เจ้าของร่างเล็กกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ อาจเพราะแปลกที่หรือความคิดมากที่วนเวียนในหัว ทำให้เธอนอนไม่หลับ กว่าจะข่มตาได้ก็กินเวลาไปเกือบตีสอง โชคดีที่วันนี้มีเรียนช่วงสิบโมงเช้า
มือเล็กเอื้อมไปหยิบรีโมตที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะกดปุ่มควบคุม ผ้าม่านเคลื่อนตัวเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นแสงแดดยามเช้าที่ค่อยๆ สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เจียร์หรี่ตาเล็กน้อยปรับสายตาให้ชินกับแสง ก่อนจะลุกจากเตียงยกแขนขึ้นเหนือศีรษะแล้วบิดตัวไปมาช้าๆ
คืนแรกสำหรับการนอนในคอนโดหรู เจียร์หลับไม่สนิทเพราะเกิดความกังวลอยู่ตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยที่ว่างเปล่ามองออกไปด้านนอกกระจกใสบานใหญ่ เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมถามบางอย่างกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
หลังจากอาบน้ำเตรียมตัวเสร็จร่างเล็กในชุดนักศึกษาเปิดประตูออกจากห้องนอน ขณะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเรียวขาก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน พร้อมหัวใจที่วูบไหว เมื่อเจอกับล่าที่นั่งเอนหลังด้วยท่าทางสบายๆ อยู่บนโซฟาตัวใหญ่ สายตาคู่เย็นชาจ้องมองมาที่เธอ
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” หัวคิ้วหนายกขึ้นเป็นคำถาม ในตาคู่คมชวนให้คนที่ถูกมองรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว
“ค่ะ” ถึงแม้จะแปลกใจกับคำถามที่ดูไม่น่าออกมาจากคนบนโซฟา แต่เจียร์ก็ยอมตอบแต่โดยดีเพื่อเลี่ยงการปะทะอารมณ์คลุกขุ่นในยามเช้า
“มีเรียนถึงกี่โมง?”
“บ่ายสองค่ะ”
“อืม”
เสียงของเครื่องปรับอากาศดังแผ่วเบาในความเงียบที่เข้าปกคลุมหลังจากบทสนทนาจบลง แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาช่วยให้บรรยากาศในไม่อึดอัดจนเกินไป เจียร์เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ยังคงเอนตัวอย่างสบายๆ แต่สีหน้าเรียบเฉยทำให้เธออ่านความคิดของเขาไม่ออก
“คือเจียร์….ต้องรีบไปเรียนแล้ว”
“บอกฉันทำไม”
“พี่ล่า….ไม่มีอะไรจะคุยใช่ไหมคะ” เจียร์ชะงักเมื่อเผลอสบตากับล่าอย่างไม่ตั้งใจ แววตาคู่นั้นเรียบนิ่งไม่ได้เผยอารมณ์ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องลึกเข้าไปถึงข้างใน
“ความจริงก็มี แต่ถ้าเธอรีบเอาไว้คุยทีหลังก็ได้ มันไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร” ล่าเอ่ยเสียงเรียบก่อนเว้นจังหวะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางก้าวขาเดินไปหาคนตัวเล็กอย่างไม่รีบร้อน “แค่จะพูดเรื่องของเราสองคน”
เจียร์เม้มปากแน่นกะพริบตาช้าๆ ควบคุมตัวเองไม่ให้ถอยหลังหนี เพราะนั่นอาจทำให้เขาไม่พอใจ
