Romeo Partโรมีโอปรือตาขึ้นช้าๆ หลังจากผ่านศึกหนักบนเตียงใหญ่ สิ่งที่เห็นไม่ใช่คนที่นอนรวมเตียง แต่เป็นความว่างเปล่าที่เย็นชืด ชายหนุ่มผุดตัวลุกนั่งช้าๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ตามเนื้อตัวแขนขาเป็นรอยม่วงช้ำ ผสมปนเปไปกับคราบรักที่พ่นรดร่างกายจนเหนียวเหนอะหนะโรมีโอหันมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงฝืนลากขา พาร่างที่สั่นสะท้านทุกครั้งยามก้าวเดิน ไปจนถึงห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องโพธิ์แดงประตูถูกเปิดออกช้าๆ ทำให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงแม้จะเห็นว่าโรมีโอซวนเซจะล้มลงจนต้องจับกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวก็ตามทีโรมีโอเค้นยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะฝืนพาร่างไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดให้สายน้ำอุ่นร้อนรินรดกาย ความแสบสันแล่นพล่านไปทั่วกายจนชายหนุ่มต้องขบฟันเอาไว้แน่น ปล่อยให้ร่างกายเริ่มคุ้นชิน สายธารอุ่นขับไล่ความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวและคราบคาวขุ่นออกไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะมีไมเคิลอยู่ในห้องน้ำด้วยก็ตามทีจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสิ้น โรมีโอก็ปรายตามองชายที่มีรอยสักรูปมังกรคำรามภายในอ่างน้ำ
เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลงดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุด
Michael Partย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตาแต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”กึก!ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด“โคลด์.....” เจ้าของชื่
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
Romeo Partโรมีโอมองตามหลังคนที่หมุนกายเดินออกจากห้องไปเงียบๆ บนตักของตนมีน้องน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดรัดเขาเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นสูง ลูบแผ่นหลังเล็กบางนั้นแผ่วเบา สลับกับการกอดปลอบและโยกตัวราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ“ฮึก! หนะ หนูเกิดมาจากความผิดพลาดหรอ...... ฮืออออ” เอวาร้องถามมือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือนั้นจับเสื้อสูทของโรมีโอเอาไว้แน่น“ไม่ใช่ค่ะ ตัวเล็กเกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนเป็นพ่อนะ”“ฮึอ ตะ แต่ ฮือออ แต่แม่ไม่ต้องการหนู ฮือออ” เอวาพูดทั้งน้ำตา ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทำให้โรมีโอต้องเอ่ยปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยน“ถ้าแม่ไม่ต้องการ ตัวเล็กจะได้เกิดมาหรอคะ ถึงแม้พ่ออาเธอร์จะช่วยพูดเอาไว้ แต่ถ้าแม่ไม่รักตัวเล็กจริงๆ หนูคงไม่ได้มานั่งอยู่บนตักพี่อย่างนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วจิ้มปลายจมูกแดงก่ำอย่างหยอกล้อ“ตัวเล็กร้องไห้ได้ค่ะ แต่พี่ให้ร้องแค่วันนี้นะ ร้องจนกว่าตัวเล็กจะพอใจเลย หลังจากนั้นยิ้มให้พี่เยอะๆ ยิ้มมากๆ เท่าที่จะมากได้ อย่าให้เป็นพี่ที่เป็นคนพรากรอยยิ้มของตัวเล็กไปเลยนะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นไล้เกลี่ยริมฝีปากบางไป
“ทรงทราบตั้งแต่เมื่อไหร่......” ไมเคิลเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตามองจ้องคนตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหนองค์ราชินีวางแก้วชาลงหลังจากที่ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พร้อมกับทอดถอนพระทัยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทรงตรัสถ้อยคำเอื้อนเอ่ยบอกแก่หลานชายของตน“ตั้งแต่แรก”“.....” องค์ราชินีมองคนเป็นหลานที่มีดวงตาประกายวาวโรจน์เรืองรอง ความคุกรุ่นปรากฏอยู่ภายในดวงตาแจ่มชัด องค์ราชินีมองสบกับดวงตาสองสี อันเป็นเอกลักษณ์ของวงศ์ตระกูลวัลโด้ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำอีกครั้ง ช้าๆ ชัดๆ“ย่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนิโคลัสเสียชีวิตได้ไม่นาน..... หลานคงไม่คิดว่าย่าจะปล่อยให้คนที่สังหารโอรสสวรรค์ได้อยู่อย่างสบายหรอกกระมัง?”“แต่เท่าที่หลานเห็น..... ชายผู้นั้นยังคงมีความสุขดี.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด พูดอย่างอดทน มองจ้องพระองค์เขม็งหลังจากที่ไมเคิลกลับมานอนพักที่บ้านเพื่อเอาแรง แม้จะนอนไปได้ไม่นานนัก แต่ก็พอเรียกให้กำลังวังชากลับคืนฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย ทำให้เขาตั้งใจสะสางงานการที่คั่งค้างอย่างรวดเร็ว แล้วแจ้งข่าวแก่กันนาร์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีความต้องการที่จะเข้าพบองค์ราชินีดังนั้นแล้วหลังจากที่เขาจัดการงานเสร็จสิ้น จึงอาบน้ำแต
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา