ซุยหลันซีจ่ายค่ารถสามล้อ ลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ บนถนนเส้นนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งชายหญิงขี่รถจักรยาน พวกเขายังคงนิยมสวมชุดจงซาน[1]สีน้ำเงิน มีร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง เสียงเรียกคนมาซื้อ ผสมปนเปกับเสียงตะโกนโฆษณาขายสินค้า ผู้คนเดินกันขวักไขว่ เป็นภาพที่ดูแล้วคึกคักมาก
เพียงแค่เธอก้าวเดิน สายตาของคนโดยรอบต่างพากันมองที่เธอเป็นจุดเดียว ที่ปั่นจักรยานก็ปั่นช้าลงพลางหันมอง ที่เดินก็เดินช้าลงถึงกับบิดคอหันไปมอง ราวกับเกิดภาพสโลโมชันขึ้นชั่วขณะหนึ่งในทุกจังหวะที่ก้าวเดินผ่านคนเหล่านั้น
ด้วยรูปร่างและใบหน้าที่งดงาม พร้อมกับท่าทางที่มั่นใจ ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจคนทั้งถนน
ซุยหลันซีพลางคิดในใจ ถนนเส้นนี้ แม้ในอีกสี่สิบปีข้างหน้าก็ยังคงอยู่และยังเป็นแหล่งอนุรักษณ์วัฒนธรรมเก่าแก่ของเมืองนี้อีกด้วย
เธอมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็สะดุดตาเข้าตึกตึกหนึ่ง ด้านหน้าตึกมีคนเดินเข้าออกอยู่เป็นจำนวนมาก ต่างหิ้วถุงพรุงพะรัง บ้างก็มีเด็กมาด้วย แต่ที่ทำให้เธอดีใจมากที่สุด คือการได้เห็นคนเหล่านี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสัน ผู้หญิงสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวหลากหลายสี
สวมรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำแทบจะไม่เจอผู้หญิงสวมกระโปรง แม้กระทั่งกี่เพ้าแบบที่เธอสวมอยู่ก็ไม่เห็นมีใครสวมเลยแม้แต่คนเดียว
ซุยหลันซีเดินตรงเข้าไปในตึก ด้านในถูกแบ่งซอยเป็นร้านค้าย่อยๆ มีขายทั้งเสื้อผ้าสำเร็จรูป และผ้าสำหรับตัดเย็บ
“ผ้าเนื้อดี ราคาถูก เข้ามาดูก่อนได้” เมื่อเดินผ่านร้านหนึ่ง เสียงแม่ค้าเรียกลูกค้าดังขึ้น ซุยหลันซีเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“ผ้าผืนนี้ราคาเท่าไหร่คะ”
“ราคาเมตรละหยวนจ้ะ” แม่ค้าตอบพลางคลี่ผ้าให้ดู
“เนื้อผ้าดี ใส่สบาย ไม่ร้อน”
“ขอเดินดูก่อนนะคะ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ตอนนี้แค่มาดูเอาไว้ก่อนค่ะ”
ซุยหลันซีลูบผ้าเบาๆ ก่อนจะเดินสำรวจร้านอื่นๆ ต่อ เธอพบว่ามีผ้าหลากหลายประเภท ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าลินิน ราคาตั้งแต่หนึ่งหยวนถึงสิบหยวนต่อเมตร ขึ้นอยู่กับคุณภาพและชนิดของผ้า
เธอเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลายร้าน สังเกตเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแบบเรียบๆ ไม่มีลวดลายซับซ้อน แบบของเสื้อผ้าก็ตามที่เคยเรียนมา ราคาเสื้อผ้าสำเร็จรูปเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณสิบหยวน ราคานี้ดูสมเหตุสมผลกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้
“สวัสดีค่ะ ชุดที่คุณใส่สวยจังเลย” เสียงทักของหญิงวัยกลางคนดึงความสนใจของซุยหลันซี
“ขอบคุณค่ะ” ซุยหลันซียิ้มตอบ
“ฉันชื่อเซียวจิ้งหงค่ะ เป็นเจ้าของร้านตัดเย็บและขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่นี่” หญิงวัยกลางคนแนะนำตัว “ชุดแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นในเมืองนี้มาก่อนเลย คุณซื้อมาจากไหนคะ”
