“ไฟ..”
เธอชี้นิ้วไปที่เพื่อนร่วมคลาส เอ่ยเรียกชื่อเขา แล้วชี้นิ้วไปยังผู้ชายรูปหล่ออีกคนที่เหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้วซึ่งน่าจะเป็นภาพสะท้อนจากกระจกเงา แต่ไหนล่ะ..กระจก
“ผมไฟถูกแล้ว แต่นั่น ฟืน พี่ชายฝาแฝดของผม”
“ฟืน พี่ชายฝาแฝดหรือ”
“ใช่”
จริงสิ เธอลืมความจริงข้อนี้ไปได้อย่างไร ก็สาวๆ ทั้งในและนอกคณะลือกันให้แซดว่าเขามีฝาแฝดที่ทั้งหล่อและเท่ไม่ต่างจากเขา ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยได้เจอหน้าสักครั้งจนลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่ที่จะแตกต่างออกไปจนสามารถแยกฝาแฝดคู่นี้ออกและเป็นที่โจษจันไปทั่วเห็นจะเป็นความเจ้าชู้ ร้ายกาจ และดิบเถื่อนตามสไตล์หนุ่มวิศวะ ที่แค่มองเขาปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาเป็นเหมือนคำพูดพวกนั้นจริงๆ แค่เห็นหน้าก็ไม่ถูกชะตาเสียแล้ว
“สวัสดีครับคุณหนูของขวัญ ไม่เคยได้ยินชื่อ ฟืน วิดวะ ผู้ชายที่ฮ็อตที่สุดในโยธาหรือไง ถึงเรียกฉันเป็นไอ้ไฟ”
คนหล่อยืนกอดอกไขว้ขาเอนตัวพิงผนังห้องด้วยท่วงท่าสุดเท่ ดวงตาคมกริบดูดุดันมีเสน่ห์มองเธอไม่วางตา แถมยังยกยิ้มมุมปากอย่างกวนอารมณ์ที่สุด
ไอ้เรื่องหล่อ มันก็หล่ออยู่หรอก เพราะเขาสองคนหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่เธอสัมผัสได้เลยว่าลึกลงไปในดวงตาของผู้ชายสองคนนี้มันต่างกัน
เพื่อนร่วมคลาสของเธอ แม้ดวงตาจะคมกริบมีเสน่ห์ เหมือนฝาแฝด แต่ก็ดูอ่อนโยนกว่าหมอนั่นเยอะ ของหมอนั่นน่ะเหรอ ทั้งดูดุดันเกรี้ยวกราดและรู้สึกว่ามันดูล้ำลึกอ่านยาก น่ากลัวจนไม่อยากเฉียดกรายเข้าใกล้
แถมเขายังเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ หนึ่งในคณะต้องห้ามสำหรับเธอ เพราะเธอไม่อยากทำความรู้จักกับใครที่เรียนคณะนี้ทั้งนั้น ลูกคุณหนูอย่างเธอไม่ชอบผู้ชายดิบเถื่อน เลวทราม และนอนกับผู้หญิงไม่เลือกเหมือนที่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของสาวๆ ที่มักจะอกหักจากนิสัยแย่ๆ ของผู้ชายคณะนี้
“อ๋อ เคยได้ยินอยู่ ชื่อเสียงเน่าๆ ของนายออกจะลือกันให้กระฉ่อน แต่ฉันไม่อยากจะใส่ใจ”
เป๊ง!! เสียงระฆังบอกสัญญาณยกที่หนึ่ง เริ่มต้นขึ้น หนุ่มหล่อสาวสวยสบประสานสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
คนหล่อแค่นหัวเราะในลำคอแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ยัยคุณหนูนี่ปากดีแบบนี้นี่เอง ไอ้ไฟมันถึงบอกให้เขาคิดอีกที ว่าถ้าเธอตื่นมาแล้วเขายังจะอยากจับเธอกินอยู่ไหม
“หึ แล้วผู้ชายแบบไหนที่คุณหนูของขวัญอยากจะใส่ใจล่ะครับ”
“แบบไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่แบบนาย แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณหนูเสียที อยากเป็นเบ๊ฉันหรือไง”
“ต่อให้เธออยากได้ฉันไปเป็นเบ๊ แต่ต้องเสียใจด้วยนะ ฉันไม่ชอบเป็นเบี้ยล่างใคร ยกเว้นแค่ตอนอยู่บนเตียง ถ้าอยากให้ฉันเป็นเบี้ยล่างของเธอ ก็มาขึ้นเตียงกับฉันสิ”
“ทุเรศ ผู้ชายอย่างนาย ขาอ่อนของฉันก็ไม่มีวันได้เห็นหรอก”
“ฮ่าๆๆๆ ฉันก็ไม่ได้อยากจะเห็นขาอ่อนของเธอหรอกนะ ของขวัญ”
ใช่สิ เพราะสิ่งที่เขาอยากเห็นที่สุดในร่างกายของเธอ มันไม่ใช่ขาอ่อน แต่มันคือบางอย่างที่ดูท่าจะนุ่มนิ่มล่อหน้าล่อตาเขาตั้งแต่เมื่อคืนนั่นต่างหาก
ดวงตาคมกริบวาบขึ้น มองคนตัวบางที่เพิ่งตื่นนอนราวกับลูกกวางน้อยเนื้อหวาน ที่ยิ่งแสดงความพยศออกมาเท่าไร เนื้อของเธอก็จะยิ่งหวานติดลิ้นเท่านั้น
“พอก่อน ไม่ต้องเถียงกัน ของขวัญไปอาบน้ำก่อนไหม แล้วออกไปกินข้าวต้มกัน”
แฝดน้องจำต้องลั่นระฆังบอกเวลาหมดยก เพราะขืนปล่อยให้เถียงกันไปเรื่อยๆ นอกจากเธอจะเกลียดขี้หน้าพี่ชายของเขาแล้ว เธอจะพาลมาเกลียดขี้หน้าเพื่อนร่วมคลาสอย่างเขาด้วย
“ไม่เป็นไร ขวัญกลับคอนโดดีกว่า เฮ้ย ยัยเกรซล่ะ เห็นโทรศัพท์ขวัญไหม”
“เกรซทำไมเหรอ เมื่อคืนขวัญไปกับเกรซเหรอ”
สองสาวนี่คือเพื่อนสนิทกัน ที่ทุกคนมักจะเห็นว่าตัวติดกันเสมอ จนเพื่อนผู้ชายในคลาสหลายคนที่เข้าไปจีบเธอแล้วกินแห้วกลับมาต่างสงสัยว่าเกศรินคนนี้คือแฟนตัวจริงของคุณหนูของขวัญ
“ใช่ ขวัญจะกลับไปนอนห้องเกรซ เกรซไปเข้าห้องน้ำ แต่ขวัญมารู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนไอ้ชลัชนั่นลากออกมาแล้ว ยัยเกรซต้องตกใจมากแน่ๆ ที่กลับโต๊ะมาแล้วไม่เจอขวัญ”
ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะได้ถามถึงว่าไอ้ชลัชที่เธอเอ่ยชื่อมาแล้วถึงสองครั้งคือใคร โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมใบจิ๋วของเธอซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน
อัคคีส่งโทรศัพท์ให้ ไม่วายแอบดูหน้าจอว่าใครกันแน่ที่โทรหาเธอ ก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อคำว่า My GRACE โชว์หราอยู่
“เกรซโทรมาจริงๆ ด้วย”
“ของขวัญ นี่แกอยู่ไหน ทำไมเมื่อคืนไม่รอฉัน ฉันตามหาแกแทบแย่ โทรหาจนมือจะหัก จะบุกไปที่บ้านแกแล้วนะ”
“ใจเย็นเกรซ ฉันปลอดภัยดี ตอนนี้ฉันอยู่ที่ เอ่อ..ห้อง”
“ห้อง ห้องไหน ห้องใคร”
“เอ่อ..คอนโดน่ะ”
“ฉันจะไปหาแกเดี๋ยวนี้ รอแป๊บนะ”
“เฮ้ย ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวฉันจะกลับบ้าน”
“กลับทำไม วันนี้พ่อแกจะไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ จะกลับไปให้ไอ้ชลัชมันลวนลามหรือไง แกเป็นอะไรหรือเปล่าของขวัญ ฉันว่าแกดูแปลกๆ ไปนะ”
“ไม่มีอะไร ฉันเมาค้าง ลืมไปเลยว่าพ่อไม่อยู่ ขอบใจนะที่เตือน ฉันขอนอนต่อก่อนได้ไหม เดี๋ยวเย็นๆ โทรหาอีกที”
“ต้องโทรมานะ ถ้าแกไม่โทรมา ฉันบุกถึงห้องจริงๆ ด้วย”
“อืม แค่นี้ก่อนนะเกรซ”
“อือ ฉันก็จะนอนบ้าง หลับๆ ตื่นๆ คอยแต่จะโทรหาแกเนี่ย”
“ฉันขอโทษ”
“อือ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
เธอวางสายไปแล้วก็ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะกลับคอนโดของตัวเอง แม้จะรู้สึกดีที่ได้มาอยู่ในห้องของเดือนคณะที่เธอแอบปลื้มตั้งแต่สบตากันครั้งแรกในวันปฐมนิเทศน์ แต่จะอยู่ในสภาพนี้นานๆ ก็คงไม่เหมาะ
“ขวัญกลับก่อนนะไฟ ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยขวัญเอาไว้ ไม่งั้นขวัญแย่แน่ๆ”
“เดี๋ยวสิ ไม่อาบน้ำกินข้าวก่อนเหรอ เดี๋ยวผมไปส่ง เมื่อคืนขวัญมารถไอ้ฟื..เอ่อ รถผม”
