Share

ตอนที่ 9 วิกฤตของเติ้งเว่ยหมิง

last update Last Updated: 2025-09-08 13:30:03

ชีวิตประจำวันของซุยหลันซีกับเติ้งเว่ยหมิงก็เป็นไปตามปกติ เติ้งเว่ยหมิงออกไปทำงานทุกวัน ส่วนซุยหลันซีก็หัดทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า และยังดูแลเล่อเล่อในตอนกลางวัน ระหว่างที่เด็กชายนอนพักกลางวัน เธอก็เอางานออกแบบชุดมาทำไปเรื่อยๆ จนวันนี้แบบที่วาดก็สำเร็จ

“หลันหลัน มันสวยมาก พี่ไม่เคยเห็นชุดอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะ” เมื่อหลี่ชิงหรงกลับมาจากทำงานแล้วมารับลูกชายเพื่อกลับบ้าน ซุยหลันซีจึงถือโอกาสเอาแบบที่เธอวาดเสร็จแล้วออกมาให้กับหลี่ชิงหรงดู

“เพิ่งวาดเสร็จบ่ายนี้เองค่ะ กะว่าจะลงสีอีกสักเล็กน้อยก็พร้อมจะเอาไปส่งที่โรงงานได้เลย” ซุยหลันซียิ้มรับคำชม

“ดีๆ อย่างนั้นวันพรุ่งนี้ไปกับพี่ ดีไหม?”

หลี่ชิงหรงเสนอตัวด้วยความยินดี อย่างไรเธอก็ทำงานที่โรงงานนี้อยู่แล้ว

“ขอบคุณค่ะพี่ชิงหรง วันพรุ่งนี้ฉันต้องรบกวนพี่แล้วนะคะ”

หลังจากนั้นหลี่ชิงหรงก็พาลูกชายกลับบ้าน ซุยหลันซีเดินเข้าครัวลงมือทำอาหารไว้รอเติ้งเว่ยหมิงกลับมาจากทำงาน

เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่ซุยหลันซีทำกับข้าวเสร็จชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า คิ้วหนาเข้มขมวดเป็นปมอยู่ตลอดเวลา เติ้งเว่ยหมิงเอ่ยทักทายภรรยาสองสามคำแล้วขอตัวไปอาบน้ำ กลับเข้ามาอีกทีบนโต๊ะก็มีอาหารจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามซุยหลันซี หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นมองชายหนุ่ม เม้มปากอย่างไม่แน่ใจ เพราะดูท่าทางของเติ้งเว่ยหมิงไม่เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา วันนี้เขาเงียบผิดปกติ

“พี่เว่ยหมิง พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้พี่เงียบผิดปกติ หรือว่าอาหารที่ฉันทำไม่อร่อย?” ซุยหลันซีหยุดการกินอาหารค่ำ เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

เติ้งเว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา เขาวางตะเกียบลง ทั้งที่ไม่ได้แตะอาหารเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ที่ทำงานมีปัญหานิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

ตั้งแต่พฤติกรรมของซุยหลันซีเปลี่ยนแปลงไป ราวกับเป็นคนละคน แม้จะยังสงสัยว่าเธอแกล้งทำหรือเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ กันแน่ แต่ก็ทำให้เติ้งเว่ยหมิงไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเธออีกต่อไป เขารู้สึกว่าเป็นแบบนี้นับว่าดีอยู่ไม่น้อย ความสดใสและรอยยิ้มของหญิงสาวทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดที่นุ่มนวล ได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ ยามที่เธอพูด

“ได้ยังไงค่ะ ถ้ามันเล็กน้อยแล้วพี่จะมานั่งทุกข์ใจจนกินไม่ได้แบบนี้เหรอคะ? พี่เว่ยหมิง เราแต่งงานกันแล้ว ถึงแม้ว่าจะแค่ในนาม แต่ตอนนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน มีเรื่องอะไรพี่ก็ต้องบอกกับฉัน ฉันเป็นภรรยาของพี่นะ”

