่ที่ทำให้เธอได้พบกับความสุขในทุกๆ วัน มีบ้านหลังเล็กๆ อยู่ มีงานที่แม้จะไม่ได้เงินมากมายจนล้นมือแต่ก็สามารถซัพพอร์ตตัวเองและลูกให้ไม่ลำบาก ที่สำคัญเธอมีความสุขมากๆ ที่ได้เห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน เพราะรอยยิ้มของลูกคือสิ่งที่ทำให้เธอมีเป้าหมาย มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิต
ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว หากเธอไม่รู้ว่าตัวเองท้องก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้หรือเปล่า เพราะเรื่องที่เธอเจอมามันทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจจนเกือบจะคิดสั้น...
เรื่องราวในอดีต
ณ งานแต่งงานที่แสนเรียบง่ายยามเช้าที่ริมชายหาดของทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลีในชุดเจ้าบ่าวสีขาวแสนสง่ากำลังโน้มตัวลงมาจูบหญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวประดับเพชรเม็ดงามราคาแพงท่ามกลางญาติสนิทที่มายินดีในงานแต่ง
เหล่าแขกเหรื่อที่เป็นญาติสนิทของทั้งทางฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างก็มองภาพความสวยงสมของทั้งสองด้วยสายตาที่ชื่นชม เพราะบ่าวสาวอย่างเจ้าเอยและมานูแอลดูเหมาะสมกันดั่งกิ่งทองกับใบหยก ทั้งเจ้าสาวก็เป็นสาวสวยดีกรีนางแบบอาชีพ ส่วนเจ้าบ่าวก็เป็นชายหนุ่มนักธุรกิจลูกครึ่งไทยอิตาลีที่มีหน้าตาฐานะชาติตระกูลที่ใครต่างก็มองว่าสมบูรณ์แบบ
หลังจากพิธีแต่งงานร่วมวันผ่านพ้นไปก็เป็นวินาทีที่ทั้งสองจะได้ครอบครองเป็นสามีภรรยากันแบบพฤตินัยสมใจทางเจ้าบ่าวที่หลงรักเจ้าสาวแสนสวยมาเป็นปีๆ
“รู้ใช่ไหมว่าผมรักคุณมากๆ ถึงได้ให้เกียรติคุณจนถึงวันนี้”
“ค่ะ” เจ้าเอยนอนหลับตาพริ้มเมื่อมานูแอลกำลังก้มลงพรมจูบ แผ่นหลังบางสะท้านเล็กน้อยขณะลิ้นอุ่นร้ายกำลังไล่ซอกซอนเข้ามาในโพรงปากนุ่ม
มานูแอลค่อยๆ สัมผัสเจ้าสาวของเขาอย่างทะนุถนอม เมื่อได้ใกล้ชิดเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมหวานอารมณ์รักอารมณ์สวาทก็เริ่มคุกรุ่นและประทุความร้อนแรงขึ้นรวดเร็วเป็นทวีคูณ เขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกพบ ยิ่งได้ครอบครองยิ่งหลงไหล เมื่อได้เนื้อแนบเนื้อกันบนเตียงนุ่มได้มานูแอลก็ไม่รีรอที่จะมอบบทรักบทสวาทกระชับสัมพันธ์กับเจ้าสาวคนสวย
“อะ...อ๊าย อื้อ” เจ้าเอยกรีดร้องเสียงดังเมื่อถูกแท่งร้อนใหญ่โตลุกล้ำเข้ามาในกลางกาย ตัวของเธอเกร็งมือไม้ปัดป่ายจิกลำแขนแกร่งจมเล็บระบายความเจ็บ
“อืม...” มานูแอลกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน เขาร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว ทั้งยังรู้สึกถูกบีบรัดแท่งร้อนปวดหนึบขณะแช่เอาไว้ในร่องสวาทอุ่น เขารีบก้มพรมจูบปิดปากเพื่อเล้าโลมคนใต้ร่างอีกรอบเมื่อเห็นว่าเธอเจ็บจนมีน้ำตา