“ฉันชื่อซุยหลันซีค่ะ ชุดนี้ซื้อที่ปักกิ่งค่ะ” ซุยหลันซีตอบ
“มาจากเมืองหลวงนี่เอง ถึงดูทันสมัยและสวยงามมาก ยิ่งคนสวย แบบน้องสาวสวมใส่ จึงดูสวยมากจริงๆ”
เซียวจิ้งหงเอ่ยชมดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยถามประโยคต่อมา
“ไม่ทราบว่าน้องสาวสนใจขายชุดนี้ให้ฉันได้ไหม ฉันจะเอามาแกะแบบแล้วตัดขายที่ร้านค่ะ” เซียวจิ้งหงเสนอ กี่เพ้าชุดนี้งดงามมากจริงๆ
ซุยหลันซีคิดสักครู่ก่อนตอบ “ชุดนี้น่าจะไม่ได้ค่ะ แต่ว่าฉันสามารถวาดแบบมาให้ได้ ฉันวาดแบบเป็นค่ะ และคิดค่าออกแบบราคาไม่แพงด้วย ถ้าหากว่าขายดี ต่อไปเราอาจร่วมมือทำการค้ากันได้นะคะ”
ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสแบบนี้ ซุยหลันซีก็ไม่พลาดที่จะคว้าเอาไว้
เซียวจิ้งหงเลิกคิ้ว รีบยิ้มกว้างออกมาทันที “ได้! น้องสาว อย่างนั้นเธอกลับไปวาดแบบแล้วเอามาให้ฉัน ถ้าหากว่าชุดนี้ขายดี ต่อไปเรามาตกลงทำสัญญากัน”
“โอ้ อย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หลังจากเลือกชุดกางเกงแบบที่คิดว่าเหมาะสมกับตนเองที่สุดแล้ว เซียวจิ้งหงพาซุยหลันซีไปที่หลังร้านเพื่อเปลี่ยนชุด
ซุยหลันซีอยากซื้อ เสื้อผ้าแบบที่ตัวเองชอบติดมือไปด้วยสองสามชุด แต่พอมองเงินที่มีอยู่ในมือ เงินเหลืออยู่แค่สี่สิบกว่าหยวน อีกทั้งเงินจำนวนนี้ก็ไม่ใช่ของเธอ แม้เติ้งเว่ยหมิงบอกว่าเงินจำนวนนี้ให้เธอไว้เพื่อใช้จ่าย แต่ก็ยังต้องดูว่ามีอย่างอื่นที่ต้องซื้อใช้ในแต่ละเดือนอีกหรือเปล่า
เอาไว้เดือนหน้าค่อยซื้อก็ได้ ตอนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าตามความชอบของร่างนี้ไปก่อนละกัน
“น้องสาวรูปร่างแบบเธอ ไม่ว่าจะสวมเสื้อผ้าแบบไหน ก็ดูดีทั้งนั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ครั้งหน้าตอนที่เธอเอาแบบมาส่ง เธอชอบชุดไหนเลือกเอาได้เลย ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกัน” เซียวจิ้งหงนอกจากจะเอ่ยชมซุยหลันซีแล้วยังมอบข้อเสนอให้กับเธอด้วย
“ได้ค่ะ อย่างนั้นอีกสองวันฉันจะเอาแบบมาส่งให้นะคะ” ซุยหลันซีตอบพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่หน้าร้าน
“ฉันรอเธอแน่นอนอยู่แล้ว ปกติเสื้อผ้าที่ร้านก็มีแบบฉันตัดเอง กับที่รับเสื้อสำเร็จมาจากโรงงานอีกที อ้อ! จริงด้วยสิ น้องสาวในเมื่อเธอออกแบบชุดเป็น ไม่อย่างนั้นเธอลองออกแบบเสื้อผ้าส่งเข้าประกวดที่โรงงานสิ ตอนนี้โรงงานเฟิงหยุนที่ฉันรับชุดมาขายกำลังจัดประกวดการออกแบบชุดอยู่นะ”
“เถ้าแก่เนี้ยก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”
“แหม น้องสาว ใครๆ ก็รู้เรื่องกันหมดนั่นแหละ โรงงานตัดเย็บเฟิงหยุนเป็นโรงงานชื่อดังของที่นี่ เห็นว่าตอนนี้กำลังขาดแคลนนักออกแบบชุดเพราะคนออกแบบชุดมีน้อยไม่ทันกับกำลังการผลิต” เซียวจิ้งหงลดน้ำเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบพร้อมกับป้องปากพูด
ซุยหลันซีก้มใบหน้าลงเล็กน้อยเนื่องจากเธอมีรูปร่างที่สูงกว่าเซียวจิ้งหงอีกทั้งวันนี้เธอยังสวมรองเท้าส้นสูง จึงยิ่งดูสูงโดดเด่นเป็นที่สะดุดตาของคนที่เดินผ่านไปมาที่หน้าร้าน
