1
ต้อนรับชีวิตมหาลัย 1-2 สองสัปดาห์ก่อนเปิดเรียน “ขอให้วันนี้เป็นวันที่เริ่มต้นชีวิตมหาลัยที่ดีนะ” เสียงหวานพูดกับตนเองและคลี่ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันแรกของการเข้าเรียนในรั้วมหาลัยของเธอ กอหญ้าพึ่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกและเธอก็กำลังจะเข้าปีหนึ่ง โดยคณะที่กอหญ้าเข้าเรียนเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกล ที่เลือกเข้าคณะ สาขานี้เพราะมันเป็นความฝันของเธอและความตั้งใจมาตลอดและชอบสายงานเกี่ยวกับด้านนี้ Gabriel International University เป็นมหาลัยระดับประเทศและเป็นของเอกชนรวมถึงเป็นมหาลัยที่มีนักเรียนนานาชาติเข้ามาเรียนเกือบทุกคณะ หรือเรียกง่าย ๆ ก็เป็นมหาลัยนานาชาติ ครอบครัวของกอหญ้าไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไรขนาดนั้นแต่เธอแค่ใช้สิทธิ์ในการสอบของโรงเรียนเดิมแบบชิงทุนเลยได้เข้ามาเรียนที่นี้.. ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังมองสำรวจตนเองผ่านหน้ากระจกภายในห้องพักเล็ก ๆ ของตนเองเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น กอหญ้าไม่สงสัยเลยว่าเวลานี้เป็นใครที่มาเคาะ ร่างเล็กในชุดของมหาลัยรีบเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบสีชมพูมาสะพายบนหลังพร้อมกับสวมรองเท้าแล้วเปิดประตูห้องทันที พอเปิดออกมาก็เจอเข้ากับร่างคุ้นตาของแฟนหนุ่ม “มาเร็วตลอดเลยนะเต รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเราจะสายเอา” กอหญ้าเอ่ยบอกแฟนหนุ่มของตนเองที่มารับไปเรียนพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม ‘เต’ เป็นแฟนของเธอมาหนึ่งปีแล้วทั้งสองคนสอบติดมหาลัยเดียวกันโดยสอบชิงทุนเอาทั้งคู่ แต่คนละคณะ เตเรียนอยู่คณะสถาปัตเพราะชอบด้านนี้มากกว่า “เอาของครบแล้วใช่ไหม เดี๋ยวก็ลืมอีก กอหญ้ายิ่งขี้ลืม” “ครั้งนี้ไม่ลืมแน่นอน” เธอตอบแล้วยิ้มตาหยีให้คนตรงหน้า “โอเค…งั้นก็ไปกัน วันนี้คณะวิศวะเริ่มกิจกรรมรับน้องแล้วไม่ใช่หรอ” เตถามในขณะที่กอหญ้ากำลังล็อกห้องของตนเอง โดยเธอเลือกที่จะพักหอนอกเพราะความสะดวกสบายหลาย ๆ อย่าง หอนอกที่เธอพักราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมาก กอหญ้าเลือกหอพักที่ตนเองพอมีงบถึง “ใช่ แล้วรับน้องตั้งสี่รอบนู้นแน่ะ” กอหญ้าบ่นออกมาพลางถอนหายใจ ประกาศแจ้งจากคณะออกมาแล้วส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมต้องรอรุ่นพี่แจ้งอีกทีในแต่ละรอบว่าต้องทำยังไงบ้าง “เอาหน่า แฟนเตเก่งอยู่แล้ว” เตพูดให้กำลังใจกอหญ้าก่อนจะยื่นมือมายีผมเธอเบา ๆ “เตก็สู้ ๆ นะ…เราจะได้เรียนจบพร้อมกัน” “ครับ” สองหนุ่มสาวคุยกันด้วยความตื่นเต้นกับการได้เริ่มใช้ชีวิตในมหาลัย