“ไม่เป็นไรดีกว่า ขวัญไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน ว่าแต่ที่นี่มันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ คะ”
“H คอนโด ใกล้มหา’ลัยของเรา”
“ไฟก็อยู่ที่นี่เหรอ”
“หมายความว่าขวัญก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ”
“ใช่ เพิ่งย้ายมาไม่นานเอง”
“บังเอิญจัง ดีเลย งั้นขวัญกลับไปอาบน้ำที่ห้องก็ได้ แล้วมากินข้าวต้มที่ห้องผมนะ ไอ้ฟืนมันอุตส่าห์ทำให้ขวัญ”
รอยยิ้มหวานๆ หุบลงทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่ทำข้าวต้มให้เธอคือผู้ชายกวนประสาทคนนั้น แม้จะไม่อยากกิน แต่โอกาสงามๆ ที่เธอจะได้ใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมคลาสคนนี้ก็ไม่ได้มีมาบ่อยๆ จึงตอบตกลง และวันนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอกับเขา สนิทสนมกันจนถึงวันนี้
“อุบ..แหวะ”อัคราสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ในวันหยุดเพราะภรรยาคนสวยวิ่งพรวดพราดเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ขวัญครับ ไหวไหม”เขารีบวิ่งมาลูบหลังให้ภรรยาที่อาเจียนจนเหลือแต่น้ำย่อย ก่อนจะส่งแปรงสีฟันให้เธอเพื่อดับกลิ่นน่าเวียนหัวในปากและลำคอ“แปรงฟันก่อนครับ”เธอรับแปรงสีฟันมาแปรง ก่อนจะรีบบ้วนปาก เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมันตีวนขึ้นมาจุกที่คอหอยจนอยากอาเจียนอีกแล้ว“ไม่ไหวแล้ว ขวัญจะอ้วก”“ไปหาหมอไหม อยู่ๆ ก็อ้วก อาหารเป็นพิษหรือเปล่า”“แต่ขวัญไม่ได้ท้องเสีย”“ขวัญยังให้นมลูกอยู่ ถ้าเป็นอะไรเดี๋ยวลูกจะป่วยไปด้วย เราไปหาหมอกันเถอะ”“แต่ขวัญเป็นห่วงลูก”“ที่รักครับ เรามีพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเด็กๆ แล้วนะ แล้วลูกเราก็ห้าเดือนแล้ว พวกแกเก่งและเข้ากับคนง่ายจะตาย”ที่เขาและเธอต้องหาพี่เลี้ยงเด็ก เพราะในวันหยุด เขาและเธอต้องไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ให้แม่ของเขาและแม่บ้านเก่าแก่ของเธอมาช่วยดูแลให้เป็นครั้งคราวในเวลาที่เธอกับเขาไปเรียน“งั้นก็ได้ค่ะ”“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วค่ะ”ขวัญชนกชะงักไปเพราะกำลังช็อก แต่อีกคนกลับยิ้มกว้างอย่างยินดี“ขอบค
“ขวัญครับ ผมกลับมาแล้ว”ว่าที่คุณพ่อมือใหม่เลิกงานแล้วก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของบางอย่างที่เพื่อนแนะนำ“วันนี้ทำไมกลับสายคะ งานเยอะเหรอ”ว่าที่คุณแม่ที่ท้องใหญ่ด้วยอายุครรภ์ห้าเดือนกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่พรมขนสัตว์นุ่มฟูที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาโท ไม่รู้ว่าปีนี้จะพร้อมจริงๆ หรือเปล่า แต่เธอก็จะลองดู“เยอะเหมือนเดิมครับ ดีนะที่พ่อเห็นใจผมให้มาเรียนรู้งานบริหารแล้ว พ่อบอกจะได้ไม่เหนื่อยมาก เพราะอีกเดี๋ยวขวัญคลอดลูกมาแล้วเราสองคนจะยิ่งเหนื่อย”เพราะเธอกับเขาซื้อบ้านแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวกันเองสองคนสามีภรรยา ด้วยอยากใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีใครวุ่นวายหรือต้องเกรงใจใคร โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก ซึ่งพ่อแม่มือใหม่อย่างพวกเธอต้องการอิสระและไร้ความกดดัน“ดีจังเลยค่ะ ขวัญดีใจกับฟืนด้วยนะคะ”“อีกอย่าง ผมแวะห้างไปซื้อไอ้นี่มา”ว่าที่คุณพ่อขี้เห่อที่จะต้องมีของติดไม้ติดมือมาแทบทุกวัน ทั้งสั่งออนไลน์และไปเลือกซื้อหามาด้วยตัวเอง และวันนี้ มีของเล่นใหม่มานำเสนอว่าที่คุณแม่วัยใสอีกแล้ว“อะไรอีกแล้วคะ ของเล่นเหรอ ลูกเราเพิ่งห้าเดือนเองนะคะ อีกนานกว่าจะคลอด”“ไม่ใช่ของเ
“ที่รัก ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ ตอนนี้เราทั้งคู่เรียนจบแล้ว ผมมีงานทำและขวัญก็มีงานรออยู่ เรากำลังจะเรียนโทต่อเพื่ออนาคตของเรา เรียนโทขวัญท้องได้และมีลูกได้ ไม่ได้เป็นปัญหาเลยครับ อีกอย่างผมอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีไปไหน ผมพร้อมรับผิดชอบขวัญและลูก เราแต่งงานกันนะที่รัก”อัคราดึงขวัญชนกเข้าสู่อ้อมกอด ทั้งยังลูบหลังเพื่อปลอบใจให้เธอคลายความกังวล ดวงตาสับสนวุ่นวายใจคู่นั้นทำเอาเขารู้สึกสงสาร แต่เขาอยากมีลูกและสร้างครอบครัวกับเธอจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป“ฟืนพร้อมแล้วจริงๆ หรือคะ ถ้าฟืนยังไม่พร้อม..ขวัญจะ..”เธอขยับตัวออกจากอ้อมกอด พูดจาลนลานสับสน มือเย็นเยียบกำแน่นด้วยความกดดัน“อย่าแม้แต่จะคิดนะ เขาเป็นลูกของผม ผมตั้งใจทำให้เขาเกิดมา นอกจากขวัญแล้ว ลูกก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม อย่าเอาเขาไปจากผมเลยนะที่รัก”ทั้งคำพูด น้ำเสียง และแววตาจริงจัง ติดจะดูเศร้าด้วยซ้ำเมื่อเธอคิดจะทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันทำให้เธอเสียใจและรู้สึกผิดมากที่คิดอะไรเอาแต่ได้ชั่ววูบ จนต้องนึกขอโทษลูกในใจ“ฟืนอยากมีลูกจริงๆ เหรอคะ”“อยากมีสิ คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าการที่ผมแตกในใส่ขวัญทุกครั้งมันจะไม
บนโต๊ะดินเนอร์ที่ตกแต่งด้วยเชิงเทียนและดอกกุหลาบสีขาวนำเข้าช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ขวดไวน์แดงแช่อยู่ในถังที่มีน้ำแข็งอัดจนเต็ม สเต๊กเนื้อวากิว A5 จานใหญ่ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนน้ำลายสอ แต่น่าแปลกที่วันนี้มันกลับทำให้คนตัวบางรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนที่ชักโครกเอาอาหารมื้อก่อนหน้านี้ออกมาจนหมดกระเพาะ“ของขวัญ..เป็นอะไรครับ”อัครารีบวิ่งตามแฟนสาวมาลูบหลังให้ด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่เธออ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา เธอเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า จนทำให้เธอกลายเป็นโรคกระเพาะอาหารแบบนี้“ขวัญคลื่นไส้ค่ะ มันเหม็น”“เหม็นอะไรครับ ดอกไม้เหรอ มันมียาฆ่าแมลงหรือเปล่า เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้นะ”“ไม่ได้เหม็นดอกไม้ค่ะ เหม็นสเต๊ก ขวัญว่ามันบูด”อัคราเลิกคิ้วสูงสเต๊กเนื้อวากิว A5 ของโปรดของเธอ มันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกปานนั้น จะเสียได้อย่างไร อีกอย่างเขาเลือกมาเปิดห้องพักสุดหรูของโรงแรมชื่อดังและให้ทางโรงแรมจัดโต๊ะดินเนอร์ส่วนตัวให้ในห้อง อาหารจานนั้นราคาเหยียบหมื่น ทางโรงแรมไม่มีทางนำเนื้อวัวเสียมาทำอาหารให้กับลูกค้าระดับนี้แน่ๆ“เนื้อไม่บูดหรอกครับขวั