“แต่ถ้าเธอมีแบบชุดอยู่บ้างแล้ว จะลองเอามาเสนอขายให้ฉันดูก่อนก็ได้นะ ฉันยินดีรับซื้อ ร้านฉันจะได้เป็นเจ้าแรกที่มีเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ”
“ขอบคุณค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ เอาไว้เจอกันค่ะ” ซุยหลันซีกล่าวอำลาพร้อมรอยยิ้ม
“ได้เลยจ้ะ อย่าลืมเสียล่ะ ฉันจะรอเธอ”
เซียวจิ้งหงกล่าวกำชับอีกครั้งพร้อมกับโบกมือลา
ซุยหลันซีเดินออกจากร้าน เรียกสามล้อมุ่งหน้าไปยังตลาดสดที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน วันนี้เธอตั้งใจจะไปซื้อของสดกลับไปทำกับข้าวรอเติ้งเว่ยหมิงกลับมาจากที่ทำงานเสียหน่อย
ไหนๆ ก็ต้องใช้ชีวิตที่นี่แถมยังมีสามี แม้จะแค่ในนามก็เถอะ เมื่อต้องอาศัยอยู่ด้วยกันแล้ว อย่างนั้นก็มีน้ำใจต่อกันถึงจะดี อย่างน้อยเขาก็ดีกับเธอ ให้เงินเธอไว้ใช้ตั้งห้าสิบหยวนเชียวนะ!
[1] “ชุดจงซาน” หรือ “ชุดเหมา” ตั้งขึ้นตามชื่ออีกชื่อหนึ่งของซุนยัตเซ็น
เวลาบ่ายสองโมง เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นทำให้เติ้งเว่ยหมิงรีบวางผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลงในกะละมังแล้วลุกไปเปิดประตู ปรากฏว่าหลี่ชิงหรง เพื่อนบ้านยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตู“อาหมิง หลันหลันอยู่บ้านไหม พี่มีเรื่องจะมาบอก”“อยู่ครับ แต่ว่าตอนนี้หลันหลันน่าจะไม่สะดวกพบพี่นะครับ” เติ้งเว่ยหมิงแจ้งด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ไม่สะดวกเจอ หลันหลันเป็นอะไรหรือเปล่า”หลี่ชิงหรงถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“เป็นไข้ครับ ผมเลยให้นอนพัก”“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ตอนเช้าพี่มาเคาะประตูรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีใครออกมาเปิด เลยมาอีกทีตอนบ่าย พี่อุตส่าห์เตือนแล้วเชียวว่าอย่าหักโหมทำงานหนัก เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน อาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่เป็นไร รอให้หลันหลันหายดีก่อนก็แล้วกัน ฝากบอกหลันหลันด้วยละกันว่าพี่มาหา” หลี่ชิงหรงบ่นอุบอิบถึงเพื่อนบ้านรุ่นน้องที่เธอก็รักไม่ต่างกับน้องสาวตนเองจริงๆ“ครับแล้วผมจะบอกให้ ถ้าหลันหลันค่อยยังชั่วแล้วจะให้ไปหาพี่ชิงหรงนะครับ”“ได้ งั้นพี่กลับบ้านก่อนละกัน”หลี่ชิงหรงกลับไปแล้ว เติ้งเว่ยหมิงจึงปิดประตูเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทรุดตัว
เช้าวันรุ่งขึ้นซุยหลันซีตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเติ้งเว่ยหมิง หญิงสาวถึงกับเขินอายและทำตัวไม่ถูก เธอรีบลุกออกไปจากเตียงเงียบๆ โดยหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ที่ตกลงว่าจะเป็นสามีแต่เพียงในนามของเธอนั้นตื่นก่อนเธอนานแล้ว แต่เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจระหว่างพวกเขา ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นยังไม่ตื่นซุยหลันซีตบหน้าเรียกสติตนเองอยู่สองสามทีก่อนจะทำหน้าที่ของตนเองเหมือนทุกวันที่ผ่านมา