“หรือจะให้ฉันพูดตอนนี้?” ล่าเลิกคิ้วตั้งคำถาม พลางก้มมองท่าทางสั่นกลัวของร่างเล็กในชุดนักศึกษา เขายิ้มมุมปากนึกชอบใจที่ต้อนเธอให้จนมุมได้ทุกครั้ง
นกน้อยในกรงของเขาช่างขี้กลัวซะจริงๆ ไม่เห็นเหมือนพี่สาวของเธอเลยสักนิด
ล่าคิดขณะมองหน้าเหยื่อที่เขากำลังเลี้ยงเอาไว้ในกรง
“พ…พูดตอนนี้ก็ได้ค่ะ” เจียร์ตอบเสียงติดขัด หลุบตาต่ำเพื่อหลบหนีความอึดอัดจากคนตัวสูง เธอไม่อยากรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรออกมาแต่สายตาคมคู่นั้นกำลังบังคับให้เธอจำนน
“มั่นใจว่าถ้าพูดแล้วเธอจะมีสมาธิเรียน?” เมื่อไร้การตอบกลับจากร่างเล็ก คนตัวสูงยกยิ้มก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงกดดัน “เธอยื้อเวลามานานเกินไปแล้ว”
ลมหายใจของเจียร์เริ่มติดขัดมากขึ้น เมื่อล่าก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า ร่างสูงโน้มลงใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจ สายตาเย็นชาจ้องมองราวกับกำลังออกคำสั่งให้เธอหยุดอยู่กับที่
“เกมนี้ฉันเป็นคนคุม…ไม่ใช่เธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะบอกสิ่งที่เธอควรรู้ “รู้ไหมว่ายิ่งยื้อออกไปนานเท่าไร เธอก็ยิ่งต้องอยู่ในสถานะนี้นานมากขึ้น”
“ม….หมายความว่ายังไง” ในตาคู่สวยฉายแววความสับสนปรากฏขึ้นมาเฉียบพลัน พร้อมหัวใจดวงน้อยที่กระตุกวูบไหว
“คงไม่คิดว่าฉันจะนับกำหนดหนึ่งปีจากวันที่เธอเซ็นสัญญาหรอกใช่ไหม?” ล่าเงียบไปชั่วขณะ เขาจ้องมองร่างเล็กที่ยืนนิ่ง แต่ดวงตากลับสั่นไหว พลางยกมือขึ้นเกี่ยวม้วนปอยผมของเธอ ก่อนจะพูดประโยคถัดไป
“ไม่แปลกใจหรือไงทำไมฉันถึงให้เวลาเธอนานขนาดนี้”
“………”
“เพราะมันจะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อ…เธอพร้อมขึ้นเตียงกับฉันยังไงล่ะ”
ล่าเค้นหัวเราะในลำคอ เมื่อต้อนให้ร่างเล็กจนมุมอีกครั้งได้สำเร็จ และครั้งนี้เขาต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะปล่อยให้เหยื่อตายใจมานานเกินไปแล้ว
มหาวิทยาลัย เจียร์เหม่อมองไปตรงหน้าไร้จุดโฟกัส โดยที่มือยังคงจับด้ามปากกาค้างไว้บนหน้ากระดาษ แต่ความจริงแล้วไม่ได้จดอะไรลงไปเลยแม้แต่คำเดียว
เธอเอาแต่คิดถึงคำพูดของล่าวนเวียนอยู่ในหัว แม้พยายามสะบัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเท่าไรก็ทำไม่ได้ ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา เธอจำได้ชัดเจนราวกับคำพูดนั้นกระซิบข้างหูตลอดเวลา
ดวงตากลมเหม่อลอยกระทั่งหมดคาบเรียนแล้วก็ยังนั่งอยู่ จนกระทั่งเพื่อนร่วมคลาสต้องเดินมาสะกิดถึงรู้ตัว
“ไม่ไปกินข้าวหรอเจียร์” ไผ่ หนุ่มหน้าตาดีเดือนคณะเดินมาถามกับเพื่อนตัวเล็กที่นั่งนิ่งราวกับมีเรื่องทุกข์ใจ
“อะ อื้อ” เสียงทักท้วงทำให้ความหนักอึ้งของความคิดหายไป เจียร์เริ่มมองไปรอบๆ ตอนนี้นักศึกษาหลายคนกำลังทยอยเก็บของและลุกออกไปกันหมดแล้ว
“เป็นอะไร ป่วยหรือเปล่า?”
“ไม่ๆ คือเรามีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” เจียร์ยิ้มจางๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นก้มหน้าเก็บปากกาและสมุดพลางถอนหายใจเบาๆ
ร่างเล็กเดินออกจากคลาสเรียนโดยมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารอีกคณะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกที่เรียนมากนัก เมื่อมาถึงเจไดและเจด้าก็สั่งข้าวเอาไว้รอเธอเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าหรอ” เจด้าถาม ก่อนที่เจไดจะพูดเสริม “เห็นเธอมาช้ากลัวของโปรดหมดก่อนเลยรีบซื้อมาให้”
เจียร์พยักหน้านั่งลงข้างๆ เจด้า ก่อนจะก้มมองผัดกะเพรากุนเชียงที่เป็นของโปรด เธอฝืนยิ้มแล้วพูด
“ขอบคุณนะเจ”
“เพื่อคนสวยต่อให้คิวจะยาวขนาดไหนพี่ก็ไม่หวั่น”
“ไม่ใช่ว่าลูกสาวร้านนี้สวยหรือไงถึงไปต่อคิวซื้อ” เจด้าส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับความหน้าหม้อของน้องชายฝาแฝด
เจียร์พยายามไม่สบตากับเพื่อนทั้งสองหวั่นกลัวถูกจับได้ว่ามีเรื่องทุกข์ใจ โชคดีที่เจด้าและเจไดแทบไม่เคยแวะไปห้องของเธอ เพราะเจียร์มักจะออกไปทำงานทุกทำให้ไม่มีใครสังเกตเรื่องย้ายที่อยู่ และเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกพวกเขายังไงดี
“วันนี้เจียร์ไปทำงานที่บาร์หนึ่งเก้าไหม” เจด้าถาม ทำเอาหัวใจดวงน้อยวูบไหว เจียร์ลอบกลืนน้ำลายก่อนจะตอบ “อ..อื้อไปทำสิ”
“ดีเลย ฉันกับเจจะไปดื่ม”
“ไป ไปวันนี้หรอ” ดวงตากลมสั่นไหว ความกังวลตีขึ้นมาภายในใจ เจียร์พยายามหาข้ออ้างมาขัด “คือร้านอยู่ไกลจากหอพักเจกับด้ามากเลยนะ”
“นอนห้องแกก็ได้”
“แต่….เตียงห้องเราแค่สามฟุตเองเจนอนคนเดียวก็เต็มแล้ว” เจียร์คิดหาวิธีบ่ายเบี่ยงทุกทางที่จะสามารถอ้างออกไปได้ หัวใจของเธอเต้นถี่รัวกำลังภาวนาในใจขอให้เพื่อนล้มเลิกความคิด
“จริงสิพรุ่งนี้มีเรียนเช้านี่นา” เจด้าเหมือนจะเพิ่งคิดขึ้นมาได้ เธอบอกอย่างนึกเสียดาย
“ลาดีไหม เรื่องเที่ยวสำคัญกว่า” เจไดรีบเสนอความคิดเห็นที่ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร ทำให้ถูกพี่สาวฝาแฝดต่อว่า “ถ้าติดเอฟขึ้นมาแม่ได้ไล่ออกจากบ้านแน่ เอาสมองส่วนไหนคิดห๊ะเจ”
“ค้าบ สำนึกแล้วค้าบ”
เจียร์ที่ได้ยินบทสนทนาของฝาแฝดทั้งสอง ทำให้เธอก้มหน้าลงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก กำปั้นเล็กที่เคยกำแน่นค่อยๆ คลายออก
ระหว่างกินข้าวทั้งสามพูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไป เพราะทั้งสามคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ฝาแฝดทั้งสองจึงรู้ว่าชีวิตของเจียร์ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ทั้งปัญหาครอบครัวที่ไม่เคยเหลียวแลจนต้องทำงานรับผิดชอบชีวิตของตัวเองอย่างนี้
ร่างเล็กเริ่มผ่อนคลายอารมณ์ที่หนักอึ้งตลอดในช่วงเช้า เจไดช่างพูดจอแจนิสัยคล้ายผู้หญิง เขาชอบเล่าเรื่องสนุกๆ เพื่อให้เพื่อนตัวเล็กที่ในตาดูหม่นหมองยิ้มได้ทุกครั้ง
