บรรยากาศในห้องชวนให้อึดอัด ล่าจ้องมองน้องชายด้วยแววตาเย็นชา คลื่นที่คิดจะยั่วโมโหกลับรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไรในจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา
“ไทเกอร์มันคุมเด็กไม่ไหว มึงช่วยคุมซ้อมหน่อยก็ดี”
“กูบอกแล้วว่าอย่าทำให้ยุ่งยาก เปิดแค่สนามแข่งก็แทบไม่มีเวลาดูยังจะมาตั้งทีม”
พี่ใหญ่ของตระกูลทรัพย์หิรัญสกุลเพิ่งจะตั้งทีมได้ไม่นาน มีนักแข่งในสังกัดที่เพิ่งรับมาใหม่นับสิบคน ปกติจะมีไทเกอร์รุ่นน้องนักแข่งฝีมือดีช่วยเทรนเด็กให้ แต่ช่วงนี้ต้องเรียนแถมยังตัวติดกับเมีย
“มึงแค่สอนทริคดีๆ ไม่ได้ให้ไปขับโชว์ อย่ากั๊กฝีมือสอนน้องมันหน่อย”
“เออเดี๋ยวจะสอนให้ แล้วก็เลิกวุ่นวายกับกู” ล่ารับปากเพื่อตัดความรำคาญที่ถูกน้องชายรบเร้า ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
ระหว่างที่บทสนทนาดำเนินไป บานประตูถูกผลักจนเกิดเสียง ร่างสูงของพี่ใหญ่เดินเข้ามาด้วยท่าทีเคร่งขรึม ก่อนจะหยุดสายตาที่น้องชายคนกลาง พร้อมพูดคำที่ทำให้ล่าหงุดหงิด
“ออกไปดูหน่อยไหม วันนี้เจอามันเอาเด็กในทีมมาลงสนาม” เสียงเรียบๆ ของพี่ชายกระตุกบางอย่างในใจของล่าให้สะดุด เผลอกำมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ต้อนรับมันตั้งแต่เมื่อไร” คิ้วหนายกขึ้นเล็กน้อย พลางหันไปสบตากับพี่ชายด้วยสีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน อารมณ์ของเขากำลังเดือดพล่านขึ้นทีละน้อยหลังได้ยินชื่อนั้น
“มึงยังรวยไม่พอ?”
เจอา ชื่อนี้ทำให้ทุกอย่างในอดีตพุ่งกลับมาในหัว ภาพความพ่ายแพ้ในวันนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำ เขาไม่ควรจะแพ้แต่เจอาใช้วิธีสกปรก
เจอาไม่ได้แค่ชนะการแข่งขัน แต่ครั้งนั้นมันแย่งทุกอย่างไปจากเขา
“เอาน่า กูปฏิเสธมันทุกครั้งตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น แต่วันนี้มันเสนอเงินก้อนใหญ่ยังไงก็จะให้กูเปิดสนามให้ได้ มันเอาเด็กในทีมมาซ้อม”
“อืม” ล่าพ่นลมหายใจออกอย่างแรง พยายามข่มความโกรธไว้ มือที่กำแน่นเริ่มเผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้น
“สนามมีตั้งกี่สิบที่ดูไม่ออกเลยว่าเจาะจง” คลื่นเคาะโต๊ะเป็นนัยๆ พลางชำเรืองตามองท่าทางของพี่ชายคนกลางเป็นระยะ
“อยากรู้ไหมว่ามันมากับใคร” พี่ใหญ่ถาม
คำถามที่ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหนักอึ้ง ล่าหลับตาลงชั่วขณะ สูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่อยากรู้ ไม่ต้องบอก”
“เทีย” ค่ายเอ่ยก่อนจะสังเกตสีหน้าที่เย็นชาของล่า
ร่างหนาบนโซฟาไม่ตอบอะไร เขายังคงนั่งเงียบสายตาทอดมองไปตรงหน้าพลางกำมือแน่น
“ไม่ได้เจอตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน พอเห็นเจียร์แล้วชวนให้คิดถึงพี่สาวของเธอจริงๆ” คลื่นพูดเสริม
“เจียร์?”