หัวใจของเขาชุ่มชื้นดั่งมีน้ำฝนโปรยปรายชะโลมหัวใจเมื่อรู้ตัวว่าเขาเป็นคนแรกของเธออย่างไม่เคยคาดหวังมาก่อน คืนทั้งคืนมานูแอลเชยชิมเจ้าสาวของเขาทั้งคืนราวกับเธอเป็นของอร่อย กว่าจะปล่อยให้เจ้าเอยพักผ่อนได้เธอก็นอนสลบเหมือดคาเตียงไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาหรือส่งเสียงร้องไปแล้ว
ซ่า ซ่า... เจ้าเอยนั่งกอดตัวเองปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวชะโลมตัวชะล้างคราบคาวคราบเลือดจากการถูกกระชับสัมพันธ์ของคนเป็นสามีหมาดๆ เมื่อคืน เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลลงอาบแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงแค่เรื่องที่ฝันไปเพราะไม่ได้เต็มใจที่จะสานสัมพันธ์และแต่งงานกับมานูแอลแม้แต่น้อย แต่ต้องยอมจำใจแต่งเพราะถูกบังคับด้วยอาการป่วยของคนเป็นพ่อ และหนี้สินล้นพ้นตัวที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อแต่ต้องมาร่วมรับผิดชอบ
เธอรีบยกมือปิดปากเมื่อเริ่มที่จะมีเสียงสะอื้น เมื่อคืนเธอไม่ได้เจ็บเพียงตัว แต่เจ็บไปทั้งใจที่ไม่สามารถเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้คนที่ตนเองรักได้ หากคนรักของเธอได้รับรู้ว่าเธอถูกบังคับแต่งงานและมอบกายให้กับผู้ชายคนอื่นจะเสียใจแค่ไหน
เจ้าเอย ศิวพัฒน์พานิชย์ หญิงสาววัย22ย่าง23 หลังจากเรียนจบบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพมหานครเธอก็ไม่ได้เข้าทำงานในสายอาชีพที่ร่ำเรียนมา แต่เธอเลือกที่จะรับงานเป็นนางแบบเพราะรับงานพวกนี้ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งแล้ว อีกอย่างเงินที่ได้จากอาชีพนี้ก็มากกว่าที่จะต้องเป็นพนักงานประจำ
เจ้าเอยเป็นผู้หญิงร่างสูงหุ่นนาฬิกาทรายใบหน้าสวยตาเฉี่ยวมีเสน่ห์ปากนิดจมูกหน่อยผิวขาวอมชมพูใบหน้ารูปไข่คิ้วเข้มเรียวสวยได้รูป ผมดกดำยาวตรงสลวยจนเลยกลางหลัง
เธอเป็นคนที่ค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยสู้คน แต่สู้ชีวิตเป็นที่หนึ่ง เธอเกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่ทางบ้านมีฐานะเลี้ยงเธอไม่ให้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้สบายมีกินมีใช้จนล้นมือ หลังจากเธอจบประถมแม่ของเธอก็เสียไปด้วยโรคร้าย หลังจากนั้นไม่นานพ่อของเธอก็มีภรรยาใหม่พ่วงด้วยลูกชายที่แก่กว่าเธอหลายปีเป็นลูกติดมาด้วย
หลังจากเสียแม่แม้จะลำบากกว่าตอนมีแม่อยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก จนกระทั่งเธอเข้ามหาวิทยาลัย พ่อของเธอลื่นล้มในห้องน้ำทำให้เธอเดินไม่ได้ เธอก็ถูกแม่เลี้ยงใช้ให้ทำงานบ้านทุกอย่างโดยอ้างว่าที่บ้านไม่มีเงินจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดเหมือนอย่างเคยเพราะต้องเอาเงินจากกการทำธุรกิจร้านอาหารมารักษาพ่อ และหากเธอจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเธอก็ต้องทำงานหาเงินเรียนเอง จนทำให้เธอได้ทำงานเป็นนางแบบตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