เมื่อกลับมายังคอนโด ในห้องที่ไม่คุ้นเคย ความรู้สึกหนักอึ้งสาดซัดถาโถมเข้าใส่ไม่ยอมหยุด ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของร่างเล็กที่กำลังนั่งบนปลายเตียงตลอดเวลา เพราะคำพูดของล่าเมื่อตอนเช้ากลับวนเวียนให้คิดมากอีกครั้ง
เธอยื้อเวลามามากพอแล้ว
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เจียร์ถอนหายใจออกมา ภายในห้องอบอวลไปด้วยความทุกข์ เธอกำลังคิดว่าควรจะเริ่มทำมันซะตอนนี้ ดึงดันไปนานเท่าไรเวลาของเธอก็ยิ่งยืดยาวมากขึ้น เพราะกำหนดหนึ่งปีนับจากวันที่ร่วมเตียงกับเขา ไม่ใช่วันที่เซ็นสัญญา
หมดเวลายื้ออีกต่อไป เธอต้องเลือกทิ้งความกลัวและเผชิญหน้ากับความจริงสักที
เธอแพ้แล้ว ยอมจำนนแล้วทุกอย่างที่โชคชะตาหยิบยื่นมาให้
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบกับผิวเนียนสร้างความรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว เจียร์กำโทรศัพท์แน่น ค่อยๆ ยกมือที่สั่นระริกขึ้นมา เรียวนิ้วจิ้มไปยังช่องแชตที่ไม่เคยแม้แต่อยากจะคุย ดวงตากลมแดงก่ำขณะกดพิมพ์ข้อความ
แชต:ล่า
เจียร์: พี่ล่า…เจียร์พร้อมแล้วค่ะ
ดวงตากลมกำลังไล่ดูรูปถ่ายที่อยู่ในอัลบั้ม รอยยิ้มบางๆ เผยออกมาบนมุมปากสวย เมื่อเห็นภาพในวันที่เธอเรียนจบ ความทรงจำนั้นยังชัดเจน ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานล่าเล่นใหญ่ด้วยการซื้อกุหลาบให้หนึ่งพันช่อ พร้อมกับคุกเข่าขอแต่งงานในวันนั้น ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ร่วมแสดงความยินดี เธอยังจำความสุขในวันนั้นได้ รอยยิ้ม คำมั่นสัญญาทั้งน้ำตา ‘พี่จะรักหนูไปชั่วชีวิต’ เวลาผ่านไปปีกว่า ชีวิตหลังแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น และในตอนนี้เจียร์กำลังมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้อง หลังจากเธอเรียนจบได้เพียงหนึ่งเดือน ยังไม่ได้แม้แต่จะไปเที่ยวรอบโลกอย่างที่ล่าให้คำสัญญาเอาไว้เลยด้วยซ้ำที่น่าขำจนเธอยังอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่นึกถึง ก็คือตอนอัลตร้าซาวด์เพศลูก พอรู้ว่าได้ลูกสาว หัวคิ้วของล่าก็ขมวดเข้มทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม ภาพนั้นเธอจำไม่ลืม และอีกความทรงจำที่ยังตราตรึงตอนนั้น ที่ล่ารู้ว่าเธอท้อง เขานั่งคุกเข่าร้องไห้ออกมานานนับชั่วโมงโชคดีที่เธอไม่ได้แพ้ท้องเลย เพราะคนที่แพ้คือล่า เขากินอะไรไม่ได้อยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะยัดอะไรเข้าไปก็อ้วกออกมาทั้งหมด จนผอมซีดไปเลย“เจียร์อยากพาพี่ล่าไปหายายกับพ่อจังเลย
หลายเดือนต่อมา…ร่างสูงในแว่นดำยืนถือดอกไม้ช่อโตไว้ในอ้อมแขนอย่างสะดุดตา ไม่สนใจนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา เนื่องในโอกาสครบรอบ ล่าจึงดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ วันนี้เขามารอตั้งแต่ร่างเล็กยังเรียนไม่เสร็จด้วยซ้ำ เสียงซุบซิบของคนที่เดินผ่านไปมาต่างสงสัยว่าผู้ชายเจ้าของใบหน้าฟ้าประทานคนนี้คือใคร บ้างก็รู้ว่าเขาคือคู่หมั้นของสาวสวยที่เรียนอยู่คณะนี้ แม้จะรู้ว่ามีเจ้าของแต่พวกเธอก็อดส่งสายตาทอดสะพานไม่ได้ ทว่า ล่าที่รักเดียวและแน่วแน่ ไม่แม้แต่จะชายสายตามองหญิงคนไหนเลย ตอนนี้เขากำลังนับเวลารอคนรักอย่างจดจ่อ หลังจากอาจารย์สอนเสร็จ บรรยากาศในคลาสก็พลันคึกคักขึ้น เมื่อเพื่อนร่วมชั้นเริ่มส่งเสียงซุบซิบกันอื้ออึง ไม่นานนัก ไผ่ก็เดินตรงเข้ามาหาเจียร์ ที่เอาแต่ก้มหน้าเก็บของอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว“เจียร์ว่าคนนี้คุ้นๆ ไหม” ไผ่ยื่นโทรศัพท์ไปให้ ร่างเล็กจึงหยุดนิ่งพลางมองบนหน้าจอ มันคือโพสต์ช่องคนดังของเพจมหาวิทยาลัย มักจะอัปโหลดรูปนักศึกษาหน้าตาดี ซึ่งเธอเองก็ถูกถ่ายภาพไปลงนับครั้งไม่ถ้วน แต่วันนี้ต่างออกไป ภาพที่ทางเพจโพสต์ลงนั้นไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี“เหมือนคู่หมั้นเจี
ทริปฮันนีมูน เป็นทริปเล็กๆ สี่คืนห้าวัน ที่จัดขึ้นหลังงานหมั้นจบลง ทั้งสองเลือกไปจังหวัดใกล้กรุงเทพ เพราะไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทางในเวลาสั้นๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจไปเที่ยวที่เขาใหญ่ ในจังหวันครราชสีมาห้องพักเป็นบ้านเดี่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมพื้นที่ที่ถูกจัดสรรอย่างเป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว เปิดประตูเข้าไปจะพบกับห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องนอน และเมื่อเดินผ่านประตูด้านหลังออกไป ก็จะเจอกับสระว่ายน้ำส่วนตัว เบื้องหน้าเผยให้เห็นวิวภูเขาเขียวขจี เรียงซ้อนกันอย่างสวยงาม“บรรยากาศดีขนาดนี้ เรามาปั้มลูกกันเลยไหมหนู”แปะ!! ทันทีที่ร่างสูงเอ่ยคำหยอกล้อออกมาก็ถูกมือเล็กฟาดลงบนท่อนแขนไปหนึ่งที พร้อมถูกจ้องตาดุ แต่โดนขนาดนั้นเขาก็ยังยิ้มสู้ “เดี๋ยวเถอะนะ ทีเมื่อก่อนนะ ยังให้เจียร์ฝังยาคุมอยู่เลย” เธอยกแขนขึ้นกอดอก จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้ตั้งใจจะจริงจัง พอนึกย้อนกลับไปเจียร์เองก็รู้สึกแปลก แต่มันแค่แวบเดียวเท่านั้น ความรักที่เกิดขึ้นมาทำให้เธอไม่หวนไปนึกถึงแล้ว แม้จะหยิบยกมาพูดบ้างบางครั้งก็ตาม“คนที่เคยเลวคนนี้ กลายเป็นหมาน้อยของหนูแล้วนี่ไง”“ไม่รู้สึกแปลกหรอคะ
ในที่สุด วันที่ทั้งสองเฝ้ารอคอยก็มาถึง เจียร์และล่ากำลังแต่งตัวอยู่ภายในห้องสวีทสุดหรูของโรงแรม ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานหมั้น บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นของทั้งสองคน“พี่ขอออกไปสูบบุหรี่ก่อนนะครับ” ร่างสูงเดินตรงมาหาว่าที่คู่หมั้นที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบเบาๆ บนหน้าผากของเธอ ท่ามกลางสายตาของเหล่าช่างแต่งหน้าทั้งห้าคนที่มองภาพนั้นด้วยความอิจฉาและเอ็นดูในวินาทีนี้ คงไม่มีใครไม่อิจฉาวาสนาของเธอ ที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสะใภ้คนกลางแห่งตระกูลทรัพย์หิรัญสกุล ที่ครอบครองทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับไม่ถ้วน“อย่าสูบเยอะนะคะ” เจียร์ไม่เคยห้ามเรื่องที่อีกฝ่ายสูบบุหรี่เลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดเป็นห่วงสุขภาพของเขาไม่ได้“ถ้าหนูมีลูก พี่จะเลิกขาดเลยครับ” ล่ายื่นคำมั่นสัญญา แววตาของเขาไม่เคยโกหกเธอ“อื้อ สัญญาแล้วนะ” เมื่อถามย้ำแล้วแววตาคู่สวยก็เฝ้าคอคำยืนยันอีกครั้ง“ครับ พี่ไม่เคยโกหกหนูอยู่แล้ว”ระหว่างทางขึ้นดาดฟ้า จู่ๆ ร่างสูงก็ต้องหยุดนิ่ง เมื่อเห็นลูกสาวแม่บ้านเดินสวนผ่านหน้าไป เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา คงไม่ได้มองว่ากำลังเดินผ่านใค