เหมือนออกมาจากกรอบของรั้วโรงเรียน เข้าปีหนึ่งใหม่ทุกคนก็คงจะอดตื่นเต้นไม่ได้แต่มันก็ยังไม่เชิงเปิดเรียนอย่างเป็นทางการเพราะต้องมีกิจกรรมเชียร์กลางก่อนรับน้องเข้ามออีก ซึ่งแต่ละคณะก็ต้องแยกกันฝึกซ้อมเพื่อรอวันจริง กอหญ้าและเตขึ้นรถจักรยานยนต์มาที่มหาลัยพร้อมกันโดยใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็มาถึงก็มาถึง ที่เตได้มารับเธอก็เพราะว่ากอหญ้าและเตพักคนละที่ ด้วยความที่ทั้งสองอยากให้อิสระกันในเรื่องนี้และอีกอย่างต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตนเองแต่ทั้งสองก็เข้าใจกันเป็นอย่างดีเลยไม่ได้เลือกที่จะอาศัยอยู่ด้วยกัน พอเตขับรถมาจอดที่หน้าคณะวิศวะที่มีแต่รถ Supercar เขาก็รู้สึกแปลกจากนักศึกษาคนอื่นไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นกอหญ้าก็ไม่ได้รู้สึกอายเลยที่มีแฟนฐานะไม่ได้รวยเหมือนคนอื่นในมหาลัย “แล้วเจอกันตอนเลิกนะกอหญ้า อย่าลืมทักมาบอกเตล่ะ เดี๋ยวเตมารับกลับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” เมื่อขับมาถึงคณะวิศวะแล้วเตก็บอกแฟนสาวก่อนที่คนตัวเล็กจะลงจากรถจักรยานยนต์แล้วถอดหมวกกันน็อคคืนเต เธอยกมือขึ้นชูโอเคก่อนจะบ๊ายบายแฟนหนุ่มเพื่อจะเข้าคณะของตนเอง “แล้วเจอกันนะ~” ว่าแล้วก็รอให้เตขับไปจนลับสายตาก่อนที่ตนเองจะหมุนตัวหันกลับมาแล้วเดินเข้าคณะ กอหญ้าเดินเข้ามาก็กวาดสายตามองบริเวณคณะตนเองไปด้วยเพราะรุ่นพี่นัดไปที่ลานเกียร์แต่เธอไม่รู้เลยว่าลานเกียร์อยู่ตรงไหน สิ่งที่กอหญ้าเจอคือสายตาของเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ในคณะที่มองตนเองอยู่เป็นจุดเดียวมากกว่า มองแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือเพราะว่าเป็นผู้หญิงส่วนน้อยในคณะกันนะเลยถูกมอง กอหญ้ารู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ต้องเดินหาลานเกียร์ต่อไป เธอเดินตามป้ายบอกทางของมหาลัยหรูมาเรื่อย ๆ กระทั่งได้ยินเสียงของใครบางคนแว่วมาจากที่ไหนสักที่ “เร็วกันหน่อยครับ ผมนัดพวกคุณกี่โมง” และเสียงตะโกนน่าเกรงขามนั้นก็ทำให้กอหญ้าดึงสติตนเองกลับมาได้ เธอมองไปยังต้นเสียงก็เห็นลานเกียร์อยู่ไม่ไกลนักตอนนี้นักศึกษาหลายคนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นแล้วและอีกส่วนก็พากันกำลังวิ่งกรู่เข้าไป ตรงหน้ากลุ่มนักศึกษาคณะวิศวะหลายร้อยคนมีเหล่าพี่ว๊ากห้าคนยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่แต่กอหญ้าไม่เห็นหน้า ฟังจากนํ้าเสียงแล้วคง ‘โหด’ น่าดู “ผมให้เวลาพวกคุณอีกสิบวิ ใครมาช้า..