กลับมาที่ห้องเช่าราคาถูกร่างเล็กนอนนิ่งอยู่บนเตียง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก ดวงตาจ้องเพดานขณะที่ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาไม่หยุด
ทั้งเรื่องที่ต้องลาออกจากงาน ทั้งเรื่องที่ต้องย้ายไปอยู่คอนโดของล่าและที่หนักใจที่สุด คือคำถามจากเพื่อนที่เธอไม่รู้เลยว่าจะหาข้ออ้างอะไรหากถูกถามว่าทำไมจู่ๆ ถึงย้ายไปอยู่คอนโดหรูราคาแพงขนาดนั้น
ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปหมด เจียร์พยายามเรียบเรียงความคิด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
ชีวิตของเธอกำลังถูกตีกรอบ….ราวกับนกตัวน้อยที่ติดอยู่ในกรง
เจียร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปมาเปิดออก ตั้งใจจะเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น แต่เธอกลับเอาแต่นั่งนิ่งเหม่อเป็นเวลานาน หัวใจดวงน้อยเต้นเป็นจังหวะที่ช้าลง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงไล่ความคิดมากมายออกจากหัว แล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามาพับใส่กระเป๋าทีละตัว
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะต้องยอมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้
เก็บของใช้และเสื้อผ้าเตรียมใส่กระเป๋าเอาไว้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไม่พร้อมจะย้ายไปเร็วๆ นี้ หากมีเวลาหนึ่งอาทิตย์เธอก็จะยื้อมันไปจนถึงวันสุดท้าย
หลังจากนั้นร่างเล็กก็ลุกขึ้นเดินไปหย่อนสะโพกนั่งบนปลายเตียง มือเล็กเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์มากดโทรออกหาคุณป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง เพื่อบอกเรื่องที่จะขอออก โดยเธออ้างเหตุผลเรื่องเรียนหนัก
จากนั้นก็ต่อด้วยการโทรหาเจ้าของร้านบาร์หนึ่งเก้า เป็นสิ่งที่ทำให้เจียร์รู้สึกหนักอึ้งกลางอกอยู่ในตอนนี้ เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหลพี่ตะวัน” เธอเอ่ยเสียงเบาเต็มไปด้วยความลังเล
(ว่าไงครับตัวเล็ก) เสียงใจดีของตะวันตอบกลับมาทำให้หัวใจดวงน้อยๆ วูบไหว
เจียร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดออกไปช้าๆ “เจียร์จะโทรมาบอกว่า….คงไม่ได้ไปทำงานที่ร้านแล้วนะคะ”
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มปนอ่อนโยน
(ทำไมล่ะครับ น้องเจียร์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้นะไม่ต้องเกรงใจเลย)
คำถามแฝงความเป็นห่วงนั้นทำให้ร่างเล็กเผลอกำมือแน่น พลางก้มหน้ามองพื้นผ่อนลมหายใจแผ่วเบา
“พอดีเจียร์เรียนหนักค่ะ งานที่มหาวิทยาลัยเยอะมากๆ ก็เลยอยากพักงานเอาไว้ก่อน”
เสียงปลายสายถอนหายใจเบาๆ (ใจหายเลยครับแต่ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญพี่เข้าใจ)
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะพี่ตะวัน”
(หอพักเจียร์ก็อยู่ใกล้แค่นี้วันไหนว่างๆ แวะมาหาพี่บ้างนะครับ)
“ค่ะ เอาไว้ว่างเจียร์จะเข้าไปที่ร้าน ขอโทษจริงๆ นะคะพี่ตะวัน”
(ไม่เป็นไรครับแต่ถ้าเปลี่ยนใจหรือมีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะ ห้ามเกรงใจ)
เธอเม้มริมฝีปากแน่นให้กับความใจดีของตะวันที่มีให้เสมอมา ก่อนจะตอบเสียงเบา “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หลังจากกดวางสาย เจียร์ถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกำโทรศัพท์ในมือแน่น พลางนึกถึงวันแรกที่เจอกับผู้ชายที่เป็นความโชคร้ายของชีวิต
