~Chapter 4 ~
“…” ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าหากว่าตั้งแต่เกิดมาฉันไม่มีเหนือในหัวใจตั้งแต่แรกฉันก็คงไม่รู้สึกว่างเปล่าได้ขนาดนี้ เพราะว่ามันเหมือนกับว่าฉันได้ใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งกับเขา
“อึก…” ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามที่จะส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้ใบหน้ารู้สึกร้อนเกินไป ไม่งั้นน้ำตาคงไหลแน่ ๆ
ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมแม้นว่าเฌอรีนจะเดินออกไปไกลแล้ว และตอนนี้ก็มีคนกำลังเดินผ่านฉันไปมาด้วยความเร่งรีบเพื่อเข้าคลาสในภาคบ่าย จริงอย่างที่เฌอรีนพูดฉันไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเธอหรือห้ามเหนือ มันต้องเป็นฉันเองในฐานะแฟนเก่าที่ควรจัดการความรู้สึกตัวเอง
พรึ่บ!
“ยัยโง่…”
“ฮืออ~” เสียงทุ้มลึกของวาโยทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ฉันไม่รู้ว่าวาโยมาตอนไหนแต่พอมาถึงเขาก็รั้งศีรษะฉันเข้าซบที่แผงอกแกร่ง คงเป็นเพราะว่าน้ำตาของฉันที่มันไหลออกมาแน่ ๆ มันก็เลยทำให้วาโยทำแบบนี้
“น้ำมูกมึงเปื้อนเสื้อกาวน์กูว่ะพาย” ฉันยังคงสะอื้นไห้ แม้ว่าคำพูดของวาโยจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมา
“ฮึก…”
“จะเข้าไหมแล็บ กูพาไปเที่ยว” นานพอสมควรกว่าที่เสียงวาโยจะดังขึ้น ฉันก็เลยค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างจากวาโย พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะมองคนตัวสูง คำถามของวาโยคงต้องการให้ฉันตอบว่าไม่เข้าแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้วเขาอยากโดดแล็บบ่าย
“โย เหมือนเหนือจะคบกับเฌอรีนเลย” ฉันไม่ตอบวาโย แต่ถามเรื่องที่ฉันอยากรู้ ซึ่งวาโยมองสบสายตากับฉันก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมา
“มันไม่คบหรอก”
“โยว่างั้นเหรอ” ฉันไม่รู้ว่าที่วาโยพูดแบบนี้คงอยากให้ฉันยิ้มได้มั้ง เพราะตอนนี้ฉันก็เริ่มคลายความกังวลลงบ้างแล้ว
“มึงแดกข้าวยัง วันนี้มึงลืมทำกับข้าวให้กูพาย”
“ก็เมื่อเช้าเกิดเรื่อง พายเลยไม่ได้ทำ วาโยไปกินข้าวก่อนไหม”
“มึงดูเวลาด้วย” พอได้ยินแบบนี้ฉันก็ก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ก่อนจะพบว่าอีกห้านาทีฉันต้องเข้าแล็บ
“ไอ้ห่าเหนือล่ะ”
“ไม่รู้ พายว่าเรารีบไปกันเถอะ”
“มึงไปก่อนเลย กูหาไรแดกก่อน”
“โย แล็บอาจารย์ไม่ให้เข้าสายนะ”
“กลัวไร เลทได้สิบห้านาทีกูต้องใช้โควต้าให้ครบ”
“ทำแบบนั้น ฝนจะบ่นนะ”
“บ่นได้ก็เปลี่ยนคู่แล็บไม่ได้หรอก กูขอทำใจแป๊บ” ฉันอมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น วาโยน่ะชอบทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าปลายฝน คงลีลาเข้าแล็บเพราะเหตุผลนี้
“งั้น เดี๋ยวพายไปก่อนนะ”
“อืม…อ่ะ กูให้” ฉันยื่นมือไปเอาแซนด์วิชที่วาโยยื่นมาให้ก่อนที่ฉันจะยิ้มให้วาโย แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น แต่แล้ว
กึก!
“เหนือ…”
“หึ” ฉันไม่รู้ว่าเหนือยืนอยู่ข้างหลังฉันนานแค่ไหนแล้ว แต่ที่แน่ ๆ วาโยต้องเห็น แล้วเขาจะถามหาน้ำเหนือทำไมตั้งแต่แรก
“บุ้ง! ” วาโยทำเสียงออกมาจากริมฝีปากหนาเหมือนได้ทำอะไรสนุก ๆ ก่อนที่เขาจะยกลำแขนแกร่งขึ้นพาดไหล่ฉัน
“มันหึง” เสียงของวาโยดังขึ้นที่ใบหูของฉัน ก่อนที่ฉันจะจับลำแขนของวาโยยกออกจากไหล่ของฉัน
“เหนือ…”
“มาช้าแล้วยังจะเข้าสายอีกนะมึง”
“หึ” วาโยยักไหล่ขึ้นก่อนที่เขาจะเดินไปหาน้ำเหนือ ฉันมองร่างสูงสองคนที่กำลังเดินเข้าไปในโรงอาหาร ซึ่งมันทำให้ฉันพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปาก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะใจเต้นแรงกับคำพูดของวาโยทำไม เพราะท่าทางของเหนือมันไม่ได้แสดงออกว่าเขาหึงหวงฉันเหมือนแต่ก่อนแล้ว พอคิดแบบนี้แล้ว เจ็บชะมัด…
-น้ำเหนือ-
“_”
“อ่า…อย่าบอกนะว่ามึงหึงพายจริง ๆ แกร่งหน่อยไอ้เสือ” เสียงของไอ้ห่านี่ทำให้ผมอยากเอาเท้าสวย ๆ อัดหน้าเข้าให้ มันกวนตีนผม
“มึงจะเข้าเลท?”
“ทำไมโควต้ามีไว้ให้มึงคนเดียวหรือไง” ไอ้โยมันไหวไหล่ขึ้นก่อนจะเดินไปสั่งอาหาร ผมไม่ค่อยหิวเท่าไรเลยไม่ได้เดินไปพร้อมกับมัน ให้เดามันคงเพิ่งตื่น อาบน้ำหรือยังก็ไม่รู้
“กูแดกห้านาทีเสร็จ” ผมยังไม่ได้พูดอะไรแต่ไอ้ห่านี่ก็พูดขึ้นมาก่อน ผมก็คงเหมือนมันไม่อยากเข้าทำแล็บเพราะคู่แล็บผมคือพระพาย
“_”
“ทำไมไม่ตอบกูล่ะ อ่า ยังหึงพายอยู่สินะ มึงไว้ใจกูได้เพื่อน”
“ไว้ใจเหี้ยไร อย่าพูดคำนี้กับกู”
“ฝังใจสินะ ปล่อยผ่านบ้างก็ได้ ทั้งสองคนเลยทั้งมึงทั้งพาย เป็นเหี้ยไรก็ไม่รู้”
“มึงเป็นกูมึงจะไม่พูดแบบนี้โย”
“ครับ ๆ ผมไม่เข้าใจหรอกครับ” ถ้ามีถ้วยให้คนกวนตีนผมจะยกถ้วยให้มัน แต่ไอ้ห่านี่ก็พูดกวนตีนได้แต่กับคนในบ้านแหละ พออยู่กับคนอื่นมันขี้เก็กจะตาย คนถึงพูดว่ามันเป็นเจ้าชายแตะต้องไม่ได้
“เย็นนี้…ฟรายเดย์”
“ฝันไปเถอะ กูไม่ไปหรอก เดี๋ยวมึงทิ้งกูให้นอนที่ผับอีก” ผมยกยิ้มมุมปากที่ได้ยินอย่างนี้ ไอ้ห่านี่คออ่อนชิบหายเลยล่ะ
“กูอยากเมา”
“เหรอ กูนี่จะเมาก่อนมึง เดี๋ยวมึงได้ผู้หญิงแล้วทิ้งกูเหมือนเดิม ไปชวนไอ้ห่าพอตไป”
“ชวนไร แม่งจะต่อยกูตลอด” ผมอึดอัดนะกับความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อน ๆ ที่เปลี่ยนไป แต่ทำไงได้พอมันแตกแบบนี้ทุกคนก็ต้องเลือกข้าง ซึ่งแม่งไม่มีใครเลือกผมเลยรวมถึงไอ้ห่านี่อีกคน
“พายบอกมึงจะคบกับเฌอรีน?” ผมหันหน้ามามองใบหน้าของไอ้โยอีกครั้งมันกำลังเคี้ยวข้าวไปด้วยพูดไปด้วย ผมอยากถ่ายรูปไปโพสต์ในกลุ่มของวงที่มีแฟนคลับของมันติดตามอยู่ เพื่อทุกคนจะได้เห็นด้านมืดของมันบ้าง
“ไม่ตอบ แสดงว่าจะคบสินะ” ผมยังไม่ได้พูดไรสักหน่อย แต่วันนี้พอได้เห็นว่าพระพายร้องไห้แบบนั้น ผมชักอยากจะคบกับเฌอรีนจริง ๆ ซะแล้วสิ แล้วเรื่องเมื่อคืนที่พระพายถามเรื่องผมกับเฌอรีน ก็ตามนั้น ช่วยไม่ได้ก็เสนอให้ ไม่สนองก็โง่ละ
“มึงอย่าทำประชดพายเลย เลิกกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันป่ะวะ มึงทำแบบนี้มันจะไม่เหลือเพื่อนเลยนะเว้ย
“ใครอยากเป็นเพื่อนกับยัยนั่น ผู้หญิงแบบนั้นกูไม่อยากคบต่อหรอก”
“อ่า…เท่จังครับ มึงมีใหม่เขาก็มีใหม่ได้เหมือนกัน พอเขามีอย่าให้กูได้ยินว่าเป็นหมาหวงก้างนะครับ”
“หมาบ้านมึงสิหวงก้าง”
“มึงมันหมาบ้าไง…เชื่อเถอะมึงคลั่งแน่ ๆ ”
“พูดมากว่ะ”
“มึงก็ใจเย็นบ้าง กูไม่อยากเสียเพื่อนอีกคน” คำพูดของมันทำให้ผมพ่นลมหายใจออกมา ทำไงได้มันไม่ได้เจอแบบผมนี่ ไอ้ห่านี่เลยพูดได้ ใครจะเข้าใจความรู้สึกผม เท่าตัวผมเอง..
——————————-
อย่าให้เลซี่ได้ยินนะเหนือ