นั่นก็คือทำอาหารและเตรียมของให้เติ้งเว่ยหมิงไปทำงานทั้งคู่นั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่บรรยากาศกลับไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่คิด เติ้งเว่ยหมิงมีรอยยิ้มแต้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา ส่วนซุยหลันซีก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าอย่างเงียบๆหลังจากที่ชายหนุ่มออกไปทำงาน ซุยหลันซีถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเริ่มลงมือทำงานบ้าน ซักผ้าแล้วไปปลุกเด็กชายเล่อเล่อ ล้างหน้าให้เด็กชาย ดูแลให้เด็กน้อยกินอาหารเช้า เสร็จแล้วก็มานั่งทำงานออกแบบลายผ้าเล่อเล่อนั่งเล่นคนเดียวอย่างเงียบๆ เด็กชายชินแล้ว เขาจะไม่เข้าไปกวนเวลาพี่สาวคนสวยทำงาน เพราะแม่ของเขาสั่งมาว่าห้ามกวนพี่สาวคน
ในเย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อย เติ้งเว่ยหมิงช่วยซุยหลันซีเก็บจานล้างทำความสะอาด โดยบอกให้เธอไปอาบน้ำส่วนตัวเขานั่งรออยู่บนเตียง ใบหน้าตึงเครียด คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาหญิงสาวอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ใช้สายตามองชายหนุ่มผ่านทางกระจกบรรยากาศช่างน่าอึดอัดและเงียบจนซุยหลันซีรู้สึกไม่สบายใจจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม“พี่เว่ยหมิง พี่เป็นอะไรไปหรือเปล่า? หรือมีปัญหาอะไรที่ทำงานอีกไหม หรือว่าผู้จัดการจางทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจ?” ซุยหลันซีหยุดมือที่กำลังหวีผม หันหน้ามาทางเขาที่นั่งอยู่บนเตียง ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยเติ้งเว่ยหมิงไม่ตอบ เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหญิงสาวราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าสายตาลุ่มลึกที่มองมาทำให้ซุยหลันซีรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่มก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเติ้งเว่ยหมิงผลักร่างของซุยหลันซี เธอไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปบนเตียงนอนเขาใช้มือข้างหนึ่งจับยึดข้อมือเล็กบางของเธอเอาไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างกดอยู่ที่เอวของเธอ ร่างสูงใหญ่
อี้ชุนคุ้นเคยกับเติ้งเว่ยหมิงเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนรับชายหนุ่มเข้ามาทำงานด้วยตนเองเนื่องจากเติ้งเว่ยหมิงได้มีโอกาสช่วยชีวิตอี้ชุนขณะที่ถูกคนดักปล้น ซึ่งเป็นช่วงที่เติ้งเว่ยหมิงย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ หลังจากช่วยเหลือกันแล้ว อี้ชุนต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่เติ้งเว่ยหมิงปฏิเสธหลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่อี้ชุนก็รู้ว่าเขาจบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์มา แล้วยังเคยเป็นทหารมาก่อน และตอนนี้กำลังหางานทำ จึงชวนเติ้งเว่ยหมิงมาทำงานคุมเครื่องจักรในโรงงานของตัวเอง จึงนับว่าทั้งคู่ค่อนข้างมีความสนิทสนมกันอยู่พอสมควร“ซุยหลันซี ภรรยาของผมครับ หลันหลัน