ตั้งแต่วันที่ได้เจอกับ ล่า ทุกอย่างในชีวิตของเจียร์ก็เปลี่ยนไปและไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะความสุขที่เคยมีถูกพรากไปจนแทบไม่หลงเหลือ
ถึงแม้อยากจะเข้มแข็งแต่ภายในใจราวกับถูกคลื่นลูกใหญ่สาดใส่ไม่ยอมหยุด ดวงตาคู่สวยสั่นไหวมีน้ำสีใสเอ่อตื้นเพียงไม่นานหยดน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เธอปล่อยโทรศัพท์ลงบนเตียง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นตัวสั่นเทา
เจียร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งไปในหลุบเหวลึกของโชคชะตา ต่อให้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาเท่าไรก็ไม่ไม่สามารถหลีกหนีได้
ในทุกวันที่ผ่านพ้นไปร่างบางภาวนาต่อดวงจันทร์ในทุกค่ำคืน ขอพรให้เวลาเดินช้าลง แต่เมื่อมองหันกลับมายังความเป็นจริง พรที่ขอไปนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างที่หวัง
เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงวันสุดท้าย ก่อนครบกำหนดหนึ่งอาทิตย์ที่เจียร์ต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่คอนโดหรูใจกลางเมือง
ขณะที่กำลังเก็บของ เสียงแจ้งเตือนแชตก็ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิด ร่างเล็กชะงักก่อนหันไปมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นท่ามกลางห้องที่เงียบ ดวงตาคู่สวยฉายแววความว่างเปล่าราวกับยังไม่พร้อมจะรับรู้อะไรในตอนนี้
แต่สุดท้ายก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมา ปลายนิ้วแตะลงบนหน้าจอที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ก่อนจะค่อยๆ เปิดดูข้อความ หัวใจดวงน้อยพลันวูบไหวเมื่อเห็นชื่อเจ้าของช่องแชตที่เพิ่งส่งมาหลังจากห่างหายไปนานเกือบอาทิตย์
แชต: ล่า
ล่า: เก็บของเสร็จหรือยัง
ดวงตาคู่สวยมองข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ อย่างชั่งใจว่าควรตอบกลับหรือเมินมันไป
เขาหายเพื่อให้เวลาและกลับมาเพื่อพรากอิสระไปจากชีวิตของเธอ
ล่า: ตอนนี้คนของฉันจอดรถรออยู่ด้านหน้าหอพัก รีบไปขึ้นรถได้แล้วอย่าดึงเวลา
เจียร์ถอนหายใจออกมาหลังอ่านประโยคกดดันเหล่านั้น แล้วตัดสินใจตอบกลับในทันที
เจียร์: กำลังถือกระเป๋าลงไปค่ะ
หลังพิมพ์ตอบกลับหน้าจอโทรศัพท์ก็ถูกปิดมืดสนิท ร่างเล็กค่อยๆ ยืนขึ้นเหมือนไร้เรี่ยวแรง เอื้อมมือไปจับกระเป๋า ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งอย่างใจหาย
แม้เป็นแค่ห้องเล็กๆ ราคาถูกแต่คงให้ความสุขได้มากกว่าห้องหรูหราที่เธอกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่
เจียร์กลั้นใจแล้วลากกระเป๋าออกจากห้อง เธอเอากุญแจไปคืนให้กับคุณป้าเจ้าของหอพัก ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้าตึก
ร่างเล็กนั่งอยู่ในรถคันหรูที่กำลังแล่นมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย เธอค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพื่อหลีกหนีจากความเป็นจริง แม้สีหน้าและท่าทางจะสงบนิ่งสองมือกุมบนตัก แต่ภายในใจกลับอัดแน่นไปด้วยอารมณ์หลากหลายที่เกิดจากความทุกข์
