68
ลงเอย (ตอนจบ) 2 สัปดาห์ต่อมา ตึก Blak swan ภายในห้องรับรองแขกบนตึก Black swan ห้าหนุ่มกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ แบดซ์ เจค นั่งอยู่โซฟาตัวเดียวกัน ส่วนไคโรและเคเลนนั่งโซฟาตัวกันข้าม คนที่นั่งอยู่คนเดียวเป็นเจ้าของที่อย่างริวเซย์ “นัดพวกกูมาซะดิบดี สรุปมีเรื่องอะไร” ริวเซย์พูดขึ้นเป็นคนแรกของกลุ่ม เนื่องจากก่อนหน้านี้แบดซ์ได้โทรเรียกเหล่าหนุ่ม ๆ มาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นพวกสองสาวนั้น “มีข่าวที่น่ายินดีมาบอก” พูดแล้วก็ยิ้มออกมาปากแทบฉีก ทำเอาสี่หนุ่มมองด้วยความสงสัย “ลองพูดมา” ไคโรเป็นคนถามด้วยสีหน้าราบเรียบ “กูกำลังจะแต่งงานแล้วโว๊ย!” แบดซ์ตะคอกออกมาเสียงดังลั่นห้องด้วยท่าทางดีใจ “….” ทุกคนต่างเงียบ ไม่ได้ตกใจกับข่าวที่น่ายินดีของแบดซ์ จนทำเอาเจ้าตัวต้องถามยํ้า “นี้พวกมึงไม่ดีใจหน่อยเหรอวะ กูกำลังจะแต่งงานทั้งที” “พวกกูรู้อยู่แล้วว่ายังไงมึงก็ต้องแต่งกับน้อง” เคเลนพูด “แววหมามาแต่ไกล เหี้ยฉิบหายสุดท้ายซมซามกลับมาหาน้องเขาเหมือนเดิม” ริวเซย์ส่ายหัวเอือมระอา “ขาดเขาไม่ได้ ไม่หมาธรรมดาแต่โคตรหมา” เจคพูดเสริม “ซํ้าเติมห่าไรกันนักหนา หรือต้องให้กูลงไปคลานเหมือนหมาพวกมึงถึงจะพอใจ สัส” “เพื่อนก็แค่หยอกเล่นเอง ยินดีด้วย” เคเลนพูดจริงจังขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ จากนั้นสี่หนุ่มก็เข้ามาเขย่าตัวแบดซ์พร้อมกับเอ่ยแซวกันใหญ่ มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยที่คนแรกของกลุ่มที่ได้เข้าพิธีหมั้นจะเป็นแบดซ์ “พวกกูพูดประชดมึงเฉย ๆ ไอ้แบดซ์ ยินดีด้วย แม่งทิ้งพวกกูไปมีเมียซะละ โธ่..” เจคพูดแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่เห็นเพื่อนสมหวังสักที “ดีใจด้วย ไม่เคยเห็นคบใครสักที คิดว่าชาตินี้มึงคงไม่มีซะแล้ว” ริวเซย์พูดขึ้นอีกเสียง สี่หนุ่มกอดคอกันดีใจใหญ่ แบดซ์เองก็ยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเพื่อน แม้จะรู้จักกับกอหญ้าหรือเคยคบกับเธอมาแล้วแต่มันก็ยังหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงหน้าของเธอ หรือจะเอ่ยถึงก็ตาม “กูกำลังจะมีเมียแล้วโว๊ยยย!!” คนตื่นเต้นที่จะได้เข้างานหมั้นร้องตะโกนออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นภาพที่สี่หนุ่มไม่เคยเห็นและรู้สึกแปลกตาเป็นอย่างมาก แบบนี้รึเปล่านะที่เขาเรียกขึ้นอย่างหงส์ลงอย่างหมา ห้าหนุ่มร้องเฮกันไม่หยุดกกระทั่ง.. ครืด~ ครืด~ เสียงโทรศัพท์มือถือของใครบางคนมีเสียงเรียกเข้า ทำให้พวกเขาหยุดชะงักกัน “เสียงโทรศัพท์ใครวะ ?” ริวเซย์ถามขึ้นมา “ของกู” เจคตอบ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูรายชื่อบนหน้าจอ ปรากฎว่าเป็น ‘ยูกิ’ โทรเข้ามา “ยูมันโทรมาทำไมตอนนี้” เคเลนหรี่ตาถาม “เปิดลำโพงให้พวกกูฟังด้วย” ความเบี่ยงเบนของสี่หนุ่มมาเป็นสายที่โทรเข้ามาแทน “มันแปลกตรงไหน” เจคถามอย่างไม่เข้าใจก่อนจะกดรับสายยูกิแล้วเปิดลำโพงให้เพื่อนฟังด้วย ( มึงอยู่ไหน! กลับมาเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้นะ! ) ปลายสายพูดเสียงแสบแก้วหูออกมาทำให้พวกเขาตกใจจนต้องขยับมือถือออกห่าง แล้วมองหน้ากันเลิ่กลัก “อยู่ไหนก็ได้โตแล้ว” ( จิ๊ อย่ามากวนประสาท กลับมาเปิดประตูห้องตอนนี้เลย มึงจะมาขังกูไว้แบบนี้ไม่ได้ ! ) “เก่งนักก็หาทางออกมาเอง” เจคตอบแค่นั้นก็กดตัดสายทิ้งไปซะดื้อ ๆ “ทำไมยูอยู่ห้องมึง” ไคโรถาม “มึงขังยูไว้ ?” แบดซ์ยิงคำถามต่อ “อยู่คอนโดเดียวกัน เอาเถอะ…ไม่มีไรหรอก กูแกล้งมันปกตินั่นแหละ” เจคตอบปัด ๆ ทำเอาเพื่อนไม่ค่อยเชื่อใจนัก “ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ไม่ถามก็ได้” ริวเซย์ยักไหล่เหมือนไม่ได้ซีเรียสอะไร “เรื่องไร้สาระหน่า มีเรื่องสาระกว่านี้ตั้งเยอะ” “เรื่องอะไร…” เคเลนถาม “กูมีถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ที่ญี่ปุ่น เป็นโปรเจกต์ใหม่ หลังงานแต่งไอ้แบดซ์พวกมึงไปด้วยกันสิ ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันนานแล้ว” เจคร่ายยาวออกมา “น่าสนใจดี ดีล” ริวเซย์ตอบเป็นคนแรก “ไอ้ริวว่าไงกูตามนั้น” เคเลนตอบ และคนอื่น ๆ อีกสองหนุ่มก็ตอบตกลงกัน “ไปได้แต่ขอเอาที่รักไปด้วย” “เอาที่มึงตามสบายเถอะไอ้เชี้ยแบดซ์” ริวเซย์สบถใส่หน้าแบดซ์กับความคลั่งรักของเขา “…” ส่วนไคโรก็เงียบ เขาพยักหน้าตอบเบา ๆ เป็นการตอบตกลงแทน … วันงานแต่ง งานแต่งของแบดซ์และกอหญ้าถูกจัดที่เรือสำราญหรูขนาดใหญ่ และเรือสำราญลำนี้ยังเป็นธุรกิจส่วนหนึ่งของครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าว เรือลำใหญ่มีขนาดสามชั้นใหญ่ ๆ มีห้องรับรองและห้องพักเป็นร้อย ๆ ห้อง อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทุกวงจร ภายในงานถูกจัดแบบหรูหราโทนสีชมพูอ่อนตามตรีมของงานที่ฝั่งเจ้าสาวเป็นคนต้องการ แขกที่เข้ามาร่วมงานล้วนเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม ตระกูลเศรษฐีหรือแม้แต่จะเป็นเครือญาติของแบดซ์ที่มากันหมด ฝั่งทางด้านของกอหญ้าก็จะมียายศีรไพร อำพร และเหล่าเพื่อน ๆ ของเธอ “วันนี้เอ็งสวยมาก หลานยายเหมือนเจ้าหญิงไม่มีผิด” ก่อนที่พิธีในงานหมั้นจะเริ่มตามลำดับขั้นตอนยายศีรไพรก็เข้ามาอยู่กับหลานภายในห้องแต่งตัวก่อน “สวยจริง ๆ ค่ะ ไม่คิดว่าวันหนึ่งตนเองจะได้สวมชุดเจ้าสาว แถมยังมีเจ้าบ่าวเป็นพี่แบดซ์” “ต่อจากนี้จะคิดจะทำอะไรให้ตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบนะกอหญ้า เรื่องที่ผ่านมาให้มันเป็นบทเรียน” มือเหี่ยวย่นแตะลงบนเรียวแขนสวย สายตาของสองยายหลานมองไปยังร่างของกอหญ้าที่ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ บนเรือนร่างสวยเป็นชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องช่วงบนเป็นแบบเปิดไหล่ดีไซน์สวยหรูหรา ลวดลายกระโปรงเป็นกลีบยาวลงมา มีลูกเล่นเป็นเกลียวคล้ายดอกกุหลาบเป็นชั้น มีประกายจากกลาบเพชรตกแต่งให้เปล่งประกายระยิบระยับ ส่งให้ตัวเจ้าสาวดูเด่น “กอหญ้าจะทำตามทำตามที่ยายบอกนะคะ” เรียวปากสีชมพูหวานคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “เอาล่ะ ยายต้องเข้าร่วมงานแล้ว” “เจอกันในงานค่ะ^^” กอหญ้าบอกลากับยาย ไม่นานศีรไพรก็เดินออกไปจากห้องแต่งตัว ภายในห้องจึงเหลือเพียงกอหญ้าเพียงลำพัง ภายในงาน ลำดับพิธีภายในงานดำเนินไปตามที่จัดไว้ได้อย่างราบรื่นตามขนบธรรมเนียมของประเพณีไทย จนกระทั่งถึงลำดับตอนที่เจ้าบ่าวต้อง ‘รับตัวเจ้าสาว’ หลังผ่านด่านประตูเงิน ประตูทองเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้แบดซ์ต้องเดินไปรับตัวเจ้าสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ไกลมาก “เจ้าบ่าวเชิญรับตัวเจ้าสาวมายังห้องพิธีการได้เลยครับ” สิ้นเสียงพิธีกร ร่างของเจ้าบ่าวก็เดินเข้าไปใกล้เจ้าสาวมากขึ้น พร้อมกับจังหวะหัวใจที่มันเต้นแรงไม่หยุด สายตาของแบดซ์ไม่อาจละจากกอหญ้าได้เลยแม้แต่น้อย เธอสวยสะกด จนคนเป็นเจ้าบ่าวอย่างเขาอดที่จะรู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่ได้ “เชิญครับ…เจ้าหญิงตัวน้อยของพี่” แบดซ์คลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับยื่นแขนให้คนตรงหน้าได้จับ เพื่อจะเดินตามทางเดินเข้าไปยังห้องพิธีการ “เจ้าชายของกอหญ้าหล่อจังเลยวันนี้~” พูดจบก็ใช้มือเรียวคล้องเข้าที่แขนของแบดซ์ จากนั้นสองบ่าวสาวก็เดินตามทางเดินเข้ามาตรงเวที สองทางเดินเป็นราวกั้นสีขาวใส มีเทียนหอมจุดให้เป็นแสงระยิบระยับ ด้านบนของฝั่งทางเดินตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีชมพูอ่อน ถัดจากนั้นเป็นที่นั่งรับรองแขกสีขาว เวทีถูกตกแต่งด้วยคริสตัล ม่านสีชมพู ดอกกุหลาบเป็นฉากหลัง มองดูแล้วหรูหราและน่าชื่มชมไม่น้อย “เจ้าบ่าวของเรารับเจ้าสาวมาเรียบร้อยแล้ว พิธีต่อจากนี้จะเป็นพิธีนับสินสอด สินสอดทั้งหมดที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้ฝั่งเจ้าสาว เป็นทองคำจำนวนห้าสิบล้านบาท เงินสดห้าร้อยล้าน เครื่องประดับเพรชอีกสองร้อยกะรัต รวมถึงที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อีกยี่สิบแห่ง เชิญผู้ใหญ่ของฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวร่วมกันนับสินสอดได้เลยครับ” สิ้นเสียงของพิธีกรแขกทุกคนในงานก็ต่างพากันฮือฮากับจำนวนเงินสินสอดที่ฝ่ายของครอบครัวเจ้าสาวได้รับ มันเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากและเรื่องนี้กอหญ้าและยายของเธอไม่เคยรู้มาก่อน เพราะเจ้าตัวไม่ยอมบอก อยากจะเซอร์ไพรส์ในวันหมั้น ซึ่งกอหญ้าก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะมากมายขนาดนี้จนน่าตกใจ ฝั่งครอบครัวเจ้าสาวมีแค่ยายศีรไพรและอำพรเท่านั้นที่เป็นญาติผู้ใหญ่ทำพิธีต่าง ๆ แทน ส่วนฝั่งของแบดซ์หลัก ๆ จะมีคุณพ่อ คุณแม่ และคุณปู่ของเขา ที่ตอนนี้กำลังร่วมกันนับสินสอดที่วางอยู่ตรงหน้า ด้านกอหญ้าและแบดซ์เองก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกัน “ไม่เห็นบอกกอหญ้าก่อนเลยว่าพี่แบดซ์จะเอาสินสอดให้มากขนาดนี้ มันเยอะจนคิดไม่ถึงเลยค่ะ ไม่กล้ารับไว้เลย” กอหญ้าเอ่ยออกมาเบา ๆ “ว่าที่เมียพี่ แค่นี้มันยังน้อยไป” “…หือ ขอบคุณนะคะ ว่าที่คุณสามี” คนตัวเล็กยิ้มร่าออกมา แล้วการนับสินสอดก็จบลงพอดี แล้วไม่นานครอบครัวของฝ่ายหญิงก็ยกสินสอดขึ้นบนบ่าตามประเพณีพร้อมกับเสียงพิธีกรที่เอ่ย “ต่อจากนี้ขอเชิญคู่บ่าวสาวทำพิธีสวมแหวนหมั้นได้เลยครับ” พูดจบเสียงปรบมือก็ดังสนั่นห้องทำพิธีการ รอจากนั้นไม่นานแหวนหมั้นของทั้งสองก็ถูกนำขึ้นมาบนเวที ญาติของทั้งฝ่ายเดินลงไปนั่งยังโซฟาที่หน้าเวที ทำให้ด้านบนเหลือเพียงคู่บ่าวสาว กล่องแหวนเพรชสองกล่องถูกนำมาไว้ตรงหน้า จากนั้นเจ้าบ่าวก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน พร้อมกับเสียงพิธีกรที่เอ่ยขึ้น “คุณกรกนกคุณยินดีรับคุณอคิราเป็นคู่ชีวิต จะรัก และภักดี ซื่อสัตว์ ต่อคุณอคิราไปตลอดชั่วชีวิตหรือไม่ครับ” “รับค่ะ” กอหญ้าพยักหน้ารับและตอบออกมาอย่างไม่ลังเล จากนั้นแหวนเพรชนํ้างามก็ถูกสวมเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของกอหญ้า ขั้นตอนต่อไปเป็นเธอที่หยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วเปิดออก “คุณอคิรา คุณยินดีรับคุณกรกนกเป็นภรรยาและจะรัก ภักดีกับเธอไปตลอดชั่วชีวิตหรือไม่ครับ” “รับครับ” ชายหนุ่มตอบออกมา จากนั้นแหวนคู่ของแบดซ์ก็ถูกสวมเข้าไปที่นิ้วของเขาเช่นกัน เป็นการจบพิธีสวมแหวนต่อจากนั้นทั้งสองก็โผล่เข้าสวมกอดกันแน่น ด้วยความรู้สึกดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม กระทั่งแบดซ์ได้ยอมปล่อยให้ร่างเล็กตรงหน้าได้เป็นอิสระ สองสายตาสอดประสานมองกันก่อนที่มือหนาจะเชยคางมนขึ้น จากนั้นก็โน้มหน้าลงประกบจูบกับเธอท่ามกลางสักขีพยานภายในงานนับร้อยคน ภาพหวานชื้นตรงหน้าทำให้นักข่าวจากหลายสำนักแห่เก็บภาพเอาไว้ ท่ามกลางเสียงตบมือของทุกคนที่ร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว คนทั้งคู่ต่างมีความสุขมากไม่น้อยที่วันนี้ก็ได้ลงเอยกันอย่างที่ปราถนามาตลอด BAD ENGINEER ถ่านไฟเก่าวิศวะ แบดซ์ 🖤 กอหญ้า จบบริบูรณ์ …. (บทส่งท้ายพิเศษ) หลังงานแต่งเสร็จเรียบร้อยก็จะมีการจัดปาร์ตี้กันต่อในช่วงดึกของวัน แขกที่อยู่ร่วมปาร์ตี้ต่อก็ยังไม่ทันได้กลับกัน ส่วนคนที่มาร่วมงานแต่งเฉย ๆ ก็แยกย้ายกันกลับหมดแล้ว ด้วยความที่ต้องฉลองต่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเองก็ต่างมาเปลี่ยนชุด รวมถึงเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวด้วยก็เช่นกัน “กอหญ้า ฉันขอคุยอะไรกับหนูหน่อย” ในขณะที่กอหญ้ายังอยู่ที่ห้องแต่งตัวของตนเองอยู่นั้นเสียงคุ้นหูก็เอ่ยขึ้นด้านหลัง เธอเหลือบมองคนมาใหม่ผ่านกระจกตรงหน้าก็เห็นว่าเป็นศีรสกุล ศรีสกุลเดินตรงเข้ามาหากอหญ้าเพียงลำพัง พร้อมกับหย่อนก้นนั่งลงตัวเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเธอ “ค่ะ…” เธอพยักหน้าตอบแล้วมอบรอยยิ้มบาง ๆ ให้คนตรงหน้า “เราไม่ได้คุยกันนานพอสมควรเลยนะ เธอเป็นยังไงบ้าง” “หนูสบายดีค่ะ คุณหญิงละคะ ทำไมถึงยอมให้พี่แบดซ์แต่งงานกับกอหญ้า” “ฉันปล่อยวางมันหมดแล้ว เรื่องในอดีตทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่อยากบังคับ หรือบงการอะไรชีวิตของเขาแล้วแหละ” “หนูดีใจนะคะที่คุณหญิงเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนความคิดตนเองได้แล้ว” “เธอล่ะ…ทุกวันนี้ยังเกลียดฉันอยู่มั้ย” “เวลามันค่อย ๆ ทำให้ทุกอย่างทุเลาลงหมดแล้วค่ะ ถ้ามันมีแต่สิ่งดี ๆ มาทดแทนเรื่องเลวร้ายในอดีต ไม่นานหนูกับคุณหญิงคงลืมเรื่องนั้นไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น” กอหญ้าตอบออกมาเพราะการที่ครอบครัวของแบดซ์ยินยอมแล้ว ปัญหาเดิมระหว่างเธอกับแบดซ์คงไม่เกิดขึ้นอีก “งั้นฉันกับหนู เรามาทำสิ่งดี ๆ ต่อกันนับต่อจากนี้ไปจะดีมั้ย ไหน ๆ สองบ้านก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ฉันไม่อยากให้เราสองคนมีอะไรติดค้างต่อกันเลยจริง ๆ” ศรีสกุลถือวิสาสะจับมือเรียวบางมากอบกุมเอาไว้แล้วลูบหลังมือเนียนเบา ๆ ทำให้กอหญ้าเหลือบมองกับการเปลี่ยนไปของคนตรงหน้า ภาพในอดีตย้อนมาในหัว กับตอนนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันทำให้กอหญ้ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก “ได้สิคะ เราจะจบเรื่องบาดหมางในอดีตกัน นับต่อจากนี้จะมีแต่สิ่งดี ๆ ที่มอบให้กัน” กอหญ้ายิ้มตอบแล้ววางมือไว้บนหลังมือของศีรสกุลพร้อมกับบีบเบา ๆ “ได้ยินแบบนี้ฉันคงไม่มีอะไรต้องเก็บมาคิดมากแล้ว ยินดีต้อนรับหนูมาเป็นสะใภ้ของเทวพรวิพรหมนะ ฉันจะรออุ้มหลานจากหนู” “ขอบคุณคุณหญิงเหมือนกันนะคะ ที่ยอมเปลี่ยนตนเองแล้วยอมรับลูกสะใภ้ต่างฐานะคนนี้” “ต่อจากนี้ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว ขอแค่สะใภ้ของฉันเป็นคนดี เป็นคนเก่ง และรักลูกชายฉันให้ได้ครึ่งของฉันก็พอ” “แน่นอนค่ะ หนูรักลูกชายคุณหญิงมาก ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไม่ทำให้คุณหญิงกับครอบครัวต้องผิดหวังที่ยอมรับหนู” “ฉันเองก็เชื่อในตัวหนูเหมือนกัน” ศีรสกุลตอบกลับไป เพราะถ้ากอหญ้าไม่รักลูกชายของเขาจริง เธอก็คงไม่รอจนมาถึงทุกวันนี้ อีกอย่างคงไม่ทนอุปสรรคมากมายมาได้ ในเมื่อคนทั้งสองจะเป็นคู่กัน ไปขัดขืนโชคชะตายังไงก็ไม่มีวันพลัดพรากจากกันจนกว่าใครคนนึงจะตายจาก “อะแฮ่ม! สองสาวคุยอะไรกันอยู่ ได้เวลาไปปาร์ตี้แล้วครับ” ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นแบดซ์ก็เอ่ยแทรกเข้ามาพร้อมกับร่างหนาในชุดใหม่ที่พร้อมเข้าปาร์ตี้แล้ว ชายหนุ่มยืนเอนบ่าพิงกับขอบประตู แขนยกขึ้นกอดอกสายตามองมาที่คนทั้งสอง “พี่แบดซ์เตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอคะ” กอหญ้าหันมาถามพร้อมกับเหยียดกายลุกขึ้นเต็มความสูง “เสร็จแล้ว…เข้าไปข้างในกัน ทุกคนรออยู่” “คุณหญิงคะ เราเข้าไปปาร์ตี้ข้างในต่อด้วยกันนะคะ” ก่อนจะก้าวเดินกอหญ้าก็ไม่ลืมหันมาบอกคนข้างกายกันด้วย ซึ่งตอนนี้ศีรสกุลเองก็เหยียดกายลุกขึ้นยืนเช่นกัน “ตามสบายเลย แล้วเปลี่ยนสรรพนามพูดได้แล้ว มาขนาดนี้ไม่ต้องเรียกว่าคุณหญิง เรียกแม่ว่าแม่” “ค่ะ…คุณแม่” กอหญ้ายอมเปลี่ยนสรรพนามเรียกอย่างว่าง่ายแล้วค้อมหัวเล็กน้อยให้ศีรสกุล ไม่นานแบดซ์ก็เดินมาจับมือเธอเพื่อจะเดินไปปาร์ตี้ที่ห้องโถงต่อ พอคุยกันเสร็จเรียบร้อยคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันก็เดินออกมาพร้อมกับสายตาของศีรสกุลที่มองตามหลัง รู้สึกยินดีกับลูกอย่างบอกไม่ถูก ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีคนรักเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว (HAPPY ENDING) Coming soon… HOT FRIEND เพื่อนกันมันส์(ดีย์)เกิน สามารถติดตามเรื่องต่อไปได้บน R********e / ธ*****ย (อัปรายตอนก่อนนะคะ) 💖💖💖 ——————————————————— ขอบคุณสำหรับการติดตามและซัพพอร์ตไรท์จนมาถึงโค่งสุดท้ายของเรื่องนะคะ ทุกข้อผิดพลาดจะเก็บไว้ปรับปรุงและแก้ไข และจะออกผลงานดี ๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเซต เรื่องต่อไปเป็นของ เจค x ยูกิ ขอฝากให้ทุกคนเอ็นดูด้วยนะคะ 🫶🏻🖤🫶🏻68ลงเอย (ตอนจบ)2 สัปดาห์ต่อมา ตึก Blak swan ภายในห้องรับรองแขกบนตึก Black swan ห้าหนุ่มกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ แบดซ์ เจค นั่งอยู่โซฟาตัวเดียวกัน ส่วนไคโรและเคเลนนั่งโซฟาตัวกันข้าม คนที่นั่งอยู่คนเดียวเป็นเจ้าของที่อย่างริวเซย์ “นัดพวกกูมาซะดิบดี สรุปมีเรื่องอะไร” ริวเซย์พูดขึ้นเป็นคนแรกของกลุ่ม เนื่องจากก่อนหน้านี้แบดซ์ได้โทรเรียกเหล่าหนุ่ม ๆ มาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นพวกสองสาวนั้น “มีข่าวที่น่ายินดีมาบอก” พูดแล้วก็ยิ้มออกมาปากแทบฉีก ทำเอาสี่หนุ่มมองด้วยความสงสัย “ลองพูดมา” ไคโรเป็นคนถามด้วยสีหน้าราบเรียบ“กูกำลังจะแต่งงานแล้วโว๊ย!” แบดซ์ตะคอกออกมาเสียงดังลั่นห้องด้วยท่าทางดีใจ “….” ทุกคนต่างเงียบ ไม่ได้ตกใจกับข่าวที่น่ายินดีของแบดซ์ จนทำเอาเจ้าตัวต้องถามยํ้า“นี้พวกมึงไม่ดีใจหน่อยเหรอวะ กูกำลังจะแต่งงานทั้งที” “พวกกูรู้อยู่แล้วว่ายังไงมึงก็ต้องแต่งกับน้อง” เคเลนพูด “แววหมามาแต่ไกล เหี้ยฉิบหายสุดท้ายซมซามกลับมาหาน้องเขาเหมือนเดิม” ริวเซย์ส่ายหัวเอือมระอา“ขาดเขาไม่ได้ ไม่หมาธรรมดาแต่โคตรหมา” เจคพูดเสริม“ซํ้าเติมห่าไรกันนักหนา หรือต้องให้กูลงไปคลานเหมือนหมาพวกมึงถึง
67ทำตามสัญญาลับร่างของฟางข้าวพวกเธอก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้มีใครห้ามฟางข้าวเนื่องจากตอนนี้เธอได้เดินไปไกลแล้ว “ข้าวคงมีวิธีเคลียร์เรื่องนี้อยู่หรอกมั้ง เดี๋ยวจัดการได้คงมาเล่าให้พวกเราฟังเองแหละ” ท่ามกลางความเงียบกอหญ้าก็เอ่ยขึ้นมา “คงงั้น” ควีนตอบแล้วไม่นานนินิวก็ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย“พวกแกจะแยกกันกลับเลยเหรอ เราไม่ได้รวมตัวกันแบบนี้นานพอสมควรแล้วนะ” “ทำไมเหรอ อยากชวนไปไหนรึไง” เมษาถาม “ก็อยากชวนไปปาร์ตี้ที่ห้องของใครสักคนแล้วทำปิ้งย่างกันกินดีมั้ย กว่าพวกเราจะมีเวลาว่างเจอกันนะ” นินิวเสนอออกไปด้วยความที่เรียนคนละชั้นปีจึงทำให้เวลาว่างตรงกันมันค่อนข้างหายากแต่ดีหน่อยที่วันนี้พวกเธอว่างตรงกันแถมเป็นวันประเมินของฟางข้าวอีก “เป็นความคิดที่ดีงั้นไปบ้านเราไหม” “บ้านแกอยู่ที่ไหนอ่ะกอหญ้า แล้วแกอยู่กับใคร” ควีนถามขึ้นมาทันที“มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แถมหลังเล็กอยู่ในสลัม พวกแกอยากไปกันไหมล่ะ แล้วเราก็อยู่กับยายด้วยนะ” “จะเป็นไรไป ที่ไหนก็ดีเหมือนกันหมดแหล่ะ งั้นไปบ้านแกก็แล้วกันนะกอหญ้า” นินิวเอ่ยสรุป “ไม่มีปัญหา~” เจ้าตัวตอบแล้วยิ้มออกมาก่อนที่สี่สาวจะพากันคล้องแขนเดิ
66วันประเมินหลังจากจัดการกับเรื่องแพมมี่เสร็จแบดซ์ก็ขับรถกลับมาหากอหญ้าที่เพนเฮาส์ทันที ร่างสูงเดินลงมาจากรถแล้วเข้าไปด้านใน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนก็ไม่ได้ยกมือขึ้นเคาะก่อนเพราะคิดว่าคนที่นอนอยู่ด้านในยังคงนอนหลับอยู่ พอเดินมาที่เตียงนอนก็เห็นคนตัวเล็กนั่งขดตัวอยู่ในผ้าห่ม สายตาเพ่งมองมาที่เขาแต่พอโดนมองกลับก็หลบสายตาทันที“ตื่นแล้วเหรอ…” “ค่ะ” ใบหน้าหวานพยักตอบเบา ๆ นํ้าเสียงของเธอบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยล้ามากแค่ไหน “ลุกไปอาบนํ้า” “กอหญ้าลุกไม่ไหวค่ะ” เธอเอ่ยแล้วช้อนตามอง“เป็นอะไร เจ็บ ?”“เจ็บค่ะ อุ้มหน่อยได้ไหมคะ” คนมีความผิดออดอ้อนออกไปทำให้แบดซ์เดินเข้ามาอุ้มร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนเตียง เขาอุ้มร่างแฟนสาวเดินเข้ามาในห้องนํ้าจากนั้นก็วางลงบนพื้นแล้วถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายให้ ในการกระทำนั้นสายตาของกอหญ้าก็มองคนด้านหลังผ่านกระจกในห้องนํ้าไปด้วย“มองทำไม” “พี่แบดซ์ยังโกรธกอหญ้าอยู่เหรอคะ” “อืม” “แล้วไปไหนมา”“ไปจัดการคนที่วางยาเธอ”“ใครเป็นคนทำ..”“แพม”“พี่ไปหาเธอมา..” “ไปสั่งสอนไม่ได้ไปทำอะไร” “เข้าใจแล้วค่ะ” กอหญ้าตอบออกมาเสียงเบาจากนั้นร่างกายของเธอก็ถ
65ชัดเจนมาตลอด11.00 น. “ได้เรื่องมั้ย” ริมฝีปากหนักเอ่ยผ่านปลายสายพลางพ่นควันบุหรี่สีเทาให้ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณระเบียงห้องนอนของเพนเฮาส์ หลังจากเมื่อคืนลงโทษเด็กดื้อกันไปหนักพอสมควรคนตัวเล็กก็แทบหมดแรงจนต้องอุ้มขึ้นมาบนห้องนอน พอวางลงบนเตียงนอนเท่านั้นแหละก็หลับน็อคไปจนแบดซ์ต้องทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แถมเมื่อคืนก็ยังไม่ได้เคลียร์อะไรกันให้หายข้องใจ แม้กระทั่งตอนนี้กอหญ้าก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงนอน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็พอจะจำคำพูดของแฟนสาวตนเองได้บ้างว่าตนโดนวางยา ( ระดับนี้ ) ปลายสายอย่างริวเซย์ตอบออกมา ด้วยความที่แบดซ์ข้องใจหนักมากว่าใครเป็นคนวางยาเลยให้เพื่อนสนิทที่มีอำนาจมากอย่างริวเซย์สืบหาตัวผู้ชายคนนั้นให้ “มันเป็นใคร” ว่าแล้วก็ทอดสายตามองไปยังเมืองหลงที่อยู่ใจกลางเมืองไปด้วย ( ผู้ชายคนนั้นมันชื่อเจ้านาย เป็นเพื่อนของน้องอะไรข้าว ๆ นี่แหละ ที่อยู่ในชมรมของเรา แล้วน้องผู้หญิงก็เป็นเพื่อนกับเมียมึง ) “เพื่อนฟางข้าว”( เออ นั่นแหละ แต่มันบอกไม่ได้เป็นคนวางยา กูเลยสั่งให้ลูกน้องเค้นมันเพิ่มจนรู้ว่าพนักงานในร้านมีคนจ้างให้ว