“ทำศพค่ะ ขวัญจะเป็นเจ้าภาพข้าวต้มคืนแรกให้”“โห ที่รักใจร้ายจัง”เขาก้มหน้าลงมาหาเธอที่เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดิบพอดี จึงจูบหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่ง“ก็ฟืนเป็นของขวัญ ขวัญหวง”เธออมยิ้มแล้วยกตัวขึ้นจูบปลายคางเขาอย่างออดอ้อน การกระทำที่แสนน่ารักของเธอทำเอาหัวใจแกร่งอุ่นวาบไปทั้งดวง“ผมก็หวงขวัญเหมือนกัน ทั้งรักทั้งหวงเลยรู้ไหม”“รู้สิคะ วันนี้ขอบคุณฟืนมากจริงๆ นะ ที่เอะใจเรื่องนี้จนตามไปช่วยขวัญไว้ได้ทัน ตอนนั้นขวัญกลัวมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าโดนมันปล้ำจริงๆ แล้วขวัญจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ตอนนั้นขยะแขยงแทบอ้วก”“ขวัญอย่าคิดแบบนี้รู้ไหม ต่อให้ผมตามไปช่วยขวัญไม่ทันแล้วขวัญต้องโดนมันทำอะไรจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้ขวัญคิดว่าตัวเองสกปรกไม่มีค่า เพราะขวัญมีค่าสำหรับผมเสมอ และผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ผมยังรักขวัญเหมือนเดิมและรับได้ทุกอย่าง”“ขวัญโชคดีจังที่คืนนั้นห้าวไปแย่งเหล้าของฟืนมากิน ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้”“ฮ่าๆๆ ต่อให้คืนนั้นขวัญไม่โดนมอมยา ยังไงเราก็ต้องได้คบกันแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำไมล่ะ คืนนั้นฟืนตั้งใจจะปล้ำขวัญอยู่แล้วหรือ”“เปล่าซะหน่อย ถ้าขวัญไม่ยอม ผมก็ไม่ทำหรอก ขวัญก็รู้
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งอัคราก็พาขวัญชนกกลับคอนโดมิเนียม เกศรินและอัคคีรอคนทั้งคู่อยู่แล้วที่ห้องชุดของฝาแฝด เขาจึงพาเธอมาหาเพื่อนก่อน“ยัยขวัญ เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่ เจ็บตรงไหนไหม”เกศรินตรงเข้ามากอดแล้วสำรวจร่างกายบอบบางเพื่อหาร่องรอยการถูกทำร้าย เมื่อเห็นมุมปากแตกยับเริ่มมีสีม่วงช้ำก็รู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ต่างจากอัคคีเลย“นี่มันตบแกเหรอ ไอ้ชลัชมันชั่วจริงๆ”“ใจเย็นเกรซ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว โชคดีมากที่ฟืนไหวตัวทันโทรหาพ่อ เลยรู้ว่าฉันโดนหลอก ไม่อย่างนั้นฉันต้องตกเป็นเมียของไอ้ชลัชมันแน่ๆ”“ไอ้เลว โดนฟืนยำตีนมันยังน้อยไป แล้วทำไมแกไม่ลากคอมันเข้าคุกไปซะ จะปล่อยให้มันลอยนวลทำไม”“ฉันไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เกิดถึงหูนักข่าวขึ้นมาก็มีแต่เสียกับเสีย ทั้งบ้านฉันบ้านฟืน ไหนจะคุณตาอีก”“แล้วพ่อแกว่ายังไง”“หย่ากับยัยนั่นแล้ว ตอนนี้พวกนั้นก็กำลังเก็บของออกจากบ้านของฉันอยู่”“ยังดีนะที่คราวนี้พ่อเลือกแก”“ก็หลักฐานมันเห็นคาตาขนาดนั้น ถ้าพ่อยังไม่เชื่อฉันกับฟืนอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ที่จริงถ้ายัยชนิสากับลูกๆ ไม่เป็นคนแบบนี้ ฉันก็คงปล่อยให้อยู่กับพ่อต่อไ