ไม่รู้ว่าใช้เวลาเดินทางนานเท่าไร เสียงเครื่องยนต์ของรถที่ดับลงทำให้เจียร์ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมากลับสู่ความเป็นจริง
“ถึงแล้วครับ” ชายคนขับหันมาบอก
“ค่ะ” เธอตอบเพียงสั้นๆ พลางกำมือแน่นชั่วขณะ ก่อนจะปล่อยวางความคิดทั้งหมดแล้วขยับตัวลงจากรถในที่สุด
ชายคนขับช่วยถือกระเป๋าเดินนำเข้าไปในตัวลิฟต์ตัวใหญ่ โดยมีร่างเล็กเดินตามหลัง ทุกครั้งที่ก้าวเดินนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้าและยิ่งช้าลงจนเหมือนจะหยุดนิ่ง เมื่อหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เคยมาเยือนเมื่ออาทิตย์ก่อน
ภายในใจของเจียร์สั่นไหวเพราะรู้ดีว่าหากเปิดประตูบานนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากเดิม บรรยากาศในทุกวันก่อนนอนและตอนตื่นคงอบอวลไปด้วยความทุกข์
“พี่ล่าอยู่ข้างในห้องหรือเปล่าคะ” ระหว่างที่ลังเลเธอหันมาถามกับคนขับรถที่ยืนถือกระเป๋าอยู่ข้างๆ
“ไม่อยู่ครับ เห็นว่าออกไปสนาม”
“ค่ะ” หลังได้ยินคำตอบเจียร์ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหยิบเอาคีย์การ์ดที่ล่าให้ไว้ขึ้นไปแตะบนเครื่องสแกน
เรียวขาก้าวเข้าไปข้างในห้องพร้อมกระเป๋าเดินทาง เจียร์หยุดนิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่กว้างขวาง ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ไม่ไกลจากโซนนั่งเล่น
หลังจากเก็บเอาเสื้อผ้าและของใช้ออกมาจัดเรียงไว้เรียบร้อย เจียร์เดินออกไปสูดอากาศที่ด้านนอกระเบียง ดวงตาคู่สวยมองไปยังเบื้องหน้า ตึกสูงเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นจากที่สูงปะทะใบหน้าทำให้เธอค่อยๆ หลับตาลง
เจียร์กำลังบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้และบอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็งกับความจริงที่ต้องเผชิญ
ดวงตากลมกำลังไล่ดูรูปถ่ายที่อยู่ในอัลบั้ม รอยยิ้มบางๆ เผยออกมาบนมุมปากสวย เมื่อเห็นภาพในวันที่เธอเรียนจบ ความทรงจำนั้นยังชัดเจน ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานล่าเล่นใหญ่ด้วยการซื้อกุหลาบให้หนึ่งพันช่อ พร้อมกับคุกเข่าขอแต่งงานในวันนั้น ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ร่วมแสดงความยินดี เธอยังจำความสุขในวันนั้นได้ รอยยิ้ม คำมั่นสัญญาทั้งน้ำตา ‘พี่จะรักหนูไปชั่วชีวิต’ เวลาผ่านไปปีกว่า ชีวิตหลังแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น และในตอนนี้เจียร์กำลังมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้อง หลังจากเธอเรียนจบได้เพียงหนึ่งเดือน ยังไม่ได้แม้แต่จะไปเที่ยวรอบโลกอย่างที่ล่าให้คำสัญญาเอาไว้เลยด้วยซ้ำที่น่าขำจนเธอยังอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่นึกถึง ก็คือตอนอัลตร้าซาวด์เพศลูก พอรู้ว่าได้ลูกสาว หัวคิ้วของล่าก็ขมวดเข้มทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม ภาพนั้นเธอจำไม่ลืม และอีกความทรงจำที่ยังตราตรึงตอนนั้น ที่ล่ารู้ว่าเธอท้อง เขานั่งคุกเข่าร้องไห้ออกมานานนับชั่วโมงโชคดีที่เธอไม่ได้แพ้ท้องเลย เพราะคนที่แพ้คือล่า เขากินอะไรไม่ได้อยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะยัดอะไรเข้าไปก็อ้วกออกมาทั้งหมด จนผอมซีดไปเลย“เจียร์อยากพาพี่ล่าไปหายายกับพ่อจังเลย