ผมจะลงโทษพวกคุณทุกคน” “ซวยแล้ว..” ปากเล็กบ่นกับตนเองแล้วมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ใกล้จะถึงเวลานัดของรุ่นพี่ในอีกไม่กี่วิ รู้แบบนั้นคนตัวเล็กเจ้าของความสูงแค่ร้อยหกสิบเซนติเมตรก็รีบวิ่งตรงไปที่ลานเกียร์ทันทีโดยมีความกดดันเป็นการนับถอยหลังของเฮดว๊ากอยู่ เสียงนั้นคุ้นมาก…ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งคุ้น ตึก ตึก ตึก… ท้าวเล็กบนรองเท้าผ้าใบคู่โปรดรีบวิ่งมาที่ลานเกียร์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้นและในที่สุดเธอก็มาหยุดตรงท้ายแถวเป็นคนสุดท้ายในวินาทีที่สิบเอ็ดพอดีและกอหญ้าเองก็เป็นเพียงคนเดียวที่มาช้าแค่หนึ่งวิหลังจากที่พี่ว๊ากนับ เธอหวังว่าพวกพี่ว๊ากคงไม่เห็นและคงจะไม่ว่าอะไร เพราะมันก็แค่วิเดียว “ทีหลังถ้าพวกคุณมาช้าอีก บทลงโทษจะหนักกว่าวันนี้ ก่อนที่ผมจะเรียกคนมาช้ามาลงโทษ ใครที่รู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงเดินขึ้นมาข้างหน้าให้เร็ว” กอหญ้ายืนตัวสั่น เธอกวาดสายตามองผู้หญิงคนอื่นก็รีบเดินก้มหน้าไปยืนอยู่หน้าแถวของตนเอง แต่แถวของเธอมีแค่กอหญ้าที่เป็นผู้หญิง ปากเรียวสวยเม้มเป็นเส้นตรงก่อนจะรีบเดินผ่านสายตาของผู้ชายหลายคู่ไปหยุดยืนอยู่หน้าแถว พอมาถึงหน้าแถวแล้วมือเล็กก็สอดประสานกันหน้าขาแน่น กอหญ้ายังคงก้มหน้าอยู่เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษ และแถวที่เธอยืนอยู่นั้นมันอยู่ตรงข้าม ‘เฮดว๊าก’ พอดี แถวโซนกลาง ๆแบบนี้รังสีความน่ากลัวมันแผ่ซ่านออกมาจนถึงเธอ “ในเมื่อพวกคุณมาครบแล้วพวกผมในฐานะพี่ว๊ากจะแนะนำตัวก่อน เริ่มจากฝั่งซ้ายสุด” เสียงของเฮดว๊ากคนเดิมยังคงพูดแต่ละคนสอดประสานมือคัดหลังเดินไปมาผ่านหน้าเฟรชชี่ปีหนึ่งก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงกลาง เหมือนทุกอย่างมันเงียบขึ้นมาอีกครั้ง เงียบจนกอหญ้าเริ่มรู้สึกขนลุก.. ต่อจากนั้นเหล่าพี่ว๊ากก็เริ่มแนะนำตัว กอหญ้าไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าแต่ละคน เธอได้แต่ยืนก้มหน้าและสรุปได้ว่าแต่ละคนชื่ออะไร คนแรกชื่อ'ไคโร' คนที่สอง 'เจค’ คนที่สาม 'ริวเซย์’ คนต่อมา 'เคเลน' ส่วนรุ่นพี่จากกองกรรมการมหาลัยก็จะมี 'ยูกิ’ และ 'ขนมผิง’ หลัก ๆ สองคนที่เป็นผู้หญิงและตามมาด้วยคนอื่น ๆ ยิบย่อย และก็มาหยุดที่คนสุดท้าย “ส่วนผม…ชื่อแบดซ์ วิศวะเครื่องกลปีสาม ผมได้รับหน้าที่เป็นเฮดว๊ากของปีนี้ หน้าที่ของผมคือการคุมการรับน้องของคณะวิศวะทั้งหมด และพวกคุณทุกคนต้องฟังผม รู้ใช่มั้ยครับว่าการรับน้องของคณะวิศวะมันโหดแค่ไหน พวกคุณต้องผ่านมันไปให้ได้เพราะนี้มันแค่เริ่มต้น สี่ปีที่พวกคุณเรียนที่นี่ต้องเจออะไรอีกเยอะ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายเอ่ยออกมาพร้อมกับดวงตาอันตรายที่กวาดมองใครคนนั้นต้องกลัวจนหัวหด ไหล่ห่อ นํ้าเสียงน่าเกรงขามและเสียงดังฟังชัด