64เกือบไม่รอด NC+++สะโพกสวยยังคงถูกกระแทกอย่างต่อเนื่อง ความจุกเข้าเล่นงานจนคนตัวเล็กจนต้องกัดฟันเอาไว้แน่น แท่งเอ็นหนายังคงกระแทกเข้าออกตามรูร่องเปียกแฉะอย่างเอาแต่ใจ มือปล่อยเรือนผมสวยให้สยายเต็มแผ่นหลังเรียบเนียนของเธอ ก่อนจะใช้มือจับเข้าที่เอวคอดสุดแรงเพื่อให้ร่างบอบบางได้รับแรงกระแทกได้อย่างถนัด ตับ! ตับ! ตับ!… เสียงจุดเชื่อมกระทบกันดังไม่หยุด ร่องรักคับแคบรับรู้ได้ถึงสัมผัสดุดันและหยาบโลนที่โถมเข้าร่างกายไม่หยุด “อ๊ะ!…อ๊าา…” กอหญ้ายังคงร้องครางออกมาราวกับจะขาดใจ ความอยากในร่างกายเธอก็พลุ่งพล่านมากขึ้นเรื่อย ๆ จากฤทธิ์ยา ยิ่งโดนกระแทกยิ่งเสียวแถมยังจุกมากแทบจะกรีดร้องออกมา พอกระแทกท่านี้พอใจแบดซ์ก็จับร่างสวยให้เปลี่ยนท่าเป็นเกาะกับหลังโซฟาแทน เข่าทั้งสองข้างวางทาบบนเบาะพร้อมกับร่างหนาที่ลงมาจากโซฟาแล้วยืนอยู่บนพื้น แบดซ์ใช้มือจับเอวบางให้แอ่นมาด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะดันแก่นกายเข้าไปใหม่เกือบมิดลำเช่นเดิม “กะ กอหญ้าจุก…” นํ้าเสียงไร้เรี่ยวแรงเอ่ยออกมาเบา ๆ พลันร่างกายของเธอก็ถูกกระแทกต่อไม่มีเวลาได้พักหายใจ ทันทีที่จุดเชื่อมสอดประสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เอวสอบก็เริ่
63หึงแรง NC+++ปากที่ยังคงวนเวียนอยู่กับซอกคอกระซิบออกมาพร้อมกับใช้ปลายนิ้วปลดตระขรอบราเชียร์แล้วโยนให้พ้นทาง ไม่นานท่อนบนของกอหญ้าก็เปลือยเปล่าไร้สิ่งปกปิด เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มสองข้างสู่สายตา ริมฝีปากหยักก็ดูดซํ้ารอยดูดเดิมให้เป็นรอยของตนเองแทน กระทั่งพอใจแบดซ์ก็ดันร่างบางของแฟนสาวไปยังโซฟาตัวยาวแล้วผลักให้เธอนอนราบลง แล้วตามคร่อมด้วยร่างกายตนเอง “พะ…พี่แบดซ์…” เสียงสั่นเอ่ยเรียกคนบนร่างกระเส้า เมื่อยอดอกเม็ดงามสีแดงระเรื่อถูกครอบงำด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนและลิ้นเปียกชุ่ม แบดซ์ทั้งดูดและเลียมันอย่างมูมมาม มือหนาอีกข้างก็บีบเคล้นอกอวบอีกฝั่งไปด้วย หนุ่มวิศวะบีบเคล้นมันอย่างรุนแรงกระทั่งร่างน้อยเริ่มบิดเร้า กอหญ้าเม้มปากแน่นแล้วจิกนิ้วลงบนกลุ่มผมสีดำเงา เพื่อระบายความกระสันที่ตนได้รับ ไม่เพียงเท่านั้นฟันคมก็ยังกัดหัวนมที่กำลังชันขึ้นเป็นไต ซึ่งส่งผลให้ร่างกายหญิงสาวกระตุกเร้า ทั้งเจ็บทั้งเสียวในขณะเดียวกัน “อยะ อย่ากัดค่ะ…อื้อ! มันเจ็บ” ปากเอ่ยขอ ดวงตากลมโตก็มีหยาดนํ้าตาเอ่อคลอเบ้า เธอพยายามปรือตามองการกระทำของแฟนหนุ่มตนเองเป็นระยะ “เชื่อฟังพี่แล้วนอนอยู่เฉย ๆ อย่าทำให้พี่โกรธมากกว