หลายเดือนต่อมา…ร่างสูงในแว่นดำยืนถือดอกไม้ช่อโตไว้ในอ้อมแขนอย่างสะดุดตา ไม่สนใจนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา เนื่องในโอกาสครบรอบ ล่าจึงดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ วันนี้เขามารอตั้งแต่ร่างเล็กยังเรียนไม่เสร็จด้วยซ้ำ เสียงซุบซิบของคนที่เดินผ่านไปมาต่างสงสัยว่าผู้ชายเจ้าของใบหน้าฟ้าประทานคนนี้คือใคร บ้างก็รู้ว่าเขาคือคู่หมั้นของสาวสวยที่เรียนอยู่คณะนี้ แม้จะรู้ว่ามีเจ้าของแต่พวกเธอก็อดส่งสายตาทอดสะพานไม่ได้ ทว่า ล่าที่รักเดียวและแน่วแน่ ไม่แม้แต่จะชายสายตามองหญิงคนไหนเลย ตอนนี้เขากำลังนับเวลารอคนรักอย่างจดจ่อ หลังจากอาจารย์สอนเสร็จ บรรยากาศในคลาสก็พลันคึกคักขึ้น เมื่อเพื่อนร่วมชั้นเริ่มส่งเสียงซุบซิบกันอื้ออึง ไม่นานนัก ไผ่ก็เดินตรงเข้ามาหาเจียร์ ที่เอาแต่ก้มหน้าเก็บของอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว“เจียร์ว่าคนนี้คุ้นๆ ไหม” ไผ่ยื่นโทรศัพท์ไปให้ ร่างเล็กจึงหยุดนิ่งพลางมองบนหน้าจอ มันคือโพสต์ช่องคนดังของเพจมหาวิทยาลัย มักจะอัปโหลดรูปนักศึกษาหน้าตาดี ซึ่งเธอเองก็ถูกถ่ายภาพไปลงนับครั้งไม่ถ้วน แต่วันนี้ต่างออกไป ภาพที่ทางเพจโพสต์ลงนั้นไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี“เหมือนคู่หมั้นเจี
ทริปฮันนีมูน เป็นทริปเล็กๆ สี่คืนห้าวัน ที่จัดขึ้นหลังงานหมั้นจบลง ทั้งสองเลือกไปจังหวัดใกล้กรุงเทพ เพราะไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทางในเวลาสั้นๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจไปเที่ยวที่เขาใหญ่ ในจังหวันครราชสีมาห้องพักเป็นบ้านเดี่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมพื้นที่ที่ถูกจัดสรรอย่างเป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว เปิดประตูเข้าไปจะพบกับห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องนอน และเมื่อเดินผ่านประตูด้านหลังออกไป ก็จะเจอกับสระว่ายน้ำส่วนตัว เบื้องหน้าเผยให้เห็นวิวภูเขาเขียวขจี เรียงซ้อนกันอย่างสวยงาม“บรรยากาศดีขนาดนี้ เรามาปั้มลูกกันเลยไหมหนู”แปะ!! ทันทีที่ร่างสูงเอ่ยคำหยอกล้อออกมาก็ถูกมือเล็กฟาดลงบนท่อนแขนไปหนึ่งที พร้อมถูกจ้องตาดุ แต่โดนขนาดนั้นเขาก็ยังยิ้มสู้ “เดี๋ยวเถอะนะ ทีเมื่อก่อนนะ ยังให้เจียร์ฝังยาคุมอยู่เลย” เธอยกแขนขึ้นกอดอก จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้ตั้งใจจะจริงจัง พอนึกย้อนกลับไปเจียร์เองก็รู้สึกแปลก แต่มันแค่แวบเดียวเท่านั้น ความรักที่เกิดขึ้นมาทำให้เธอไม่หวนไปนึกถึงแล้ว แม้จะหยิบยกมาพูดบ้างบางครั้งก็ตาม“คนที่เคยเลวคนนี้ กลายเป็นหมาน้อยของหนูแล้วนี่ไง”“ไม่รู้สึกแปลกหรอคะ
ในที่สุด วันที่ทั้งสองเฝ้ารอคอยก็มาถึง เจียร์และล่ากำลังแต่งตัวอยู่ภายในห้องสวีทสุดหรูของโรงแรม ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานหมั้น บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นของทั้งสองคน“พี่ขอออกไปสูบบุหรี่ก่อนนะครับ” ร่างสูงเดินตรงมาหาว่าที่คู่หมั้นที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบเบาๆ บนหน้าผากของเธอ ท่ามกลางสายตาของเหล่าช่างแต่งหน้าทั้งห้าคนที่มองภาพนั้นด้วยความอิจฉาและเอ็นดูในวินาทีนี้ คงไม่มีใครไม่อิจฉาวาสนาของเธอ ที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสะใภ้คนกลางแห่งตระกูลทรัพย์หิรัญสกุล