“อ่า ของเดิมพันวันนั้น เธอชื่อเจียร์”
“ดูเหมือนเธอจะไม่ได้นิสัยเหมือนพี่สาว ท่าทางซื่อไม่ทันคน ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกหลอกมาเป็นของเดิมพัน” ระหว่างที่ค่ายกับคลื่นพูดคุยกันอยู่ คนบนโซฟายังคงความเงียบ ในตาของเขาว่างเปล่าแต่ภายในใจกลับรู้สึกคับแค้นปะปนความเจ็บปวด
“เธอรู้ไหมว่ามึงเคยเป็นแฟนกับเทีย?”
ล่าหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม หัวใจเขากระตุกวูบ สีหน้ายังเยือกเย็น แต่นิ้วมือที่เคาะลงบนโต๊ะช้า ๆ เผยถึงความไม่แน่ใจ
“ท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรเลย” คลื่นเป็นฝ่ายตอบแทนพี่ชายคนกลางที่ไม่ยอมตอบอะไร
“มึงเองก็เหมือนกัน คบกับเทียตั้งสองปีไม่เคยเจอน้องสาว?”
คำพูดนั้นทำให้ล่าขมวดคิ้วแน่นขึ้น ใช่! ตลอดสองปีที่เขาคบกับเทีย เธอแทบไม่เคยพูดถึงครอบครัวให้ฟังแม้เขาจะเคยขอไปเจอกับคนที่บ้านแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง ที่สำคัญ…เธอไม่เคยบอกว่าตัวเองมีน้องสาวเลยด้วยซ้ำ
ร่างหนาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โดยไม่พูดอะไร ท่าทางเหมือนคนที่พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจปกปิดแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองกับบทสนทนาที่เอ่ยถึงคนในอดีตที่อยากลืม
ล่าเข้ามานั่งในรถเฟอร์รารี่อยู่อย่างนั้นนานเกือบสิบนาที มือหนากำพวงมาลัยแน่นพร้อมสายตาเพ่งมองไปตรงหน้าไร้จุดหมาย หลังจากพ่นลมหายใจร้อนพร้อมสติที่กลับมา เขาขับรถออกไปจากสนามตามถนนไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน
ล้อรถที่หมุนค่อยๆ หยุดนิ่ง ในตาคู่คมมองไปตรงหน้าเป็นหอพักตึกเก่าโทรมที่เขาเคยมาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ล่ากำลังนึกไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงมาที่นี่ ระหว่างนั้นรอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าไร้อารมณ์ ความหนักอึ้งเริ่มผ่อนคลาย
โทรศัพท์เครื่องแพงถูกหยิบขึ้นมา เขาจิ้มเรียวนิ้วลงบนหน้าจอก่อนจะกดโทรออกไปยังเบอร์ ‘ของเดิมพัน’ สัญญาณรอสายดังขึ้นไม่นานก่อนจะถูกกดรับ
“อื้อ ใคร” เสียงงัวเงียจากปลายสายเอ่ยถาม
( ลงมา ฉันจอดรถรออยู่ด้านล่าง )
เกิดความเงียบไปชั่วขณะ เหมือนว่าคนที่อยู่ปลายสายกำลังตกใจ จากนั้นไม่นานก็มีเสียงถามกลับ
“พ…พี่ล่าหรอคะ”
( ฉันไม่ชอบรอใครนานๆ หลังจากวางสายหวังว่าเธอจะมาถึงที่รถภายในห้านาที )
คนเจ้าอารมณ์กดวางสายพลางเพ่งสายตามองเวลาบนหน้าจอมือถือ เพื่อนับถอยหลังดูว่าเธอจะทำตามคำสั่งได้ดีขนาดไหน ก่อนรอยยิ้มมุมปากจะปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นร่างเล็กกำลังเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าที่ยังไม่ตื่นดี