ซุยหลันซียื่นมือนุ่มนิ่มของเธอไปจับมือของเติ้งเว่ยหมิง มองสบตาเขาด้วยความเป็นห่วงอย่างแท้จริง เติ้งเว่ยหมิงสัมผัสได้กับความจริงใจนั้นจึงถอนหายใจอีกครั้ง

“ผ้าที่ผลิตมารอบนี้สีมันเพี้ยน ลูกค้ายกเลิกใบสั่งซื้อ หัวหน้าบังคับให้พี่ต้องชดใช้ให้กับโรงงาน เพราะวันนั้นเป็นเวรของพี่ที่ต้องคุมเครื่องจักร แต่พี่สาบานได้ว่าพี่ทำตามตารางแม่สีที่อยู่ในเอกสารสั่งงานทั้งหมด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นสีอ่อนไปได้ยังไง”

“นี่เป็นสาเหตุที่สองสามวันมานี้พี่ดูเครียดๆ ใช่ไหมคะ ผ้าผลิตรอบหนึ่งกี่เมตรเหรอคะ แล้วเสียหายไปเท่าไหร่ ตีเป็นเงินเท่าไหร่คะ?” ซุยหลันซีถามออกมาเป็นชุด พอได้ยินว่าสามีต้องชดใช้จึงเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว

“ผ้ารอบหนึ่งผลิตครั้งละหนึ่งพันเมตร ถ้าเป็นผ้าฝ้ายพิมพ์ลายธรรมดาราคาต้นทุนไม่เกินเมตรละหยวน แต่เพราะรอบนี้เป็นผ้าไหมราคาจึงตกอยู่ที่เมตรละสี่หยวน ผมต้องชดใช้เงินเป็นจำนวนทั้งหมดสี่พันหยวน แต่เถ้าแก่บอกว่า เห็นแก่ผมที่ทำงานมานานแล้ว และไม่เคยทำผ้าเสียสักครั้ง เถ้าแก่จึงจะไม่เอาเรื่องถ้าผมสามารถขายผ้ารอบนี้ได้หมด” เขาอธิบายพร้อมกับถอนหายใจ รู้สึกอึดอัดใจเมื่อคิดว่าจะต้องขายผ้าล็อตนี้ให้หมด

ซุยหลันซีได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น “เยอะถึงขนาดนั้น ถ้าเมื่อก่อนที่คุณพ่อยังไม่เกิดปัญหา เงินแค่นี้พวกเราชดใช้ได้สบาย แต่ว่าตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันมีเงินแค่ห้าร้อยหยวนเท่านั้นเอง”

“ตอนนี้ผมก็กำลังหาทางติดต่อโรงงานตัดเย็บในเมืองอยู่ แต่ว่าผ้ามันสีเพี้ยนไปแล้ว จึงไม่ค่อยมีโรงงานไหนสนใจ”

“พี่เว่ยหมิงพรุ่งนี้พี่เอาตัวอย่างผ้ามาให้ฉันสักยี่สิบเมตรได้ไหมคะ? ฉันคิดว่าในเมื่อไม่มีใครซื้อ เราลองเอามาตัดเย็บเป็นชุดสำเร็จขายดีไหม”

ซุยหลันซีลุกจากเก้าอี้เดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบกระดาษแบบที่เธอเพิ่งวาดเสร็จส่งให้กับเติ้งเหวยหมิงดู

“พี่ดูนี่สิค่ะ ฉันออกแบบเสร็จบ่ายนี้เอง พี่ชิงหรงยังบอกว่ามันสวยมาก ตอนแรกฉันว่าจะเอาไปเสนอที่โรงงานเฟิงหยุนค่ะ”

ชายหนุ่มรับเอากระดาษมาดู ปรากฏว่าแบบวาดบนกระดาษมีความสวยงามและแตกต่างจากที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก แบบที่ซุยหลันซีวาดเต็มไปด้วยรายละเอียดของลายผ้าที่น่าจะเป็นลายปักมากกว่าพิมพ์ลายอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากพิจารณาแบบแล้วก็สังเกตเห็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้น เติ้งเว่ยหมิงตาสว่างวาบ “ลวดลายของผ้านี่คล้ายกับลายของผ้าที่ผมทำสีเพี้ยนเลยนะ”

“ยังไงนะคะ?”

“แบบที่คุณวาดเป็นรูปดอกไม้มีขนาดใหญ่กว่า แต่ละดอกอยู่ห่างกันไปหน่อย ส่วนผ้าที่มีปัญหาขนาดลายดอกจะเล็กกว่าและอยู่ชิดติดกัน” เติ้งเว่ยหมิงอธิบายพร้อมกับชี้มือไปยังจุดต่างๆ ในแบบ

“อย่างนั้นยิ่งดีเลยค่ะ ถ้าผ้าของพี่มีลวดลายใกล้เคียงกับแบบที่ฉันวาด ฉันว่าเราอาจจะหาทางแก้ไขได้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่อย่าลืมเอาตัวอย่างผ้ามาให้ฉันนะคะ ตอนนี้พี่ก็กินข้าวเถอะค่ะ” ซุยหลันซีไม่ลืมที่จะคะยั้นคะยอให้สามีกินมื้อเย็น เติ้งเว่ยหมิงเมื่อเห็นว่าเขาอาจจะมีหนทางแก้ไขปัญหาได้ใบหน้าก็ผ่อนคลายลง จึงได้ลงมือกินข้าวอีกครั้ง

คืนนั้นหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็เข้านอนกันตามปกติ

ซุยหลันซีหลับสนิท ตกดึก ลมฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศเย็นลงเล็กน้อย เธอขยับตัวซุกหาความอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว เติ้งเว่ยหมิงตัวแข็งทื่อเมื่อหญิงสาววาดแขนโอบกอดเขาเอาไว้ทั้งคืน ชายหนุ่มนอนตัวเกร็ง กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ใกล้เช้าของอีกวันไปแล้ว

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้ารู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ผิดกับคนต้นเหตุที่นอนหลับสบายแถมยังฝันดีอีกด้วย

* * *

“พี่ชิงหรงวันนี้ฉันยังไปกับพี่ไม่ได้ค่ะ เมื่อวานที่โรงงานของพี่เว่ยหมิงเกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันกำลังหาทางช่วยเขาอยู่” ทันทีที่เปิดประตู เมื่อเห็นหลี่ชิงหรงมาเคาะประตูเรียกเพื่อไปโรงงานเฟิงหยุนด้วยกันตามที่นัดไว้ ซุยหลันซีก็รีบบอกอีกฝ่ายทันที

“เกิดเรื่องที่โรงงานของอาหมิง? ร้ายแรงหรือเปล่า?” หลี่ชิงหรงได้ยินก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็ร้ายแรงอยู่ค่ะ แต่ว่าพวกเราอาจจะหาทางแก้ไขปัญหาได้ วันนี้พี่ทำงานเสร็จแล้ว รีบกลับบ้านหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากจะปรึกษาพี่สักหน่อยค่ะ” ซุยหลันซีถามแกมขอร้อง

“ได้สิ เอาไว้เจอกันเย็นนี้” หลี่ชิงหรงเอ่ยปากรับคำแล้วขอตัวไปทำงาน ปกติแล้วเล่อเล่อจะนอนอยู่ในบ้านหลังจากที่หลี่ชิงหรงไปทำงาน ซุยหลันซีจะมีกุญแจบ้านที่มารดาของเด็กชายให้ไว้สำหรับเปิดเข้าไปในบ้านอีกชุดหนึ่ง วันนี้ซุยหลันซีจึงไม่ได้ดูแลเด็กชาย เนื่องจากหลี่ชิงหรงรู้ว่าซุยหลันซีต้องไปส่งแบบที่โรงงานเฟิงหยุนด้วยกัน เธอจึงได้นำลูกชายไปฝากป้าหวังไว้แล้ว

ทุกวันเมื่อเติ้งเว่ยหมิงไปทำงานแล้วเธอก็จะไปเรียกเด็กชายให้มากินมื้อเช้าด้วยกัน

ซุยหลันซีปิดประตูเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก็เห็นว่าเติ้งเว่ยหมิงกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวจะไปทำงาน ซุยหลันซีไม่ลืมที่จะเอ่ยย้ำอีกครั้ง

“พี่เว่ยหมิง เย็นนี้อย่าลืมตัวอย่างผ้านะคะ”

“อือ ผมจะไม่ลืม ผมไปทำงานก่อน...”

ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋า เปิดประตูแล้วออกจากบ้านไป

ซุยหลันซีเมื่ออยู่บ้านคนเดียวก็เริ่มทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า หลังจากนั้นก็มานั่งวาดแบบสำหรับโรงงานสิ่งทอ เป็นลวดลายผ้าต่างๆ เธอจำได้ว่ายุคนี้ลายผ้าและแบบยังไม่หลากหลาย ส่วนมากก็ยังเน้นผ้าสีพื้นโทนเข้มอยู่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 7 ซุยหลันซีปี 2025

    เสียงเครื่องช่วยหายใจดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลกลางเมืองปักกิ่ง ซุยหลันซีในชุดคนไข้นอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าไร้สีเลือด แต่ยังคงความงดงามแฝงด้วยความสงบ ห้องที่เธอนอนอยู่ดูอบอุ่นกว่าห้องพักฟื้นทั่วไป ข้างเตียงมีกระถางดอกลิลลี่สีขาววางไว้ เติมความสดชื่นให้กับบรรยากาศ“นี่ฉัน...กลับมาที่ยุคของฉันแล้วใช่ไหม?”เธอถามตัวเอง หลังจากที่ยืนมองร่างของตนเองที่นอนอยู่บนเตียงจากนั้น ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นหน้าห้องพักฟื้น เสียงนี้คุ้นเคยจนเธอรู้สึกอบอุ่น เพ่ยเพ่ยเดินเข้ามาเป็นคนแรก ตามด้วยลี่ลี่และเหอจิ้ง พวกเขาต่างถือถุงใส่อาหารและเครื่องดื่มมาด้วย สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี“หลันหลัน! เธอต้องภูมิใจแน่ๆ”เพ่ยเพ่ยวางถุงไว้ที่โต๊ะข้างเตียง พร้อมกับจับมือขวาของซุยหลันซีขึ้นมาจับไว้ “คอมมิคของพวกเราผ่านการพิจารณาแล้วนะ! สำนักพิมพ์ใหญ่เซ็นสัญญาแล้วด้วย”ลี่ลี่หัวเราะเบาๆ “ใช่แล้ว จะขี้เซานอนไปถึงเมื่อไหร่ ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นดีใจ ฉลองกับพวกเราดีกว่าไหม”เหอจิ้งที่มักพูดน้อยที่สุดในกลุ่ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเราส

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 6 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 4

    ในงานเลี้ยงหลังการแสดงแบบ ซุยหลันซีกำลังจิบน้ำชาอย่างสงบ ด้วยเธอยังให้นมลูกอยู่จึงไม่สะดวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สายตากวาดมองผู้คนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส เสียงหัวเราะ เสียงแก้วกระทบกันดังแว่วมาเป็นระยะ“คุณซุย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักขึ้นเป็นภาษาจีนกลางที่มีสำเนียงกวางตุ้งแทรกซุยหลันซีหันไปพบกับชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาเข้ม รูปร่างท้วมภูมิฐาน เขายิ้มอย่างมีไมตรีก่อนแนะนำตัว“ผมหว่องไห่เฉิง จากห้างสรรพสินค้าไท่ผิงหยางในฮ่องกงครับ” เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย “ชุดที่คุณออกแบบ...น่าสนใจมากทีเดียว”เติ้งเว่ยหมิงที่ยืนอยู่ข้างภรรยา สังเกตเห็นประกายในดวงตาของนักธุรกิจผู้นี้ นั่นคือสายตาของคนที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ“ขอบคุณมากค่ะ” ซุยหลันซีตอบอย่างถ่อมตน พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“ทราบมาว่าคุณเพิ่งเริ่มออกแบบได้ไม่นาน” หว่องไห่เฉิงเอ่ยต่อ สายตาประเมินอย่างแยบยล “แต่ลายเส้นของคุณ...มันมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ”“คุณชมเกินไปแล้วค่ะ” ซุยหลันซียิ้มบาง “ฉันแค่พยายามผสมผสานความงามแบบดั้งเดิมเข้ากับรสนิยมร่วมสมัย”“นั่นสิ” หว่องไห่เฉิงพยักหน้าอย่างเห็

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 5 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 3

    ในเวลาตอนเย็นที่เป็นการแสดงที่แท้จริง ทุกคนจากคณะของประเทศจีนก็มาเตรียมตัวในส่วนที่ทางเจ้าภาพจัดให้ไว้ ไมเคิลมาประกบคณะจากโรงงานเฟิ่งหยุนตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วที่ห้องเตรียมตัวชั้นล่างของโรงแรม ซึ่งเป็นห้องที่มีการจัดงาน เทศกาลแฟชั่นและวัฒนธรรมนานาชาติฮ่องกง ปี 1986 ซุยหลันซียืนจ้องชุด ‘กำเนิดหงส์ทอง’ ที่แขวนอยู่บนราวด้วยสายตาพิถีพิถัน ผ้าไหมสีม่วงอมน้ำเงินเข้มเป็นประกายระยับใต้แสงไฟ ลายปักนกหงส์ทองและดอกโบตั๋นที่ปักด้วยด้ายเงินดูมีชีวิตชีวา“พี่หลันหลัน” เสี่ยวน่าที่เพิ่งแต่งหน้าเสร็จเดินเข้ามาหา “พี่คิดว่าชุดนี้จะได้รับความสนใจจากนักธุรกิจฮ่องกงไหมคะ”“แน่นอนสิจ๊ะ” ซุยหลันซียิ้มให้กำลังใจ“เธอสวยมากวันนี้ เสี่ยวจูแต่งหน้าให้เข้ากับชุดได้ดีทีเดียว”เสี่ยวจูที่ยืนจัดอุปกรณ์แต่งหน้าอยู่ข้างๆ ยิ้มด้วยความภูมิใจ “ฉันตั้งใจมากเลยนะคะ วันนี้ต้องให้เสี่ยวน่าสวยที่สุด”หวงเสี่ยวเหมยเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง “นี่ลำดับการเดินแบบ เราเป็นลำดับที่สาม ต่อจากร้านเสื้อดังของฮ่องกง”ซุยหลันซีพยักหน้า มือเธอสัมผัสผ้าไหมของชุดอีกครั้ง นึกถึงคำพู

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 4 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 2

    รุ่งขึ้นหลังจากที่กินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ไมเคิลก็มาพาคณะของประเทศจีนไปเยี่ยมชมสถานที่เป็นแลนด์มาร์กของฮ่องกง ซึ่งก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนของโรงงานเฟิงหยุนนั่นเองฟ้าใสไร้เมฆในยามสายทำให้การเริ่มต้นทัวร์ฮ่องกงของพวกเขาเป็นไปอย่างสดใส ไมเคิลวางแผนเส้นทางอย่างละเอียด เริ่มจากพีคแทรมที่พาทุกคนขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขาวิกตอเรีย“นี่คือพีคแทรม รถรางที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 1888” ไมเคิลอธิบายขณะที่พวกเขานั่งอยู่ในรถรางไม้เก่าแก่ที่กำลังไต่ระดับขึ้นไปบนเขาวิกตอเรีย เสียงล้อเหล็กครูดกับรางดังเป็นจังหวะซุยหลันซีนั่งข้างหน้าต่างบานเล็ก มือข้างหนึ่งโอบอุ้มซุยอวี้เซียนที่กำลังงอแง เด็กน้อยคงไม่คุ้นชินกับการเดินทางแบบนี้ ส่วนเติ้งเจียหาวนั่งบนตักของเติ้งเว่ยหมิง มือน้อยๆ เกาะขอบหน้าต่างแน่น ทุกครั้งที่รถรางสั่นไหว“พี่เสี่ยวเหมยคะ ดูตึกพวกนั้นสิ” เสี่ยวจูชี้ไปยังอาคารสูงสิบกว่าชั้นที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมอ่าว ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นหวงเสี่ยวเหมยมองตามนิ้วชี้ของเสี่ยวจู ใบหน้าเผยความประหลาดใจไม่ต่างกัน “ฮ่องกงช่างแตกต่างจากกว่างโจวจริ

