เสียงฝนตกผ่านกระจกใสประสานกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่นด้านนอก ท่ามกลางฟ้าที่มืดครึ้มในยามค่ำคืน
บรรยากาศภายในห้องทำงานโทนสีดำเงียบเชียบอัดแน่นไปด้วยความอึดอัดระหว่างสองพ่อลูกภายในคาสิโน หลังจาก คิระ ประมุขของบ้านเอ่ยบางอย่างที่ทำให้คนเป็นลูกชายฟังแล้วเงียบไปโดยอัตโนมัติ กลิ่นบุหรี่ในมือของประมุขใหญ่ของบ้านที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยของสองพ่อลูก
และในที่สุดความเงียบก็ถูกทำลายลง…
“พ่อว่าไงนะ…แต่งงาน?”
“กับลูกสาวนวคุณ” คือเพื่อนสนิทของเขาที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน
“ทำไมต้องเป็นผม?”
“เพราะนวคุณถูกชะตากับแก”
“อะไรวะ!” คิรัน กดเสียงต่ำอย่างไม่สบอารมณ์ มือหนาคว้าแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่มโดยไม่สนใจรสชาติขมปร่า หวังให้แอลกอฮอล์ช่วยชะล้างอารมณ์ขุ่นเคืองที่ก่อตัวขึ้นมา
คิระมองลูกชายคนเล็กอย่างเข้าใจ แต่ก็ขัดชะตาฟ้าที่ลิขิตมาแล้วไม่ได้ หากคิรันไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของ นวคุณ ตระกูลคงแย่แน่ เลือดที่ใช้สาบานแรงและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าอะไร หากผิดคำสาบานต่อนวคุณ ตระกูล ‘ไกรวณิชคุณ’ คงเหลือแต่ชื่อ
“แล้วถ้าผมไม่แต่งล่ะ”
“ก่อนตายนวคุณทวงคำสาบานกับฉัน เขาฝากลูกสาวไว้กับเราแล้ว ถ้าฉันผิดคำสาบานแกก็รู้จะเกิดอะไรขึ้น”
“เหอะ! ก็แค่เรื่องงมงาย…” คิรันแค่นหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมหรี่ลงอย่างไม่เชื่อถือ
เปรี๊ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นขึ้นทันควัน สายฟ้าที่ฟาดกลางท้องฟ้ามืดมิดสว่างวาบสะท้อนกระจกใสเข้ามาในห้องทำงาน ราวกับท้องฟ้าเองก็ไม่พอใจในคำพูดนั้น คิระถอนหายใจเบาๆ เขารู้ว่าลูกชายไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไรนัก แต่เขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมสุดความสามารถ
“ฉันรู้ว่าแกไม่อยากแต่งงาน แค่หนึ่งปีคิรัน แกทำเพื่อครอบครัวได้ไหม”
คิรันกระตุกยิ้มมุมปากแล้วส่ายหัวไปมา ดวงตาคมเข้มเต็มไปด้วยความไม่ศรัทธา
“ก็แค่คำสาบาน พ่อแค่หลงงมงายไปกับคำพูดของคนตาย” เขาหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ลูกสาวใคร ก็ให้คนนั้นดูแลไปดิ”
เปรี๊ยง!
เสียงฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เสียงสะเทือนดังลั่นจนกระจกสั่นทำให้คิระเชื่อสนิทใจ ว่านวคุณคงกำลังโกรธกับสิ่งที่ลูกชายตัวเองพูด
โดยเฉพาะกับประโยคสุดท้ายที่เอ่ยถึงลูกสาว…
“แกพูดแบบนั้นไม่ได้คิรัน ที่ผ่านมานวคุณช่วยเหลือครอบครัวเราตั้งเยอะ ถ้าไม่มีนวคุณป่านนี้ครอบครัวเราคงไม่มาถึงจุดนี้” คิระเริ่มรำลึกถึงบุญคุณของนวคุณให้ลูกชายฟัง “ก็แค่แต่งงานตามสัญญาหนึ่งปี หลังจากนั้นแกจะทำอะไรก็เรื่องของแก”
คิรันพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อย่างหงุดหงิด เขาไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ไม่เชื่อว่าผีมีอยู่จริง ไม่เชื่อว่าคำสาบานมีผลอะไรต่อโชคชะตา
หากชีวิตใครจะพังก็เป็นเพราะการตัดสินใจโง่ๆ ของตัวเอง ไม่ใช่เพราะผีหรือคำสาบานบ้าๆ ที่ประทับรอยเลือดไว้บนกระดาษแผ่นเดียว ผิดกับพ่อที่เชื่อสนิทใจ ถึงขั้นคิดว่าเหตุวิกฤตทางธุรกิจที่ครอบครัวกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ คือผลลัพธ์ของคำสาบานที่ถูกละเลย
ไร้สาระสิ้นดี…
แค่ลองจินตนาการว่าได้แต่งงานกับยัยเด็กอ้วนฟันเหยินกินจุก็ทำเอาขนลุกซู่แล้ว อย่าว่าอย่างงี้อย่างงั้นเลย ขนาดชื่อยัยเด็กนั่นเขายังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แค่หนึ่งปีคิรัน”
“พ่อคิดว่าหนึ่งปีไม่นานรึไง?”
“อดทนเอาหน่อยสิ”
“พ่อมาแต่งเองไหมล่ะครับ”
“ไอ้ลูกคนนี้นี่!” คิระเริ่มหมดความอดทนกับลูกชาย แต่ก็ต้องใจเย็นเอาไว้ไม่ระเบิดลงตอนนี้ เพราะถ้าหากปล่อยให้อารมณ์นำ เขาคงไม่มีทางลากลูกชายคนนี้เข้าสู่พิธีแต่งงานได้แน่
“ทำไมพ่อไม่จุดธูปบอกลุงนวคุณว่าขอยกเลิกคำสาบาน บอกว่าผมมันเลวดูแลลูกสาวเขาไม่ได้หรอก เหี้ยด้วย ถ้าลูกสาวเขาอยู่กับผมเสียใจแน่นอน”
“ฉันบอกแล้วไง ว่านวคุณถูกชะตากับแก”
“แต่ผมยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ พ่อรอจนกว่าผมพร้อมได้รึเปล่าล่ะ”
“ตอนนี้ลูกสาวนวคุณอายุยี่สิบปีแล้ว ในสัญญาบอกว่าต้องแต่งตอนอายุเท่านี้”
เขาเบื่อหน่ายกับคำสาบานบ้าบอของพ่อกับลุงนวคุณจริงๆ ตกมาปีนี้ทำไมซวยแบบนี้วะ!
“ถ้าแกยอมแต่งงานกับลูกสาวของนวคุณ ฉันจะโอนคาสิโนนี้ให้เป็นของแกอย่างเต็มรูปแบบ” คราวนี้คิระพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ถ้าแกไม่ยอม นอกจากฉันจะไม่โอนคาสิโนให้เป็นชื่อแกแล้ว แกยังจะโดนตัดออกจากกองมรดกอีกด้วย”
คิรันขบกรามแน่นเมื่อพ่อใช้ไม้ตายไม้นี้ พ่อรู้ว่าเขารอคอยการโอนชื่อคาสิโนมาเป็นของเขานานแค่ไหน คาดไม่ถึงเลยว่าพ่อจะใช้เรื่องนี้มาบีบคั้นให้ยอมแต่งงานกับยัยเด็กเหลือขอนั่น อีกทั้งยังจะตัดเขาออกจากกองมรดกอีกด้วย
มือหนาคว้าแก้วน้ำสีเหลืองอำพันมากระดกดื่มอีกอึก ก่อนจะปรายสายตามองคนเป็นพ่อเพียงนิด แล้วขยับริมฝีปากพูดบางอย่างเพื่อทำลายความเงียบ
“แค่หนึ่งปีใช่ไหมครับ?”
“ใช่”
“ก็ได้” เขาพูดพร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อวางแก้วน้ำสีเหลืองอำพันลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟา สายตามองคนเป็นพ่อแล้วพูดบางอย่างต่อ “แต่ถ้ายัยเด็กอ้วนนั่นร้องไห้เพราะผม…อย่ามาโทษผมแล้วกัน”