เจียร์ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อเห็นล่ากำลังจ้องมองอยู่อย่างตั้งใจรอ ความเย็นชาที่ถูกส่งผ่านตาคมคู่นั้นทำให้เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มือเล็กกำชายเสื้อชุดนอนตัวบางแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“มาขึ้นฝั่งนี้” เสียงทุ้มของคนในรถออกคำสั่ง ล่ากดปุ่มปิดกระจกแล้วเปิดประตูทางฝั่งคนขับ พลางใช้มือปรับเบาะเลื่อนไปด้านหลังจนสุดเพื่อให้คนตัวเล็กนั่งได้สะดวก
เจียร์ยืนนิ่งด้วยความคิดไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้มาในเวลาดึกดื่นอย่างนี้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยอมลงมาเจอแต่โดยดีเพราะไม่สามารถคาดเดาอารมณ์อีกฝ่ายได้ กลัวว่าหากไม่ลงมาจะถูกตามขึ้นไปถึงบนห้อง
“เจียร์”
เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยเรียกชื่อเพียงสั้นๆ ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจดวงน้อยสั่นรัวก่อนจะรีบปีนขึ้นไปคร่อมบนตักแกร่งตามที่เขาต้องการ
เกิดความเงียบเข้าปกคลุม อุณหภูมิภายในรถเย็นเฉียบ ร่างเล็กบนตักตัวแข็งทื่อเมื่อรู้สึกถึงแรงกดเบาๆ บนสะโพกที่มือหนากำลังลูบไล้ไปมาอย่างเชื่องช้า สัมผัสของล่าทำให้ขนทั้งตัวเจียร์ลุกซู่
“มีอะไรจะคุยกับเจียร์หรอคะ” เสียงของเธอแผ่วเบาแทบเป็นเสียงกระซิบ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองอย่างชั่งใจ
“ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี” สายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวมองร่างเล็กบนตัก พลางกดเสียงต่ำบอกความต้องการเสียงแหบพร่า “ช่วยทำให้มันเย็นลงทีสิ”
ล่ากำลังเอาความโกรธที่มีต่อเทียมาลงกับเจียร์โดยที่เธอไม่รู้เรื่องอะไร…..แต่ต้องมารองรับอารมณ์
เจียร์มองสายตาเจ้าเล่ห์ของคนที่ออกคำสั่งพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกครั้ง เธอนิ่งไปชั่วครู่อย่างใช้ความคิดว่าต้องทำยังไง
“จะนั่งตัวสั่นแบบนี้อีกนานไหม?”
“เจียร์….ต้องทำยังไงคะ”
“จูบฉัน”
ริมฝีปากบางเม้มแน่นกับประโยคที่ชวนให้ร้อนวูบวาบ ก่อนจะค่อยๆ ยกเรียวแขนขึ้นคล้องคำคอหนา เพราะหลังจากเซ็นสัญญานั่นก็หมายความว่าต้องยอมทำตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
ร่างเล็กใบหน้าโน้มลงช้าๆ ในตาคู่สวยราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเหลือระยะห่างเพียงแค่คืบเดียว เจียร์กำลังตัดสินใจอีกครั้งระหว่างความลังเลและความจำเป็น
“เป็นอะไร” เจ้าของตักถามคล้ายไม่พอใจ ในตาของเขาแข็งกร้าวไร้ความอ่อนโยน
“…คือเจียร์”
คิ้วหนาขมวดเข้มจ้องมองคนตัวเล็กที่ไม่ยอมพูดออกมาด้วยสายตาคาดคั้น ก่อนจะใช้มือบีบที่เอวบางแรงๆ เพื่อเรียกสติ