คนนี้คือคุณอี้ชุนเถ้าแก่เจ้าของโรงงาน”เติ้งเว่ยหมิงเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันซุยหลันซีจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนกล่าวทักทาย“สวัสดีค่ะ เถ้าแก่อี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อาหมิงฉันไม่คิดว่านายจะปิดบังเรื่องแต่งงานกับฉัน แต่เธอสวยงามและเหมาะสมกับนายมาก” เถ้าแก่อี้ค้อมหัวเล็กน้อยทักทายเธอกลับ แล้วหันไปพูดกับเติ้งเว่ยหมิง ตัดพ้อเขาเล็กน้อย แล้วเอ่ยชมด้วยความจริงใจซุยหลันซ
ซุยหลันซีมาถึงโรงงานสิ่งทอจินเซิงที่เติ้งเว่ยหมิงทำงานก็เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี โรงงานแห่งนี้มีสวัสดิการอาหารกลางวันให้กับพนักงานทุกคนซุยหลันซีเป็นเพียงคนนอกไม่ได้เป็นพนักงานของโรงงาน เมื่อแจ้งความประสงค์ว่าต้องการขอพบสามีแล้วเธอก็เดินออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารกลางวันรับประทาน เพราะต้องรอให้เติ้งเว่ยหมิงกินข้าวกลางวันเสร็จก่อน เสร็จจากมื้อกลางวันก็เดินกลับเข้าไปที่โรงงานอีกครั้งเธอรออยู่ที่ห้องรับรองของโรงงาน ไม่นานเติ้งเว่ยหมิงก็เดินออกมา“พี่เว่ยหมิงมาแล้วเหรอคะ” ซุยหลันซีลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา“ทำไมคุณถึงมานี่นี่ล่ะ? แล้วที่โรงงานเฟิงหยุนเป็นยังไงบ้าง สำเร็จไหม?”เติ้งเว่ยหมิงรู้ว่าวันนี้เธอไปที่โรงงานตัดเย็บผ้าเฟิงหยุนจึงถามเช่นนี้ แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมเธอถึงมาหาเขาที่โรงงานหรือว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายขนาดนั้น?เติ้งเว่ยหมิงขมวดคิ้วแน่น“พี่เว่ยหมิง ฝีมือระดับฉันแล้วจะพลาดเหรอคะ ว่าแต่พี่พอจะพาฉันไปพบเถ้าแก่โรงงานของพี่ได้ไหม ฉันมีข้อเสนอเรื่องธุรกิจจะมาคุยกับเขาค่ะ” ซุยหลันซียืดอกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียง
“คุณซุย ฉันยอมรับว่าชุดที่คุณออกแบบมามันน่าทึ่งมาก คุณสามารถออกแบบชุดเพื่อมาจัดการกับผ้าที่ผลิตผิดพลาดได้ดี ฉันต้องยอมรับในความสามารถของคุณจริงๆ ตั้งแต่ฉันเปิดรับสมัครมาเป็นเวลาสามเดือน มีแบบของคุณซุยนี่แหละที่เข้าตาฉันมากที่สุด” หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณนะคะที่ชอบชุดของฉัน อันที่จริงที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะต้องการความร่วมมือของคุณค่ะ ฉันใช้ผ้าที่เหลือมาตัดชุดที่ฉันออกแบบ นอกจากชุดที่ฉันตัดมาเป็นตัวอย่างในวันนี้แล้ว ฉันว่าจะออกแบบอีกสักสองสามชุด มีชุดให้ลูกค้าเลือกหลายๆ แบบจะขายได้ง่ายกว่า ร้านค้าส่งที่เป็นคู่ค้าของโรงงานเฟิงหยุนสามารถช่วยขายชุดได้ ฉันเชื่อว่าต้องมีใบสั่งซื้อเพิ่มอีกแน่นอน” ซุยหลันซีโน้มน้าวเถ้าแก่เนี้ยอย่างสุดกำลัง เพราะอยากช่วยแก้ปัญหาให้กับเติ้งเว่ยหมิง นอกจากนี้อาจทำกำไรได้อีกนิดหน่อย“โรงงานเฟิงหยุนยินดีที่จะทำตามที่คุณซุยนำเสนอ แต่ว่าเฟิงหยุนของฉันจะได้อะไรบ้างคะ?” หวงเสี่ยวเหมยแสดงความยินดีที่จะทำตามข้อเสนอของซุยหลันซี แต่ก็ยังคงต่อรองถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ สมกับเป็นเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของโรงงานผู้มากประสบการณ์ ที่ไม่เคยเก็บงำเขี้