กอหญ้าหน้าซีดเผือดขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินชื่อและเสียงของเฮดว๊าก คนชื่อแบดซ์มันจะมีสักกี่คนกันแต่เธอก็ภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้เป็นเขา “เอาล่ะ…เพื่อจะไม่ให้เป็นการเสียเวลามากเกินไป ใครที่รู้ตัวว่าตนเองมาช้า ก้าวออกมาข้างหน้า ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ก้าวออกมาผมจะไปชี้ตัวออกมาเอง” กอหญ้าแทบจะร้องไห้ออกมาเธอยืนตัวสั่นเทาก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับแบดซ์ แล้วจังหวะนั้นเองเขาก็ยืนจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว แบดซ์ที่เห็นใบหน้าของแฟนเก่าหลุดยิ้มมุมปากออกมาอย่างยากจะคาดเดาและชวนขนลุกในเวลาเดียวกัน แววตานั้นมันสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าพร้อมจะฉีกเธอออกมาเป็นชิ้น ๆ ท้าวหนาค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับนับถอยหลัง “หนึ่ง” “….” “สอง” “….” “สาม…” “พี่แบดซ์..” กอหญ้าเอ่ยเรียกชื่อเขาออกมาแผ่วเบา เสียงของเธอสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัดเจน แบดซ์จ้องมองใบหน้าของเธอราวสิบวินาทีพร้อมกับทุกอย่างที่เงียบก่อนที่ใบหน้าหล่อจะยื่นเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูเธอเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน “ไง…คิดถึงกันมั้ย” พอได้ยินคำนั้นกอหญ้าก็รู้สึกเหมือนชะตาชีวิตขาดลงซะตอนนี้ยังไงยังงั้น เธอยังสบตากับแบดซ์อยู่ก่อนที่ร่างหนาเจ้าของความสูงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรจะก้าวแถวห่างกลับไม่กี่ก้าว กอหญ้ารู้สึกว่าชีวิตมหาลัยที่แสนจะมีความสุขของตนเองมันจบลงแล้ว มันจบลงตั้งแต่เจอแฟนเก่าของตนเองในมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน แถมเรียนสาขาเดียวกันอีก มิหนำซ้ำเป็นเฮดว๊าก นี่โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่.. “มาช้าหนึ่งวินาทีผมจะถือว่าเป็นความผิดครั้งแรกของคุณ เพราะฉะนั้นจะไม่เกิดการลงโทษใด ๆ ทั้งสิ้น อย่าให้มีครั้งที่สองอีกผมหวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมพูด…ใช่มั้ยกอหญ้า ?” แบดซ์พูดคำนั้นออกมาแปลว่าเขาจำเธอได้แน่นอน หนีพ้นไปรอบหนึ่งแล้วทำไมต้องวกกลับมาเจอกันได้อีก เธอไม่อยากจะกลับไปตกนรกทั้งเป็นอีกครั้ง “…ค่ะ” ใบหน้าสวยหวานพยักตอบ ก่อนที่แบดซ์จะก้าวถอยกลับไปที่ของตนเอง ซึ่งสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ก็ทำให้เหล่าพี่ว๊ากอีกสี่คนยืนงงอยู่ไม่น้อย ปกติแบดซ์ไม่น่าจะยอมปล่อยให้คนที่มาช้าแบบนี้ไปง่าย ๆ แต่นี้กลับปล่อยไปและยังรู้ชื่อรุ่นน้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่อย่างกอหญ้า มันน่าแปลก “เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลากันมากกว่านี้ ผมจะเริ่มประกาศกิจกรรมและกำหนดการของวันนี้..” การได้ยินของกอหญ้าอื้ออึงไปหมด เธอไม่สามารถจดจ่อหรือจับใจความกับสิ่งที่เฮดว๊ากพูดได้เลย ภายในหัวของกอหญ้ามีแต่คำถามผุดขึ้นมาอยู่ไม่หยุดอยู่คำถามเดิมว่า ทำไม และทำไม.. —————————————————— อัปอีพีหนึ่งแล้วนะคะ ก่อนกดออกอย่าลืมทิ้งคอมเมนท์กันไว้ด้วยน้า 68ลงเอย (ตอนจบ)2 สัปดาห์ต่อมา ตึก Blak swan ภายในห้องรับรองแขกบนตึก Black swan ห้าหนุ่มกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ แบดซ์ เจค นั่งอยู่โซฟาตัวเดียวกัน ส่วนไคโรและเคเลนนั่งโซฟาตัวกันข้าม คนที่นั่งอยู่คนเดียวเป็นเจ้าของที่อย่างริวเซย์ “นัดพวกกูมาซะดิบดี สรุปมีเรื่องอะไร” ริวเซย์พูดขึ้นเป็นคนแรกของกลุ่ม เนื่องจากก่อนหน้านี้แบดซ์ได้โทรเรียกเหล่าหนุ่ม ๆ มาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นพวกสองสาวนั้น “มีข่าวที่น่ายินดีมาบอก” พูดแล้วก็ยิ้มออกมาปากแทบฉีก ทำเอาสี่หนุ่มมองด้วยความสงสัย “ลองพูดมา” ไคโรเป็นคนถามด้วยสีหน้าราบเรียบ“กูกำลังจะแต่งงานแล้วโว๊ย!” แบดซ์ตะคอกออกมาเสียงดังลั่นห้องด้วยท่าทางดีใจ “….” ทุกคนต่างเงียบ ไม่ได้ตกใจกับข่าวที่น่ายินดีของแบดซ์ จนทำเอาเจ้าตัวต้องถามยํ้า“นี้พวกมึงไม่ดีใจหน่อยเหรอวะ กูกำลังจะแต่งงานทั้งที” “พวกกูรู้อยู่แล้วว่ายังไงมึงก็ต้องแต่งกับน้อง” เคเลนพูด “แววหมามาแต่ไกล เหี้ยฉิบหายสุดท้ายซมซามกลับมาหาน้องเขาเหมือนเดิม” ริวเซย์ส่ายหัวเอือมระอา“ขาดเขาไม่ได้ ไม่หมาธรรมดาแต่โคตรหมา” เจคพูดเสริม“ซํ้าเติมห่าไรกันนักหนา หรือต้องให้กูลงไปคลานเหมือนหมาพวกมึงถึง
67ทำตามสัญญาลับร่างของฟางข้าวพวกเธอก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้มีใครห้ามฟางข้าวเนื่องจากตอนนี้เธอได้เดินไปไกลแล้ว “ข้าวคงมีวิธีเคลียร์เรื่องนี้อยู่หรอกมั้ง เดี๋ยวจัดการได้คงมาเล่าให้พวกเราฟังเองแหละ” ท่ามกลางความเงียบกอหญ้าก็เอ่ยขึ้นมา “คงงั้น” ควีนตอบแล้วไม่นานนินิวก็ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย“พวกแกจะแยกกันกลับเลยเหรอ เราไม่ได้รวมตัวกันแบบนี้นานพอสมควรแล้วนะ” “ทำไมเหรอ อยากชวนไปไหนรึไง” เมษาถาม “ก็อยากชวนไปปาร์ตี้ที่ห้องของใครสักคนแล้วทำปิ้งย่างกันกินดีมั้ย กว่าพวกเราจะมีเวลาว่างเจอกันนะ” นินิวเสนอออกไปด้วยความที่เรียนคนละชั้นปีจึงทำให้เวลาว่างตรงกันมันค่อนข้างหายากแต่ดีหน่อยที่วันนี้พวกเธอว่างตรงกันแถมเป็นวันประเมินของฟางข้าวอีก “เป็นความคิดที่ดีงั้นไปบ้านเราไหม” “บ้านแกอยู่ที่ไหนอ่ะกอหญ้า แล้วแกอยู่กับใคร” ควีนถามขึ้นมาทันที“มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แถมหลังเล็กอยู่ในสลัม พวกแกอยากไปกันไหมล่ะ แล้วเราก็อยู่กับยายด้วยนะ” “จะเป็นไรไป ที่ไหนก็ดีเหมือนกันหมดแหล่ะ งั้นไปบ้านแกก็แล้วกันนะกอหญ้า” นินิวเอ่ยสรุป “ไม่มีปัญหา~” เจ้าตัวตอบแล้วยิ้มออกมาก่อนที่สี่สาวจะพากันคล้องแขนเดิ
