LOGIN
บรรยากาศในผับสุดหรูในช่วงก่อนที่ผับจะเปิด เจ้าของผับอย่างธันเดอร์กำลังเดินตรวจตราทุกแผนกเพื่อดูความเรียบร้อย ตั้งแต่ได้เข้ามาบริหารผับแทนคนเป็นพ่อเต็มตัวตั้งแต่ช่วงเรียนมหาลัยปีหนึ่ง เรียกได้ว่าการใช้ชีวิตเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาคืออยู่ที่นี่ อีกสิบเปอร์เซ็นต์คือกลับไปนอนคอนโดส่วนตัว ในเวลาที่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ ไม่อยากให้ใครรบกวน แต่ต้องยอมรับว่าน้อยมากที่จะเป็นแบบนั้น เพราะผับแห่งนี้เหมือนเป็นจิตวิญญาณของเขาไปแล้ว เขารักและผูกพันกับมันมาก
“ไอ้เชนทร์ ตรงนั้นเขาวุ่นวายอะไรกันว่ะ” ขนาดกำลังเดินตรวจตราตามปกติ สายตาคมก็เหลือบไปเห็นตรงหน้าออฟฟิศของฝ่ายบุคคล มีคนยืนออกันอยู่ตรงนั้นสามถึงสี่คน ประมาณว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นและตกลงกันไม่ได้ “อ๋อ พอดีป้าหัวหน้าแม่บ้าน แกมาฝากงานให้หลานสาวแกทำงานพาร์ทไทม์ครับ” “แล้ว?” ราเชนทร์ทำหน้ามึนงงใส่เจ้านายหนุ่ม ด้วยไม่รู้ว่าคำว่าแล้วของเจ้านายนั้น หมายความว่าอย่างไร ทำให้ธันเดอร์ที่เห็นสีหน้าของลูกน้องคนสนิท เตรียมยกขาขึ้นเตะทันที แต่ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันเลยรีบถอยห่างออกไปเพราะรู้ว่าท่าทางแบบนั้น อีกไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาจะต้องล้มลงไปกองกับพื้นแน่นอน “มึงงงอะไรว่ะ” “ผมไม่เข้าใจว่าคุณธันถามว่าแล้ว ผมต้องตอบว่ายังไงครับ” “นี่มึงกวนตีนกูเหรอว่ะ” “ไม่ได้กวนตีนนะครับ เพราะผมก็ตอบไปตามสิ่งที่ผมรู้หมดแล้วครับ” “กูถามเพราะถ้าแค่มึงบอกว่าป้าหัวหน้าแม่บ้านมาฝากให้หลานสาวแกทำงาน แล้วทำไมพี่แตงฝ่ายบุคคลถึงได้ทำหน้าแบบนั้น” คราวนี้ราเชนทร์ที่มึนงงเป็นเรื่องปกติ เข้าใจในคำถามของเจ้านายหนุ่มทันที“พี่แตงบอกป้าแม่บ้านไปว่าตอนนี้พนักงานทุกแผนกเต็ม ไม่มีที่ว่างตรงไหนให้ไปทำได้เลยครับ จากที่เห็นป้าแกคงกำลังตื้อพี่แตงอยู่ครับ” ธันเดอร์พยักหน้าเข้าใจ เมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการ เขาก็เตรียมตัวจะเดินขึ้นห้องพัก ทว่าขณะกำลังเดินเฉียดไปบริเวณนั้น เพื่อเดินขึ้นชั้นสอง สายตาคมของเขาก็บังเอิญหันไปสบตากับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถ้าให้เดาคงจะเป็นหลานสาวของป้าแม่บ้าน ดวงตากลมโตของเธอสั่นระริกราวกับจะร้องไห้ ก่อนที่เมื่อเธอเห็นเขาจะรีบก้มหน้าหลบสายตาเขาไปทันที ขาเรียวยาวชะงัก จากที่จะเดินขึ้นบันได เลยหันตัวกลับเดินตรงไปยังหน้าออฟฟิศทันที “มีอะไรกัน” “คุณธัน คือพอดีว่าป้าแม่บ้านแกอยากฝากให้หลานแกทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีแผนกไหนว่างเลยค่ะ แตงเลยไม่รู้จะให้ไปแทรกตรงไหน” ธันเดอร์ไม่ได้สนใจฟังแตงกวาหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่กำลังพูดอธิบาย แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับหันไปจับจ้องหญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษาที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาใครอยู่ตอนนี้ “แล้วป้ามีปัญหาตรงไหนอีก ในเมื่อฝ่ายบุคคลบอกไม่ว่าง ก็แปลว่าไม่รับ” "ป้าไม่มีปัญหาค่ะคุณธัน งั้นไปเถอะฮานะลูก เดี๋ยวลองไปดูร้านข้าวต้มระหว่างทางกลับบ้านเราก็ได้" ฮานะเงยหน้าขึ้นพยายามหลบเลี่ยงสายตาคมของผู้ชายร่างสูง