หลังเรียนจบพ่อของเธอก็อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนที่บ้านไม่เหลือเงินที่จะรักษาแม่เลี้ยงของเธอจึงบังคับให้เธอตอบรับที่จะเดทกับมานูแอลมาร่วมปีจนกระทั่งแต่งงานกัน เพราะแม่เลี้ยงของเธอต้องการเอาค่าสินสอดมาใช้หนี้และรักษาพ่อที่กำลังป่วยหนักขึ้นทุกวัน
เจ้าเอยยอมรับว่ามานูแอลไม่มีที่ติตรงไหน แต่ติดตรงที่หัวใจของเธอมอบให้มาวินแฟนที่เธอคบเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายไปแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เธอเดทกับมานูแอลได้ก็เพราะคนที่เธอรักไปทำงานต่างประเทศ และไม่รู้เลยว่าหากเขากลับมาแล้วเธอจะอธิบายกับมาวินยังไง เพราะเธอสัญญากับมาวินเอาไว้แล้วว่าถ้าเขากลับมาเมืองไทยเธอจะแต่งงานกับเขา ตอนนี้เธอจึงรู้สึกผิดกับทั้งมาวินและมานูแอลที่จำใจต้องสวมเขาให้ชายหนุ่มทั้งสองเพราะปัญหาในครอบครัวที่เธอมี
“เป็นยังไงบ้างคะ” ม่อนไหมเดินอุ้มลูกสาวของเธอเข้ามาในห้องนอนของลอเลนโซหลังจากที่หมอฟิลิปได้เข้ามาตรวจอาการสามีของเธอจนกลับไปแล้วลอเลนโซมองจ้องหญิงสาวกับลูกน้อยไม่วางตา จนม่อนไหมเริ่มประหม่าเพราะไม่รู้ว่าลอเลนโซกำลังคิดอะไรอยู่“มองหน้าม่อนแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”“ป้อ...ป้อ...” เด็กหญิงถูกวางลงที่เตียงได้ก็รีบคลานเข้าไปนอนซบอกคนเป็นพ่อทันที“ยังมีอาการปวดหัวอยู่หรือเปล่าคะ”ลอเลนโซกอดลูกน้อยไว้ในอ้อมอกและส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะมองไปที่เท้าอวบอูมของเจ้าตัวกลมที่สวมถุงเท้าสีขาวเอาไว้“ถ้าสวมถุงเท้าไหมพรมสีฟ้าคงจะน่ารักน่าดูนะ”“คุณลอส” ม่อนไหมนั่งอ้าปากค้างไม่กี่วินาทีน้ำตาของเธอก็ไหลอาบแก้ม“ผมจำทุกอย่างได้แล้วครับ” ลอเลนโซลุกขึ้นมารวบกอดทั้งลูกและภรรยาแน่น ก่อนจะปล่อยน้ำตาแห่งความตื้นตันดีใจออกมาอาบที่แก้ม และแล้วเขาก็จำทุกอย่างได้เสียที“จำได้แล้ว เย่...” ต้นสายตะโกนเสียงหลงเมื่อรับรู้ข่าวจากม่านแก้วว่าตอนนี้ลอเลนโซจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว“ดีใจที่สุดเลย” นิลน้ำกระโดดกอดคอกับต้นสายแน่น ที่รับรู้ว่าม่อนไหมนั้นพ้นจากความทุกข์ใจเสียทีหลังจากที่ทรมานใจมาพักใหญ่“หลังจากนี้ก็น่าจะมีแต่ความสุ
“ก็ถ้าคนรักของฉันเจ็บป่วยฉันก็อยากจะดูแลใกล้ชิดเหมือนกันค่ะ ยิ่งอยู่ห่างก็ยิ่งห่วงกว่าเดิมค่ะ คุณลองคิดสิคะว่าพ่อคุณนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลแล้วไม่ให้คุณเข้าเยี่ยมคุณจะทุกข์ใจแค่ไหน”ลอเลนโซนั่งเงียบ ด้วยคิดตามพยาบาลสาวแล้วมันก็เป็นความจริงอย่างที่เธอพูด“ไม่มีอะไรจะเถียงล่ะสิ”“ยุ่ง ผมอิ่มแล้วพาผมเข้าห้องไปพักด้วย”“กินยาก่อนค่ะ”“เอามา” ครั้งนี้ลอเลนโซยอมกินยาง่ายๆ เพราะรู้ว่าหากยื้อเวลาก็จะต้องมานั่งต่อปากต่อคำกับพยาบาลสาวจอมปากจัดคนนี้ต่อ“ทำตัวไม่ดื้อก็เป็นนี่คะ” ม่อนไหมยืนถ้วยยาเล็กใส่มือของลอเลนโซ เธอยืนยิ้มแก้มปริเพราะวันนี้ไม่ต้องเหนื่อยสู้รบกับชายหนุ่มในเรื่องบังคับกันกินยา“เค้ามีวี่แววว่าจะจำอะไรได้หรือยังม่อน”ม่อนไหมส่ายหัวเป็นคำตอบให้กับม่านแก้ว