ที่ครอบครองทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับไม่ถ้วน“อย่าสูบเยอะนะคะ” เจียร์ไม่เคยห้ามเรื่องที่อีกฝ่ายสูบบุหรี่เลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดเป็นห่วงสุขภาพของเขาไม่ได้“ถ้าหนูมีลูก พี่จะเลิกขาดเลยครับ” ล่ายื่นคำมั่นสัญญา แววตาของเขาไม่เคยโกหกเธอ“อื้อ สัญญาแล้วนะ” เมื่อถามย้ำแล้วแววตาคู่สวยก็เฝ้าคอคำยืนยันอีกครั้ง“ครับ พี่ไม่เคยโกหกหนูอยู่แล้ว”ระหว่างทางขึ้นดาดฟ้า จู่ๆ ร่างสูงก็ต้องหยุดนิ่ง เมื่อเห็นลูกสาวแม่บ้านเดินสวนผ่านหน้าไป เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา คงไม่ได้มองว่ากำลังเดินผ่านใค
เวลาผ่านไปกระทั่งเกือบถึงวันหมั้น ล่าและเจียร์ค่อนข้างยุ่ง เขาต้องรีบเคลียร์งานเพื่อจะไปฮันนีมูนหลังงานหมั้น ส่วนร่างเล็กก็ต้องเคลียร์งานที่มหาวิทยาลัยเอาไว้เช่นเดียวกัน โชคดีที่ไผ่บอกว่าจะคอยเก็บชีทเอาไว้ให้ในระหว่างที่เธอไม่มาเรียน ทำให้หมดห่วง เรื่องฮันนีมูนทั้งสองคุยกันแล้วว่าจะไปแค่สามสี่วัน เพราะมีเวลาไม่มาก เอาไว้ร่างเล็กเรียนจบและแต่งงานเมื่อไร เขาให้คำมั่นสัญญาสัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยวรอบโลก แม้จะฟังดูเกินไปหน่อย แต่เจียร์เชื่อว่าล่าจะทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน แถมเขายังคุยโม้กับพ่อเอาไว้ ว่าให้รออุ้มหลานได้เลย ทั้งที่เหลือเวลาอีกนานนับปีกว่าเธอจะเรียนจบ “พี่อยากแต่งกับหนูเลย เปลี่ยนเป็นงานแต่งดีไหม” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ล่าเอ่ยแบบนั้น พักหลังเขามักพูดเรื่องอยากแต่งงานออกมาบ่อยแทบตลอดเวลา ต้นเหตุมาจากวันที่ได้เห็นเธอในชุดที่จะใส่ในวันหมั้น ตอนนั้นหัวใจของเขาสั่นไหว อยากให้เธอกลายเป็นภรรยา ไม่ใช่แค่เพียงคู่หมั้นอีกต่อไป“แค่หมั้นกะทันหันคุณท่านก็ตกใจแล้ว ถ้าบอกแต่งต้องช็อคแน่เลย”“หืม? ทำไมเรียกท่าน พี่บอกแล้วไงครับว่าให้เรียกพ่อ”“…เจียร์ยังไม่ชิน” ร่างเล็กเม้มริมฝีปากเบาๆ เพราะยัง
@อีกฝากทางฝรั่งเศสล่าขมวดคิ้วแน่น มองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ใจแทบขาดเมื่อนึกถึงเธอที่ไม่ยอมให้โทรหา และแม้เขาจะพยายามโทรไปกี่ครั้งเธอก็ไม่รับ สายตาคมตวัดจากหน้าจอขึ้นไปมองน้องชายตัวดีที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างกันอย่างหงุดหงิด“แผนเหี้ยอะไรของมึง เมียกูงอนแล้วไอ้เวร!!”“อ้าวพี่ชาย มึงทำตามเองนะ จะมาโทษกูได้ยังไง”“แม่ง”“ไฟลท์บินกลับตีสี่ กว่าจะถึงไทยคงเกือบเย็น ใจขาดแน่มึง” คลื่นพูดเย้ย เขาหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าคิดไม่ตกของพี่ชาย ที่เอาแต่ก้มมองจอมือถือสลับกับสูบอัดบุหรี่อย่างคิดมาก“กูจะเลื่อนไฟลท์ รอไม่ได้แล้วไอ้เหี้ย โทรไปไม่รับสายเลย” เพียงแค่เธอไม่ยอมรับสาย ล่าก็ลนลานจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ความกระวนกระวายแผ่ซ่าน จิตใจร้อนรุ่ม ว้าวุ่นจนแทบจะระเบิดออกมา“กูยังไม่จัดกระเป๋าเลยล่า”“เรื่องของมึง กลับทีหลังแล้วกัน”“ควาย! กลับไปดีๆ ก็สิ้นเรื่อง อุตส่าห์เร่งงานเพื่อเธอ เสือกอยากเซอร์ไพรส์ เป็นยังไง สมใจมึงไหม”“แผนมึงไอ้คลื่น”“มึงเชื่อกูเองนะ แค่พิมพ์บอกความจริงไปตอนนี้ก็สิ้นเรื่อง”“โง่! ให้กูบอกตอนนี้กลับไปกูจะได้เข้าห้องหรือไง”“หมา! ติดเมียฉิบหาย สภาพเมื่อก่อนกับตอนนี้น่ะนะ เอาเสื้อเม