หน้าดุ ที่คนเป็นป้าเรียกว่าคุณธัน ก่อนจะยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าทุกคนและเตรียมหันหลังเดินออกจากที่นี้ ตามคนเป็นป้าออกไป "เดี๋ยว!!!" ธันเดอร์เอ่ยเสียงเรียบออกมา ยังคงจ้องมองใบหน้าขาวใสของผู้หญิงตรงหน้าไม่วางตา ชุดนักศึกษาที่ควรจะรัดรูปตามสมัยนิยมที่เคยเห็น กลับกลายเป็นชุดนักศึกษาที่ตัวหลวมโคล่ง กระโปรงยาวคลุมเข่า รองเท้าผ้าใบสีขาว ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง ที่สำคัญสวมแว่นสายตา มองดูผิวเผินก็เหมือนเด็กเรียนทั่วไป แต่ทว่าเธอมีผิวที่ขาวมาก ขนาดว่าอยู่ในที่ไม่ได้สว่างมากและไม่ได้อยู่ในร่มผ้า ความขาวของเธอยังกระแทกสายตาเขาอย่างจัง "ต้องการทำแผนกอะไร?" "ผะ..." "ให้เธอตอบเอง" ธันเดอร์ยกมือขึ้นห้ามป้าแม่บ้านให้หยุดพูดทันที ก่อนจะหันไปจี้จุดถามผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง "ไม่ได้ยินที่ฉันถาม?" ฮานะเงยหน้าขึ้นมองสบตาคมของเจ้าของผับ เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะหันหน้าไปหาป้าเจนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนป้าเจนพยักหน้าให้เธอตอบคำถามออกไป "แผนกอะไรก็ได้ค่ะ ฉะ ฉันทำได้หมดเลย" "เหรอ เด็กเสิร์ฟก็ทำได้เหรอ แต่ดูจากสภาพการแต่งตัว"คนตัวสูงก้มมองเธอตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ทำคนที่กำลังถูกมองรู้สึกเหมือนโดนเหยียดทันที "ฉันว่าไม่เหมาะกับเธอหรอก ถ้าอยากทำจริง ๆ ขึ้นไปหาฉันที่ห้อง" "ขึ้นไปหาที่ห้อง ไปทำไมคะ" ฮานะแสดงสีหน้าตกใจทันที ตามความเข้าใจของเธอการเรียกให้ขึ้นไปหาที่ห้อง เขาคงไม่ได้ให้เธอทำอะไรที่ไม่ควรทำหรอกใช่ไหม ซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการของเธอจริง ๆ จึงรีบส่ายหน้าออกไปทันที "ฉันแค่อยากทำงานค่ะ ไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้นค่ะ" เจนจิรารีบจับแขนหลานสาวให้หยุดพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป ถึงจะไม่เคยได้พูดคุยหรือใกล้ชิดธันเดอร์เจ้าของผับ แต่พนักงานหลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าธันเดอร์เป็นคนเจ้าระเบียบกับการทำงานมาก ไม่เคยพูดเล่นหัวกับลูกน้องคนไหนทั้งนั้น เวลาทำงานก็คือเวลาทำงาน หากรู้ว่าพนักงานคนไหนไม่ตั้งใจทำงานจะไล่ออกทันที ไม่มีข้อยกเว้น “อะไรแบบนั้นที่เธอว่าคืออะไร” ธันเดอร์ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย แต่ทว่าใบหน้ายังคงเรียบเฉย ดูเหมือนเขาจะเจอเรื่องสนุกอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว ภายใต้ดวงตากลมโตสั่นระริก กลับมีอะไรบางอย่างที่ค้นหาซ่อนอยู่ในนั้น “ขอโทษแทนหลานสาวป้าด้วยนะคะ ฮานะคงไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นค่ะ ฮานะขอโทษคุณธันเดี๋ยวนี้” “ทำไมต้องขอโทษด้วยคะ เรายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ” ฮานะทำสีหน้างงงวยใส่คนเป็นป้า ไม่มีทีท่าว่าจะขอโทษผู้ชายตรงหน้าที่กำลังใช้สายตาคุกคามร่างกายเธอ มองดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนน่าเคารพอะไร เขาเป็นคนพูดจากำกวมกับเธอก่อน เธอก็ต้องมีสิทธิ์สงสัยในคำพูดของเขา “หยุดพูดแบบนี้ ขอโทษคุณเขาเร็ว ๆ”เจนจิรารีบก้มหัวขอโทษธันเดอร์อีกครั้ง