ม่อนไหมดูแลลอเลนโซมาร่วมสองอาทิตย์จนตอนนี้ชายหนุ่มต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาดวงตา เธอเริ่มหมดกำลังใจในการรื้อฟื้นความจำของสามีเธอพอสมควร เพราะอุตส่าห์ตะล่อมให้ลอเลนโซยอมเจอพ่อและน้องๆ ได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถพูดให้เขาอยากเจอลูกกับภรรยาได้เลยทุกๆ เช้าเธอจะสรรหาเมนูที่เขาเคยชอบในฝีมือของเธอให้เขาได้รับประทานเป็นประจำ แต่ทำอย่างไรเ
“แต่ไม่ใช่ฉันค่ะ ยังไงคุณก็ต้องกินค่ะ ไม่ห่วงตัวเองก็สนใจความรู้สึกของคนที่เค้าคอยเป็นห่วง คนที่เค้ารอคอยว่าคุณจะหายอย่างใจจดใจจ่อหน่อยเถอะค่ะ”“ผมแค่ไม่อยากกินยา ทำไมคุณต้องโยงไปถึงคนอื่นด้วย” ลอเลนโซรู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกชะตากับพยาบาลคนใหม่เสียแล้ว“ถ้าคุณไม่ยอมกินยา ฉันจะเข็นคุณออกไปนั่วนอกบ้านให้ปวดกระดูกจนเป็นไข้เลยเอาไหมคะ” เธอก้มกระซิบข้างหูของคนเป็นสามีเบาๆ เพราะกลัวว่ากล้องวงรปิดจะได้ยินว่าพยาบาลคนใหม่อย่างเธอพูดอะไรกับคนไข้“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผม รู้หรือเปล่าว่าผมสามารถทำให้คุณตกงานได้ตลอดชีวิต” ลอเลนโซเริ่มน้ำเสียงขุ่น ไม่รู้ว่าหญิงสาวเป็นพยาบาลจริงๆ หรือเปล่าถึงได้พูดจากับคนไข้เช่นนี้“ไม่รู้จริงๆ ค่ะ” ม่อนไหมพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี และอาศัยจังหวะที่ลอเลนโซอ้าปากใส่ยาตามด้วยน้ำเข้าไปในปากของเขา“อื้อ” และแล้วลอเลนโซก็ต้องรีบกลืนยาลงลอเพราะหากไม่กลืนก็อาจจะทำให้เขาสำลักม่อนไหมยืนยิ้มกรุ้มกริ่มและเข็นรถเข็นพาคนไข้จอมพยศไปที่ห้องของเขา เมื่อครู่เธอไม่ได้กลัวเขาสำลักแม้แต่น้อยเพราะจำได้ดีว่าในตอนที่ดูแลลอเลนโซตอนครั้งที่บาดเจ็บตอนนั้น เขาก็พยศไม่ชอบกินยาเธอก็ใช้วิธีนี้
“ประมาณสามปีล่าสุดครับ”“แสดงว่า...” หญิงสาวเข่าทรุด เท่ากับว่าตอนนี้ลอเลนโซไม่รู้เลยว่ามีเธอและลูกอยู่บนโลกใบนี้ ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากกว่าตอนที่เห็นเขานอนเจ็บเสียอีก“ม่อน...ใจเย็นๆ ก่อนนะยังไงหมอก็บอกว่าลอสมีโอกาสหาย” ม่านแก้วรีบกอดปลอบม่อนไหมที่ขาอ่อนจนฟุบนั่งร้องให้ลงไปกับพื้น“คุณม่อน” มานูแอลรีบพยุงพี่สะใภ้ของเขามานั่งที่โซฟา“ทำไม ต้อง...เป็นแบบนี้ด้วยนะ” ม่อนไหมสะอึกสะอื้นซุกอยู่กับอกของม่านแก้ว สามีเธอฟื้นขึ้นมาแล้วแท้ๆ คิดว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรอีกแต่เรื่องที่เธอเพิ่งรับรู้กลับทำให้เธอปวดหัวใจเป็นทวีคูณอเลสซานโดเดินเข้ามาลูบหัวคนที่สะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมอกของม่านแก้ว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาปลอบใจม่อนไหมเช่นกัน เพราะตัวเองก็เครียดกับอาการของลูกชายคนโตมากพอสมควร“ม่อนจะไปหาคุณลอสค่ะ ถ้าม่อนได้ไปอยู่ใกล้กับเค้า เค้าอาจจะจำม่อนได้ก็ได้ค่ะ” ม่อนไหมรีบปาดน้ำตาลวกๆ และลุกขึ้นพรวดพูดกับอเลสซานโด“ตอนนี้ไม่ได้” อเลสซานโดส่ายหัว“ทะ...ทำไมคะ”“ลอสมีภาวะเครียดไม่อยากพบใคร แม้แต่ฉันก็ไม่อยากพบ” อเลสซานโดพูดเสียงอ่อน และนี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาทุกคนยังอยู่ที่นี่แม้จ