66วันประเมินหลังจากจัดการกับเรื่องแพมมี่เสร็จแบดซ์ก็ขับรถกลับมาหากอหญ้าที่เพนเฮาส์ทันที ร่างสูงเดินลงมาจากรถแล้วเข้าไปด้านใน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนก็ไม่ได้ยกมือขึ้นเคาะก่อนเพราะคิดว่าคนที่นอนอยู่ด้านในยังคงนอนหลับอยู่ พอเดินมาที่เตียงนอนก็เห็นคนตัวเล็กนั่งขดตัวอยู่ในผ้าห่ม สายตาเพ่งมองมาที่เขาแต่พอโดนมองกลับก็หลบสายตาทันที“ตื่นแล้วเหรอ…” “ค่ะ” ใบหน้าหวานพยักตอบเบา ๆ นํ้าเสียงของเธอบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยล้ามากแค่ไหน “ลุกไปอาบนํ้า” “กอหญ้าลุกไม่ไหวค่ะ” เธอเอ่ยแล้วช้อนตามอง“เป็นอะไร เจ็บ ?”“เจ็บค่ะ อุ้มหน่อยได้ไหมคะ” คนมีความผิดออดอ้อนออกไปทำให้แบดซ์เดินเข้ามาอุ้มร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนเตียง เขาอุ้มร่างแฟนสาวเดินเข้ามาในห้องนํ้าจากนั้นก็วางลงบนพื้นแล้วถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายให้ ในการกระทำนั้นสายตาของกอหญ้าก็มองคนด้านหลังผ่านกระจกในห้องนํ้าไปด้วย“มองทำไม” “พี่แบดซ์ยังโกรธกอหญ้าอยู่เหรอคะ” “อืม” “แล้วไปไหนมา”“ไปจัดการคนที่วางยาเธอ”“ใครเป็นคนทำ..”“แพม”“พี่ไปหาเธอมา..” “ไปสั่งสอนไม่ได้ไปทำอะไร” “เข้าใจแล้วค่ะ” กอหญ้าตอบออกมาเสียงเบาจากนั้นร่างกายของเธอก็ถ
65ชัดเจนมาตลอด11.00 น. “ได้เรื่องมั้ย” ริมฝีปากหนักเอ่ยผ่านปลายสายพลางพ่นควันบุหรี่สีเทาให้ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณระเบียงห้องนอนของเพนเฮาส์ หลังจากเมื่อคืนลงโทษเด็กดื้อกันไปหนักพอสมควรคนตัวเล็กก็แทบหมดแรงจนต้องอุ้มขึ้นมาบนห้องนอน พอวางลงบนเตียงนอนเท่านั้นแหละก็หลับน็อคไปจนแบดซ์ต้องทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แถมเมื่อคืนก็ยังไม่ได้เคลียร์อะไรกันให้หายข้องใจ แม้กระทั่งตอนนี้กอหญ้าก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงนอน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็พอจะจำคำพูดของแฟนสาวตนเองได้บ้างว่าตนโดนวางยา ( ระดับนี้ ) ปลายสายอย่างริวเซย์ตอบออกมา ด้วยความที่แบดซ์ข้องใจหนักมากว่าใครเป็นคนวางยาเลยให้เพื่อนสนิทที่มีอำนาจมากอย่างริวเซย์สืบหาตัวผู้ชายคนนั้นให้ “มันเป็นใคร” ว่าแล้วก็ทอดสายตามองไปยังเมืองหลงที่อยู่ใจกลางเมืองไปด้วย ( ผู้ชายคนนั้นมันชื่อเจ้านาย เป็นเพื่อนของน้องอะไรข้าว ๆ นี่แหละ ที่อยู่ในชมรมของเรา แล้วน้องผู้หญิงก็เป็นเพื่อนกับเมียมึง ) “เพื่อนฟางข้าว”( เออ นั่นแหละ แต่มันบอกไม่ได้เป็นคนวางยา กูเลยสั่งให้ลูกน้องเค้นมันเพิ่มจนรู้ว่าพนักงานในร้านมีคนจ้างให้ว