ต่างจากหลานสาวที่กลับใช้สายตามองเจ้าของผับด้วยความไม่พอใจ “เก่งใช้ได้นิ” ตอนนี้ทั้งราเชนทร์และแตงกวาต่างก็ตกใจไปตามกัน ไม่ได้ตกใจที่เจ้านายกำลังทำสีหน้าดุเข้ม เพราะพวกเขาสองคนเห็นกันจนชินตาแล้ว แต่ที่น่าตกใจคือเด็กสาวคนนี้ต่างหาก ที่ตอนแรกดูเหมือนจะทำท่าทีหวาดกลัวธันเดอร์อยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมก้มหัวขอโทษตามที่คนเป็นป้าสั่ง “ถ้าไม่ขึ้นไปหาฉันที่ห้อง นอกจากเธอจะไม่ได้งานทำแล้ว ป้าของเธอก็เตรียมตัวออกไปหางานใหม่ได้เลย” พูดจบธันเดอร์ก็กลับหลังหันเดินจากไปทันที เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้อำนาจในทางที่ผิดอยู่แล้ว ต่อให้เป็นคนขึ้นชื่อเรื่องกฎระเบียบมากแค่ไหน ก็ไม่เคยไล่ใครออก หากไม่มีเหตุผลมากพอ แต่เพราะเธอคนนั้นกำลังท้าทายอำนาจของเขา มันทำให้เขารู้สึกอยากเอาชนะเธอ เลยต้องแหกกฏของตัวเองวันต่อมา ฮานะในชุดนักศึกษากำลังนั่งรอเพื่อนสนิทอยู่ที่โต๊ะประจำข้างตึกคณะ เธอเรียนคณะบริหารธุรกิจ เอกการบัญชี มีเพื่อนสนิทหนึ่งคนคือยี่หวา เธอกับเพื่อนเป็นเด็กทุนที่สอบเข้ามาเรียนมหาลัยเอกชนเหมือนกัน ทำให้สามารถพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจ เปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมคณะส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกเศรษฐีด้วยกันทั้งนั้น ถึงแม้ทุกคนจะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเด็กทุนอย่างพวกเธอสองคน แต่ในสังคมแบบนั้น ทั้งฮานะและยี่หวาเข้าไม่ถึงความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของพวกเขาจริง ๆ เลยสบายใจที่จะไปไหนมาไหนกันสองคนมากกว่า นอกเสียจากเวลามีงานกลุ่มที่อาจารย์ให้จับกลุ่มกันมากกว่าสองคน พวกเธอก็จะมีกลุ่มประจำที่จะชวนพวกเธอสองคนไปอยู่ด้วยกันทุกครั้ง "ฮานะ" เสียงหวานใสของยี่หวาดังขึ้นด้านหลัง ฮานะหันหน้าไปส่งยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะหลุดขำออกมา เมื่อเห็นผมยาวของเพื่อนชี้ฟูไม่เป็นทรง "ทำไมหัวฟูแบบนั้นอ่ะ" "มาวินมอเตอร์ไซค์อ่ะ กลัวไม่ทันเรียนคาบแรก"ยี่หวายกมือเล็กขึ้นลูบผม พลางยิ้มจนตาหยี "ตื่นสายเหรอ" "อืม เมื่อคืนช่วยแม่จัดเบรกขนมจนดึกเลย" ยี่หวาสภาพชีวิตก็ไม่ได้ต่างจากเธอมากนัก อาศัยอยู่กับแม่ในห้องเช่าเล็ก ๆ สองคน มีอาช
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ ในเมื่อฉันขึ้นมาขอโทษคุณแล้ว มันก็น่าจะจบไม่ใช่เหรอคะ” “…..” “อ๋อ คุณคงเป็นประเภทชอบใช้อำนาจข่มขู่คนไม่มีทางสู้แบบนั้นหรือเปล่าคะ ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว คุณจะอะไรนักหนาคะ” “เธอบอกว่าเธอเปลี่ยนใจไม่อยากทำงานที่นี่ ฉันเองก็เปลี่ยนใจไม่อยากให้ป้าเธอทำงานที่นี่เหมือนกัน แล้วมันแปลกตรงไหน” “งั้นคุณจะเอายังไงกันแน่คะ” เสียงหวานสั่นเครือ แต่ทว่าแววตาหลังกรอบแว่นกลับแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ถึงจะเป็นผู้หญิงอ่อนแอ แต่เธอก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง “คุณบอกมาเลยดีกว่า ว่าที่จริงแล้วคุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่ จะให้ฉันไปทำงานแผนกไหน ในเมื่อฝ่ายบุคคลบอกว่าไม่มีแผนกว่าง เป็นเด็กเสิร์ฟคุณก็บอกว่าไม่เหมาะกับฉัน คุณมันชอบดูถูกคนอื่น” ธันเดอร์หัวเราะในลำคอทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงท้าทายของเธอ “หึ ปากเก่งใช่ได้เลยนะเธอเนี่ย”คนตัวสูงยกขาขึ้นไขว้ห้าง สายตาลามเลียร่างกายของเธออีกครั้ง อย่างไม่คิดปิดบัง “ถ้าให้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟคงไม่เข้ากับเธอหรอก แผนกนั้นเขาเน้นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดี แต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย เธอแต่งแบบนั้นได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าได้ ฉันจะยอมให้เธอทำ” “แล
ฮานะมองตามหลังคนตัวสูงไปด้วยความโมโหในใจ ก่อนจะถูกคนเป็นป้ายกมือขึ้นตีที่แขนเล็กของเธอเบา ๆ หลายครั้ง “ทำไงล่ะทีนี้ ป้าก็ตกงานไปด้วยเลยเห็นไหม” “ทางที่ดีพี่ว่าน้องน่าจะขึ้นไปขอโทษคุณธันนะ จากที่พี่ทำงานกับเขามา เขาไม่ได้คิดอะไรแบบที่น้องคิดหรอกค่ะ คงแค่อยากช่วยหางานให้น้องทำ”แตงกวาเอ่ยออกไป เธอเองก็สงสารเด็กสาวรุ่นน้อง หากคนเป็นป้าต้องโดนไล่ออกจริง ๆ ทั้งที่ปกติถึงธันเดอร์จะเป็นคนเข้มงวดขนาดไหน ก็ไม่เคยไล่ใครออกเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองแบบนี้ “แต่ฉัน….” “แค่นี้เราก็ลำบากกันจะตายแล้ว วัยอย่างป้าถ้าต้องไปหางานทำใหม่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเขารับอีกหรือเปล่า”เจนจิราแสดงสีหน้าทุกข์ใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะความลำบากตอนนี้ ถึงได้ให้หลานสาวคนเดียวอย่างฮานะที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม ต้องมาหางานพาร์ทไทม์ทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนัก ฮานะทำสีหน้าลังเลทันทีหรือว่าเธอจะมองผู้ชายคนนั้นในแง่ร้ายจริง ๆ ยิ่งถูกสายตากดดันจากทั้งป้าและก็หัวหน้าฝ่ายบุคคล เธอก็ยิ่งคิดหนัก “ก็ได้ ฉันไปขอโทษเขาก็ได้ค่ะ” “ดีแล้วลูก เราพูดไม่เพราะกับผู้ใหญ่ ทำแบบนี้ถูกต้องที่สุด” “ว่าแต่ห้องเขาอยู่
บรรยากาศในผับสุดหรูในช่วงก่อนที่ผับจะเปิด เจ้าของผับอย่างธันเดอร์กำลังเดินตรวจตราทุกแผนกเพื่อดูความเรียบร้อย ตั้งแต่ได้เข้ามาบริหารผับแทนคนเป็นพ่อเต็มตัวตั้งแต่ช่วงเรียนมหาลัยปีหนึ่ง เรียกได้ว่าการใช้ชีวิตเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาคืออยู่ที่นี่ อีกสิบเปอร์เซ็นต์คือกลับไปนอนคอนโดส่วนตัว ในเวลาที่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ ไม่อยากให้ใครรบกวน แต่ต้องยอมรับว่าน้อยมากที่จะเป็นแบบนั้น เพราะผับแห่งนี้เหมือนเป็นจิตวิญญาณของเขาไปแล้ว เขารักและผูกพันกับมันมาก “ไอ้เชนทร์ ตรงนั้นเขาวุ่นวายอะไรกันว่ะ” ขนาดกำลังเดินตรวจตราตามปกติ สายตาคมก็เหลือบไปเห็นตรงหน้าออฟฟิศของฝ่ายบุคคล มีคนยืนออกันอยู่ตรงนั้นสามถึงสี่คน ประมาณว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นและตกลงกันไม่ได้ “อ๋อ พอดีป้าหัวหน้าแม่บ้าน แกมาฝากงานให้หลานสาวแกทำงานพาร์ทไทม์ครับ” “แล้ว?” ราเชนทร์ทำหน้ามึนงงใส่เจ้านายหนุ่ม ด้วยไม่รู้ว่าคำว่าแล้วของเจ้านายนั้น หมายความว่าอย่างไร ทำให้ธันเดอร์ที่เห็นสีหน้าของลูกน้องคนสนิท เตรียมยกขาขึ้นเตะทันที แต่ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันเลยรีบถอยห่างออกไปเพราะรู้ว่าท่าทางแบบนั้น อีกไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาจะต้องล้มลงไปกองกับพื้นแ