“หยุดทำท่าทางแบบนั้น เธอเป็นสมบัติของฉัน ถึงไม่ใช่วันนี้แต่สุดท้ายก็ต้องนอนอ้าขาให้เอาอยู่ดี”
ล่ายกมือขึ้นปัดไรผมที่ปอยลงมาปิดใบหน้าหวานไปทัดหูให้ร่างเล็กที่ยังคงสั่นเทาบนตัก ก่อนจะพูดข่มขู่เป็นนัยๆ “ความจริงถ้าฉันจะเอาตอนนี้เลย……อืม~”
เสียงที่เต็มไปด้วยความกดดันถูกกลืนหายในลำคอ เมื่อริมฝีปากบางของคนบนตักโน้มลงไปประกบปิดอย่างกะทันหัน ขณะที่หัวคิ้วยังขมวดเข้มเพราะไม่นึกว่าเธอจะมีความกล้าถึงขนาดจู่โจม แม้จะเป็นจูบที่เก้ๆ กังๆ ไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่นั่นกลับทำให้ความหงุดหงิดข้างในใจของล่าลดลง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากลากตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กที่ไม่เป็นงาน เสียงเฉอะแฉะที่เกิดขึ้นจากจูบนั้นดังก้องอยู่ในรถ
เจียร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ลุกล้ำ น้ำสีใสเปรอะเปื้อนอยู่ตรงมุมปาก มือหนาจับกดต้นคอเอาไว้แน่นไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เธอผละหนีไปได้ง่ายๆ
ล่าค่อยๆ สอดมือเข้าไปภายใต้ชุดนอนตัวบางที่เนื้อผ้าย่นเพราะผ่านการซักมาปลายครั้ง บีบเคล้นผิวนุ่มนิ่มบนสะโพกเบาๆ พลางออกแรงบังคับให้คนตัวเล็กขยับเขยื้อนตัวช้าๆ ทำให้เกิดการเสียดสีตรงสุดกึ่งกลางของทั้งคู่
“อื้อ~” เจียร์เริ่มประท้วงในลำคอ กำปั้นเล็กทุบบนแผงอกแกร่งเบาๆ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเพราะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
ล่ากดสะโพกของหญิงบนตักลงหนักๆ ให้ช่วงล่างแนบชิดตรงระหว่างเป้ากางเกงที่มีแท่งเนื้อนูนขึ้น ก่อนจะผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า แล้วซุกใบหน้าตรงซอกคอขาวขบเม้มจนเกิดรอยจางๆ การกระทำนั้นทำให้ร่างเล็กดิ้นพล่าน ในที่สุดเขาก็ยอมผละออกอย่างนึกเสียดาย
ตาคมจ้องมองกลีบปากที่ขึ้นสีช้ำจากการดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ ล่านึกติดใจคนตัวเล็กขึ้นมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เพียงแค่จูบก็ทำให้มีอารมณ์จนอยากฉีกเสื้อผ้าออกเป็นชิ้นๆ แล้วจับเธอกดกระแทกให้จมเตียง
“เธอทำมันตื่น จะรับผิดชอบยังไง?” ไม่พูดเปล่าเขาดันสะโพกขึ้น ให้เธอได้รู้สึกถึงความใหญ่โตผงาดกลางลำตัวที่เรียวขาเล็กคร่อมอยู่
“ขอเวลาอีกนิดได้ไหมคะ เจีย์สัญญาว่าจะเป็นของพี่ล่าอย่างเต็มใจ” คำพูดกดดันทำให้ดวงตาคู่สวยสั่นไหว ตอนนี้เธอยังไม่มีความพร้อมมอบในสิ่งที่เขาต้องการได้
“ฟังให้ชัดนะฉันไม่ชอบรอ ถ้าเธอคิดจะดึงเวลา…ระวังความอดทนของฉันมันจะหมดซะก่อน” ลมหายใจร้อนถูกพ่นออกมากระทบผิวของคนบนตัก ก่อนที่ล่าจะขยับหน้าไปพูดกระซิบใกล้ๆ เสียงเบา “หวังว่าตอนที่นอนอ้าขา…เธอจะเต็มใจอย่างที่ปากพูด”