64เกือบไม่รอด NC+++สะโพกสวยยังคงถูกกระแทกอย่างต่อเนื่อง ความจุกเข้าเล่นงานจนคนตัวเล็กจนต้องกัดฟันเอาไว้แน่น แท่งเอ็นหนายังคงกระแทกเข้าออกตามรูร่องเปียกแฉะอย่างเอาแต่ใจ มือปล่อยเรือนผมสวยให้สยายเต็มแผ่นหลังเรียบเนียนของเธอ ก่อนจะใช้มือจับเข้าที่เอวคอดสุดแรงเพื่อให้ร่างบอบบางได้รับแรงกระแทกได้อย่างถนัด ตับ! ตับ! ตับ!… เสียงจุดเชื่อมกระทบกันดังไม่หยุด ร่องรักคับแคบรับรู้ได้ถึงสัมผัสดุดันและหยาบโลนที่โถมเข้าร่างกายไม่หยุด “อ๊ะ!…อ๊าา…” กอหญ้ายังคงร้องครางออกมาราวกับจะขาดใจ ความอยากในร่างกายเธอก็พลุ่งพล่านมากขึ้นเรื่อย ๆ จากฤทธิ์ยา ยิ่งโดนกระแทกยิ่งเสียวแถมยังจุกมากแทบจะกรีดร้องออกมา พอกระแทกท่านี้พอใจแบดซ์ก็จับร่างสวยให้เปลี่ยนท่าเป็นเกาะกับหลังโซฟาแทน เข่าทั้งสองข้างวางทาบบนเบาะพร้อมกับร่างหนาที่ลงมาจากโซฟาแล้วยืนอยู่บนพื้น แบดซ์ใช้มือจับเอวบางให้แอ่นมาด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะดันแก่นกายเข้าไปใหม่เกือบมิดลำเช่นเดิม “กะ กอหญ้าจุก…” นํ้าเสียงไร้เรี่ยวแรงเอ่ยออกมาเบา ๆ พลันร่างกายของเธอก็ถูกกระแทกต่อไม่มีเวลาได้พักหายใจ ทันทีที่จุดเชื่อมสอดประสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เอวสอบก็เริ่
63หึงแรง NC+++ปากที่ยังคงวนเวียนอยู่กับซอกคอกระซิบออกมาพร้อมกับใช้ปลายนิ้วปลดตระขรอบราเชียร์แล้วโยนให้พ้นทาง ไม่นานท่อนบนของกอหญ้าก็เปลือยเปล่าไร้สิ่งปกปิด เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มสองข้างสู่สายตา ริมฝีปากหยักก็ดูดซํ้ารอยดูดเดิมให้เป็นรอยของตนเองแทน กระทั่งพอใจแบดซ์ก็ดันร่างบางของแฟนสาวไปยังโซฟาตัวยาวแล้วผลักให้เธอนอนราบลง แล้วตามคร่อมด้วยร่างกายตนเอง “พะ…พี่แบดซ์…” เสียงสั่นเอ่ยเรียกคนบนร่างกระเส้า เมื่อยอดอกเม็ดงามสีแดงระเรื่อถูกครอบงำด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนและลิ้นเปียกชุ่ม แบดซ์ทั้งดูดและเลียมันอย่างมูมมาม มือหนาอีกข้างก็บีบเคล้นอกอวบอีกฝั่งไปด้วย หนุ่มวิศวะบีบเคล้นมันอย่างรุนแรงกระทั่งร่างน้อยเริ่มบิดเร้า กอหญ้าเม้มปากแน่นแล้วจิกนิ้วลงบนกลุ่มผมสีดำเงา เพื่อระบายความกระสันที่ตนได้รับ ไม่เพียงเท่านั้นฟันคมก็ยังกัดหัวนมที่กำลังชันขึ้นเป็นไต ซึ่งส่งผลให้ร่างกายหญิงสาวกระตุกเร้า ทั้งเจ็บทั้งเสียวในขณะเดียวกัน “อยะ อย่ากัดค่ะ…อื้อ! มันเจ็บ” ปากเอ่ยขอ ดวงตากลมโตก็มีหยาดนํ้าตาเอ่อคลอเบ้า เธอพยายามปรือตามองการกระทำของแฟนหนุ่มตนเองเป็นระยะ “เชื่อฟังพี่แล้วนอนอยู่เฉย ๆ อย่าทำให้พี่โกรธมากกว