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 3 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 1-2

    ซุยหลันซีเดินทางมาถึงวันจัดงานก่อนล่วงหน้าถึงสามวัน เนื่องจากว่าเธอเดินทางกับเด็กเล็กจึงต้องการให้มีเวลาได้พักผ่อนไมเคิล เป็นคนที่มีความสามารถพูดได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีนกลาง ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนกวางตุ้ง ซึ่งเป็นภาษาหลักของคนพื้นเมืองของฮ่องกง แต่ภาษาทางการคือภาษาอังกฤษเนื่องจากฮ่องกงยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรนั่นเอง ในการสื่อสาร ไมเคิลใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสารจากคณะที่มาจากประเทศจีนด้วยการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพของไมเคิล ทำให้ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น คณะของพวกเขาได้รับสิทธิพิเศษในการผ่านช่องทางสำหรับแขกของรัฐบาล“โรงแรมที่พวกเราจะเข้าพักคือ เดอะซาเลสเบอรี วายเอ็มซีเอ ตั้งอยู่ในย่านจิมซาจุ่ยครับ” ไมเคิลอธิบายขณะนำทางทุกคนขึ้นรถบัสปรับอากาศ“เป็นโรงแรมระดับสี่ดาวที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง พวกคุณจะได้เห็นอ่าววิกตอเรียและเส้นขอบฟ้าของเกาะฮ่องกงได้อย่างชัดเจนจากห้องพัก”หวงเสี่ยวเหมยกระซิบกับซุยหลันซี “โชคดีจริงๆ ที่ได้ท่านนายพลกุ้ยช่วย ถึงได้พักโรงแรมระดับนี้ในราคาถูก”ซุยหลันซีพยักห

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 3 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 1-1

    หนึ่งวันก่อนการเดินทางไปฮ่องกง ที่โรงงานเฟิงหยุน มีการประชุมกันเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้ง“ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม?”เสียงใสของหวงเสี่ยวเหมยดังขึ้นในห้องประชุมของโรงงานเฟิงหยุน หญิงสาวกำลังตรวจรายการเอกสารและสัมภาระครั้งสุดท้ายก่อนการเดินทางไกลไปถึงต่างประเทศซุยหลันซีพยักหน้า พลางก้มมองแฟ้มเอกสารตรงหน้า ภายในบรรจุแบบเสื้อที่เธอทุ่มเทออกแบบจนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ชุด ‘กำเนิดหงส์ทอง’ จะได้ร่วมแสดงในงานเดินแบบที่ฮ่องกง งานนี้จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษภายใต้โครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงวันเวลาจากหกเดือนมาเป็นหนึ่งปี“นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญของพวกเรา” หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง“งานนี้จะมีนักธุรกิจจากฮ่องกงมาร่วมงานมากมาย ถ้าพวกเขาสนใจในแบบของเรา... ดังนั้นขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานออกมาให้อย่างเต็มที่”ซุยหลันซีนักออกแบบ เสี่ยวน่านางแบบและเสี่ยวจูช่างแต่งหน้าที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะต่างพยักหน้ารับ พวกเธอจะร่วมเดินทางไปในฐานะผู้ช่วย&nbs

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status