เวลาผ่านไปกระทั่งเกือบถึงวันหมั้น ล่าและเจียร์ค่อนข้างยุ่ง เขาต้องรีบเคลียร์งานเพื่อจะไปฮันนีมูนหลังงานหมั้น ส่วนร่างเล็กก็ต้องเคลียร์งานที่มหาวิทยาลัยเอาไว้เช่นเดียวกัน โชคดีที่ไผ่บอกว่าจะคอยเก็บชีทเอาไว้ให้ในระหว่างที่เธอไม่มาเรียน ทำให้หมดห่วง เรื่องฮันนีมูนทั้งสองคุยกันแล้วว่าจะไปแค่สามสี่วัน เพราะมีเวลาไม่มาก เอาไว้ร่างเล็กเรียนจบและแต่งงานเมื่อไร เขาให้คำมั่นสัญญาสัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยวรอบโลก แม้จะฟังดูเกินไปหน่อย แต่เจียร์เชื่อว่าล่าจะทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน แถมเขายังคุยโม้กับพ่อเอาไว้ ว่าให้รออุ้มหลานได้เลย ทั้งที่เหลือเวลาอีกนานนับปีกว่าเธอจะเรียนจบ “พี่อยากแต่งกับหนูเลย เปลี่ยนเป็นงานแต่งดีไหม” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ล่าเอ่ยแบบนั้น พักหลังเขามักพูดเรื่องอยากแต่งงานออกมาบ่อยแทบตลอดเวลา ต้นเหตุมาจากวันที่ได้เห็นเธอในชุดที่จะใส่ในวันหมั้น ตอนนั้นหัวใจของเขาสั่นไหว อยากให้เธอกลายเป็นภรรยา ไม่ใช่แค่เพียงคู่หมั้นอีกต่อไป“แค่หมั้นกะทันหันคุณท่านก็ตกใจแล้ว ถ้าบอกแต่งต้องช็อคแน่เลย”“หืม? ทำไมเรียกท่าน พี่บอกแล้วไงครับว่าให้เรียกพ่อ”“…เจียร์ยังไม่ชิน” ร่างเล็กเม้มริมฝีปากเบาๆ เพราะยัง
@อีกฝากทางฝรั่งเศสล่าขมวดคิ้วแน่น มองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ใจแทบขาดเมื่อนึกถึงเธอที่ไม่ยอมให้โทรหา และแม้เขาจะพยายามโทรไปกี่ครั้งเธอก็ไม่รับ สายตาคมตวัดจากหน้าจอขึ้นไปมองน้องชายตัวดีที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างกันอย่างหงุดหงิด“แผนเหี้ยอะไรของมึง เมียกูงอนแล้วไอ้เวร!!”“อ้าวพี่ชาย มึงทำตามเองนะ จะมาโทษกูได้ยังไง”“แม่ง”“ไฟลท์บินกลับตีสี่ กว่าจะถึงไทยคงเกือบเย็น ใจขาดแน่มึง” คลื่นพูดเย้ย เขาหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าคิดไม่ตกของพี่ชาย ที่เอาแต่ก้มมองจอมือถือสลับกับสูบอัดบุหรี่อย่างคิดมาก“กูจะเลื่อนไฟลท์ รอไม่ได้แล้วไอ้เหี้ย โทรไปไม่รับสายเลย” เพียงแค่เธอไม่ยอมรับสาย ล่าก็ลนลานจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ความกระวนกระวายแผ่ซ่าน จิตใจร้อนรุ่ม ว้าวุ่นจนแทบจะระเบิดออกมา“กูยังไม่จัดกระเป๋าเลยล่า”“เรื่องของมึง กลับทีหลังแล้วกัน”“ควาย! กลับไปดีๆ ก็สิ้นเรื่อง อุตส่าห์เร่งงานเพื่อเธอ เสือกอยากเซอร์ไพรส์ เป็นยังไง สมใจมึงไหม”“แผนมึงไอ้คลื่น”“มึงเชื่อกูเองนะ แค่พิมพ์บอกความจริงไปตอนนี้ก็สิ้นเรื่อง”“โง่! ให้กูบอกตอนนี้กลับไปกูจะได้เข้าห้องหรือไง”“หมา! ติดเมียฉิบหาย สภาพเมื่อก่อนกับตอนนี้น่ะนะ เอาเสื้อเม