“อะ...อะไรนะคะ” ทุกคนต่างมีสีหน้าตกอกตกใจไปตามๆ กันโดยเฉพาะม่อนไหม หญิงสาวนั่งหน้าซีดเผือดพูดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูก“เก็บเสื้อผ้าไปดูอาการของลอสเดี๋ยวนี้เลยม่อน ส่วนยัยหนูเดี๋ยวน้าดูแลเองไม่ต้องห่วง” ม่านแก้วดูออกว่าหลานสาวทำอะไรไม่ถูกจึงรีบแนะแนวทางให้ ไม่ได้อยากจะคิดไปในแง่ร้ายแต่หากลอเลนโซอาการแย่ลงม่อนไหมจะได้มีเวลาได้ดูใจคนรักเป็นครั้งสุดท้าย แต่หากไม่ใช่ก็ถือว่าได้ไปดูแลกันอย่างใกล้ชิด“พวกเราก็จะช่วยดูแลด้วยไม่ต้องห่วงนะ” นิลน้ำวางมือที่หัวไหล่เพื่อนรักเบามือ“ขอบคุณทุกคนมากนะ” เธอพูดพร้อมยกมือปาดน้ำตา“น้าแก้วไปกับม่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกเราปิดร้านให้” ต้นสายส่งเจ้าก้อนกลมที่ทำท่าเหมือนจะง่วงให้กับม่านแก้ว“ขอบใจนะ” ม่านแก้วรีบอุ้มไลลาเดินตามม่อนไหมที่กำลังเดินปรี่ไปที่รถและแล้วม่อนไหมก็ได้เดินทางมาถึงนครฟลอเรนซ์แคว้นคอสตานาพร้อมกับชาร์ลที่อาสามาเป็นเพื่อนกับม่อนไหมแม้จะลาออกจากตำแหน่งบอดี้การ์ดเพื่อไปแต่งงานกับพลอยพิมแล้ว“ที่นี่เป็นบ้านของคุณอเล็กซ์ครับ”“ทำไมพาฉันมาที่นี่ล่ะคะ ฉันอยากไปหาคุณลอส”“คุณอเล็กซ์บอกว่าให้คุณม่อนพักผ่อนก่อนครับ เพราะตอนนี้คุณลอสอยู่ในห้องผ่าตัดอีกหล
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านนานร่วมหกเดือนตอนนี้ม่อนไหมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเดินเหินก็ไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะมีสามีอย่างลอเลนโซคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตอนนี้พ่อและน้องของสามีก็มาเฝ้าอยู่ที่บ้านรอคอยวันที่หลานจะออกมาลืมตาดูโลกไม่ห่างอีกด้วย“คุณพ่อแข็งแรงขึ้นมากเลยนะคะ”“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเลี้ยงหลานไง นี่ก็ใกล้เวลาที่จะคอลดแล้วใช่ไหม” อเลสซานโดเริ่มเดินเหินได้ปกติแล้วหลังจากตั้งใจทำกายภาพบำบัดมาเป็นเวลาร่วมหกเดือน ที่เขามีกำลังแรงกายแรงใจฮึดสู้เพื่อให้ตคัวเองกลับมาเดินได้อีกครั้งก็เพราะรู้ตัวว่าจะได้อุ้มหลานนี่แหละ“ค่ะ วันคลอดที่หมอกำหนดเอาไว้ประมาณอาทิตย์หน้าอาจจะคลอดก่อนกำหนดหรือถ้ายังไม่ปวดท้องคลอดภายในอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ก็คงจะต้องผ่าคลอดค่ะ”“แล้วจะย้ายไปอิตาลีเมื่อไหร่ล่ะ ได้คิดเอาไว้แล้วหรือยัง”“คือ...เรื่องนี้เราคุยๆ กันอยู่ครับคุณพ่อ”“ค่อยๆ คิดแล้วกัน แต่ยังไงพ่อก็อยากให้เราไปอยู่ที่โน่นเป็นหลักนะ”“ครับ” สองสามีภรรยาเริ่มมองหน้ากัน เมื่อต้องพูดถึงเรื่องในอนาคต ไม่ใช่ว่าลอเลนโซจะไม่เคยคุยกันม่อนไหมเรื่องย้ายไปอิตาลี แต่เป็นเพราะตัวม่อนไหมเองที่ยัง